ตอนที่แล้วเล่ม 3 ตอนที่ 4 : อัศวินศักดิ์สิทธิ์ อลัน (2) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 3 ตอนที่ 5 : ปฏิบัติการทำลายล้างปืนใหญ่มอดไหม้ (1) [อ่านฟรี]

เล่ม 3 ตอนที่ 4 : อัศวินศักดิ์สิทธิ์ อลัน (3) [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

==========

เล่ม 3 ตอนที่ 4 : อัศวินศักดิ์สิทธิ์ อลัน (3)

มีผู้เล่นหลายคนที่อยู่ในกองกำลังที่สองและสามที่กำลังด่าทออลันกันอยู่ อีกฝ่ายใช้ตำแหน่งผู้บัญชาการของตนออกนำกองกำลังที่หนึ่งฉวยโอกาส เรื่องนี้จึงทำให้กองกำลังที่สองและสามไม่สามารถตามติดแต้มของกองกำลังที่หนึ่งได้แม้สักนิด กระทั่งว่าต้องออกไปข้างนอกราวคนบ้า แม้จะพยายามอย่างสุดตัว แต้มของพวกเขาก็ยังห่างจากกองกำลังที่หนึ่งถึงเท่าตัว ราวกับเท่านั้นยังไม่เพียงพอ ตอนนี้ถึงกับพรากเอาทุกความสนใจไปจากหญิงสาว ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งแล้ว เรื่องนี้มันยากให้อภัย

ทว่า อลันกลับไม่ใช่คนที่เผยความไม่พอใจกับคำด่าทอเหล่านี้ ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นเจ้าชาย เช่นนั้นคนพวกนี้ก็คงจะเรียกตัวเองกันว่าเป็นซินเดอเรลล่าแล้ว

“อะไรกันคนพวกนี้?”

“อิจฉาเพราะเขาเป็นคนสมบูรณ์แบบหรือไง?”

“ตลกชะมัด มาลงที่ท่านอลันเพราะตัวเองทำไม่ได้เรื่องเนี่ยนะ?”

พวกเธอเหล่านี้ยังต่อว่าอย่างสมเหตุสมผล แต่แล้วไม่นานก็ถึงกับเบนลูกศรกลับไปยังเป้าหมายอีกคนหนึ่ง

“แม่คนที่ตามติดท่านอลันนั่นเป็นใคร?”

“ใช่ เห็นเธอไปไหนมาไหนกับท่านอลันตลอดเลยไม่ใช่หรือไง?”

“เธอเป็นน้องสาวหรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?”

“ไม่นะ ฉันเคยได้ยินพวกเขาคุยกันมาบ้าง พวกเขาพูดคุยกันแบบสุภาพนะ”

“แล้วทำไมเธอถึงไปเกาะติดแบบนั้นกัน? หรือเธอจะเป็นภรรยาของท่านอลันหรือว่าอะไร? น่ารังเกียจชะมัด”

“เธอคงตามติดเพราะคิดหวังว่าจะได้อะไรบ้างละมั้ง”

“เห็นแม่นั่นใส่ชุดคลุมสีดำสนิทขนาดนั้น ช่างเป็นตัวมืดมนอย่างแท้จริง”

“ถ้าเลือกเล่นเป็นเอลฟ์ที่หน้าตาดีขนาดนั้น ชีวิตจริงคงเป็นแม่บ้านอัปลักษณ์แหง ส่วนใหญ่เห็นก็มักจะเปลี่ยนหน้าตาตัวละครให้ตรงข้ามกับตัวเองตอนสร้างตัวละครกันทั้งนั้น ยิ่งคิดยิ่งน่ารังเกียจ นี่ท่านอลันรู้ตัวหรือเปล่าเนี่ย”

“ฮึ แค่นึกภาพผู้หญิงอัปลักษณ์มาเกาะติดท่านอลันก็แทบทนไม่ได้แล้ว”

กระทั่งในโลกความจริง ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะมักพูดจาไม่ดีออกมายามที่พบเจอหญิงสาวที่มีชื่อเสียงอยู่ร่วมกับชายหนุ่มรูปงามที่มีชื่อเสียง มันถึงขนาดว่า บางคนต้องอพยพลี้ภัยออกนอกประเทศเพราะมีภาพของเธอนั่งร่วมโต๊ะกับคนดังคนหนึ่งลงเอาไว้ในอินเตอร์เน็ต

มันเป็นอีกสิ่งที่อาร์คไม่อาจเข้าใจได้จริง ๆ ถ้าหากพวกเธอเหล่านั้นมีเวลาว่าง ทำไมไม่คิดประหยัดเงินซื้อหมากฝรั่งมาเคี้ยวแทน ปากจะได้ไม่ว่าง เขาไม่รู้เลยว่าทำไมต้องมาคอยใส่ร้ายคนอื่นจนไม่เหลืออะไรดีถึงเพียงนี้

ตราบเท่าที่เขาไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกับคนที่ถูกพูดถึงเขาจะไม่มีทางวันเข้าใจ แต่เป้าหมายในครั้งนี้ที่โดนคำด่าทอกลับเป็นคนหนึ่งที่เขารู้จักดี หญิงสาวที่อยู่ข้างอลันไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจาก คังมีซู หรือลาริเอ็ตเต้นั่นเอง ราวกับนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ยินได้ฟังคำพูดเหล่านี้ เธอนำฮู้ดลงด้วยอาการสั่นเทิ้ม เขาถึงกับหันศีรษะหนีเพราะไม่อยากสบสายตานั่น อาร์คถึงกับแข็งทื่อไป

‘นี่มันมากเกินไป...’

อาร์คไม่อยากเข้าไปพัวพันกับอลันหรือลาริเอ็ตเต้ในตอนนี้ แม้ระยะห่างจะลดลง แต่เขาก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากอลันพอสมควร เขาจึงเริ่มโพล่งโทสะออกมาพร้อมคำพูดที่เสียดแทงเหล่าหญิงสาวที่พูดจาไร้ซึ่งความคิดที่กล่าวด่าทอลาริเอ็ตเต้ต่อหน้าเขา

“ไม่คิดว่ามันเสียมารยาทที่พูดจาแบบนั้นกับคนที่ไม่รู้จักแม้สักนิดเลยหรือไงกัน?”

“อะไรของนายคนนี้เนี่ย?”

เหล่าหญิงสาวต่างเลิกคิ้วจ้องมองมาทางเขา แต่อาร์คกลับไม่ใช่ฝ่ายที่จะสะดุ้งเพราะสายตาของหญิงสาวเหล่านี้

“ถ้าอยากจะด่าทอใครสักคน ไม่ใช่ว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือควรรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหนก่อนหรือไง? ลาริเอ็ตเต้ที่ฉันรู้จักน่ะ ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนั้นเหมือนพวกเธอหรอก เธอเป็นคนจริงใจที่พยายามอย่างหนักเพื่ออนาคต เธอจะชอบอะไรอลันก็เรื่องของพวกเธอ แต่อย่าชอบเขาจนต้องด่าทอผู้อื่นทั้งที่ไม่รู้อะไรแบบนี้”

“โห น่าสนุกดีนี่ นี่นายคิดจะบอกว่าพวกเราต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้หรือไง?”

“แล้วเธอเป็นใครกันล่ะถึงมาสบประมาทลาริเอ็ตเต้แบบนั้น?”

ด้วยการโต้กลับของอาร์ค ใบหน้าของเหล่าหญิงสาวถึงกับกลายเป็นคล้ายอมพิษไป พวกเขาเพิ่งจะโต้เถียงกัน แต่แล้วลาริเอ็ตเต้กลับหันศีรษะมาทางนี้พร้อมสีหน้าประหลาดใจ เป็นเพราะเธอต้องได้ยินการโต้เถียงนี้เป็นแน่ เธอจึงพบเห็นอาร์คและพึมพำออกมา “อาร์ค?”

เมื่อลาริเอ็ตเต้เข้ามาใกล้ เหล่าหญิงสาวทั้งหลายจึงถอยเท้ากลับพร้อมทำเสียง “ชิ” ออกมาทางลมหายใจ หญิงสาวพวกนี้ถึงกับไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อหน้าคนที่พวกเธอเพิ่งสบประมาทไป

“เป็นนายจริงด้วย อาร์ค!”

“อา ใช่... นี่ก็ผ่านมาสักพักแล้วสินะ” อาร์คถอนหายใจขณะก้มศีรษะลง

เขาถึงกับต้องมาโดนลาริเอ็ตเต้เห็นในสภาพที่กำลังบันดาลโทสะออกมา มันไม่ใช่สถานการณ์ที่เขาอยากให้เป็นเลยสักนิด แต่แล้วลาริเอ็ตเต้กลับเผยความสุขใจออกมาที่ได้พบเจอเขา เธอได้เผยรอยยิ้มสดใสออกมาซึ่งแตกต่างจากสีหน้าเมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน

“นายเองก็เข้าร่วมภารกิจอีเวนท์นี้ด้วยเหรอ ฉันไม่รู้เลยนะเนี่ย นี่นายเข้าร่วมกองกำลังอาสาด้วย?”

“ไม่ เอ่อ ที่จริงก็เข้าร่วมแหละ แต่ฉันรับภารกิจมาจากสมาคมเวทมนตร์กิรันน่ะ”

“หืม? นี่นายจะบอกว่าเลเวลเกิน 60 แล้วงั้นเหรอ?”

“ใช่ ตอนนี้เลเวล 70 แล้ว...”

เพื่อความเที่ยงตรง หลังเข้าร่วมกับกองกำลังอาสา เลเวลของเขาในตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 72 แล้ว

ดวงตาของลาริเอ็ตเต้เบิกกว้างเป็นการตอบสนองคำตอบของอาร์ค

ในตอนที่พบเจอกันในนิวเวิลด์ครั้งแรก อาร์คเพิ่งเลเวล 35 เท่านั้น ตอนนั้นเพิ่งผ่านไปได้หนึ่งเดือนครึ่งหลังจากที่เริ่มเล่นเกม ตอนนี้ก็ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนครึ่งนับจากตอนนั้น อาร์คถึงกับสามารถเพิ่มเลเวลมาได้ 35 ระดับ หากมองแค่ตัวเลขคงไม่แปลกอะไร แต่มันเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่เกมจะยิ่งเพิ่มเลเวลยากมากขึ้นเมื่อเลเวลสูงขึ้น ถ้าหากใช้เวลาสิบวันเพิ่มเลเวลจาก 1 ไปถึง 10 แล้วล่ะก็ นั่นก็หมายความว่าอาจต้องใช้เวลาถึงสิบห้าวันเพื่อเพิ่มเลเวลจาก 10 ไปถึง 20 เลยทีเดียว

แน่นอนว่ากฎเกณฑ์นี้มีผลกับอาร์คด้วยเช่นเดียวกัน หลังได้พบกับลาริเอ็ตเต้ เขาจึงเพิ่มเวลาการเล่นเกมให้มากขึ้น อาร์คได้ตัดสินใจเดินบนเส้นทางที่จะใช้ชีวิตต่อไปโดยการเล่นเกม นอกจากนี้ เลเวลทั้ง 35 ระดับมันเป็นไปได้ก็เพราะเขาได้พบเจอกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตนเองตั้งแต่ได้เปลี่ยนอาชีพเป็นผู้เดินทางแห่งความมืด กล่าวตามตรงแล้ว พิจารณาจากเวลาการเล่นเกมของอาร์ค ความเร็วในการเติบโตเช่นนี้ออกจะน่าเหลือเชื่อในเมื่อพวกเขาพบเจอกันครั้งสุดท้ายคือเลเวล 35

ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องราว ลาริเอ็ตเต้จึงเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา “นี่มันยอดเยี่ยมไปเลย พูดตามตรงนะ ฉันคิดว่านายเลเวล 50 ก็ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว”

“ก็แค่โชคดีน่ะ แล้วลาริเอ็ตเต้ล่ะเป็นยังไงบ้าง?”

“ฉัน... วันนี้ฉันเพิ่งเลเวล 70 เอง”

“เป็นเพราะการบุกจู่โจมวงกตทาร์ซ่าล้มเหลวใช่ไหม?”

“นี่นายรู้ได้ยังไงกัน?”

“ก็พอได้ยินได้ฟังมาบ้างน่ะ”

“ใช่ นายพูดถูกแล้ว” ลาริเอ็ตเต้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยว “การบุกจู่โจมนั้นล้มเหลวถึงสามครั้งคราแล้ว ผลลัพธ์คือพวกเราสูญเสียเลเวลกับเวลาอีกนับสัปดาห์ เป็นเพราะเรื่องนี้มันจึงเป็นช่วงที่อลันต้องพบเจอความยากลำบาก แต่ในตอนนี้เลเวลเขาก็เพิ่มขึ้นได้เยอะ ไม่เหมือนฉันหรอก ตอนนี้เขาเลเวล 98 แล้ว ถ้าหากพวกเราทำสำเร็จ เลเวลของเขาก็อาจจะเกิน 100 ไปแล้ว”

มันเป็นเรื่องดีที่ได้ยินว่าอลันยังเลเวลไม่ถึง 100 แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่เขาจะเผยสีหน้าออกมาได้ต่อหน้าลาริเอ็ตเต้ อาร์คพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดายแทน “เป็นแบบนี้นี่เอง เธอเองก็พยายามมาอย่างหนักสินะลาริเอ็ตเต้”

“ในเมื่อแต้มสะสมภารกิจครั้งนี้ของฉันอยู่ที่อันดับ 27 ฉันก็มั่นใจว่าสถานการณ์คงดีขึ้นถ้าหากยังคงสามารถรับมือไหวได้อีกวัน เรื่องนี้ต้องขอบคุณอลันแหละนะ”

ในเมื่อเธอเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังที่หนึ่ง แน่นอนว่าลำดับของเธอจะต้องสูงกว่าอาร์ค อีกทั้ง ลำดับที่ 27 ดูเหมือนอลันจะให้ความสนใจเธอพอสมควรเลยทีเดียว

แต่มันก็ยังมีสิ่งที่รบกวนใจอาร์คอยู่ เขาไม่อยากให้ลาริเอ็ตเต้ต้องเอ่ยชื่ออลันทุกประโยคที่ต้องพูดจาเช่นนี้

‘หรือว่าลาริเอ็ตเต้เองก็...’

พอคิดอะไรขึ้นมาได้ อาร์คจึงส่ายศีรษะออกมา

จากนั้น เจ้าชายขี่ม้าขาวได้โผล่ขึ้นมาจากทางด้านหลังลาริเอ็ตเต้พร้อมกับกลุ่มผู้ติดตาม

“ลาริเอ็ตเต้นิม ทำอะไรอยู่ครับ? พวกเรากำลังจะไปโรงเตี๊ยมกันนะ”

“โอ้ อลัน นายมาถูกเวลาพอดี นายจำคนคนนี้ได้ไหม?”

“ผมเหรอ? พวกเราเคยพบกันมาก่อน?” อลันจ้องมองอาร์คตั้งแต่หัวจรดเท้า

ใบหน้าของอาร์คกลับกลายเป็นแดงก่ำ หลังพบเจอกันครั้งแรกที่แจ๊คสัน อาร์คก็ตั้งเป้าหมายที่จะเหนือกว่าอลัน เขาจึงพยายามหลบเลี่ยงอลันมาตลอดตั้งแต่ที่ได้ร่วมภารกิจนี้ เป็นเพราะอาร์คยึดถือเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

แต่แล้วอลันกลับไม่แม้จะกระทั่งจดจำอาร์คได้ สำหรับอีกฝ่ายแล้ว อาร์คก็ไม่ต่างอะไรไปจากเอ็นพีซีที่พบเจอได้ตามถนนหนทาง อาร์คไม่มีอะไรแม้สักนิดให้อลันต้องจดจำด้วยซ้ำไป ดังนั้นแล้ว ท่าทีเมินเฉยเช่นนี้กลับทำให้บางสิ่งภายในตัวเขาเดือดพล่านขึ้นมา

“อาร์คไง นายจำไม่ได้เหรอ? นายเจอเขาก่อนหน้านี้ เป็นฉันแนะนำให้นายรู้จักไง”

ขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งได้โพล่งขึ้นมาจากด้านหลังอลัน

“หือ? กะ-แกนี่เอง!”

อันเดล เป็นอีกคนที่อาร์คไม่อยากพบเจอ อีกฝ่ายเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังที่หนึ่ง

‘บ้าจริง เราไม่น่าแส่หาเรื่องเข้าตัวเลย...’

แต่ในเมื่อได้พบกันแล้ว มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องให้เขาหลบเลี่ยงอีก อาร์คหัวเราะออกขณะพึมพำกล่าวคำเสียดแทงออกมา “นี่ก็นานพอควรแล้ว นี่นายยังเล่นเกมนี้อยู่อีก? ดูเหมือนจะหลุดพ้นจากสถานะฆาตกรได้แล้วสินะ”

“ว่าอะไร? แก ไอ้ขยะสด!”

“อันเดล หยุด ไม่เห็นหรือว่าเขาคุยกับฉันอยู่น่ะ?”

ขณะที่อันเดลจะเข้ามาใกล้ อลันได้จ้องมองกลับไป จากนั้นอันเดลจึงทำได้แค่สูดลมหายใจเข้าลึกและก้าวเท้าถอยกลับไป

‘อันเดลรู้จักอลัน?’

อลันสามารถทำให้อันเดลชะงักได้เพียงคำพูด มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะมีเพียงแค่ในเกม ดังนั้นแล้ว ดูเหมือนพวกเขาน่าจะรู้จักกันในชีวิตจริงเสียมากกว่า

‘นี่สินะอันเดลถึงฟื้นตัวได้เร็วหลังโดนเราจัดการไปถึงขนาดนั้นได้? เอาเถอะ มันก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรถ้าคนอย่างอลันจะหนุนหลังให้ อีกทั้งถ้าหากได้ผู้หนุนหลังอย่างอลันที่เป็นผู้เล่นเลเวลสูง ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงสนิทชิดเชื้อกันเอาเรื่อง ไม่สิ มีความเป็นไปได้มากที่ผู้เล่นกองกำลังที่หนึ่งจะเป็นผู้เข้าทดสอบ เหมือนกับลาริเอ็ตเต้กับอันเดล ในเมื่อเราไม่ชอบมันตั้งแต่แรกแล้ว งั้นนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่เราจะไม่ชอบอลัน’

ขณะที่อาร์คกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อลันที่กล่าวกระซิบกับอันเดลจึงหันสายตามาเล็กน้อย

“พอมาคิดดูแล้ว เหมือนจะจำได้อยู่นะ อาร์ค ผมต้องขออภัยถ้าทำให้นายไม่พอใจนะ”

“ไม่เป็นไร เรื่องธรรมดา” อาร์คตอบกลับไปอย่างเย็นชืด

จากนั้น ด้วยสีหน้าลำบากใจเพราะสถานการณ์ประหลาด ลาริเอ็ตเต้จึงคว้ามือของอาร์คเอาไว้แล้วกล่าวขึ้นมา “อา ใช่แล้ว ทำไมนายไม่เข้าร่วมกองกำลังที่หนึ่งด้วยกันล่ะ? ด้วยเลเวลของนายไม่น่าจะเป็นไรอยู่แล้ว พวกเราเสียคนไปมากจากศึกครั้งที่ผ่านมา จึงเริ่มเปิดรับผู้เข้าร่วมอยู่ ได้ใช่ไหมอลัน?”

ลาริเอ็ตเต้ทำอาร์คตกใจเพราะคว้ามือไปจับเอาไว้ แต่แล้วคนที่ตอบสนองต่อการกระทำนี้มากกว่ากลับเป็นอลัน เขาขมวดคิ้วจ้องมองอาร์คก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยินดีออกมา “ก็จริงที่พวกเราเปิดรับ แต่ก็มีหลายคนที่กำลังรอคอยให้พวกเรารับพวกเขาอยู่ ดังนั้นแล้ว... ในฐานะผู้บัญชาการ ผมไม่อาจเพิ่มคนที่ไม่รู้จักเข้ามาได้ อีกทั้ง ดูเหมือนเขาจะมีปัญหากับอันเดลเสียด้วย...”

“อลัน ฉันรู้จักเขาดีเลยนะ”

“รูปแบบคำสั่งของกองกำลังที่หนึ่งถูกกำหนดเอาไว้แล้ว พวกเราต้องสู้อย่างยากลำบากในศึกวันสุดท้ายของภารกิจนี้ ดังนั้นแล้วการเพิ่มคนที่ไม่อาจเข้าจังหวะกับพวกเราเข้ามาได้ มันจะเป็นการทำลายโครงสร้างของพวกเรา”

“แต่ว่า...”

“ไม่เป็นไรหรอก” อาร์คตัดบทให้ลาริเอ็ตเต้และส่ายศีรษะ “เหมือนที่บอกไปก่อนหน้านี้ ฉันมีคนร่วมงานด้วยอยู่แล้ว เพราะงั้นเลยต้องปฏิเสธข้อเสนอให้เข้าร่วมกองกำลังที่หนึ่งของเธอ ดังนั้นแล้วไม่ต้องทะเลาะกันหรอกน่า”

กระทั่งว่าไม่ได้ร่วมกับเหล่ากองกำลังสำรองหรือพวกองครักษ์ อาร์คก็ไม่คิดไปอยู่ใต้คำสั่งของอลันอยู่แล้ว

อาจกล่าวได้ว่าความหึงหวงทำให้ชายที่ดีพร้อมคนหนึ่งกลับกลายเป็นคนไม่ดีไปได้ เขาจึงคิดต้องการสลักชื่อของตนเอาไว้ภายในใจของอลันด้วยตัวของเขาเอง

“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดจากันอีก ขอตัว ลาริเอ็ตเต้นิม ไปกันเถอะ”

อลันมองต่ำมาทางอาร์คจากบนหลังม้าสีขาวนั่นก่อนจะหันกลับไป จากนั้นพวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมพร้องเสียงกรีดร้องของเหล่าแฟนคลับหญิงสาวทั้งหลายไล่ตามหลัง หลังโดนบังคับให้ตามอลันจากไป ด้วยสายตาเปล่าเปลี่ยว ลาริเอ็ตเต้จึงโค้งกายให้อาร์คก่อนจะหันกลับไป

“อาร์ค ฉันขอโทษนะ”

น้ำเสียงเศร้าใจของเธอดังลั่นไปทั่วหูของเขา

‘เธอจะขอโทษทำไมกัน? เพราะท่าทีของอลันกับอันเดล? หรือว่าเรื่องที่ไม่อาจให้เราเข้าร่วมกองกำลังที่หนึ่งได้?’

อาร์คส่งสายตากลับเป็นการถามไถ่ แต่เธอกลับเร่งร้อนตามติดอลันไป เมื่อมองเธอที่เดินจากไป อาร์คจึงไปสบตากับอันเดลที่เผยความคิดฆ่าฟันออกมา “จากท่าทีของแกแล้ว ดูเหมือนจะสนิทกับอลันพอสมควรเลยสินะ”

“ว่าอะไร?”

“เจ้านายแกไปโน่นแล้ว ไม่รีบตามไปเลียหรือไง?”

“แกมันไอ้ตัวสารเลว ตอนนี้ฉันจะปล่อยแกไป รอภารกิจอีเวนท์จบก่อนเถอะ!”

“ถ้าอยากให้ค่าสถานะเหลือศูนย์เมื่อไหร่ก็มาได้ทุกเมื่อ”

ขณะที่อาร์คโพล่งคำตอบกลับไป อันเดลทำได้เพียงแค่ต้องกัดฟัน จ้องมอง และหันกายกลับไปพร้อมกับกองกำลังที่หนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้น เมื่ออาร์คกำลังจะหันกลับไปบ้าง หน้าต่างข้อความจึงเด้งขึ้นมาต่อหน้าเขา

 

=====

อลัน ได้ใช้ [ขนนกเสียงกระซิบ] เพื่อสนทนาเป็นการส่วนตัว

=====

 

กระซิบ เป็นวิธีการติดต่อสื่อสารที่จะให้คนสองคนได้สนทนาเป็นการส่วนตัวซึ่งกันและกัน มันจะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อใช้งานม้วนคัมภีร์ [ขนนกเสียงกระซิบ] หรือไม่ก็ [การสนทนาลับ] หลังได้รับรู้ชื่ออีกฝ่ายและอยู่ในระยะ กล่าวก็คือ มันเป็นวิธีการที่มีค่าใช้จ่าย

‘อะไรอีก? นี่เปลี่ยนใจจะบอกให้เราเข้าร่วมกองกำลังที่หนึ่งหรือไงกัน?’

โดยไม่พูดกล่าวคำใด อาร์ครับการกระซิบครั้งนี้ โดยทันที เสียงรอบด้านตัวเขาเริ่มลดลง จนทำให้เขาสามารถได้ยินเสียงสนทนาของอลันได้อย่างชัดเจน

[แกบอกว่าชื่อ อาร์ค?]

อีกฝ่ายถึงกับพูดหยาบคายตั้งแต่เริ่ม อาร์คจึงขมวดคิ้วขณะตอบกลับไป

[แล้ว?]

[รู้จักลาริเอ็ตเต้แค่ไหน?]

[แล้วทำไมฉันต้องตอบด้วยล่ะ?]

[พูดได้ดี... อย่างไรเสีย ฉันขอให้คำแนะนำอะไรสักอย่าง อย่าได้คิดมายุ่งเกี่ยวกับลาริเอ็ตเต้ ไม่ว่าจะในเกมหรือในโลกจริงก็ตามแต่]

[นี่แกให้คำแนะนำผิดคนแล้วมั้ง? ฉันไม่ใช่คนเริ่มสนทนากับเธอเสียหน่อย และถึงฉันจะทำ มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรที่แกต้องเข้ามายุ่ง ที่จริง ได้ยินคำพวกนี้จากแกแล้วมันทำเอาฉันสมเพชจริง ๆ]

จากนั้น อลันได้หัวเราะเสียงต่ำออกมา

[นี่แกยังไม่รู้ว่าทำไมลาริเอ็ตเต้ถึงคว้ามือแกเอาไว้แบบนั้น?]

[ว่าอะไร? หมายความว่ายังไง?]

[แกมันน่าสมเพชไงล่ะ กลับไปคิดดูให้ดี อย่าลืมคำแนะนำที่เพิ่งบอกไป]

หลังพูดสิ่งที่อยากพูดจนหมดสิ้น อลันก็จบการกระซิบครั้งนี้ไป

‘อะไร? ไอ้นี่มันบ้าหรือไง? นี่มันคนสองหน้าไม่ใช่เรอะ?’

อาร์ครู้สึกราวกับตนโดนถังน้ำราดตอนที่ยังนอนหลับอยู่ก็ไม่ปาน

ทั้งอลันที่ปรากฏตัวในโทรทัศน์และอัศวินศักดิ์สิทธิ์อลันต่างก็เป็นคนมารยาทงามท่าทีสง่า อีกฝ่ายมักคลั่งไคล้การมองเหยียดผู้คน แต่สายตาคนอื่นกลับมองมันดีเลิศประเสริฐ แต่น้ำเสียงที่กระซิบมาเมื่อครู่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่คำเหยียดหยันต่ออีกฝ่ายหรือไงกัน อีกทั้งยังคล้ายกับโดนจิตใจด้านมืดเข้าครอบงำ นี่มันคิดว่าลาริเอ็ตเต้เป็นของตัวเองหรือไงกัน?

‘จะบอกให้เราไปคิดให้ดีเรื่องอะไรกัน? ที่ลาริเอ็ตเต้จับมือเรามันมีอะไรผิดแปลกไปหรือไงกัน?’

เขาไม่อาจเข้าใจได้ถึงคำพูดที่อลันกล่าวออกมา แต่แล้วเขาก็ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้นานนัก

“อาร์ค!”

เขาหันกลับไปเพราะได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเรียกจากทางด้านหลัง เป็นจัสติสแมนกับโรโค่ที่กำลังวิ่งเข้ามาหา

“เข้าเกมมาเมื่อไหร่กันครับเนี่ย?”

“เมื่อกี้นี้เอง แต่ว่า ดูเหมือนจะมีเรื่องเร่งด่วนเกิดขึ้นนะ!”

“เรื่องเร่งด่วน?”

“ใช่ ครอสมาหาฉันตั้งแต่ที่เข้าเกมมาเลย เขาบอกว่าท่านลอร์ดกำลังหาตัวเธออยู่ นี่ต้องไม่ใช่เรื่องปกติแน่ เขายังบอกให้ฉันไปหาเธอพร้อมถ่ายทอดข้อความนี้ สีหน้าของเขาดูร้อนใจมาก”

พอมาคิดดูแล้ว มันก็แปลกที่กองกำลังที่หนึ่งที่จะตั้งแนวป้องกันเอาไว้แทบตลอดเวลาโดยไม่คิดพักผ่อน แต่อย่างกะทันหันพวกเขาดันกลับเข้ามา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงเป็นเพราะได้รับคำสั่งจากท่านลอร์ดหนุ่มเป็นแน่ แต่ว่า นี่มันยังเหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งวันกว่าภารกิจอีเวนท์ครั้งนี้จะจบลงนี่นา

อาร์คไม่คิดว่าภารกิจครั้งนี้จะจบลงในรูปแบบนี้ เวลานี้คงต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นเป็นแน่

“ครับ ไปพร้อมกันก็แล้วกัน”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด