ตอนที่แล้วตอนที่ 21 มีพื้นฐานจากตัวมนุษย์ (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 23 เจอปัญหา (FREE)

ตอนที่ 22 วันเกิด (FREE)


ไม่กี่วันต่อมา ช่วงบ่ายแก่ๆ

“ความดีนั้นดั่งเส้นผมที่เบาบาง ยอมรับทุกการเปรียบเทียบ ดั่งการกระทำของสวรรค์สูงสุดที่ไม่มีทั้งเสียงหรือกลิ่นให้ใครได้รับรู้ สิ่งนี้คือความดีอันสูงสุด”

ฟาง เจิ้งจือ อ่านเบาๆ ก่อนค่อยๆจะปิดหนังสือที่ยืมมาจากหอแห่งเต๋าลงอย่างเบามือ ก่อนจะค่อยๆท่องมันออกมาอีกครั้ง....

 

“โครก!!” เสียงท้องร้องเตือนเขาว่าคือนี่เวลากินข้าวแล้ว

“เจิ้งจือ รีบมากินนี่เร็ว สันนี้เป็นวันเกิดของลูกนะ!” เสียงของ ฉิน ซูเหลียน ดังออกมาจากห้องนั่งเล่น

“วันเกิด? เยี่ยม!” เห็นได้ชัดว่า ฟาง เจิ้งจือ จำไม่ได้ว่าวันนี้คือวันเกิดของเขา แต่เมื่อได้ยิน ฉิน ซูเหลียน เรียก เขาก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที

 

หลังจากวันนี้ข้าจะอายุ 7 ขวบแล้ว? เวลาที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วทำให้ ฟาง เจิ้งจือ เงียบลง

เขาไม่แน่ใจเพราะว่าเขาโตขึ้นหรือเพราะเหตุผลอื่นๆ เขาเริ่มรู้สึกว่าความอยากอาหารของเขาเพิ่มขึ้นเร็วมาก

วันเกิด....ต้องมีอาหารอร่อยๆสินะ?

มีเนื้อ และโต๊ะที่เต็มไปด้วยผัก ไข่ไก่อีก 2 ฟอง นี่เป็นอาหารที่จัดขึ้นสำหรับ ฟาง เจิ้งจือ

ความหิวกระหายของ ฟาง เจิ้งจือ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกอบอุ่นและมีความสุข ถึงแม้อาหารนี้จะดูเป็นอาหารทั่วๆไปสำหรับคนอื่น แต่ถ้าก่อนหน้านี้พวกเขากินอาหารแบบนี้ทุกๆวันละก็ คงไม่ต้องพูดถึงเงินที่พวกเขามี?

 

ดูเหมือนทองแท่งที่ได้รับมาจะมีประโยชน์....

แต่แม่สุดที่รักของข้า ช่วยใจกว้างกว่านี้ได้หรือไม่ เอามาทำอาหารให้ข้ากินมากกว่านี้! อย่าเก็บมันไว้เพื่อเป็นสินสอดของข้าเลย!

ถึงแม้เขาอยากจะตะโกนสิ่งที่เขาคิดออกไป แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะพ่อแม่ไม่ได้บอกเขาว่าที่บ้านนี้มีทองอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้นิสัยแม่ของเขาดี ฉิน ซูเหลียน คงตั้งใจจะเก็บทองไว้เพื่อลูกหลานในอนาคตแน่นอน มันเป็นนิสัยของคนจีนโบราณที่ตัวเองยอมใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพื่อความสุขสบายของลูกๆ

 

“เจิ้งจือ กินเนื้อหมูนี่สิ! แม่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับลูกเลยน!” ฉิน ซูเหลียน หยิบเนื้อหมูขึ้นและเอาไปวางไว้ในจานของ ฟาง เจิ้งจือ

“แม่กินบ้างสิ!” ฟาง เจิ้งจือ ปฏิเสธแม่ของเขาอย่างสุภาพ

“ลูกกินเถอะ! นี่มันวันเกิดของลูกนะ แม่ของเจ้าใช้เวลานานมากเลยนะกว่าจะย่างมันเสร็จ!” ฟาง เฮ่าเตอ แนะนำ

ฟาง เจิ้งจือ ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป เขารู้ว่า ฉิน ซูเหลียน ไม่มีทางกินเนื้อหมูนี่แน่ๆ มันช่างเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพ่อแม่ เขาคิดขึ้น

หลังจากทานอาหารเสร็จเขาออกไปเดินเล่นที่ลานหน้าบ้านอีกเล็กน้อยก่อนจะกลับเข้าไปที่ห้อง

 

ตอนนี้เขาพร้อมที่จะอ่านหนังสืออีกรอบแล้ว แต่เขาก็ได้ยินเสียงของ ฉิน ซูเหลียน จากห้องนั่งเล่น พูดบางเรื่องขึ้นมา...

“เจิ้งจือ ตอนนี้อยู่ในวัยกำลังเติบโต ความอยากอาหารของเขาต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแน่นอน!”

“ใช่ๆ! ข้าเข้าใจ แต่ว่าตอนนี้ สมาชิกของหน่วยล่าสัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดกำลังศึกษาอยู่ในหอแห่งเต๋า ทำให้สมาชิกที่เหลืออยู่ไม่กล้าจะเข้าป่าไปลึกมากนัก หมู่บ้านเรามีมากกว่า 100 ครัวเรือน ตอนนี้อาหารดูจะมีไม่เพียงพอ....” ฟาง เฮ่าเตอ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล

“ต่อให้พวกเราล่าสัตว์เพิ่ม คนที่ได้รับมันแรกๆก็จะเป็นครอบครัวที่มีคนที่กำลังศึกษาอยู่ในหอแห่งเต๋าอยู่ดี เช่น หัวหน้าหมู่บ้านเมิ่งไป หรือคระกูลหลี่ !”

“นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาคือความหวัง ตระกูลหลี่ถือเป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ของหมู่บ้านภูเขาทางใต้!”

 

ในขณะที่เขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงฝีเท้าแสดงถึงความเร่งรีบดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู เปิดหน้าต่างจากห้องของเขา ฟาง เจิ้งจือ เห็นหัวหน้าหมู่บ้าน เมิ่ง ไป่ และกลุ่มชาวบ้าน กำลังยืนอยู่กลางลานเล็กๆ

 

“โอ้ เฮ่าเตอ!”

“หัวหน้าหมู่บ้าน เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?” ทันทีที่ได้ยินเสียง ฟาง เฮ่าเตอ รีบออกไปที่ลานหน้าบาน

“ข้ามีบางเรื่องที่จะต้องคุยกับเจ้า!” หัวหน้าหมู่บ้านหยิบกล้องยาสูบขึ้นมาและพูดขึ้น

“หัวหน้าหมู่บ้าน โปรดบอกมา” ฟาง เฮ่าเตอ ตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม 2-3 เดือนที่ผ่านมา กำลังสำคัญของหน่วยล่าสัตว์ได้เขาไปฝึกที่หอแห่งเต๋า”

“ข้าเห็นแล้ว ข้าจะอาสาไปเอง” ฟาง เฮ่าเตอ เข้าใจเจตนารมณ์ของหัวหน้าหมู่บ้านทันที

“มันเป็นเรื่องที่ดีมากที่เจ้าอาสา ถึงแม้เจ้าจะสูญเสียแขนขวาไป แต่เจ้าก็เคยเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหน่วยลาสัตว์ เจ้ามีประสบการณ์ รู้ว่าส่วนใดที่ไม่ควรเข้าไปบนภูเขาคังหลิง หน่วยล่าสัตว์พึ่งมีสมาชิกใหม่เข้ามา ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยสั่งสอนพวกเขา ข้ามั่นใจในตัวเจ้า พรุ่งนี้จงเดินทางไปที่ภูเขา ปากท้องของทุกคนในหมู่บ้านขึ้นอยู่กับเจ้า!”

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง หัวหน้าหมู่บ้าน!” ฟาง เฮ่าเตอ พยักหน้า

หัวหน้าหมู่บ้านตบไปที่ไหล่ของ ฟาง เฮ่าเตอ ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปยังบ้านอื่นต่อ

....

 

ขึ้นไปบนภูเขา? ล่าสัตว์?

ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่า หมู่บ้านภูเขาทางใต้มีชีวิตอยู่โดยพึ่งพาหน่วยล่าสัตว์ แต่เขาไม่เคยเห็นการล่าสัตว์มาก่อน ได้ยินมาว่า ภูเขาคังหลิง อันตรายมาก

แม้แต่หน่วยล่าสัตว์ยังไม่กล้าขึ้นไป ได้แต่ล่าสัตว์แค่รอบๆตีนเขา....

 

ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงร้องไห้ดงมาจากห้องนั่งเล่นอีกครั้ง

“ขึ้นไปบนภูเขา?! เจ้าล้อข้าเล่นหรือไง! มันอันตรายเกินไป ข้าไม่ให้เจ้าไปเด็ดขาด!!” ฉิน ซูเหลียน พูดออกมาด้วยความสิ้นหวัง

“ข้า...ข้า ไม่มีทางเลือกมากนัก มีผู้คนมามายในหมู่บ้าน ทั้งเด็กและคนแก่ถ้าไม่มีใครสักคนขึ้นไปบนภูเขา พวกเขาต้องอดตายแน่นอน ถ้าขึ้นไปบนถูเขาพวกเราจะมีเนื้อไว้กิน มีหนังสัตว์ไว้ขาย มันสามารถทำให้พวกเราดำรงชีวิตอยู่ได้...” ฟาง เฮ่าเตอ ตอบกลับอย่างนุ่มนวล

“แล้วทำไมต้องเป็นเจ้าทั้งที่มีตั้งหลายคนในหมู่บ้าน? ไม่ใช่เจ้าเสียแขนขวาของเจ้าไปเพื่อหมู่บ้านแล้วงั้นหรือ? พวกเขาเอาแต่ปรนิบัติคนที่อยู่ในหอแห่งเต๋า แล้วเจ้าละ....กลับถูกบังคับให้ขึ้นไปบนภูเขา? เจ้าจะล่าสัตว์ได้ยังไงกัน เจ้าไม่มีแขนข้างหนึ่งก็ยิงธนูไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พวกเราก็ยังมีทอง...”

“ไม่! ทองต้องเก็บไว้เป็นสินสอดแต่งงานสำหรับ เจิ้งจือ ในอนาคต พวกเราจะไม่ใช้มันเด็ดขาดถ้าไม่ได้มีเหตุผลจำเป็น! ถึงแม้ข้าจะยิงธนูไม่ได้ แต่ข้ายังถือหอกได้! ยิ่งไปกว่านั้น หัวหน้าหมู่บ้านพูดถูกข้าเป็นคนที่คุ้นเคยกับภูเขามากที่สุดหลักๆข้าก็แค่ไปควบคุมหน่วย หาแหล่งที่อยู่ของสัตว์ และล่าสัตว์เล็กๆน้อยๆเท่านั้น ไม่มีปัญหาอะไรหรอก!”

“ทำไมเจ้าเอาแต่คิดถึงแต่หมู่บ้านเสมอ ข้าไม่ให้เจ้าไป ...ฮึก...ฮึก.......หอกที่บ้านของเราขึ้นสนิมนิดหน่อย ข้าจะไปเตรียมของให้เจ้า...” เมื่อเธอเห็นท่าทางจริงจังของ ฟาง เฮ่าเตอ เธอก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูดต่อไป ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจหันหลังเดินไปที่ห้องเก็บของที่เก็บอุปกรณ์ต่างๆไว้

 

เสียงพูดคุยเงียบลง ฟาง เฮ่าเตอ ก็เตรียมอุปกรณ์เช่นเดียวกัน...

ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ใบหญ้าที่ขึ้นแซมอยู่บนลานหน้าบ้านแล้วถอนหายใจ เขาแสดงความกังวลออกมาเป้นครั้งแรก ความอยู่รอดของหมู่บ้านขึ้นอยู่กับหน่วยล่าสัตว์

หอแห่งเต๋าเป็นความหวังของหมู่บ้าน แต่ความคิดของเขาแล้ว....คิดว่าเป็นภาระเสียมากกว่า หลังจากที่หมู่บ้านจนๆอย่างหมู่บ้านภูเขาทางใต้สูญเสียกองกำลังหลักในการล่าสัตว์ไป ความตึงเครียดภายในหมู่บ้านก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

หน่วยล่าสัตว์ ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะมีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับการขึ้นไปบนภูเขา....

 

ในขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังคิด พลันสายตาของเข้าไดเหลือบไปเห็นบางอย่างเข้า ตรงกำแพงหินมีรอยแตกเป็นรูปฝ่ามือเล็กๆอยู่!

 

 

เพจหลัก : Gate of god TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด