ตอนที่แล้วตอนที่ 23 ตำแหน่งและฐานะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 ความสุขอยู่ที่ไหน Part 1

ตอนที่ 24 การแสดง


ตอนที่ 24 การแสดง

 

นักดนตรีทั้งสิบสองคนในภาพคือผู้ยิ่งใหญ่ของโลกตะวันตก

 

ภาพสามภาพด้านหน้า คือ จักรพรรดิทั้งสามชื่อ "เบ็ค", "โมซาร์ท" และ "เบโธเฟน" ตามด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นเช่น "โชแปง", "ไฮด์" และ "บราห์ม"

 

นอกเหนือวิชาดนตรีและความเชี่ยวชาญอื่นๆ แล้วนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้จะได้รับการถ่ายทอดชื่อของพวกเขาโดยนักบุญแห่งยุคมืดซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านพลังและเทคโนโลยีที่น่ากลัว

 

เนื่องจากนโยบายการรักษาความลับของประเทศและความประสงค์ของกษัตริย์ต้องปกปิดความสามารถบางอย่างของพวกเขา

 

ตัวอย่างเช่น ไฮด์ที่ประจำการในเมืองศักดิ์สิทธิ์ทำหน้าที่คุ้มครองแผ่นเพลงต้องห้ามเจเนซิส  ครั้งสุดท้ายที่เจเนซิสบรรเลงคือเมื่อสี่สิบปีก่อน

 

ภัยพิบัติทางธรรมชาติอันมหัศจรรย์ที่สุดที่เรียกว่าพายุศักดิ์สิทธิ์สีขาวจากปลายทะเลทางเหนือบุกเข้าสู่ประเทศของมนุษย์ มันได้กวาดล้างแผ่นดินและประชากรไปครึ่งนึง ตามมาด้วยการบุกรุกของสัตว์ร้ายที่ลบประเทศหนึ่งไปอย่างถาวร ไฮด์ได้นำนักร้องประสานเสียงศักดิ์สิทธิ์ไปยังกำแพงทางตอนเหนือ ใช้พลังของเจเนซิสรวบรวมอากาศธาตุทั้งหมดภายในรัศมีหนึ่งพันไมล์และเอาชนะมันได้อย่างหมดจดสมบูรณ์

 

พลังอำนาจที่ไม่สามารถต่อต้านได้อยู่นอกเหนือจินตนาการของมนุษย์ มันเคลื่อนเข้าสู่ที่ราบอันอุดมสมบูรณ์เปลี่ยนทุกอย่างเป็นลาวาหลอมเหลว ภูเขา Mooen ทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นที่รกร้างโดยพลังของมัน เกิดมวลน้ำนับร้อยล้านตันไหลท่วมจนเปลี่ยนที่แห่งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทร

 

มันยังคงเป็นมหาสมุทรอยู่จนทุกวันนี้ เมืองร่ำรวยมั่งคั่งได้หายไปอย่างสมบูรณ์ ทิ้งให้โครงกระดูกและซากทั้งหมดจมลงสู่ใต้ทะเล

 

พลังอันน่าอัศจรรย์และไม่สามารถควบคุมได้ด้วยถูกชักนำโดยฝีมือของมนุษย์ เมื่อมีพลังทำลายล้างอันมหาศาล ก็ไม่สำคัญว่าใครจะชนะหรือแพ้ เพราะมันจะนำไปสู่ความสูญเสียและโศกนาฏกรรมของทั้งสองฝ่าย

 

แม้ว่าจะมีนักดนตรีสองคนที่สืบทอดชื่อมาจากโชแปงและบราห์มบนพรมแดนของอังกฤษ และราชอาณาจักรเบอร์กันดี แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยต่อสู้ด้วยกันมาก่อน

 

ได้มีการกล่าวกันว่าในฝั่งตะวันออกนักดนตรีของจักรพรรดิทั้ง 9 มีพลังมหาศาลจนไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้ พวกเขาไม่สามารถอยู่ในที่แห่งใดแห่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน มิฉะนั้นจะเกิดภัยพิบัติที่เรียกว่า Armageddon

 

ผู้ที่น่ายกย่องสรรเสริญที่สุดคือนักดนตรีชาวตะวันตกชื่อจักรพรรดิแห่งความมืด บาค เขาอาศัยอย่างถาวรในโลกมืด มันเป็นโลกที่เปิดรับมนุษย์ทุกคน หลังจากสืบทอดพระนามอันศักดิ์สิทธิ์แล้วเขาไม่เคยกลับไปที่ผืนแผ่นดินมนุษย์อีกเลย เขาทิ้งความศิวิไลซ์ไว้เบื้องหลังตลอดกาล

 

และสมเด็จพระสันตะปาปาของคนรุ่นต่อมาสืบทอดชื่อจักรพรรดิสีแดง – เบโธเฟน ก็อาศัยอยู่ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ งานด้านการศึกษาทั้งหมดได้รับมอบให้กับพระคาร์ดินัล ความคิดของเบโธเฟน อุทิศให้กับภารกิจปกป้องภัยพิบัติจากขุมนรก

 

ส่วนเรื่อง จักรพรรดิสีเหลือง – โมสาร์ท เขาหายตัวไปหลายปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าอัจฉริยะคนนี้เป็นใคร

 

สิบสองภาพเป็นตัวแทนของสิบสองผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังคงมีภาพสี่ภาพซึ่งไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร

 

มองไปที่รูปที่ว่างเปล่าเหล่านั้น เย่วซิงรู้สึกเศร้านิดหน่อย ถ้าไม่เรื่องนั้นเกิดขึ้น เขาอาจจะได้เป็นหนึ่งในพวกเขา

-------------------------------------------------------------------------------------------------------

"ยินดีที่ได้พบองค์หญิงแมรี่ ผมไม่คาดคิดว่าท่านจะให้เกียรติมากงานนี้  มันทำผมรู้สึกประหลาดใจมาก"

 

ในมุมๆหนึ่ง มีชายแก่ผมขาวแต่งตัวประหลาดยืนอยู่ข้ามหญิงสาวผมบลอนด์ หญิงสาวพยักหน้าให้เขา เธอมีคอเรียวและดูสง่างามสุภาพนุ่มนวล

 

เธอสวมชุดสีฟ้ากับผมของเธอมัดเป็นมวยอยู่หลังหูของเธอ เธอไม่ได้แต่งตัวเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นในงานเลี้ยง

 

"นี่ไม่ใช่การงานเลี้ยงเป็นทางการไม่ต้องมากพิธีผู้อำนวยการ" เสียงของผู้หญิงอ่อนโยนมาก เธอมองไปรอบ ๆ ด้วยความชื่นชม "ฉันมาเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ฉันมาตรวจดูความเรียบร้อยของอาหาร รู้สึกว่ามีนักเรียนหลายคนที่พอจะเป็นเสาหลักในอนาคตได้"

 

เธออาจจะดูแก่กว่าหรือบางทีอาจจะอายุน้อยกว่านักเรียนใหม่เหล่านี้ แต่เธอยิ่งใหญ่เมื่อเธอพูด

 

"ก็แค่กลุ่มเด็ก ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรได้ในอนาคต?" ชายชราส่ายหัวด้วยความรู้สึก "แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นพวกเขาฉันรู้สึกว่า ฉันอายุมากขึ้นอีกปี" เขาถอนหายใจว่า "ด้วยความเคารพ ผมกลัวว่านี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขามาทักคุณ ท่านแน่ใจได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่มือสังหารชาวเปอร์เซียที่ทำงานในโรงเรียน"

 

"คุณพูดจริงหรอ" มันช่วยไม่ได้ที่แมรี่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ "แต่ฉันชอบที่จะเห็นคนที่ตกใจเพราะผู้อำนวยการถึงสามครั้ง."

 

เวลานี้นี้วงดนตรีหยุดเล่นแล้ว ความวุ่นวายในห้องโถงเปลี่ยนเป็นความเงียบ และทุกคนมองไปที่มุมหนึ่งอย่างงงงวย

 

ตามตารางเวลามันถึงเวลาสำหรับพูดของผู้อำนวยการแล้ว แต่ผู้อำนวยการก็ไม่เต็มใจที่จะก้าวขึ้นไปบนเวที เขายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนและเพียงแค่จิบแชมเปญ

 

"ผู้อำนวยการถึงเวลาขึ้นไปกล่าวแล้วครับ" ซิดนีย์กระซิบเพื่อเตือนสติเขา

 

"ขอโทษ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีวันนี้ วันนี้ฉันคงพูดไม่ได้" เขามองไปที่ซิดนีย์ที่ตะลึง "บางทีคุณอาจจะขึ้นไปพูดคำไม่กี่คำก็ได้?"

 

ซิดนีย์รู้สึกประหลาดใจสักครู่ "แมกซ์เวลล์คุณอยากจะให้ผม ... "

 

"โอ้อย่าเข้มงวดเกินไปคุณจะเอาความคิดล้อเล่นของฉันไปคิดจริงจังได้ทำไม? " แมกซ์เวลล์ โบกมือเบา ๆ "อย่าสนใจไปเลย เริ่มงานต่อได้เลย คุณบอกว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ได้รับการยกย่องจาก Schumann? ทำไมไม่ให้เขาทำอะไรสักอย่างละ...ขอเพลงหน่อยฉันชอบฟังเสียงเปียโน"

 

ซิดนีย์พูดไม่ออก เขารู้สึกว่าผู้บริหารของโรงเรียนและตัวเขาโดนชายคนนี้กลั่นแกล้งอีกครั้ง มันเหมือนกับการเฝ้าดูศัตรูที่แข็งแกร่งขึ้นยกฝ่ามือ และคอยเดาว่าเขาจะตีใส่คุณหรือไม่ แม้ว่าจะไม่มีการตบตี แต่ก็ทำให้คุณหัวเสียได้

 

แต่คนอย่างเขาจะทำอะไรได้ละ?....ไม่

 

ทุกคนที่เกลียดชังเขา ไม่มีใครสามารถจัดการกับเขาได้เพราะเขาคือแมกซ์เวลล์ ผู้พิทักษ์สายเลือดของแองโกล ผู้คุมกฎระเบียบของสถาบันดนตรีแห่งราชอาณาจักร เขาแสดงพรสวรรค์ออกมาตั้งแต่อายุยังน้อย เขาไม่เคยให้ความเคารพนับถือหรือฟังความคิดเห็นของใคร

 

เขาทำทุกอย่างที่เขาต้องการไม่ต้องกลัวว่าจะมีเรื่องยุ่งยากอะไรเกิดขึ้น เขามักลงมือโดยพลการและไม่เคยสนใจผลกระทบที่ตามมา

 

เป็นเวลาหลายสิบปีเขายึดที่นั่งในรัฐสภาและอำนาจสูงสุดของโรงเรียน เขาไม่สนใจคำสั่งของพระราชินี เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่มาจากตระกูลขุนนาง แต่เขาละเลยกฏระเบียบทั้งหมดและยังไม่มาประชุมโต๊ะกลมติดต่อกันถึงสามครั้ง ...

 

ซิดนีย์ถอนหายใจ "คนต่อไป"

 

นี่คือทางออกที่ดีที่สุด อย่างน้อยเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่ามีบางอย่างผิดปกติกับคำพูดของ แมกซ์เวลล์ นอกจากนี้ยังเป็นข้อเสนอพิเศษของคณะกรรมการกับแบนเนอร์

 

มันค่อนข้างดีที่แมกซ์เวลล์ไม่ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยาก

 

เพื่อที่จะให้เด็กหนุ่มรุ่นใหม่เป็นที่จดจำ ครอบครัว Adrian ได้บริจาคเงินจำนวนมากให้กับคณะกรรมาธิการ แค่คิดถึงมันหัวใจของซิดนี่ย์ก็ร้อนวาบ เขากำมือแน่น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแบนเนอร์แล้ว!

 

ภายใต้ดวงตาที่คาดหวังของเขา เด็กหญิงตัวน้อยวัยบลอนด์เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างเงียบ ๆ ยืนอยู่หน้าเปียโน

 

ทำให้เป็นที่สนใจของทุกคน เธอโค้งคำนับเล็กน้อย ดวงตาของเธอกวาดมองผู้ชมทั้งหมดแล้วนั่งลงอย่างเงียบ ๆ มือของเธอวางลงบนคีย์เปียโนและค่อยๆกดลง  มันเหมือนกับเสียงของผลึกที่แตกสลาย เสียงก้องกังวานจากคีย์เปียโนดังก้องอยู่ในหูของทุกคน

 

แม็กซ์แวลหลับตาและจ้องมอง เขากระซิบ "งดงามมาก"

 

ในบรรยากาศที่เงียบสงบโน้ตก้องอยู่ในอากาศ พวกมันพุ่งไปทุกทิศทุกทางประสานกันจนเกิดเสียงสะท้อนขึ้นในอากาศ

 

เสียงอ่อนโยนแผ่ซ่านไปทั่วห้องจัดเลี้ยงเติมทุกๆตารางนิ้วของพื้นที่ในห้องโถงใหญ่ดั่งเช่นลมอ่อน ๆ พัดเข้ามาในทุกมุม เพลงค่อยๆเร็วขึ้น มันก้องในหูทุกคน เพลงเริ่มดังกังวาลมากขึ้นดังกระหึ่มไปทุกพื้นที่ ทันใดนั้นโน้ตก็ระเบิดขึ้น เสียงเปียโนสลักลึกลงไปในหัวใจของทุกคนราวกับว่าแม่น้ำที่ไหลบ่าอย่างรวดเร็วและระเบิดดังสนั่น!

 

นี่เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ที่เทคนิคที่แพร่หลายไปทั่วทั้งทวีป แต่ที่จริงมันคือรูปแบบที่ได้รับการพัฒนาโดย สถาบันวิจัย ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบอื่นๆ มันอาจจะอ่อนโยนเมื่อเริ่มต้น แต่เมื่อโน้ตเริ่มเล่นอย่างต่อเนื่อง มันก็กลายเป็นระเบิดที่สร้างความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

 

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเล่นได้ โน้ตกระโดดขึ้นลงไปมาราวกับพายุจนไม่มีเวลาหายใจ!

 

จากเพลงนุ่ม ๆ ในตอนแรก จนเปลี่ยนดุดันในตอนท้ายทำให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก ทำให้หลายคนไม่สามารถขยับตัวได้ราวกับผจญอยู่ในความบ้าคลั่ง ความคิดและความรู้สึกถูกกลืนหายไปในคลื่นเสียง พวกเขาเข้าใจถึงความห่างชั้นในทันที

 

เมื่อโน้ตสิ้นสุดลงทันที เมโลดี้ที่สมบูรณ์แบบค่อยๆหายไปในความเงียบ ในห้องจัดเลี้ยงที่เงียบสงบ หลายคนยังคงตื่นตาตื่นใจและหายใจอย่างแรง แบนเนอร์ลุกขึ้นเงียบ ๆ คำนับและออกจากเวที

 

หลังจากผ่านไปนานเสียงปรบมือระเบิดขึ้นดั่งเช่นพายุ

 

"ยอดเยี่ยม!" ซิดนีย์กระซิบอย่างมีความสุขจนเกือบกระโดดโลดเต้น เขาดึงเด็กเสิร์ฟข้างๆ เขาคว้าขวดแชมเปญไว้ในมือและค่อยๆเทลงแก้วดื่มเอง

 

เขาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขา แต่รู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ เขามองไปที่พนักงานเสิร์ฟข้างๆเขา "ฉันเคยเห็นคุณมาก่อนหรือไม่?"

 

เย่วซิงยักไหล่เล็กน้อยผมสีขาวของเขาซ่อนอยู่ในหมวก

 

ซิดนีย์มองไปและยื่นแชมเปญกลับเข้าไปในมือของเย่วซิง "อย่าขี้เกียจ, ทำงานให้หนัก!"

 

เย่วซิงถือถาดเดินผ่านไป ถ้าไอบ้านั่นจำเขาได้ เขาคิดว่าเขาจะแอบออกไป เขากลัวว่าคนในงานจะทำร้ายเขา และเขายังต้องหาไส้กรอกอีกมากให้ฟิล!

 

ห้องครัวยังคงเต็มไปด้วยสีสันและเสียงดังกังวาน เมื่อเย่วซิงกลับไป เขาถูกดึงให้ไปล้างชามและจาน เร็ว ๆ นี้เขาได้ยินจอร์นและเด็กเสิร์ฟ หลายพูดคุยเกี่ยวกับการแสดงในห้องจัดเลี้ยง

 

"มันเป็นการแสดงยอดเยี่ยม!" พนักงานเสิร์ฟกล่าวว่า "ฉันเกือบจะทิ้งถาดไปเลย"

 

"มันน่าตกใจมาก!"

 

"ฉันไม่สามารถแม้แต่จะหายใจได้ ฉันไม่เคยได้ยินนักเรียนที่เล่นที่ดีขนาดนี้มาก่อน."

 

"น่าเสียดาย ฉันดันไม่ว่างในเวลานั้น." พ่อครัวเช็ดมือบนผ้ากันเปื้อนของเขาและมองอย่างหดหู่ "ถ้าไม่เพราะรองอาจารย์ใหญ่ตัวอ้วนพาไปตรวจดูถาดผลไม้ ฉันคงจะไปฟังด้วยแล้ว"

 

เย่ววิงได้ยินการสนทนาของพวกเขา เขางงและถามว่า "มันแค่เล่นเปียโน ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ?"

 

พ่อครัวและจอห์นมองเขาพร้อมส่ายศีรษะและถอนหายใจ "เด็กน้อย แกจะเข้าใจเมื่อแกโตขึ้น"

 

พ่อครัวปัดผมของเขาด้วยมือที่ชุ่มเหงื่อและถอนหายใจ "พวกเราเป็นเพียงคนธรรมดาโชคดีที่ยังสามารถฟังการแสดงของวงดนตรีและเปียโนในโรงแรมนี้ได้ ถ้าพวกเราไม่ได้ทำงานที่นี่ ฉันก็คงไม่มีวันที่จะได้ฟังใครเล่นเปียโนในชีวิต ฉันน่าเสียดายที่ฉันไม่ได้ไปฟังมันแบบพวกคุณ! " พ่อครัวบ่นด้วยความเสียใจ "ยังดี ที่ตอนแรกผมยังได้ไปเดินเข้าไปในห้องโถงบ้าง"

 

"จริงๆแล้วผมสามารถเล่นเปียโนได้นิดหน่อย คุณอยากฟังมันไหม ... " หน้าอ่างล้างจานเย่วซิงเคาะถาดด้วยมือของเขา "ผมเล่นให้คุณฟังได้"

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด