ตอนที่แล้วบทที่ 78 เครื่องจักรทางการเกษตรยอดนิยม (ตอนที่ 2) (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 80 จากเครื่องมือทางการเกษตรไปจนถึงเครื่องจักรการผลิต (อ่านฟรี)

บทที่ 79 บริษัท ถูกระงับ (อ่านฟรี)


 

 

"เฝิงหยู่ ออกมาหน่อย ครอบครัวมาหา."

 

เวิงหยู่ยังเรียนอยู่ในห้องเรียน มีคนเคาะประตู. ครูเปิดประตูเข้ามาแล้วพูดสองประโยค แล้วก็เรียกให้เฝิงหยู่ออกไป

 

"พี่หลี่ เกิดอะไรขึ้น?" เฝิงหยู่รู้สึกลางสังหรณ์ใจไม่ดี. ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษ หลี่ซื่อเฉียงจะไมมาเรียกหาเขาในขณะที่เขากำลังเรียนอยู่ในชั้นเรียน สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือจะเกิดเรื่องร้ายแรงกับครอบครัวของเขา!

 

"เสี่ยวหยู, บริษัทของเราถูกระงับ!

 

"อะไรนะครับ? บริษัทถูกระงับ! เป็นฝีมือใครครับ มีเหตุผลอะไร?" เฝิงหยู่ตกใจ. บริษัทจะปิดตัวลงก็ได้ แต่ถ้าบริษัทถูกระงับ บัญชีของบริษัทจะถูกยับยั้งไว้ด้วยเช่นกัน ถ้าเขาไม่มีเงิน เขาจะพลาดโอกาสดีในปีหน้า ซึ่งนั่นเป็นช่วงที่บริษัทมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น !

 

"ตำรวจ สำนักงานต่อต้านการลักลอบนำเข้าเมือง พวกเขาอ้างว่าเราลักลอบนำเข้าสินค้า!"

 

"ลาอาจารย์ให้ผมหน่อย เราจะไปที่สำนักงานต่อต้านการลักลอบนำเข้า!"

 

......

 

"เธอสองคนคือพนักงานจากบริษัทการค้าไท่หัว ทำไมเจ้าของที่ลงทะเบียนไม่มา ทำไมถึงพานักเรียนที่นี่?"

 

เพราะเฝิงหยู่มาด้วยความรีบร้อน เขาจึงไม่มันได้เปลี่ยนชุดนักเรียนมัธยมปลาย

 

"ผู้ที่จดทะเบียนบริษัทคือพ่อของผม และเขามอบอนุญาตให้ผมจัดการกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัท ฯ ."

 

เจ้าหน้าที่มองเฝิงหยู่อย่างประหลาดใจ บริษัทนี้ต้องมีบางอย่างผิดปกติ ทำไมถีงให้นักเรียนเป็นตัวแทน? คิดว่าเขาจะหลบหนีการลงโทษได้เหรอ? ตอนนี้แค่ต้องการคำอธิบายต่อเรื่องราว แต่หลังจากที่ระบุความผิดแล้ว เขาคงต้องไปนอนในคุก หรือจะให้เด็กนี่ไปอยู่ในคักแทนเขา?

 

"อย่างเธอจะจัดการเรื่องนี้? เธอจะเข้าใจอะไร? เฮ้อ ฉันบอกให้เรียกตัวผู้จดทะเบียนบริษัทมาเดี๋ยวนี้ ถ้ายังไม่ปฏิบัติตามอาจจะต้องใช้ไม้แข็งกันบ้าง!" เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่หลี่ซื่อเฉียง ท่าทางโอหังมาก

 

"คุณบอกว่าเรากำลังลักลอบนำเข้าสินค้า หลักฐานละ? สินค้าทุกอย่างของพวกเรามีเอกสารทางกฎหมายกำกับ จะเรียกว่าลักลอบนำเข้าคงไม่ถูกนะครับ?" เฝิงหยู่ถามเสียงดัง

 

"ตะโกนอะไร? ตะโกนทำไม? รู้ไหมที่นี่ไหน? ที่นี่คือสำนักงานต่อต้านการลักลอบนำเข้า! ถ้ายังกล้าโหวกเหวกโวยวายอีกครั้ง ฉันจะยัดเข้าตะราง! และจะให้โรงเรียนไล่ออก!"

 

เสียงตะโกนของเฝิงหยู่ ไปกระตุ้นต่อมโมโหของหัวหน้า

 

"ทำอะไรอยู่? เสี่ยวซู ทั้งสองคนนี้มาทำอะไร?"

 

"หัวหน้าเฉิง ทั้งสองมาจากบริษัทการค้าไท่หัว พวกเขาอยากจะสร้างปัญหา!" เจ้าหน้าที่คนนั้นใส่ความเฝิงหยู่และหลี่ซื่อเฉียง

 

"ผมไม่ได้มาสร้างปัญหา แต่มาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ บริษัทของเราถูกกล่าวหาว่าลักลอบนำเข้าสินค้า หรือเราไม่มีแม้แต่อำนาจในการอธิบายเรื่องราวเลย? คุณเป็นหัวหน้าใช่ไหมครับ? คุณช่่วยตัดสินใจด้วยนครับว่าอะไรถูกอะไรผิด" เฝิงหยู่หันไปพูดกับหัวหน้าเฉิง

 

"บริษัทของพวกนายมีสินค้าทางการเกษตรจำนวนมากจากสหภาพโซเวียต ไปเอาสินค้าเหล่านั้นมาจากไหน?"

 

"เราซื้อมา."

 

"ซื้อมา? ถ้าซื้อด้วยวิธีการทางกฎหมายทำไมสินค้าจึงราคาถูกขนาดนั้น? ไหนสัญญา? เอกสารนำเข้าละ?" หัวหน้าเฉิงหัวเราะเยาะ

 

สินค้าทางการเกษตรนำเข้าที่มีคุณภาพดีและราคาถูกกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศ. ต้องเป็นสินค้าที่นำเข้าที่ผิดกฎหมาย! นอกจากนี้ เลขานุการของรองนายกเทศมนตรีซูโทรมาหาเขาแล้ว ว่าให้ "จัดการ" บริษัทการค้าไท่หัว เขาจึงต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว

 

"เรามีการทำสัญญา และมีเอกสารในการนำเข้าสินค้่า คุณสามารถส่งคนไปเอาที่บริษัทก็ได้." บนประตูหลักของบริษัทติดป้ายปิดผนึกไว้ เฝิงหยู่อยากจะฉีกออกด้วยตัวเอง แต่นั้นถือเป็นการทำผิดกฎหมาย

 

"เธอกล้าสั่งฉัน? แกแน่มาก ! ไม่มีการทำสัญญาอะไรทั้งนั้น ไม่มีเอกสารนำเข้า พวกนายลักลอบนำเข้าสินค้า!"

 

ไม่ว่าว่าเฝิงหยู่จะพูดอย่างไร หัวหน้าเฉิงก็ไม่ได้ฟังพวกเขาเลย. ทั้งยังไล่พวกเขาทั้งสองออกจากสำนักงานของเขา

 

"เสี่ยวหยู่ พวกเราจะทำยังไงต่อ เอาอย่างนี้ไหม เรานัดหัวหน้าเฉิงออกมา แล้วมอบของขวัญให้เขา?" หลี่ซื่อเฉียงกล่าวด้วยใบหน้าเป็นกังวล ลักลอบนำเข้าสินค้าถือว่าเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง

 

เฝิงหยู่โบกมือมือของเขาและกล่าวว่า :. "อย่าเลยครับ ดูจากทัศนคติของเขา ดูเหมือนเขาไม่ได้ต้องการเงิน ถ้าเขาต้องการเงินจากเรา เขาก็แค่พาคนของเขาไปยังสำนักงานของเรา ไม่จำเป็นต้องสั่งปิดบริษัทของเรา. ต้องมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมดเหล่านี้. ออกรถครับ เราจะไปที่กรมการค้าต่างประเทศ. "

 

ช่วงเวลาสั้นๆนี้ เฝิงหยู่ไม่ลืมที่ติดต่อสมาคมกับนายกเทศมนตรีในอนาคตของเมืองปิง. เขามักจะไปสำนักงานของเขาเพื่อ "รายงานความคืบหน้า" ทั้งยังไปขอบคุณการสนับสนุนของกรมการค้าต่างประเทศ

 

คราวนี้เขาอาจต้องการความช่วยเหลือจากจางรุ่ยเฉียง ขอเพียงเฝิงหยู่สามารถเข้าไปเอาเอกสารการนำเข้าสินค้าได้เขาจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าบริษัทของเขานั้นไร้ความผิด

 

จางรุ่ยเฉียงนั่งอยู่บนโซฟา เมื่อฟังเรื่องราวที่เฝิงหยู่เล่าจนจบ เขาถามว่า "เธอช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าทำไมเครื่องจักรที่ที่บริษัทของเธอนำเข้ามาจึงราคาถูกขนาดนั้น?"

 

"เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตไม่ได้ดีนัก ทั้งยังขาดการพัฒนาในภาคเกษตรกรรม จึงทำให้กระทบต่อยอดการขายเครื่องจักรทางการเกษตร คู่ค้าชาวโซเวียตที่ทำสัญญากับบริษัทของเราจึงขายสินเหล่านี้ให้เราในราคาที่ค่อนข้างต่ำ พวกเราจึงขายสินค้าเหล่านี้ให้กับตัวแทนจำหน่ายในราคาที่ต่ำด้วยเช่นกัน เรากำลังใช้กลยุทธิ์กำไรน้อยแต่ยอดขายมาก "

 

" เธอบอกว่าเศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตไม่ดีนัก? เธอได้ยินข่าวนี้จากที่ไหน? แม้ว่าจะขาดการพัฒนาด้านการเกษตร แล้วทำไมพวกเขาไม่ส่งออกเครื่องจักรเหล่านั้นไปยังประเทศอื่นๆละ? ทำไมต้องขายสินค้าเหล่านั้นให้เธอในราคาที่ต่ำเช่นนี้ด้วย? " จางรุ่ยเฉียงไม่เชื่อในสิ่งที่เฝิงหยู่กล่าว

 

"ปัจจุบันเศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในช่วงขาลง เพราะพวกเขาใช้งบประมาณทั้งหมดในการทหาร คู่ค้าชาวโซเวียตของผม พ่อของเขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพโซเวียต เราทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานาน ผลิตภัณฑ์ของเราก็ขายให้กับบริษัทของพวกเขา เมื่อพวกเขาต้องการขายเครื่องมือทำการเกษตรเหล่านี้ พวกเขาจึงต้องคิดถึงผมก่อนเป็นลำดับแรก ราคาต่ำเพราะราคาที่พวกนำเข้าค่อนข้างถูก"

 

เขากำลังคิดถึงเรื่องที่เฝิงหยู่พูดถึงเศรษฐกิจขาลงของสหภาพโซเวียต สิ่งที่เฝิงหยู่พูดฟังดูมีเหตุผม เขาเพียงแค่อยากรู้ว่าทำไมถึงสามารถนำเข้าเครื่องมือทางการเกษตรในราคาถูก อันที่จริง ต่อให้เฝิงหยู่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือ เขาก็จะช่วยให้เขาบริษัทการค้าไท่หัวได้รับรางวัล ถ้าบริษัทนี้ถูกสั่งปิดด้วยข้อหาการลักลอบนำเข้าสินค้า ก็เหมือนกับการตบหน้ากรมการค้าต่างประเทศ !

 

จางรุ่ยเฉียงรู้สึกชอบทัศนคติของเวิงหยู่ แม้ว่าเฝิงหยู่อายุยังน้อยและเรียนในโรงเรียนมัธยม แต่เขามีความสามารถ และรู้วิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น อย่างเช่น ตอนเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงสองวันก่อน บริษัทการค้าไท่หัวส่งของขวัญวันเทศกาลมาให้แผนกของเขาจำนวนมาก, ทำให้พนักงานของกรมการค้าต่างประเทศมีวันหยุดที่สนุกสนาน

 

บางครั้ง เขารู้สึกว่าเฝิงหยู่โตเกินวัย ราวกับว่าเขามีร่างกายของเด็กวัยรุ่น แต่มีจิตวิญญาณของชายอายุหลายสิบปี

 

จางรุ่ยเฉียบหยิบโทรศัพท์ และโทรหาเพื่อนของเขาในรัฐบาล เพื่อถามไถ่เรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของบริษัทการค้าไท่หัว

 

หลังจากนั้น อีกฝ่ายก็โทรกลับมาและบอกว่าเขาได้สอบถามสำนักงานต่อต้านการลักลอบนำเข้าแล้ว นี่เป็นคำสั่งของรองนายกเทศมนตรีซู เขาจึงไม่สามารถช่วยอะไรได้

 

เขารู้จักรองนายกเทศมนตรีซู แต่ก็แค่รู้จักกันเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นสหาย เขาโทรหารองนายกเทศมนตรีซู อีกฝ่ายบอกว่าตนสั่งให้คนของเขาตรวจสอบบริษัทการค้าไท่ห้วเนื่องจากขายสินค้าในราคาที่ถูกจนผิดปกติ การสั่งซื้ออาจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะนี่เป็นหน้าที่ที่เขาต้องตรวจสอบ

 

รองนายกเทศมนตรีสูดูแลการพัฒนาอุตสาหกรรม  จางรุ่นเฉียงครุ่นคิดเล็กน้อยก็รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการคุ้มครองโรงงานในท้องถิ่น จะต้องเป็นหัวหน้าโรงงานผลิตเครื่องจักรไปรายงานรองนายกเทศมนตรี

 

แม้ว่ารองนายกเทศมนตรีไม่ได้สั่งให้คนแกะป้ายผนึกอออกทันที แต่เขาก็ต้องไว้หน้าจางรุยเฉียงโดยยอมตกก็อนุญาตให้พนักงานบริษัทการค้าไท่หัวเข้าไปเอาเอกสารในบริษัท เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ลักลอบนำเข้าสินค้า

 

แต่รองนายกเทศมนตรีสูพูดรั้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งว่า ต่อให้บริษัทการค้าไท่หัวนำเข้าเครื่องจักรเหล่านี้ได้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต่อไปภายหน้าพวกเขาก็ห้ามขายสินค้่เหล่านี้ในราคาถูกขนาดนั้น!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด