ตอนที่แล้วTWO Chapter 244 การกำราบด่านเจิ้นหนาน ตอนที่ 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 246 วิถีของราชา

TWO Chapter 245 ดอกไม้ในฤดูร้อน


TWO Chapter 245 ดอกไม้ในฤดูร้อน

ที่ด้านบนกำแพง เมื่อซีฮูนำกำลังเสริมขึ้นไปช่วย กระแสของการสู้รบก็หันไปยืนข้างพวกเขาโดยสิ้นเชิง

หวังเฟิงผ่อนคลายลง เขามองไปรอบๆ และสังเกตเห็นว่าผู้นำโจรภูเขาได้หายตัวไป เขาจึงตะโกนออกไปว่า “ผู้นำของพวกเจ้าช่างขี้ขลาดนัก เขาได้ยอมแพ้และหนีไปแล้ว!”

พวกโจรภูเขามีความสามารถในการต่อสู้ต่ำกว่าทหารทั่วไป แม้ก่อนหน้านี้ พวกเขาจะบาดเจ็บล้มตายเพียง 1 ใน 10 ขวัญกำลังใจของพวกเขาก็แทบจะไม่เหลือแล้ว หลังจากที่พวกเขาได้ยินคำกล่าวของหวังเฟิง มันราวกับว่า เฟิงเส้นสุดท้ายที่คอยฉุดรั้งพวกเขาไว้ได้พังทลายลง

พวกโจรภูเขาหันหน้ามามองกัน เมื่อเห็นว่าผู้นำของพวกเขาได้หายตัวไปนานแล้ว ความตั้งใจที่จะต่อต้านของพวกเขาก็หายไปในทันที

คนขี้ขลาดเลือกที่จะยอมจำนน ขณะที่คนชั่วช้าเลือกที่จะหลบหนี

“ไล่ตามพวกมันไป!” หวังเฟิงได้ออกคำสั่งให้ไล่ตามพวกที่หลบหนีในทันที

“ขอรับ!” ทหารรับคำสั่ง แล้วพวกเขาก็รีบไล่ตามคนที่หลบหนีไป

หลังจากนั้น ด่านเจิ้นหนานก็กลายเป็นสับสนวุ่นวาย สามารถกล่าวได้ว่า วิธีกล่าวของหวังเฟิงนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากโอหยางโชว

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ ผู้นำโจรภูเขาได้นำคนของเขา 20 คน หาทางออกไป แม้ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ผู้นำที่ชั่วช้าเช่นเขา ก็ไม่ลืมที่จะพยายามลักพาตัวสาวงามอย่างหลี่เฟยเซว่ไปพร้อมกับเขา

ขณะที่ผู้นำโจรภูเขาไปถึงอาคารของหลี่เฟยเซว่ เขาก็เห็นยามเฝ้าอยูที่นั่น จากนั้น เขาก็เตรียมจะเดินเข้าไป ยามงงงวย ผู้นำไม่ได้สั่งให้วางยาพิษอดีตผู้นำหรอกหรือ? แล้วเหตุใดเขาถึงได้มาที่นี่กัน?

ยามรู้สึกว่ามันช่างน่าแปลกประหลาด ดังนั้น หนึ่งในพวกเขาจึงกล่าวออกไป น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความสั่นเครือ เขากล่าวว่า “ท...ท่า...ท่านผู้นำ มีชายคนหนึ่งมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้ เขามาพร้อมกับคำสั่งของท่านที่ให้วางยาพิษอดีตผู้นำ...และเขาก็บอกว่าท่านไม่อนุญาติให้ใครเข้าไปข้างในอาคาร”

ผู้นำโจรภูเขารู้ตัวทันทีว่าเขาติดกับแล้ว เขาตะโกนใส่ยามด้วยความโกรธ “ไอ้โง่เอ้ยยย!” เวลาเหลือไม่มากแล้ว เขาไม่สามารถจะทำอะไรได้อีกต่อไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ขณะที่เขามองไปที่อาคาร จากนั้น เขาก็หันหลังและรีบหนีออกไปจากด่าน

สาวงามเป็นสิ่งล้ำค่า แต่ชีวิตของเขามีความสำคัญมากกว่า

น่าเศร้าที่คนเรามักจะไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

ก่อนที่ผู้นำโจรภูเขาและคนของเขาจะหนีไปได้ไกลพอ ทหารม้าก็ได้ไล่ตามพวกเขามาแล้ว

นายพันแห่งกองพันทหารม้าตื่นเต้นเมื่อได้เห็นพวกเขา เขารู้ว่าพวกเขากำลังจะทำผลงานใหญ่จากการจับกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าพวกเขา เขาจึงตะโกนออกไป “จับพวกมันไว้!”

“ขอรับ!” เหล่าทหารม้ากระจายตัวออกไปเพื่อล้อมรอบพวกเขา

เมื่อผู้นำโจรภูเขาเห็นว่าเหล่าทหารม้าได้มาล้อมรอบพวกเขาไว้ เขาก็ถอนหายใจอย่างไร้อำนาจ และเขาได้ยอมจำนนโดยไม่มีการต่อสู้ใดๆ

เมื่อเวลา 15.00 น. ความสงบก็กลับคืนสู่ด่านเจิ้นหนานอีกครั้ง

โอหยางโชวเก็บมือของเขาออกจากการสู้รบในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรหรือว่าเชลย พวกมันจะถูกมอบให้มู่หลานเยว่และมู่กุ้ยหยิงจัดการ ตามที่เขาได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เมืองซานไห่มาที่นี่ในฐานะผู้ช่วย ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เขาจึงไม่ต้องการจะรับส่วนแบ่งใดๆ

โอหยางโชวยังไม่ได้วางแผนที่จะนำบันไดกำแพงและเครื่องยิงหน้าไม้เหล่านี้กลับไป เขาต้องใจจะมอบมันให้กับมู่หลานเยว่ เครื่องยิงหน้าไม้ทั้ง 5 เครื่องนี้ จะประจำการที่ด่านเจิ้นหนาน เพื่อเสริมความสามารถในการป้องกันของด่าน

ตามที่ตกลงไว้กับมู่กุ้ยหยิง ทหาร 1 กองพันจะถูกส่งมาประจำการที่ด่านเจิ้นหนานในช่วงเริ่มต้น แม้ว่าจะมีทหารไม่มากนัก แต่มันก็มีความสำคัญเทียบเท่ากับเมืองมู่หลาน

ทหารของเมืองซานไห่ทะยอยออกมาจากด่านเจิ้นหนาน ภายใต้คำสั่งของโอหยางโชว พวกเขามารวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกด่าน

หลังจากตรวจนับแล้ว ก็พบว่า มีทหารองครักษ์เสียชีวิต 50 นาย จากการสู้รบในครั้งนี้ ส่วนใหญ่ที่ตายเกิดจากถูกก้อนหินกระแทกในระหว่างการปีนขึ้นไปบนกำแพง เนื่องจากกองพันที่ 1 แห่งกรมทหารที่ 1 ไม่ได้มีส่วนร่วมในการสู้รบมากนัก พวกเขาจึงมีทหารเสียชีวิตเพียง 5 นายเท่านั้น

โอหยางโชวสั่งให้เหล่าทหารดูแลเพื่อนทหารที่เสียชีวิตให้ดี และเขาบอกให้นำศพของพวกเขากลับไปฝังที่สุสานของเมืองซานไห่

“พี่ชายหวู่ยี่ เข้าไปกันเถอะ!” มู่หลานเยว่กระโดดไปด้านหน้าของโอหยางโชวด้วยรอยยิ้มที่สดใจ

โอหยางโชวรู้สึกมึนงง เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไป ในความเป็นจริงแล้ว เขากำลังเตรียมที่จะเดินทางกลับไปที่เมืองซานไห่ เขาจึงถามมู่หลายเยว่ว่า “มีอะไรงั้นหรือ?” ไม่ควรประมาทและคิดว่ามู่หลานเยว่เป็นเพียงเด็กสาว หลังจากผ่านไปเกือบปีในฐานะลอร์ด ความคิดของเธอได้พัฒนาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าเธอฉุดโอหยางโชวไว้ มันจะต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่นอน

“พี่ชายหวู่ยี่เข้าไปเถอะน่า!” เด็กน้อยตัวร้ายนี้ไม่ได้อธิบายใดๆ เธอดึงแขนเสื้อของโอหยางโชวและลากเขาไปในด่านเจิ้นหนาน โอหยางโชวทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นและตามเข้าไปเท่านั้น

ณ ด่านเจิ้นหนาน, ห้องโถงประชุม

ที่กลางห้องโถงวางอยู่ด้วยกล่องมากกว่า 10 ใบ พ่อและลูกสาว หลี่อ้านไป๋และหลี่เฟยเซว่ก็อยู่ที่นั่น ใบหน้าของหลี่อ้านไป๋ซีดเซียว และดูเหมือนว่าเขาจะหายใจเป็นครั้งสุดท้ายได้ทุกเมื่อ น้ำตาไหลลงมาจากแก้มของหลี่เฟยเซว่ ขณะที่เธอมองไปที่พ่อของเธอ

มู่หลานเยว่ดึงโอหยางโชวมานั่งข้างเธอที่ห้องโถงประชุม

มู่กุ้ยหยิงนั่งลง เธอกอดอกแล้วกล่าวว่า “เรียนท่านลอร์ด เรามีเชลยทั้งสิ้น 2,140 คน และยึดทรัพยากร อาวุธและอุปกรณ์ได้เป็นจำนวนมาก สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดก็คือกล่องทั้ง 12 ใบนี้ จากที่ข้าตรวจสอบ จากกล่องทั้ง 12 ใบ เป็นกล่องทองคำ 2 ใบ, กล่องเงิน 8 ใบ และกล่องเพชรพลอย 2 ใบ”

ทรัพยากรต่างๆในด่านเจิ้นหนานมีจำนวนมากมายมหาศาล โดยมีทรัพยากรพื้นฐาน ตั้งแต่ธัญพืช, อาหารสัตว์ ไปจนถึงทรัพยากรที่ใช้ในการป้องกันอย่างน้ำมัน, หินยักษ์ และไม้กลิ้ง พวกเขายังมีอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารอย่างธนู, กระบี่ และชุดเกราะเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้แล้ว ยังมีเพชรพลอย, ทองคำ และเงินอีกเป็นจำนวนมาก

สมบัติเหล่านี้บางส่วนได้อยู่ในด่านเจิ้นหนานนานแล้ว และบางส่วนก็ถูกนำมาโดยหลี่อ้านไป๋ หลังจากที่เขาครอบครองด่านเจิ้นหนาน ก็มีสมบัติบางส่วนที่ได้รับมาจากการปล้นคาราวานที่ผ่านไปมา

สมบัติเหล่านี้เป็นเหตุผลให้มู่หลานเยว่ลากโอหยางโชวมาที่นี่ เพื่อหารือเกี่ยวกับการแบ่งปันกล่องสมบัติทั้ง 12 ใบนี้ ในหัวใจของเธอ เธอเข้าใจชัดเจนว่า กองกำลังชั้นสูงของเมืองซานไห่เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการสู้รบที่ด่านเจิ้นหนาน

แม้ว่าโอหยางโชวจะประกาศนานแล้วว่า เขาจะไม่รับส่วนแบ่งใดๆ มู่หลานเยว่ก็ยังคงไม่ยอมรับมันไปทั้งหมดคนเดียว และมู่กุ้ยหยิงก็ยังเห็นด้วยกับเธอในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

โอหยางโชวรู้สึกประหลาดใจ สมบัติของด่านเจิ้นหนานมีค่ามากกว่าฐานที่มั่นบนสันเข้าเอ้อซีเสียอีก ด้วยความสัตย์จริง ถ้ามีใครบอกว่าเขาไม่สนใจสมบัติเหล่านี้ คนๆนั้นก็คงจะเป็นจอมโกหก แม้สมบัติเหล่านี้จะดูเป็นเพียงเค้กชิ้นเดียวสำหรับโอหยางโชว ในทางกลับกัน มันดูราวกับเป็นตระกร้าใส่ถ่านขนาดใหญ่ในสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยหินมะสำหรับเมืองมู่หลาน ซึ่งมันจะช่วยให้เมืองมู่หลานพัฒนาได้อย่างรวมเร็ว

“พี่ชายหวู่ยี่ ทองคำและเพชรพลอยเป็นของท่าน ท่านคิดเช่นไร?”

แผนการแบ่งบันของเธอดูยั่วยวน แต่มันก็ยุติธรรมพอสมควร มูลค่าของทรัพยากรที่เธอยึดได้จากด่านเจิ้นหนาน มีมูลค่ามากกว่ากล่องทองคำ 2 ใบนี้ โดยเฉพาะอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆ เธอสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้มาก

โอหยางโชส่ายหัวอย่างมุ่งมั่น เขามองไปที่มู่หลานเยว่ แล้วกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เยว่เยว่ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้าจะรับเพียงกล่องทองคำ 1 ใบเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเป็นของเจ้า”

มู่หลานเยว่กำลังจะกล่าวตอบเขา แต่โอหยางโชวยกมือห้ามเธอไว้ ทำให้เธอต้องกลืนคำกล่าวของเธอลงไป “นี่ดีที่สุดแล้ว”

“ก็ได้ ขอบคุณมากพี่ชายหวู่ยี่!” มู่หลานเยว่กรอกตาของเธอ และยอมรับการตัดสินใจของโอหยางโชวด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่ตกลงเรื่องการแบ่งสมบัติกันได้แล้ว โอหยางโชวก็ลุกขึ้นและเตรียมที่จะกลับไป

“อะแฮ่ม!อะแฮ่ม!” หลี่อ้านไป๋แกล้งไอออกมา เพื่อเตือนพวกเขาถึงการดำรงอยู่ของเขา

“ท่านอดีพผู้นำมีอะไรจะกล่าวหรือ?” มู่กุ้ยหยิงถาม

แม้แต่การพยักหน้าเขาก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ขณะที่เขากล่าว เสียงของเขาก็ดูแหบแห้งอย่างมาก “ข้ากำลังจะตาย ไม่มีเวลาเหลือให้กับชายชราคนนี้อีกแล้ว สิ่งที่ข้ากังวลเพียงอย่างเดียวก็คือ ลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักของข้า ข้าจึงอยากขอร้องให้ท่านขุนพล และท่านลอร์ดทั้ง 2 ช่วยดูแลนางแทนข้าด้วย”

มู่กุ้ยหยิงหันไปทางมู่หลานเยว่เพื่อรอคำสั่งจากเธอ

มู่หลานเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงน่ารักว่า “นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย น้องสาวเฟยเซว่น่ารักและไร้เดียงสา นางจะไม่ถูกรังแกในเมืองมู่หลานอย่างแน่นอน ขอให้ท่านผู้นำสบายใจได้”

โอหยางโชวส่ายหัวด้วยความขบขัน เขาเพิ่งทราบว่ามู่หลานเยว่เองก็เป็นเหมือนกับเขา ที่มีงานอดิเรกในการับเลี้ยงน้องสาว

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก” หลังจากที่มู่หลานเยว่ให้คำมั่นสัญญา หลี่อ้านไป๋ก็สบายใจในที่สุด

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อย โอหยางโชวก็ลุกขึ้นอีกครั้งและเตรียมจะจากไป

ก่อนที่เขาจะเดินออกไป มู่หลานเยว่ก็ได้หยิบเหรียญบางอย่างออกมาให้กับเขา

“นี่คืออะไร?” โอหยางโชวถาม

มู่หลานเยว่ยิ้ม แล้วกล่าวว่า “สิ่งนี้ถูกค้นพบโดยพี่สาวมู่ ขณะที่นางได้ตรวจค้นภายในห้องลับของด่านเจิ้นหนาน ท่านลองตรวจสอบมันดูซิ”

โอหยางโชวรับเหรียญมา และตรวจสอบมัน ในขณะนั้น ขากรรไกรของเขาก็ค้างจนมันเกือบจะหลุดออกมาา

เหรียญการรวมดินแดน(3/3) : หลังเปิดใช้งาน เหรียญการสร้างหมู่บ้านสาขาของดินแดนจะสามารถใช้เพื่อรวมดินแดนที่มีอยู่ได้ มันจะช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรในการก่อสร้างใหม่ตั้งแต่ต้น

ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใด ก็รู้ว่าเหรียญการรวมดินแดนนี้ จะสามารถแก้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้โอหยางโชวลำบากอยู่ในตอนนี้ได้ เขาสามารถใช้เหรียญการสร้างหมู่บ้านสาขาจากเมืองฉิวซุ่ย, เมืองเป่ยไห่ หรือเมืองมิตรภาพ ผสานดินแดนที่ยึดครองเช่นเมืองเทียนเฟิงเข้ากับดินแดนหลักได้ ซึ่งมันจะช่วยฟื้นฟูศักยภาพการเติบโตให้กับดินแดนเหล่านี้อย่างมาก

“เยว่เยว่ เจ้ารู้คุณค่าของเหรียญนี้หรือไม่?” น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมและจริงจัง

ด้วยคุณสมบัติของเหรียญนี้ หากมันถูกนำไปวางไว้ที่ส่วนการประมูล มันจะเป็นเหมือนการปาหินที่ก่อให้เกิดระลอกคลื่นที่รุนแรงนับพัน

ดูราวกับว่าเธอยังไม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของมัน เธอหัวเราะออกมาตามปกติ ก่อนที่จะกล่าวว่า “ข้าตระหนักถึงคุณสมบัติของมันดี แต่ในความคิดของข้า พี่ชายหวู่ยี่ต้องการมันมากกว่าข้า และมีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถใช้ประสิทธิภาพสูงสุดของเหรียญนี้ได้” ข่าวเกี่ยวกับความสำเร็จของโอหยางโชว ในการยึดครองดินแดนของลอร์ดทั้ง 5 ได้มาถึงพันธมิตรซานไห่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามู่หลานเยว่ย่อมต้องรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

โอหยางโชวหยักหน้า จากนั้น เขาก็ยื่นมือออกไปลูบหัวของเธอ เขายิ้มให้เธอ แล้วกล่าวว่า “ดีแล้ว ข้าจะรับเหรียญนี้ไว้เอง” เขาไม่ได้กล่าวถึงการตอบแทนใดๆ ขณะที่เขายอมรับของขวัญชิ้นนี้อย่างเปิดเผย ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกลายเป็นใกล้ชิดกันมากขึ้น ในขณะที่ความห่างเหินระหว่างพวกเขาหายไป และพวกเขาก็กลายเป็นเหมือนพี่ชายและน้องสาวแท้ๆของกันและกัน

รอยยิ้มของเธอบานสะพรั่ง และสุกสกาวดั่งดอกไม้ในฤดูร้อน ซึ่งมันช่วยให้จิตใจของคนที่อยู่รอบข้างอบอุ่นอย่างมาก

เมื่อโอหยางโชวกลับมาถึงเมืองซานไห่ เขาก็แยกย้ายทหารให้กลับไปที่ค่ายของตัวเอง ส่วนเขากลับไปที่สำนักงานของเขา

เหรียญการรวมดินแดนสามารถใช้ได้ 3 ครั้ง นั่นหมายความว่ามันจะใช้เหรียญการสร้างหมู่บ้านทั้งหมด 3 เหรียญ เกี่ยวกับการใช้มัน เขาต้องคิดอย่างรอบคอบ โดยเขาต้องคำนึงถึงแผนในอนาคตสำหรับดินแดนของเขาด้วย

ประการแรก โอหยางโชวมองไปที่เมืองเป่ยไห่ ในฐานะเมืองท่า เมืองเป่ยไห่ไม่ควรจะกระจายการดูแลออกไป นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมของเมืองเป่ยไห่ก็ไม่มีอะไรนอกจากชายฝั่งที่แคบและยาว ซึ่งมันไม่เหมาะที่จะขยายออกไปอีก

ดังนั้น เหรียญการสร้างหมู่บ้านระดับเหล็กดำทั้ง 3 เหรียญ ของเมืองเป่ยไห่ จึงอยู่ในความดูแลของโอหยางโชวโดยตรง

ประการที่สอง เขาต้องพิจารณาดินแดนใต้อำนาจที่ถูกยึดครองที่เขาจะผสานมันเข้าดับดินแดนหลักด้วยเหรียญนี้ จากดินแดนสาขาทั้ง 5 แห่งนี้ เมืองกู่ซานเป็นเมืองที่ปกครองตนเองโดยชนเผ่าคนเถื่อนภูเขา ดังนั้น จึงมองข้ามมันไปได้เลย เมืองกู่ซานจะใช้สำหรับดึงดูดผู้คนจากเผ่าคนเถื่อนภูเขาอื่นๆในป่าหรือบนภูเขา อัตราการเพิ่มของประชากรจึงไม่ต่ำไปกว่าเมืองสาขาอื่นๆของดินแดนเลย ดังนั้น มันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ระบบการอพยพมาช่วย

ส่วนที่เหลืออีก 4 แห่ง เมืองเทียนเฟิงจะต้องได้รับการผสานเข้ากับดินแดนหลักอย่างแน่นอน ปัญหาก็คือ โอหยางโชวควรจะใช้เหรียญกับเมืองยี่ซุ่ย, เมืองหยงเย่ หรือเมืองกวงซุ่ยดีหรือไม่

จากแผนการของเขา เขาไม่มีเจตนาที่จะใช้คุณสมบัติของมันทั้ง 3 ครั้ง ในคราวเดียว เขาต้องการจะเก็บมันไว้อย่างน้อย 1 ครั้งสำหรับเมืองดาบหักของปาเตา แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ยึดครองมัน แต่มันก็จะเป็นของเขาในอนาคตแน่นอน

จากแผนของโอหยางโชว มันจะเป็นศูนย์กลางทางตะวันออกของดินแดน แน่นอนว่าเขาย่อมต้องไม่ยอมให้ศักยภาพของมันถูกทำลายไป

ในท้ายที่สุด โอหยางโชวก็ตัดสินใจผสานเมืองเทียนเฟิงและเมืองยี่ซุ่ยเข้ากับดินแดนหลัก

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด