เล่ม 3 ตอนที่ 4 : อัศวินศักดิ์สิทธิ์ อลัน (2)
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
==========
เล่ม 3 ตอนที่ 4 : อัศวินศักดิ์สิทธิ์ อลัน (2)
ด้วยสายตาที่สับสนนั่น อาร์คมั่นใจแล้วว่าตนเองมีความคิดที่ถูกต้อง หลังได้รู้ถึงการคงอยู่ของม้วนคัมภีร์แสนอันตรายอย่าง [ปล้น] เขาจึงใส่สิ่งของทุกสิ่งอย่างที่มีค่าเอาไว้ในท้องของเจ้างูน้อย เขาคำนวณเอาไว้แล้วว่าขอบเขตของม้วนคัมภีร์มันมีผลเพียงแค่กระเป๋า ดังนั้นแล้วมันจึงไม่อาจที่จะค้นหาภายในกระเพาะอาหารของเอ็นพีซีได้
ความคิดของเขาได้รับการยืนยันแล้ว
โชคยังดีที่เจ้างูยังไม่ได้อาเจียนเอากริชแห่งป่าดำออกมา ข้อความที่แจ้งว่าไม่มีไอเทมดังกล่าวกำลังปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของอีกฝ่าย
อาร์คยกยิ้มขณะกล่าวเย้ยหยัน “เป็นอะไรไป? เหมือนจะผิดหวังกับข้อความที่เด้งขึ้นมานะ?”
“แก... นี่แกทำอะไรกับไอเทมชิ้นนั้น?”
“นั่นสิ? บางทีคงขายทิ้งไปที่ไหนสักที่ละมั้ง?”
“อย่ามาเล่นลิ้น! ไม่มีทางที่แกจะขายไอเทมที่ซื้อมาจากงานประมูลราคาสูงถึง 220 เหรียญทองไปแน่ ไม่สิ ร้านค้าคงไม่ซื้อมันด้วยซ้ำ แน่นอน มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีคนอื่นซื้อไอเทมชิ้นนั้นไป อีกอย่าง ไม่มีใครอื่นที่ต้องการไอเทมชิ้นนั้นแน่”
“โห นี่นายรู้กระทั่งราคาที่ฉันชนะประมูลมาด้วย? นี่นายมาพร้อมกับกองกำลังอาสาสมัครจากกิรันสินะ?” ขณะที่อาร์คหรี่ตาพูดกล่าว อีกฝ่ายจึงสะดุ้ง “เหอะ เอาเถอะ อย่างน้อยฉันก็เดาถูกสินะ ฉันยังมีไอเทมนั้นอยู่ แต่นายไม่มีทางขโมยไปจากฉันได้เพราะม้วนคัมภีร์ [ปล้น] หรอกนะ แล้วยังอยากจะฆ่าฉันอยู่ไหมล่ะ?”
อีกฝ่ายไม่ตอบกลับ
ถ้าหากเขาไม่อาจได้รับไอเทมที่ต้องการ ถ้างั้นการจะฆ่าอาร์คไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา แถมยังจะต้องติดสถานะเป็นผู้เล่นฆาตกรและโดนเหล่าทหารรุมสังหารจนตาย ตอนนี้อาร์คเป็นฝ่ายมีเปรียบ
อีกฝ่ายจ้องมองอาร์คอยู่สักพักหนึ่งจึงค่อยกล่าว “ก็ได้ งั้นฉันขอเจรจา ฉันจะขอซื้อไอเทมนั่นด้วยราคา 250 เหรียญทอง ไอเทมนั่นเกี่ยวข้องกับภารกิจเฉพาะของอาชีพฉัน ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายลงทุนถึง 220 เหรียญทองเพื่อมันไปเพราะอะไร แต่สำหรับนายแล้วมันไม่มีค่าอะไรเลย นี่ไม่ใช่คำโกหกแต่อย่างใด”
“ไม่”
“ว่าอะไร? นี่ฉันให้นายเพิ่มอีกตั้ง 30 เหรียญทองยังคิดปฏิเสธอีก?”
“แน่นอน ถ้าหากนายเข้ามายื่นข้อเสนอนี้ตั้งแต่แรก ฉันคงขายให้นายแล้ว กระทั่งว่าจะได้ 220 เหรียญทองก็ตาม”
แน่นอนว่านี่คือคำโกหก อาร์คไม่คิดที่จะส่งมอบไอเทมหรือขายมันให้กับคนที่คิดเสี่ยงฆ่าคนในเมืองอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นเช่นนี้ไปแล้ว เขาก็จะทำตัวใจกว้างเสียหน่อยแล้วกัน
“นี่นายโจมตีฉันโดยไม่พูดกล่าวอะไร กระทั่งว่าจะฆ่าฉัน ตอนนี้ปัญหาไม่ใช่เรื่องเงินแล้ว มันคือปัญหาส่วนตัว ฉันขอพูดให้ชัดเจนนะ ฉันไม่คิดขายมันกระทั่งว่านายจะให้มากถึง 300 เหรียญทองก็ตาม”
“นี่แกอยากตาย?”
“ก็เอาเลยสิ” อาร์คยกยิ้มหัวเราะออกมา
อีกฝ่ายคือคนที่ตามติดเขามาตลอดทางเพื่อไอเทมนี้เพียงชิ้นเดียว อีกฝ่ายย่อมไม่สังหารอาร์คเป็นแน่ถ้าหากรู้ว่าจะต้องสูญเสียหนทางได้รับไอเทมนั้นไปตลอดกาล ถ้าหากอีกฝ่ายฆ่าอาร์คไป สายสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีก็จะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
ตอนนี้อีกฝ่ายจึงได้รู้ว่าอาร์คมีความต้องการอื่น ด้วยสายตาโกรธขึ้ง อีกฝ่ายถามขึ้นด้วยน้ำเสียงคุกคาม “นายต้องการอะไร?”
“ฉันเหรอ? ก็ขึ้นอยู่กับว่านายทำอะไรได้แหละนะ ไม่สิ ก่อนหน้านั้น ไม่คิดจะบอกชื่อเสียหน่อยหรือไง? ในเมื่อนายรู้ชื่อฉัน มันไม่ยุติธรรมเลยนะที่จะไม่รู้ชื่อนายเนี่ย การแลกเปลี่ยนต้องอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมสิ”
“...ปลดปล่อยทักษะ”
เมื่ออีกฝ่ายพึมพำด้วยเสียงเบา สิ่งรบกวนหน้าต่างข้อมูลจึงหายไป อีกฝ่ายมีชื่อว่า แชมบาร่า อาชีพของอีกฝ่ายคือนักบุญมือสังหาร
มันเป็นอาชีพที่อาร์คไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่สำหรับสายอาชีพโจรในนิวเวิลด์ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อมือสังหาร แต่ก็นะ สำหรับอาร์คแล้วไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะเขารู้จักอาชีพไม่ถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำ แต่ว่านักบุญมือสังหารเนี่ยนะ? ไม่ใช่เป็นอาชีพที่ประชดประชันหรือไงกัน?
‘มือสังหารอันศักดิ์สิทธิ์เหรอ? นี่ล้อกันเล่นอยู่หรือไงเนี่ย?’
แต่สิ่งที่เขาพบว่ามันประหลาดก็คือ ชื่อของแชมบาร่ายังคงเป็นสีขาว ถ้าหากผู้เล่นโจมตีผู้เล่นด้วยกันเอง กระทั่งว่ายังไม่ได้สังหาร ชื่อของผู้โจมตีก็จะเปลี่ยนเป็นสีเทา มันมีความหมายโดยทั่วไปว่ายังไม่ได้ฆ่า แต่ก็ยังนับได้ว่าเป็นคนไม่ดีอยู่ ผลลัพธ์ก็คือ กระทั่งว่าทหารจะไม่ตามล่าหรือเข้าโจมตี แต่ก็จะทำให้ความช่วยเหลือของเหล่าเอ็นพีซีทั้งหลายลดน้อยลง ทว่า ชื่อของแชมบาร่ายังคงเป็นสีขาว...
อีกทั้งยังมีทักษะที่อีกฝ่ายใช้ปิดซ่อนหน้าต่างข้อมูลอีก ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่ครอบครองทักษะประหลาดเอาเรื่อง
“ทำไมค่าแนวโน้มนายไม่ลดลง? นั่นก็ใช้ม้วนคัมภีร์ด้วย?”
“…”
“ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร ถ้างั้น ไว้เจอกันนะ”
“มันเป็นทักษะเฉพาะอาชีพ”
ขณะที่อาร์คทำท่าทีจะจากไป แชมบาร่าจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสิ้นท่า
‘ทักษะเหรอ...’
เป็นอีกครั้งที่อาร์คตระหนักได้ถึงความสำคัญในการรับรู้ถึงข้อมูลทักษะทั้งหลาย กลยุทธ์ที่จัสติสแมนใช้เมื่อไม่นานมานี้ ก็เป็นเพราะเขารู้ถึงทักษะของอาชีพอื่นเป็นอย่างดีราวกับมันเขียนเอาไว้ที่หลังมือของตนเอง
ในอนาคต เขาต้องมีโอกาสได้ปะทะผู้เล่นคนอื่นสูงขึ้นในพื้นที่เลเวลสูง ดังนั้นแล้วมันจะเป็นการเสียเปรียบมากถ้าหากเขาไม่รู้จักทักษะของอีกฝ่าย ตราบเท่าที่อาร์คยังต้องการปิดซ่อนทักษะของผู้เดินทางแห่งความมืด การได้รับรู้ถึงทักษะอาชีพสายอื่นย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน และมันจะยิ่งสำคัญมากยิ่งขึ้นถ้าหากเป็นทักษะของผู้เล่นที่มีสิทธิ์กลายเป็นศัตรู
“รายละเอียดล่ะ?”
“‘ตัวแทนแห่งความตาย’ ถ้าหากนายได้รับอนุญาตจากเทพเจ้าแห่งความตายเพื่อทำอะไรบางอย่าง ถ้านายกระทำผิดหรือกระทั่งสังหารผู้เล่นไป นายจะไม่ได้รับโทษสถานะฆาตกร ตราบเท่าที่นายยังไม่โดนผู้เล่นหรือเอ็นพีซีคนอื่นจับได้ว่ากระทำ นั่นย่อมไม่มีปัญหาอะไร ในขณะที่ทักษะของตัวแทนแห่งความตายทำงาน ผู้เล่นคนอื่นจะไม่สามารถมองหน้าต่างข้อมูลของนายได้”
แชมบาร่าตอบกลับราวไม่คิดปิดซ่อนมันแต่อย่างใด อะไรก็ดี กระทั่งว่าเขาจะรู้ถึงเรื่องนี้มาก่อน มันก็ไม่ใช่ทักษะที่จะหาทางหลีกเลี่ยงได้
‘ไม่มีผลกับค่าแนวโน้มกระทั่งว่าทำเรื่องเลวร้ายลงไป? นี่ไม่ใช่ทักษะโกงกันหรือไง? ไม่ใช่หมายความว่าอีกฝ่ายสามารถสังหารเอ็นพีซีพ่อค้าจนตายแล้วปล้นร้านค้าได้ถ้าหากต้องการหรือไร?’
แน่นอน ไม่มีทางที่ระบบเกมของนิวเวิลด์จะง่ายดายเช่นนั้นแน่ บทลงโทษมันมีอยู่เพื่อสร้างความสมดุลในเกมให้คงอยู่ แต่ถ้าหากสามารถกระทำเรื่องชั่วช้าโดยไม่ได้รับการลงโทษได้ ถ้าหากเป็นเช่นนั้น มันก็จะเป็นทักษะที่แข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะกับการใช้กับผู้เล่น...
หลังพิจารณาอะไรอยู่ชั่วครู่หนึ่ง อาร์คจึงผุดความคิดขึ้นมาได้และถามออก “งั้น นายสามารถฆ่าคนอย่างอลันได้ถ้าหากต้องการหรือ?”
“นั่นยากเกินไป” แชมบาร่าส่ายศีรษะ “มันมีหลายกรณีที่ทักษะนี้จะไม่สามารถทำงานได้ถ้าหากอีกฝ่ายมีเลเวลที่สูงกว่ามากเกินไป กับคนที่มีค่าความน่าเชื่อถือสูงก็ยากเช่นเดียวกัน แม้ว่าการกลายเป็นฆาตกรจะไม่ใช่ปัญหาอะไรมากก็ตาม แต่... อลันกับฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันเลยสักนิด อัศวินศักดิ์สิทธิ์จะได้รับออร่าแห่งการปกปักษ์อยู่เสมอ ดังนั้นแล้วจึงไม่ง่ายที่จะเข้าใกล้อีกฝ่ายแม้ฉันจะใช้ ‘ลอบเร้น’ ก็ตาม อีกทั้งทักษะทั้งหลายที่ฉันมียังไม่สามารถใช้งานกับเขาได้”
กล่าวก็คือ ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ เขาจะมีความมั่นใจที่จะสามารถชนะได้แม้กระทั่งอลัน น้ำเสียงของเขาสงบมาก สมควรเป็นดังที่กล่าวมา
อาร์คคิดอยู่นานจากนั้นจึงค่อยพยักหน้าอย่างยากลำบาก “ก็ได้ งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ระหว่างภารกิจนี้ นายช่วยฉันโดยไม่มีเงื่อนไขนะ”
“ว่าอะไร? นี่จะให้ฉันคนนี้เป็นสุนัขรับใช้?”
“เหลืออีกเพียงแค่วันเดียวภารกิจจะจบ ไม่ใช่นายบอกเหรอว่าใช้เวลาสองวันกว่าจะหาฉันเจอ? นี่ก็ยังมีเวลาอีกวันจนกว่าภารกิจจะจบนะ ไม่ใช่เงื่อนไขที่แย่อะไรนี่นา หรือคิดว่ายังไง?”
“...แล้วฉันต้องทำอะไร?”
“เดี๋ยวก็รู้”
“นายรักษาสัญญาใช่ไหม?”
“แน่นอน ไม่ใช่นายบอกหรือว่าไอเทมนั้นฉันมีไปก็ไร้ค่า? งั้นฉันสู้ขายมันเพื่อได้รับกำไรมาไม่ดีกว่าหรือไงกัน?”
“ขาย? นายจะบอกว่าจะขายมันให้ฉัน?”
แชมบาร่าดวงตาหรี่เล็ก
ดวงตาของอาร์คเบิกกว้างตอบสนองด้วยอาการแตกตื่น “นี่คิดจะให้ฉันส่งมอบไอเทมราคา 220 เหรียญทองให้คนที่ไม่รู้จักหรือไง? ตราบเท่าเท่าที่นายรักษาสัญญาและเชื่อฟังคำสั่งฉันระหว่างภารกิจนี้ ฉันจะขายมันให้นายด้วยราคา 300 เหรียญทอง นี่ถือว่าฉันใจดีมากแล้วนะ”
“300 เหรียญทอง?”
“70 เหรียญทองถือเป็นค่าทำขวัญที่นายพยายามจะฆ่าฉันไง แต่ถ้านายไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร”
“...บัดซบ ก็ได้”
ท้ายที่สุด แชมบาร่าจึงยอมตกลงทั้งที่กัดฟันรับคำ
‘หึหึหึ ธุรกิจครั้งนี้ถึงกับง่ายดายเพียงนี้’
เมื่อคิดทำการแลกเปลี่ยน มันคงดีกว่าที่จะตั้งเงื่อนไขที่ยากลำบากเอาไว้ตั้งแต่เริ่ม ถ้าหากอาร์คเรียกร้อง 300 เหรียญทองเสียตั้งแต่เริ่ม แชมบาร่าอาจจะพยายามต่อรองราคา แต่ถ้าหากราคาถูกเอ่ยถึงหลังจากที่วางเงื่อนไขอันโหดเหี้ยมไปแล้ว ธรรมชาติของผู้คนมักจะสูญเสียความคิดอ่านเรื่องราคาของมันไป และเป็นเพราะพวกเขาจะเป็นกังวลว่าจะต้องสูญเสียการค้าไปจึงไม่กล้าที่จะต่อรองราคา
เขายังไม่รู้หรอกว่าจะใช้ประโยชน์จากแชมบาร่าได้หรือไม่ แต่เขาก็เพียงแค่ลองต่อรองดูเผื่อได้ ต้องขอบคุณเรื่องนี้จึงทำให้เขาสามารถได้รับพันธมิตรที่เชื่อใจได้มาหนึ่งวัน อีกทั้งยังได้เงินอีก 70 เหรียญทองมาโดยง่าย
‘หึหึหึ 70 เหรียญทองเลยเชียวนะ งานนี้ดีเอาเรื่องเลยทีเดียว’
มันดีเสียยิ่งกว่าค่าทำขวัญที่สมควรได้เพราะโดนลอบโจมตีเสียอีก
* * *
‘เฮ้อ พวกเขายังพักกันอยู่เลย’
อาร์คหย่อนตัวลงที่ค่ายทหาร พวกองครักษ์ยังคงนอนหลับอุตุกันอยู่เลย ในเมื่อทั้งจัสติสแมนและโรโค่ รวมถึงพวกองครักษ์ต่างยืนหยัดอยู่ทั้งวัน พวกเขาจึงหลับตานิ่งไปจนคล้ายเป็นรูปปั้นมีชีวิตก็ไม่ปาน
ดังนั้น แม้ว่าอาร์คจะฝืนตัวเองเข้าเกมมา มันก็ไม่มีอะไรให้เขาทำมากนัก กระนั้น เขาก็ไม่ต้องการจะออกไปอีกรอบ เขาจึงตัดสินใจเดินไปทั่วสถานที่หลบภัยของผู้ลี้ภัย ทว่า เมื่อเขาเห็นกระดานที่ตั้งเอาไว้ในจัตุรัส เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เหล่าผู้กล้าอันแท้จริงที่มารวมตัวกันอยู่ในแจ๊คสัน!
อันดับหนึ่งผู้มีแต้มสะสมมากที่สุดในบรรดากองกำลังป้องกันแจ๊คสัน เป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ อลัน แต้มสะสมทั้งสิ้น 37,800
กระทั่งว่าอาร์คต้องออกล่าโดยเอาชีวิตเข้าแลก ท้ายที่สุดแล้ว อลันก็ยังคงมีแต้มเหนือล้ำกว่าเขาถึงสี่เท่าตัว นี่มันเป็นข้อแตกต่างระหว่างการฉายเดี่ยวกับการเป็นผู้นำหน่วยบุกจู่โจม
อาร์คออกล่าร่วมกับพวกองครักษ์ แต่มันก็ไม่อาจนับได้ว่าเป็นหน่วยจู่โจม กองกำลังอาสาเองก็เช่นเดียวกัน เป็นเพราะเหตุนี้ แต้มที่ได้จากการสังหารมอนสเตอร์โดยเหล่าองครักษ์จึงไม่อาจตกมาถึงอาร์ค ทว่า สถานการณ์ของอลันแตกต่างออกไป อีกฝ่ายมาถึงแจ๊คสันก่อนอาร์คและคว้าเอาตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังไปก่อนแล้ว ด้วยสิ่งนี้อีกทั้งความพยายาม ไม่เพียงแค่ทำให้ได้อันดับหนึ่งมาเท่านั้น แต่อันดับที่สองและสามยังคงตกเป็นของกองกำลังที่อลันเป็นผู้นำทั้งสิ้น
นี่คือเสน่ห์อันพิเศษของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ อาชีพนี้ถึงกับทำให้ได้รับผลประโยชน์มากมายจนผู้เล่นอื่นไม่อาจจินตนาการได้ถึงเลยทีเดียว
กระทั่งว่าทักษะประจำอาชีพก็ยังคงมีความต่างที่กว้างใหญ่ อัศวินศักดิ์สิทธิ์มีทักษะอาชีพที่จะมอบออร่าบัพเพิ่มค่าสถานะให้กับสมาชิกปาร์ตี้ทุกคน ดังนั้นแล้วแต้มสะสมของอีกฝ่ายจึงเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ใช้ทักษะ อีกทั้งด้วยการบัญชาการของเขาที่มีต่อกองกำลังที่หนึ่ง เขาจึงสามารถได้รับแต้มสะสมที่มากยิ่งขึ้น หรือก็คือ ทักษะทั้งหมดทั้งมวลของผู้เดินทางแห่งความมืดเป็นสายฉายเดี่ยว เขามีความมั่นใจว่าจะสามารถชนะอลันได้ถ้าหากได้ต่อสู้กันด้วยเลเวลที่เท่าเทียม แต่ถ้าหากพวกเขาสู้กันด้วยจำนวนของเพื่อนร่วมรบแล้ว อลันย่อมเป็นฝ่ายมีชัยเหนือกว่า
สถานการณ์ในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น
ไม่นาน ทั่วจัตุรัสได้โพล่งเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้น
เมื่อหันกลับไป เขาได้เห็นกองกำลังที่หนึ่งกำลังเข้ามาในปราสาท
ผู้นำทัพที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโชคที่เพิ่งได้เฉิดฉายในสมรภูมิแห่งนิวเวิลด์ อลัน ได้เผยตนขึ้นพร้อมความมั่นใจเปี่ยมล้นพร้อมขี่ม้าสีขาวเข้ามา ด้วยใบหน้าที่หล่อเขา ผมสีบลอนด์ อีกทั้งยังชุดเกราะหายากยกเซ็ตที่ส่องประกาย เขาถึงกับสามารถทำให้ทุกศีรษะต้องหันมองตามได้
เมื่ออลันปรากฏตัวขึ้น เหล่าหญิงสาวที่รวมตัวกันอยู่ภายในจัตุรัสถึงกรีดร้องขึ้นมา
“ว้าย ท่านอลันคะ!”
“ได้ดูรายการพิเศษในโทรทัศน์ที่เพิ่งถ่ายทอดไปไหม?”
“ใช่ ใช่ ฉันได้ยินมาจากเพื่อนเลยดาวน์โหลดมาดูแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าท่านอลันหล่อเอาเรื่องเลยหรือไงกัน?”
“เขาต้องเป็นคนมีชื่อเสียงแน่”
“อีกทั้งยังท่าทางพวกนั้น กับบรรยากาศที่ให้ความงดงามเหล่านั้นอีก เขาต้องเป็นสุภาพบุรุษจากครอบครัวที่ร่ำรวยเป็นแน่”
“อา เมื่อกี้เขาหันมามองทางฉันด้วยแหละ”
เหล่าหญิงสาวทั้งหลายต่างจ้องมองอลันด้วยสายตาหิวกระหาย
หลังอีกฝ่ายปรากฏตัวในโทรทัศน์ ความนิยมในตัวอลันจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเป็นโลกที่คนผู้หนึ่งสามารถได้รับทั้งความร่ำรวยและชื่อเสียงจากการเล่นเกมได้ อีกทั้งยังมียิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของอีกฝ่ายดียิ่ง หน้าตาก็ดีแถมยังมีความเป็นผู้นำสูง... เหอะ กระทั่งเส้นผมยังดูดี สำหรับหญิงสาวส่วนใหญ่ที่ได้รับชมการถ่ายทอดไปนั้น โดยเฉพาะเหล่าผู้เสพติดนิวเวิลด์ อลันจึงกลับกลายความฝันในอุดมคติ! อีกฝ่ายถึงกับเป็นเจ้าชายที่สวมใส่ชุดเกราะที่ส่องประกายออกมาได้
ขณะที่หญิงสาวทั้งหลายเอะอะ อลันจึงยกยิ้มพร้อมโบกมือให้ แม้ว่าทุกสิ่งจะยังถูกหมอกมืดเข้าปกคลุม แต่แล้วกลับคล้ายมีลำแสงส่องสว่างวาบผ่านทางเส้นผมสีบลอนด์กับฟันเหล่านั้นออกมา รัศมีที่ปรากฏขึ้นนี้ต้องเป็นผลของทักษะอย่างแน่นอน กล่าวกันว่ามันจะมีก็ต่อเมื่อเป็นคนมีชื่อเสียงเท่านั้น
อีกทั้งอลันยังแสดงเก่งไม่น้อย เหล่าหญิงสาวจึงกรีดร้องออกมายิ่งขึ้น
“ชิ ดูทำเข้า นึกว่าเล่นละครทุนต่ำอยู่หรือไงกัน?”
“บัดซบ มันก็แค่ไอ้คนหลอกลวงที่ได้ออกอากาศเท่านั้นแหละ”
“ทำตัวเป็นคนมีชื่อเสียงขนาดนี้เพราะได้ออกทีวีครั้งเดียวเนี่ยนะ”
“ใครกันที่นายติดหนี้จนทำได้รับแต้มสะสมพวกนั้นกัน เหอะ”
พวกที่เฝ้าดูต่างไม่ยอมรับเรื่องราวนี้ บางคนถึงกับพึมพำออกมาด้วยความอิจฉาอย่างเต็มเปี่ยม