ตอนที่แล้วTWO Chapter 251 การสู้รบทางเรือที่เกาะพระจันทร์ ตอนที่ 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 253 ฐานทัพเรือ

TWO Chapter 252 การสู้รบทางเรือที่เกาะพระจันทร์ ตอนที่ 2


TWO Chapter 252 การสู้รบทางเรือที่เกาะพระจันทร์ ตอนที่ 2

หลังจากที่เขาได้ช่วยเหล่าโจรสลัดที่ยอมจำนนแล้ว เผ่ยตงหลายก็เผชิญหน้ากับปัญหาใหม่

เคราดำได้รวบรวมกองกำลังของเขาอีกครั้ง ซึ่งมีโจรสลัดมากกว่า 1,000 นาย บนท่าเทียบเรือ แล้วเผ่ยตงหลายจะสามารถขึ้นฝั่งได้อย่างไร?

ทหารของกองทัพเรือเป่ยไห่ ไม่เหมือนกับนาวิกโยธินในโลกจริง ที่สามารถปฏิบัติการได้ทั้งบนบกและในน้ำ

ในท้ายที่สุด เผ่ยตงหลายก็มีความคิดบางอย่าง เขาสั่งให้กองพันที่ 1 เทียบท่าบนท่าเทียบเรือ ส่วนอีก 1 กองพัน ยังคงตั้งขบวนทัพรูปใบพัด โดยกองพันเหล่านี้จะช่วยยิงคุ้มกัน เพื่อสกัดไม่ให้พวกโจรสลัดเข้ามาขัดขวางการเทียบท่าของกองพันที่ 1

เมื่อเคราเดาเห็นเรือรบใกล้เข้ามา และเตรียมที่จะเทียบท่า เขาก็ตอบสนองในทันที โดยสั่งให้โจรสลัดไปขัดขวางการเทียบท่าของพวกเขา

ในขณะนั้นเอง ฝนลูกศรก็ตกลงที่เส้นทางเดินของพวกโจรสลัด และหยุดไม่ให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป พวกโจรสลัดจึงลังเลไม่กล้าที่จะเดินต่อ

การกระทำของกองทัพเรือเป่ยไห่ทำให้เคราดำโกรธ เขาสาบแช่งพวกเขาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ศัตรูกำลังทำอยู่นอกเหนือการคาดเดาของเขามาก

“บุกเข้าไป! หรือว่าจะยอมจำนนแล้วตายกันหมด!”

ในทุกๆวินาทีที่พวกโจรสลัดวิ่งฝ่าฝนลูกศรเข้ามา พลทหารจะยิงพวกเขาล้มลงทีละคน ทีละคน บางส่วนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่บางส่วนเสียชีวิตในทันที

โจรสลัดเหล่านี้เพิ่งหนีตายขึ้นมาบนฝั่งหลังจากที่ศัตรูเผาเรือของพวกเขาจนลุกไหม้ ในตอนนั้น พวกเขากระโดดลงไปในทะเลเพื่อเอาชีวิตรอด และตอนนี้ เมื่อพวกเขาต้องกลับมาเผชิญหน้ากับความตายอีกครั้ง มันจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะลังเล

ขณะที่จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โจรสลัดที่เหลือจึงไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ดังนั้น แทนที่พวกเขาจะบุกเข้าไป พวกเขาเลือกที่จะถอยหลังและหลบหนีออกไป พวกเขาพยายามที่จะหนีให้พ้นจากระยะยิงของฝนลูกศรนี้

เมื่อมีบางคนทำ คนอื่นๆก็เริ่มที่จะทำตาม มนุษย์นั้นกลัวตาย และโจรสลัดก็ไม่ยกเว้น ดังนั้น จึงเหลือโจรสลัดไม่ถึงครึ่งที่ยังคงบุกไปหากองพันที่ 1 ส่วนที่เหลือได้ถอยหนีไปแล้ว

กองพันที่ 1 แห่งเป่ยให่ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เทียบท่าบนท่าเทียบเรือและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้

เคราดำรู้แล้วว่าการดำเนินการใดๆ ไม่สามารถหยุดกองทัพเรือเป่ยไห่ได้อีกแล้ว แม้ว่าเขาจะบอกให้บุกต่อไป พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะหยุดศัตรูได้

“ถอย!” เคราดพกล่าวด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว

คำสั่งน้ำทำให้เหล่าโจรสลัดที่ยังวิ่งเข้ามาดีใจ พวกเขารีบกระจายตัว และวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก

โอหยางโชวยืนอยู่บนเรือธง เขาส่ายหัว ขณะที่เห็นความไร้อำนาจของฝ่ายตรงข้าม

ในขณะเดียวกัน เรือรบเป่ยไห่ก็ประสบความสำเร็จในการเทียบท่าที่ท่าเทียบเรือของเกาะ และเริ่มที่จะออกกวาดล้างพวกโจรสลัดที่ยังเหลืออยู่

ในเวลานี้ โจรสลัดต่างก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอด และไม่ได้รวมกลุ่มกัน

เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเล็ดรอดออกไปได้ เผ่ยตงหลายจัดให้กองพันที่ 4 และ 5 ยังคงอยู่บนเรือ และคอยลาดตระเวณรอบๆน่านน้ำของเกาะ การทำเช่นนี้เป็นการปิดเส้นทางหลบหนีของพวกโจรสลัดโดยสิ้นเชิง

เกาะพระจันทร์มีพื้นที่เพียง 50 ตารางกิโลเมตร ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสถานที่ดีๆให้หลบซ่อน

เผ่ยตงหลายดำเนินนโยบายจับกุมของโอหยางโชวต่อไป ทหารเรือตะโกนและเรียกร้องให้เหล่าโจรสลัดยอมจำนนด้วยตัวเอง ถ้าพวกเขาทำ พวกเขาจะได้รับการละเว้น แต่หากใครตัดสินใจที่จะละเลยข้อความนี้ กองทัพเรือจะกวาดล้างพวกเขาอย่างไร้ปราณี

ภัยคุกคามนั้นมีประสิทธิภาพ

ทีละคน ทีละคน พวกโจรสลัดได้ออกจากที่ซ่อนของพวกเขา และยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้น เพื่อเป็นการยอมจำนน มีเพียงเคราดำและลูกน้องของเขา 2-3 คน ที่ยังคงดื้นรั้นและหลบหนี

สำหรับสมาชิกโจรสลัดที่จะต้องตายอยู่แล้ว เผ่ยตงหลายไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆ เขาสั่งให้กองพันที่ 1 กระจายออกไปค้นหาพวกเขา เมื่อพบแล้ว ให้กำจัดโจรสลัดเหล่านั้นทันที

การขุดรากถอนโคนใช้เวลาตลอดทั้งบ่าย

จากนั้น เผ่นตงหลายก็ตามโอหยางโชวมาตรวจสอบเกาะ

กลุ่มโจรสลัดฉลามดำมีทักษะการปล้นที่ดี แต่เนื่องจากพวกเขาไม่อาจแลกเปลี่ยนได้ ทรัพย์สินของพวกเขาจึงไร้ค่า

ค่ายโจรสลัดไม่มีรั้ว พวกเขาปล่อยให้มันเปิดโล่ง และสามารถนับประเภทของสิ่งก่อสร้างบนเกาะได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวได้

โจรสลัดจะให้ความสนใจกับท่าเทียบเรือของพวกเขาเท่านั้น

ถนนลูกรังที่เปียกชื้น เป็นหลุมเป็นบ่อ ทุกเส้นเชื่อมต่อกับท่าเทียบเรือ โอหยางโชวต้องเดินทุกๆก้าวอย่างระมัดระวัง เขาไม่ต้องการที่จะก้าวตกลงไปในกลุ่มพวกนั้น

บ้านไม้กระจัดกระจายอยู่ทั้ว 2 ข้างของถนนลูกรัง มันเป็นเพียงบ้านพื้นฐานง่ายๆ เหมือนโจรสลัดสร้างมันมาจากแผ่นไม้ไม่กี่แผ่น

โอหยางโชวสงสัยว่า บ้านเหล่านี้จะสามารถป้องกันผู้อาศัยจากแสงแดดและสายฝนได้หรือไม่

พวกเขาไม่มีแม้แต่ลานดีๆนอกบ้านไม้ เสื่อผ้าที่ทรุดโทรมบางส่วนห้อยอยู่ใต้ชายคา โบกพัดไปตามสายลม

บางครั้งพวกเขาก็พบปลาแห้งในบ้าน ซึ่งมันคงจะเป็นบ้านของโจรสลัดที่ขยันขันแข็งมาก

ในด้านของพื้นที่เพาะปลูก พวกเขาไม่ได้มีพื้นที่เพาะปลูกใดๆที่ใช้ได้เลย พวกเขามีเพียงพื้นที่เพาะปลูกที่ทรุดโทรม ที่เต็มไปด้วยต้นหญ้าวัชพืชสีเขียวเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าพวกโจรสลัดไม่ได้ปลูกพืชผลใดๆ พวกเขาขาดความสามารถในการพึ่งพาตนเอง และพวกเขาพึ่งพาเพียงการปล้นสะดมเท่านั้น

พวกเขาเดินต่อไป และได้ผ่านบ่อน้ำเล็กๆกลางเกาะ โอหยางโชวสังเกตและประเมินว่า บ่อน้ำนี้มีขนาดไม่ถึง 500 ตารางเมตร และมันคงจะเป็นแหล่งน้ำจืดแห่งเดียวบนเกาะ

ด้วยเหตุนี้ พวกโจรสลัดจึงถือว่า บ่อน้ำนี้เป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด และมันได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี

พวกโจรสลัดสร้างบ้านไว้รอบๆบ่อน้ำเป็นวงกลม โดยบ้านเหล่านี้ดูแข็งแรงกว่าบ้านก่อนหน้านี้ ที่นี่ควรจะเป็นพื้นที่หลักของโจรสลัด โรงเตี๊ยมซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็อยู่ที่นี่

มีบ้านขนาดใหญ่ที่โดดเด่นกว่าบ้านหลังอื่นๆในกลุ่มบ้านไม้ ไม่จำเป็นต้องคิดมาก ก็รู้ว่ามันคงจะเป็นที่พักของผู้นำโจรสลัด

ระหว่างทาง โอหยางโชวไม่ได้สนใจสิ่งก่อสร้างอื่นๆ เขามุ่งหน้าตรงไปที่บ้านของผู้นำโจรสลัดโดยตรง

แม้หลังจากที่พวกเขาได้เดินไปถึงพื้นที่หลักของเกาะแล้ว ถนนตลอดเส้นทางก็ยังไม่ค่อยดีนัก มันเต็มไปด้วยหลุมและบ่อ ทั้งสองด้านของถนน มีหญ้าป้าสีเขียวที่พริ้วไสวตามสายลม

ทหารได้มากวาดล้างพื้นที่สิ่งก่อสร้างก่อนแล้ว ดังนั้น เมื่อโอหยางโชวมาถึง เขาจึงไม่พบโจรสลัดแม้แต่คนเดียวในสายตาของเขา เขาเห็นเพียงแต่ทหารเรือเท่านั้น บนพื้นบางแห่ง ยังคงมีคราบเลือดซึ่งเป็นร่องรอยของการต่อสู้

เมื่อทหารที่คอยรักษาการณ์ที่นั่นเห็นโอหยางโชว พวกเขาก็รีบคำนับเขาในทันที

โอหยางโชวพยักหน้าและเดินผ่านประตูเข้าไป

ทหารเหล่านี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการตอบสนองใดๆจากลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา ดังนั้น เพียงแค่ท่าทางเล็กๆน้อยๆของเขา ก็ทำให้หัวใจของเหล่าทหารอบอุ่นได้แล้ว

โอหยางโชวเงยหน้าขึ้น มองออกไปจากบ้านที่อยู่สูงที่สุดของเกาะ

มีบ้านที่เรียบง่ายตั้งอยู่ด้านหน้าของเขา มันทำให้โอหยางโชวละลึกถึงความทรงจำของเขา เขาคิดย้อนกลับไปสมัยที่หมู่บ้านซานไห่เพิ่งจะถูกก่อตั้ง ในเวลานั้น คฤหาสน์ของลอร์ดและที่อยู่อาศัยต่างๆก็คล้ายๆกับที่นี่มาก

โอหยางโชวมาที่ห้องโถงประชุม และอดทนรอรายงานจากทหารของเขา

เวลา 17.00 น. เผ่ยตงหลายได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมด และมารายงานสรุปต่อโอหยางโชว

หลังจากที่โอหยางโชวให้สัญญาณ เผ่ยตงหลายก็เข้ามาให้ห้องโถงประชุม เขานั่งลงในที่นั่งที่ตำแหน่งตำกว่า แล้วกล่าวว่า “เรียนท่านลอร์ด การสู้รบครั้งนี้ราบรื่นมากกว่าที่คิด กองทัพเรือเป่ยไห่มีผู้เสียชีวิตเพียงเล็กน้อย โดยพวกเรามีผู้เสียชีวิตทั้งหมดเพียง 150 นายเท่านั้น”

โอหยางโชวพยักหน้า ความคืนหน้าของการสู้รบครั้งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา

“หลังจากการสู้รบจบลง เราจับเชลยได้ทั้งสิ้น 1,650 คน และเราได้กำจัดโจรสลัดคนอื่นๆที่ยังเหลืออยู่แล้ว เรายังได้เผาเรือโจรสลัดทั้งหมดของพวกเขา และมันได้จมลงสู่ท้องทะเลเกือบทั้งหมด เหลือเพียง 5-6 ลำเท่านั้นที่ยังไม่จม และเราได้ลากพวกมันกลับมาที่ท่าเทียบเรือแล้ว” เผ่ยตงหลายกล่าวต่อ “หลังจากตรวจยึดคลังสินค้าและบ้านของพวกโจรสลัด เราสามารถยึดเงินได้ 12,500 เหรียญทอง และกล่องเพชรพลอยอีก 1 ใบ และยังสามารถยึดอาวุธและอุปกรณ์ได้อีกเป็นจำนวนมาก ส่วนเสบียงอาหารของพวกเขานั้น มันมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น ดูเหมือนพวกเขาจะไม่สนใจเก็บสะสมเสบียงมากนัก”

โอหยางโชวพยักหน้า เขาคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว โจรสลัดพึ่งพาการปล้นสะดมในการเลี้ยงชีพ ในช่วงเวลาที่ขาดแคลนเสบียง พวกเขาก็แค่ต้องออกไปปล้นเท่านั้น ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้เก็บเสบียงไว้มากนัก

ในทางตรงกันข้าม พวกโจรสลัดมีเงินและเพชรพลอยจำนวนมากจากการปล้นของพวกเขา แต่มันก็แทบจะไร้ประโยชน์ เนื่องจากพวกเขาปราศจากช่องทางที่จะใช้จ่ายพวกมัน มันทำให้กลุ่มโจรสลัดเพียง 3,000 คน มีเงินสะสมมากกว่า 10,000 เหรียญทอง

“นำเงิน 500 เหรียญทอง ที่ยึดมาได้ แจกจ่ายเป็นรางวัลให้แก่เหล่าทหาร” โอหยางโชวกล่าว

ไม่มีใครรู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่โอหยางโชวเริ่มให้รางวัลแก่ทหารตามผลงานของพวกเขา เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อผลักดันให้ทหารออกไปต่อสู้อย่างกล้าหาญ

“ขอบคุณขอรับท่านลอร์ด!” เผ่ยตงหลายขอบคุณโอหยางโชว ในฐานะตัวแทนของกองทัพเรือ

“เรายึดได้อะไรพิเศษๆหรือไม่?” โอหยางโชวถาม เขากำลังกล่าวถึงไอเท็มพิเศษ มันเป็นไปได้สูงที่จะได้รับไอเท็มแปลกๆจากพวกโจรสลัด

“มีขอรับ!” เผ่ยตงหลายไม่ทำให้เขาผิดหวัง

ทหารที่อยู่ด้านนอกนำกล่องที่เต็มไปด้วยเพชรพลอย, ทองคำ และทุกอย่างที่ยึดได้จากพวกโจรสลัดเข้ามาในห้อง พวกเขาวางมันกระจายกันไว้ เพื่อให้โอหยางโชวตรวจสอบสิ่งต่างๆได้สะดวก

โอหยางโชวยืนขึ้น นอกเหนือจากเงิน 500 เหรียญทอง ที่เขามอบให้เป็นรางวัลแก่ทหารแล้ว เขาเก็บของอื่นๆทั้งหมดใส่ถุงเก็บของของเขา ห้องที่เคยเต็มไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง กลับกลายเป็นห้องที่ว่างเปล่าอีกครั้ง เหลือเพียงไอเท็ม 2 ชิ้นที่เขายังไม่ได้เก็บเข้าไปในถึงเก็บของ

โอหยางโชวหยิบหินสีดำขึ้นมาและตรวจสอบมัน มันเป็นหินขนาดกลาง มีขนาดประมาณ 2 กำปั้น ขณะที่เขาหยิบมันขึ้นมา เขารู้สึกได้ถึงน้ำหนักมหาศาลของมัน

เหล็กกล้าอุกกาบาต(ระดับทองคำขาว) : หินศักดิ์สิทธิ์ที่ตกลงมาจากฟากฟ้า, โลหะที่ยากจะทำการหลอม

หินก้อนนี้มีคุณคุณสมบัติที่เรียบง่าย แต่มันทำให้เกิดพายุที่น่าตื่นเต้นภายในใจของโอหยางโชว โลหะหลอมระดับทองคำขาว โอหยางโชวสามารถกำลังมองเห็นอาวุธประจำตัวของเขากำลังโบกมือเรียกเขาอยู่

เหล็กกล้าอุกกาบาตก้อนนี้เพียงอย่างเดียว ก็ทำให้โอหยางโชวรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว

โอหยางโชวเดาว่า เหตุผลที่เคราดำไม่ได้ทำอะไรกับเหล็กกล้าอุกกาบาตก้อนนี้ เป็นเพราะเขาไม่สามารถหาช่างตีเหล็กที่ดีพอได้ เฉพาะช่างตีเหล็กขั้นมาสเตอร์ขึ้นไปเท่านั้น ที่สามารถถลุงแร่ที่หายากนี้และสร้างผลงานจากมันได้

เขาเก็บมันไว้ในถุงเก็บของของเขาอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะหยิบของอีกสึ่งหนึ่งขึ้นมาตรวจสอบ

แผนที่ขุมสมบัติอ่าวเป่ยไห่(1/3) : ตามตำนาน ครั้งหนึ่งอ่าวเป่ยไห่เคยให้กำเนิดโจรสลัดที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ชื่อของเขาก็คือ ‘เพชฌฆาตโลหิต’ หลังจากที่เพชฌฆาตโลหิตตาย ทรัพสมบัติจำนวนมหาศาลที่เขาได้ปล้นไว้ก็หายไปด้วย

มีข่าวลือว่า ก่อนที่เขาจะตาย เพชฌฆาตโลหิตได้ซ่อนทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาไว้ที่เกาะรกร้างแห่งหนึ่ง เขาบันทึกตำแหน่งของเกาะไว้บนแผนที่ และมันถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยเขาได้มอบมันให้กับคนที่เขาไว้ใจ 3 คน

หลังจากที่เขาตาย ลูกน้องทั้ง 3 ของเขาก็พยายามที่จะคว้าเอาแผนที่อีก 2 ส่วนที่เหลือจากพี่น้องของพวกเขา วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า การต่อสู้ที่รุนแรงของพวกเขา นำไปสู่การล่มสลายของกลุ่มโจรสลัดที่เคยมีชื่อเสียง ในท้ายที่สุด ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะกันและกันได้ พวกเขาทั้งหมดตายไปด้วยความรู้สึกที่หดหู่ ก่อนที่จะตาย พวกเขาได้ทิ้งชิ้นส่วนของแผนที่เหล่านั้นให้กับทายาทของพวกเขา

หลายร้อยปีผ่านไป แผนที่ขุมสมบัติย้ายจากมือหนึ่งไปยังอีกมือหนึ่ง และมันก็ก่อให้เกิดโศดนาฏกรรมมากมายนับไม่ถ้วน

น่าเศร้าที่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถรวบรวมแผนที่ขุมสมบัติทั้ง 3 ของเพชฌฆาตโลหิตจนครบได้เลย เมื่อเวลาผ่านไป ข่าวลืออื่นๆก็แพร่กระจายออกไป โดยมันมีเนื้อความว่า แผนที่ขุมสมบัติเป็นเพียงวิธีการชั่วร้ายของเพชฌฆาตโลหิต เพื่อที่จะกระตุ้นสงครามระหว่างโจรสลัดเท่านั้น การคาดเดาดังกล่าวสมเหตุสมผลมาก เพราะเพชฌฆาตโลหิตมีบุคลิกเป็นดั่งนักฆ่าวิกลจริต

ช้าๆ ความจริงที่อยู่เบื้องหลังแผนที่ขุมสมบัติได้จมลงสู่กระแสน้ำแห่งประวัติศาสตร์ ไม่มีใครเชื่อแม้แต่ข่าวลือเกี่ยวกับเพชฌฆาตโลหิตอีกต่อไป และชิ้นส่วนแผนที่ขุมสมบัติก็กลายเป็นเพียงของสะสมที่ไม่มีใครสู้เพื่อมันอีก

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด