ตอนที่แล้วTWO Chapter 254 การทรยศ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 256 หอกเทียนโม่

TWO Chapter 255 สนทนาเกี่ยวกับสมรภูมิ


TWO Chapter 255 สนทนาเกี่ยวกับสมรภูมิ

ณ เมืองหานตาน, ห้องโถงประชุม

“มันนอกเหนือจากความคาดหวังของเรา ดูเหมือนว่าเราจะจับปลาตัวใหญ่ได้จริงๆ” ตี่เฉินกล่าว ขณะที่เขามองออกไปนอกห้องโถง ด้วยท่าทีที่ไม่สามารถอธิบายได้ เมื่อเขารู้ว่าเมืองซานไห่ร่วมมือกับกลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะ ตี่เฉินก็สั่งให้คนของเขาติดต่อกับสมาชิกแกนหลักของกลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะทันที ภายในอิทธิพลของเงินก้อนโต ในทีสุดพวกเขาก็ได้รับข่าวจากสมาชิกแกนหลักคนนั้น

ข่าวที่เขาได้รับจากการจับปลาครั้งนี้ ทำให้ตี่เฉินเป็นกังวลมากขึ้น

จวู่ไต๋เฟิงฮัวที่นั่งอยู่ในห้อง กล่าวอย่างช้าๆว่า “ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องเร่งการเจรจากับกิลด์เจี้ยนฉีฉงเหิง เราไม่สามารถปล่อยให้ฉีเยว่หวู่ยี่ก้าวนำหน้าเราได้มากกว่านี้อีกแล้ว”

ตี่เฉินไม่ได้หันไปมองเธอ เขาไขว้มือไว้ที่หลัง และกล่าวว่า “ยี่เจี้ยนซีหลายเรียกร้องมากเกินไป ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับปลาตัวใหญ่ตัวนี้”

“จากรายงานที่ข้าได้รับมาจากคนของข้า เขามีการโต้แย้งทางอารมณ์กับผู้นำของกิลด์ถิงหยู เจี้ยนฉีเล่ยหยิน บางทีเราอาจะใช้สิ่งนี้โน้วน้าวยี่เจี้ยนซีหลายได้”

“ก็ดี ถ้าเช่นนั้น ข้าจะมอบงานนี้ให้เจ้าเป็นผู้จัดการ” ตี่เฉินหันไปรอบๆ ขณะที่เขากล่าวด้วยน้ำเสียงลึกซึ้ง

คิ้วที่สวยงามของจวู่ไต๋เฟิงฮัวขมวดเข้าหากัน เธอพยักหน้าแต่ไม่ได้ให้คำสัญญาใดๆ

“ดูเหมือนว่าซาโพจุ่นจะทำตัวไม่ดีนักในช่วงนี้ เขาเข้าไปใกล้ชิดกับชุนเซิ่นจุนมากเกินไป” ตี่เฉินกล่าวขณะที่นั่งลงและจิบชา จากนั้น เขาก็กล่าวอย่างขมขื่นว่า “ข้าไม่เคยคิดเลยว่า เราจะทำบางอย่างที่จะเป็นอันตรายต่อพวกเราเอง”

จวู่ไต๋เฟิงฮัวส่ายหน้า แล้วกล่าวว่า “อย่าได้กังวลมากนัก อย่างน้อย การทดลองของซาโพจุ่น ก็ทำให้เราได้รับข้อมูลส่วนหนึ่งเกี่ยวกับกองทัพเมืองซานไห่ สำหรับที่ซาโพจุ่นเข้าไปใกล้ชิดกับชุนเซิ่นจุน ข้าไม่คิดว่าท่านจำเป็นจะต้องคิดเรื่องนี้มากนัก”

“โอ? ทำไมล่ะ?”

“ชุนเซิ่นจุนเป็นคนที่ลึกซึ้งและขี้ระแวง ซาโพจุ่นได้ติดตามเรามานาน การที่เขาตัดสินใจเข้าหาชุนเซิ่นจุนอย่างฉับพลัน ท่านคิดว่าชุนเซิ่นจุนจะเชื่อถือซาโพจุ่นง่ายๆหรือ? ซาโพจุ่นคงเป็นได้เพียงตัวหมากในกระดานหมากรุกของเขาเท่านั้น”

ตี่เฉินพยักหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นด้วยกับคำกล่าวของจวู่ไต๋เฟิงฮัว

อย่างไรก็ตาม จวู่ไต๋เฟิงฮัวก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง และกล่าวออกมาด้วยความกังวลว่า “เมื่อเทียบกับซาโพจุ่น ข้ากังวลเกี่ยวกับฉีเยว่หวู่ยี่มากกว่า จากรายงานที่เราได้รับมาจากการรวบรวมข้อมูลทั้งหมด เมืองซานไห่ได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลในการซื้อทรัพยากรเหล่านั้น”

“ใช่” ตี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียใจ จากนั้น เขาก็กล่าวอย่างขมขื่นว่า “ก่อนหน้านี้ ท่านปู่ได้พยายามทำลายความสัมพันธ์ภายในตระกูลเฟิง และทำให้ฉีเยว่หวู่ยี่ต้องใช้เงินทุนของเมืองซานไห่มาแก้ปัญหา เขาคิดว่ามันจะทำให้เมืองซานไห่ยากที่จะอยู่รอดได้ในช่วงวิกฤตการขาดแคลนธัญพืช ใครจะไปคิดว่า ไม่เพียงพวกเขาจะไม่เกิดปัญหาใดๆ แต่พวกเขายังคงมีเงินทุนอีกเป็นจำนวนมาก คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า ฉีเยว่หวู่ยี่รวบรวมเงินมากขนาดนั้นได้อย่างไร”

เมื่อตี่เฉินคิดถึงใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของปู่เขา ตี่เฉินก็ไม่รู้ว่าเขาจะแสดงท่าทีหรือแสดงความคิดเห็นอะไรออกไปดี นับตั้งแต่เขายังเด็ก ปู่ของเขาเปรียบดั่งภูเขายักษ์ คอยจำกัดเขาอยู่ตลอด แต่น่าเสียดาย สิ่งที่เขาเคยทำได้ดีในโลกจริง บางครั้งมันก็ออกมาไม่ดีนักในเกมส์ มันทำให้ปู่ของเขาอึดอัดมาก

“ดูเหมือนว่า งานประมูลครั้งต่อไป จะเป็นอีกครั้งที่เขาจะน่าหวาดกลัว เราคงต้องเตรียมความพร้อมให้ดี” พวกเขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างงานประมูลครั้งที่แล้ว พวกเขาไม่อาจใช้อำนาจของตระกูลของพวกเขาได้เลย

“ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้เกี่ยวกับเขา แต่เราควรจะเริ่มควบคุมค่าใช้จ่ายของเราตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราต้องใช้ความพยายามทั้งหมดของเขา ในการรับเอาไอเท็มเหล่านั้นมา” ตี่เฉินถูกทิ้งไว้กับตัวเลือกที่จำกัด เขาจึงรู้สึกหมดหนทาง เขาไม่รู้ว่า เขารู้สึกโชคดีหรือโชคร้ายที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับฉีเยว่หวู่ยี่

การซื้อทรัพยากรที่ไร้ประโยชน์ของโอหยางโชว ผ่านทางกลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะ ทำให้เกิดการอภิปรายในช่องพันธมิตรซานไห่

“โววว พี่ชายหวู่ยี่! ท่านซ่อนไพ่ไว้อย่างดีเลยนะ! ใครจะไปรู้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะ ก็เป็นพันธมิตรของพวกเราด้วย” กงเฉิงซีกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“ถ้าพวกเจ้าต้องการร่วมมือกับกิลด์ของผู้เล่น พวกเจ้าสามารถไปหาพวกเขาได้” เนื่องจากพวกเขาได้ตัดสินใจที่จะเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว โอหยางโชวจึงนำหลินชิงเข้าสู่ช่องพันธมิตรโดยตรง

“แน่นอน ด้วยความช่วยเหลือของกิลด์ผู้เล่น บางสิ่งบางอย่างคงจะบรรลุผลโดยง่าย” ซุ่นหลงเตียนเซว่กล่าว

“เฮะ!เฮะ! ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของพวกเรา”

“อืม...ความจริงแล้ว เมืองสอดคล้องของเราก็เชื่อมโยงกับศาลาฉิงเฟิงในต้าหลี่เช่นกัน” ไป๋ฮัวถือโอกาสนี้เปิดเผยไพ่ลับของเธอ

หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างเมืองซานไห่และกลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะถูกเปิดเผย ผู้นำของศาลาฉิงเฟิง แสงจันทร์เหนือแม่น้ำ ก็ติดต่อกับไป๋ฮัวในทันที หลังจากที่พี่ชายน้องสาวสนทนากันแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขา

ด้วยเหตุนี้ ในแข่งขันของกิลด์ ศาลาฉิงเฟิงและกลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะ จะสามารถพึ่งพาซึ่งกันและกัน และป้องกันความบาดหมางระหว่างกันได้ พวกเขายังสามารถร่วมมือกันต่อสู้กับกิลด์ 10 อันดับแรกอื่นๆได้อีกด้วย

ข่าวของเธอไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับสมาชิกของพันธมิตรซานไห่มากนัก

ในหมู่สมาชิกทั้งหมด นอกจากเหนือจากเฟิงฉิวฮวง ทุกคนรู้จักชื่อเสียงของสตูดิโอสอดคล้องดี พวกเขาเป็นที่รู้จักในเรื่องการจัดการกิลด์ของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม ในทุกเกมส์ พวกเขามีส่วนร่วมในฐานะผู้เล่นชั้นนำ พวกเขาจะไม่ทิ้งจุดแข็งของพวกเขาแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนไปใช้โหมดการสร้างดินแดนก็ตาม การสร้างกิลด์จึงเป็นเรื่องปติสำหรับพวกเขา

“ไม่น่าแปลกใจเลย!” ซุ่นหลงเตียนเซว่กล่าวอย่างซ่อนเร้น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆอีก

ไป๋ฮัวยิ้ม แน่นอนว่าเธอเข้าใจความคิดของซุ่นหลงเตียนเซว่  ในช่วงวิกฤติการขาดแคลนธัญพืช ธนาคารสี่สมุทรได้หยั่งรากลึกไปในดินแดนของสมาชิกทุกคนในพันธมิตรซานไห่ ยกเว้นก็แต่เมืองสอดคล้องเท่านั้น

ทุกคนอยากรู้ว่า เมืองสอดคล้องจัดการกับวิกฤตนี้ได้อย่างไร การเปิดเผยความสัมพันธ์นี้จึงเป็นเหมือนการให้คำตอบแก่พวกเขา ด้วยเงินทุนของศาลาฉิงเฟิง แน่นอนว่าเมืองสอดคล้องจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้อย่างง่ายดาย

“วูววว ข้ามีความรู้สึกว่า พันธมิตรซานไห่ของเรา ไม่เพียงแต่จะมีผู้เล่นลอร์ดที่ทรงอำนาจเท่านั้น แต่เรายังมีผู้เล่นนักผจญภัยที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย” กงเฉิงซีกล่าวขณะยิ้ม

โอหยางโชวขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำกล่าวของกงเฉิงซี “อย่าได้ปล่อยการ์ดของเจ้าลงและมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เก็บเรื่องศาลาฉิงเฟิงเป็นความลับไว้ก่อน ยิ่งเก็บมันเป็นความลับได้นานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งส่งผลดีกับเรามากขึ้นเท่านั้น” เนื่องจากเขาเป็นคนที่ชอบซ่อนไพ่ลับไว้ในแขนเสื้อ โอหยางโชวจึงไม่อยากจะเปิดเผยความแข็งแกร่งทั้งหมดของพวกเขาให้คนอื่นๆรู้

“ครับ ครับ เข้าใจแล้วครับ”

เฟิงฉิวฮวงไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเลย จนกระทั่งทุกคนได้สรุปทุกอย่างแล้ว เธอจึงกล่าวออกมาว่า “หวู่ยี่ จากการคำนวณเวลา ข้าคาดเดาว่า แผนที่สมรภูมิครั้งที่ 3 จะเปิดขึ้นเร็วๆนี้ ท่านคิดว่าอย่างไร?”

โอหยางโชวพยักหน้า และตอบว่า “ก็จริง จากรูปแบบก่อนหน้านี้ ข้าคาดว่าแผนที่สมรภูมิจะปรากฎขึ้นหลังจากที่ดินแดนต่างๆอัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลางครบ 100 แห่ง”

“หมายความว่า มันจะเปิดเร็วๆนี้หรือ? เราควรจะเตรียมพร้อมก่อนหรือไม่?”

“พวกท่านจะเตรียมตัวอย่างไร? พวกท่านรู้หรือว่าไกอาจะเลือกสมรภูมิใด?” กงเฉิงซีถาม

เฟิงฉิวฮวงได้เตรียมตัวมาแล้ว เธอกล่าวว่า “ตามรูปแบบก่อนหน้านี้ หลังจากราชวงศ์โจวตะวันตก มันควรจะเป็น 1 ในสงครามที่โดดเด่น ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ของยุคเลียดก๊ก”

“ไม่เลว มีบุคคลทางประวัติศาสตร์มากมายในยุคนั้น” เห็นได้ชัดว่ากงเฉิงซีมุ่งเน้นในด้านนี้มาก

“ใช่ๆ มีจำนวนมากจนนับไม่หมดเลยหล่ะ แค่คิดถึงเรื่องนี้ ข้าก็ตื่นเต้นแล้ว!”

“ลองเดาดูซิว่าไกอาจะเลือกสงครามไหน”

“มีสงครามมากมายเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม่ร่วงของยุคเลียดก๊ก โดยเฉพาะสงครามอันยิ่งใหญ่ระหว่างแคว้นที่ทรงอำนาจ มันมีมากมายเกินกว่าจะคาดเดาได้ง่ายๆ” ซุ่นหลงเตียนเซว่กล่าว

“แม้ว่าจะมีการจัดอันดับสงครามในยุคนั้นมากมาย ถ้าข้าต้องเลือกหนึ่งในสงครามเหล่านั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งยุค ข้าคิดว่ามันคงจะเป็นสงครามชางผิง” เฟิงฉิวฮวงกล่าวอย่างมั่นใจ

ทุกคนประหลาดใจ พวกเขาสงบลง หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง พวกเขาก็พบว่ามันมีโอกาสสูงมาก ที่มันจะเป็นไปตามที่เฟิงฉิวฮวงคาดเดา

“หวู่ยี่ ท่านคิดเช่นไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?” เมื่อเห็นว่าโอหยางโชวไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เฟิงฉิวฮวงก็ถามเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

โอหยางโชวรู้สึกตกใจ แน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้วว่า สมรภูมิต่อไปก็คือ สงครามชางผิง ซึ่งตรงกับที่เฟิงฉิวฮวงคาดเดา ดูเหมือนว่าผู้เล่นเริ่มที่จะเข้าใจรูปแบบที่ไกอาใช้อยู่ได้แล้ว

เนื่องจากเขารู้ความจริงอยู่แล้ว โอหยางโชวจึงไม่ได้มองไปที่สมรภูมิมากเท่าที่ควรจะเป็น

“ข้าก็คิดเช่นนั้น มีโอกาสมากกว่า 90% ที่จะเป็นสงครามชางผิง” โอหยางโชวกล่าวอย่างใจเย็น

“สงครามชางผิงเป็นหนึ่งในสงครามที่บ้าคลั่งและโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของจีน แคว้นฉินและแคว้นเจ้าส่งทหารชั้นสูงรวมกว่า 1,000,000 นาย เข้าร่วมสงครามนี้ และทหารชั้นสูงเหล่านี้ก็แข็งแกร่งเทียบได้กับกองกำลังของเรา หรืออาจจะแข่งแกร่งมากกว่าด้วยซ้ำ สมรภูมินี้ยากมาก เราแข็งแกร่งพอสำหรับมันหรือไม่?” ซุ่นหลงเตียนเซว่กล่าว ดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์มาก

“ข้าไม่คิดว่าเราจะเป็นเพียงอาหารสัตว์หลอกนะ ในสมรภูมินี้ จะมีผู้เล่นมากกว่า 10,000 คน เข้าร่วม แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เราก็ยังคงสู้ได้” เฟิงฉิวฮวงกล่าวด้วยความหวัง

“ความจริงก็คือ สงครามในยุคเลียดก๊กนี้ การครอบงำสนามรบด้วยข้อได้เปรียบของอุปกรณ์ชั้นสูงเหมือนอย่างสมรภูมิก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ครั้ง จะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป”

“เฮะ เฮะ แม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถทำได้ แต่พี่ชายหวู่ยี่ ท่านก็ยังคงทำมันได้อยู่นะ ชุดเกราะหมิงกวงของราชวงศ์ถัง และชุดเกราะปูเหรินของราชวงศ์ซ่ง ชุดเกราะชั้นสูงเหล่านี้ ยังคงไม่มีในสงครามยุคเลียดก๊ก” กงเฉิงซีกล่าว

“จริงซิ พี่ชายหวู่ยี่ เมืองซานไห่จะเริ่มขายอาวุธให้พวกเราเมื่อไหรหรือ? ฉินฉีอ๋องบ่นกับข้าทุกวัน เกี่ยวกับอาวุธและอุปกรณ์ที่พวกเราใช้” ซุ่นหลงเตียนเซว่กล่าว

“เรายังคงพยายามอย่างดีที่สุด ในการสร้างระบบอุตสาหกรรมทางทหาร เร็วที่สุดก็คงจะปีหน้า” โอหยางโชวกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น เขารู้ว่า คนเหล่านี้ไม่ได้คาดหวังกับชุดเกราะมากนัก

“เฮ้ เฮ้ เฮ้ กลับเข้าหัวข้อหลักก่อน!” เฟิงฉิวฮวงแทรกเข้ามา ขณะที่ชายสามคนเริ่มที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เธอกล่าวเสริมว่า “ถ้าการคาดเดาของเราถูกต้อง สมรภูมินี้จะเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้น เราควรจะเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่มันจะเริ่มขึ้น”

“แต่มันมีปัญหาอยู่ เราไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่ไกอาจะเลือกเป็นสมรภูมิ สงครามชางผิงกินเวลาถึง 3 ปี มีองค์ประกอบที่ไม่แน่นอนมากเกินไป” ซุ่นหลงเตียนเซว่กล่าวขณะขมวดคิ้ว

คำกล่าวของซุ่นหลงเตียนเซว่เป็นความจริง แม้แต่โอหยางโชวก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ไกอาจะจำลองสมรภูมิช่วงเวลาใด

ถ้าเป็นช่วงเวลาก่อนเกิดสงครามชางผิง ก่อนที่แม่ทัพแห่งกองทัพแคว้นเจ้าจะเปลี่ยนจากเหลียนผอเป็นเจ้ากั้ว ทั้งกองทัพแคว้นฉินและกองทัพแคว้นเจ้ายังคงเท่าเทียมกัน การเลือกฝ่ายแคว้นเจ้า มันจะง่ายที่พวกเขาจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ถ้าไกอาเลือกช่วงเวลาที่กองทัพแคว้นฉินเหนือกว่า ในช่วงที่ปิดกั้นกองทัพแคว้นเจ้าไว้ในกรงขัง การเลือกฝ่ายแคว้นฉินจะทำให้พวกเขาได้เปรียบอย่างท่วมท้น การเปลี่ยนประวัติศาสตร์แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในสถานการณ์นั้น

“อย่าเพิ่งคิดมากเกินไป รอประกาศเกี่ยวกับสถานการณ์ของสมรภูมิก่อน แล้วเราค่อยพูดคุยกันอีกครั้ง” โอหยางโชวกล่าว เพื่อเลื่อนมันออกไปชั่วคราว

“ก็ได้” เฟิงฉิวฮวงกล่าวอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

“หวู่ยี่ อย่าลืมเกี่ยวกับพันธมิตรหยานหวงล่ะ” ไปฮัวเตือน “พวกเขาสูญเสียอย่างมากในสมรภูมิครั้งก่อน เพราะพวกเขาไม่คุ้นเคยกับมัน นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวที่น่าอัศจรรย์ของท่าน ก็ทำให้พวกเขาไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ แต่สถานการณ์ของสมรภูมิที่ 3 นี้ สามารถคาดเดาได้ ตี่เฉินและพันธมิตรของเขาไม่ใช่คนโง่ ดังนั้น พวกเขาคงจะคาดเดาได้เหมือนกับที่พวกเขาคาดเดา ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเริ่มต้นในจุดเดียวกับเรา แน่นอนว่าพวกเขาต้องการจะก้าวขึ้นไปเหนือเรา ดังนั้น เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม”

“มันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรกัน หากพวกเขาต้องการสงคราม เราก็จะให้พวกเขาทำสงคราม!” กงเฉิงซีกล่าวอย่างมั่นใจ

โอหยางโชวไม่ได้กล่าวอะไร เขาเพียงพยักหน้าเท่านั้น

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด