ตอนที่แล้วบทที่ 46: ครั้งแรกกับเสลี่ยง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48: วิญญาณร้าย

บทที่ 47: ขจัดโรคภัย


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

บทที่ 47: ขจัดโรคภัย

อย่างไรก็ตามสถานะของพวกเขาต่ำต้อยเพียงเป็นคนรับใช้เท่านั้น แม้ว่าจะตายตกไปเพียงเพราะความเหนื่อยล้าพวกเขาก็ยังต้องเดินต่อไป พวกเขากัดฟันเดินต่อไปด้วยกำลังใจทั้งหมดที่มี หลังจากเดินไปเพียงไม่กี่ลี้ เหงื่อของพวกเขาราวกับว่าเพิ่งผ่านมรสุมฟ้าฝนมาอย่างหนัก เสลี่ยงเริ่มสั่นคลอน ในตอนนี้เจ้าอ้วนได้ตระหนักว่ามีบางอย่างไม่เหมาะสม เขามองออกไปด้านนอก เขามองเห็นความเหนื่อยล้าของเหล่าบุรุษด้านล่างและเข้าใจทันทีว่ากำลังเกิดสิ่งใดขึ้น

แท้จริงอาจดูเหมือนว่าเจ้าอ้วนเป็นคนจิตใจโหดร้ายและกำลังวางแผนสิ่งใดอยู่ตลอดเวลา แต่การกระทำต่าง ๆ ที่เขาแสดงออกมานั้นล้วนแต่ถูกสถานการณ์บังคับให้กระทำ ที่จริงเขามิได้เป็นคนชั่วช้าเช่นนั้น ขณะที่เขาเห็นว่าในตอนนี้น้ำหนักตัวของเขากำลังเป็นปัญหาสำหรับผู้อื่น เขารีบเข้าช่วยเหลือทันที เขารวบรวมปราณจิตวิญญาณยกตนเองขึ้น ทำให้น้ำหนักตัวของเขาเบาอย่างกระทันหัน จากนั้นเขาจึงร่ายคาถาพร้อมใช้ไม้กิ่งหนึ่งเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าของร่างกายบุรุษเหล่านั้น

สิ่งแรกก็คือ แม้ว่าการฝึกตนของเจ้าอ้วนส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเวทมนตร์สายฟ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถร่ายคาถาของธาตุอื่นได้ ความจริงคือผู้ฝึกตนทุกคนจะเรียนรู้คาถาของธาตุทั้งห้าเพื่อความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่นเมื่ออยู่ในทะเลทราย พวกเขาสามารถร่ายคาถาวารีเพื่อเสกน้ำออกมาในยามคับขัน เมื่ออยู่ในสถานที่หนาวเย็น พวกเขาสามารถร่ายคาถาอัคคีเพื่อให้ความอบอุ่น เวทมนตร์เหล่านี้มิได้อันตรายและยังมีประโยชน์มากมาย เช่นเดียวกับคาถาฟื้นฟูที่เจ้าอ้วนใช้เมื่อครู่นี้ แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถใช้สอยดั่งใจนึกได้ สามารถใช้ได้สองถึงสามครั้งเท่านั้น และครั้งต่อไปมันจะส่งผลรุนแรงต่อร่างกาย

คนที่ได้รับคาถาฟื้นฟูจะรู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นมาทันที อีกทั้งน้ำหนักของเสลี่ยงยังลดลงมาก ความเร็วของพวกเขากลับมาเป็นปกติทันที แน่นอนว่าพวกเขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้พร้อมกับสงสัยว่าจะเป็นการกระทำของเซียนอาวุโสบนเสลี่ยง แต่ด้วยความที่พวกเขาต่ำต้อยเกินกว่าจะกล่าวสิ่งใดออกไป จึงทำได้เพียงเก็บงำมันไว้ในใจเท่านั้น

ราวกับว่าราชครูจะอดทนรอหัวหน้าพ่อบ้านนานมากแล้ว จนหัวหน้าพ่อบ้านรู้สึกถึงแรงกดดันนั้นได้ เขารีบเร่งให้เสลี่ยงเร็วขึ้นกว่านี้ ท้ายที่สุดด้วยระยะเวลาเพียงแค่ชั่วโมง พวกเขาก็สามารถเดินทางกว่าสิบลี้มาได้

ในที่สุดเสลี่ยงก็หยุดลงที่หน้าคฤหาสน์สุดหรูในแคว้นหลานเย่ว์ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระราชวังตั้งอยู่ เจ้าอ้วนมองเห็นสถานที่สำหรับท่องเที่ยวมากมาย มันเต็มไปด้วยความสวยงาม แม้ว่ามันจะคึกคักอย่างมาก แต่ก็ไม่ต่างจากที่อื่นสักเท่าไหร่นัก ในส่วนของความสง่างามนั้นยังไม่สามารถเทียบได้กับเมืองนครเวหาของเหล่าผู้ฝึกตน หลังจากการเดินทางครั้งล่าสุด เจ้าอ้วนรู้สึกว่าหลายสิ่งอย่างในเมืองนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไป

ด้วยคำแนะนำของหัวหน้าพ่อบ้าน เจ้าอ้วนลงจากเสลี่ยงได้อย่างรวดเร็ว เขาเห็นบุคคลหนึ่งกำลังยืนรอเขาอยู่พร้อมท่าทางเคร่งขรึมแต่งกายด้วยชุดทางการ เจ้าอ้วนไม่ได้มาจากแคว้นหลานเย่ว์ แน่นอนเขาย่อมไม่ทราบว่าความแตกต่างของชุดหมายถึงสิ่งใด แต่ไม่ว่าเขาจะมองเช่นไร เขาไม่คิดว่าบุคคลที่แต่งตัวประหลาดเช่นนั้นจะเป็นราชครูในวังหลวง

หัวหน้าพ่อบ้านพาเจ้าอ้วนเข้าไปแนะนำอย่างสุภาพ “เซียนอาวุโส นี่คือนายน้อยที่สามของบ้านหลังนี้ นายน้อยนี่คือเซียนอาวุโสแห่งวัดเสวียนเทียน ผู้นำของวัดส่งเขามาเพื่อปราบเหล่าภูติผี!”

เป็นบุตรชายของราชครู แน่นอนว่าเขาย่อมมีความเย่อหยิ่งโดยธรรมชาติ เขาเกลียดเครื่องแต่งกายของเจ้าอ้วน และยืนรอเพื่อให้เจ้าอ้วนแสดงความเคารพเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนนั้นมีความยโสยิ่งกว่าพร้อมกับหันไปหาหัวหน้าพ่อบ้านและถามทันที “ราชครูอยู่ที่ใด?”

เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนหยาบคาย ใบหน้าของนายน้อยที่สามแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียว เมื่อเขากำลังจะพูดสิ่งใดออกมา พ่อบ้านรีบเข้าไปห้ามเขาพร้อมกล่าวอย่างนิ่มนวล “นายน้อย นายน้อยนี่คือเซียนอาวุโส เขามีความสามารถอย่างแท้จริง ข้าว่าท่านอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาจะดีกว่า นอกจากนี้ วัดเสวียนเทียนยังเป็นมิตรสหายกับจักรพรรดิ พวกเราอย่าได้ยั่วยุเขา!”

“เราไม่สามารถยุ่มย่ามกับผู้นำของวัดได้ แต่เหตุใดเราจะกระทำกับนักบวชงี่เง่านี่ไม่ได้?” นายน้อยที่สามหัวเราะอย่างเยือกเย็น

“นายน้อย นายน้อย หยุดกล่าววาจาเถิด เขาเป็นถึงผู้สืบทอดของผู้นำวัดในตอนนี้ อีกทั้งยังอยู่ร่วมกันอีก และตอนนี้นายใหญ่ยังคงรออยู่!” พ่อบ้านกล่าวด้วยความกลัวพร้อมกับรีบกล่าวต่อ “สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือเราควรเข้าไปพบนายใหญ่ก่อน!”

เมื่อได้ยินพ่อบ้านกล่าวถึงบิดาของเขา ใบหน้าของนายน้อยที่สามผ่อนคลายขึ้นมาก เขาโบกมือให้เจ้าอ้วนพร้อมกล่าวว่า “ตามข้ามา!” โดยไม่รอพระเจ้าอวยพร เจ้าอ้วนหันหลังแล้วเดินกลับไป

“เหอะ!” เจ้าอ้วนหัวเราะอย่างเยือกเย็นพร้อมเดินไป

แต่พ่อบ้านได้หาเหตุผลดี ๆ มากล่าวเพิ่มเติม สุดท้ายเขาก็โน้มน้าวให้เจ้าอ้วนก้าวเข้ามาด้านในสำเร็จ ราชครูผู้ยิ่งใหญ่แห่งคฤหาสน์นี้ร่ำรวยอย่างถึงที่สุด ในตอนนี้ผ่านมาครึ่งค่อนวันแล้ว เจ้าอ้วนเดินตามพ่อบ้านเข้ามาด้านใน ในตอนนี้เขามาถึงลานกว้างที่ตกแต่งอย่างประณีต มีสตรีแต่งตัวสวยงามเดินไปมาอย่างอิสระอยู่ด้านใน

พ่อบ้านเริ่มอธิบาย “ราชครูมีบุตรชายสามคนและสะใภ้หกคน เขาล้มป่วยจากเหตุการณ์ที่เหล่าภูตผีบุกบ้าน ตอนนี้มีเหล่าบุตรชายและสะใภ้เหล่านี้คอยดูแล”

“อา!” เจ้าอ้วนพยักหน้าด้วยความเข้าใจพร้อมเดินตามหัวหน้าพ่อบ้านเข้าไปด้านใน

เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านนำนักบวชลัทธิเต๋าเข้ามา ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในอาคารเกิดอาการสอดรู้โดยทันที โดยเฉพาะบรรดาสุภาพสตรีที่เริ่มจับกลุ่มคุยกันอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าพวกนางจะกระทำกันอย่างเงียบเชียบแต่ก็ไม่อาจเล็ดลอดหูของเจ้าอ้วนไปได้ ได้ยินเหล่าสตรีคุยกันถึงรูปร่างของเขา และวิจารณ์ถึงสิ่งที่อยู่ใต้กางเกงของเขา แน่นอนว่าเจ้าอ้วนไม่อาจกล่าวสิ่งใดได้ เขาเพียงคิดกับตนเองว่า ‘ผู้คนเหล่านี้มิได้สนใจชีวิตของชายชราผู้นั้นหรือ? เหตุใดพวกเขาจึงทำเหมือนมีความสุขจนล้นเหลือ? พวกเขายังมีกระจิตกระใจมานินทาสภาพร่างกายของข้า อาศัยรูปลักษณ์ของพวกเจ้าเพียงหยิบยื่นให้ฟรีแก่ข้า ข้าก็ยังไม่ต้องการ”

แม้ว่าในใจของเจ้าอ้วนจะหงุดหงิด แต่ก็มิอาจก่นด่านางพวกนั้นว่านังสารเลวได้ มิฉะนั้นสถานะของเขาจะต่ำลงทันที เขาจึงทำได้เพียงแต่เชิดหน้าและเดินต่อไป

บนเตียงขนาดใหญ่ภายในบ้าน เจ้าอ้วนมองเห็นนายใหญ่ที่เป็นราชครู เขาเป็นบุรุษอายุมากกว่าหกสิบปี ครึ่งหัวของเขาขาวโพลน เขามีกลิ่นอายของผู้ที่ไม่น่าจะมีความโกรธหลุดรอดออกมาได้ ในตอนนี้เขาดูอ่อนแอมากเหลือเกิน ใบหน้าของเขาซูบผอม หนังตาทั้งสองแทบไม่มีแรง หายใจอย่างยากลำบากอยู่บนเตียง มีสตรีที่สวยงามทั้งสี่คนคอยรับใช้อยู่ข้างๆหากต้องการสิ่งใด

เมื่อเห็นเจ้าอ้วนเดินเข้ามา ดวงตาของเขาเบิกโพลงขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขามิได้มองมันเป็นถังขยะเช่นนายน้อยที่สาม เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นบุคคลสำคัญ เขามองเห็นหลายสิ่งอย่าง หนึ่งคือเขามองเห็นออร่าในตัวของเจ้าอ้วน เขาทราบทันทีว่าผู้เชี่ยวชาญได้มาถึงแล้ว เขาหัวเราะออกมาพร้อมกับกล่าวขอโทษทันที “ท่านคืออาวุโสแห่งวัดเสวียนเทียนใช่หรือไม่? ร่างกายของข้าอ่อนแอเหลือเกินจึงไม่สามารถต้อนรับท่านได้อย่างเต็มที่ ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!”

เมื่อทุกคนในบ้านเห็นว่านายใหญ่กำลังอ่อนน้อมกับเจ้าอ้วน พวกเขาทั้งหมดอยู่ในอาการตกตะลึงและยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ความโกรธของเจ้าอ้วนได้ถูกบรรเทาโดยคำพูดของราชครู มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ไม่มีความเย่อหยิ่งปรากฏบนใบหน้าของเขาเลย แต่ทว่าเจ้าอ้วนยังมิได้คลายโกรธนัก เขายังมีความยโสอยู่พร้อมกล่าวออกไปว่า “ถูกต้องแล้ว นิกายส่งข้ามาที่นี่เพื่อจัดการปัญหาของเจ้า ก่อนอื่นเริ่มที่อาการป่วยของเจ้าก่อน!”

กล่าวเสร็จเจ้าอ้วนยื่นนิ้วออกมา มีแสงปรากฏขึ้นเมื่อเขากล่าว “ปราณหยินจงสลาย!”

ขณะที่แสงนั้นส่องลงบนร่างกายของราชครู เขารู้สึกสั่นสะท้านเพราะความเย็นของมัน จากนั้นไม่นานร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น และความแข็งแรงกลับมาอย่างมหัศจรรย์ราวกับว่าเขาย้อนกลับไปวัยเด็กอายุเพียงสิบปี ความรู้สึกที่ไม่สบายตัวได้มลายหายไปจนสิ้น

“โอ้!” ราชครูกระโดดขึ้นมาจากเตียง เขาตื่นเต้นขณะจับมือเจ้าอ้วนพร้อมกล่าวว่า “เซียนอาวุโส ท่านคือเซียนอาวุโสอย่างแท้จริง! ความเจ็บปวดของข้าหายไปจนหมดสิ้น!”

“โอ้” เมื่อเห็นภาพที่น่ามหัศจรรย์เช่นนี้ คนรอบข้างไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้นอกจากอุทานออกมา ก่อนอื่นเลยก็คือ นายใหญ่มิได้เจ็บป่วยเพียงวันหรือสองวัน หมอประจำตัวของเขาดูแลเขามานานหลายวันและจัดยาให้อย่างมากมาย แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย แต่หลังจากนักบวชเต๋าผู้นี้ได้มาถึง เขาเพียงกล่าวออกมาแค่หนึ่งประโยค ก็ถึงกับทำให้โรคนี้หายไปในพริบตา มันช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด