ตอนที่แล้วTWO Chapter 241 ความรุนแรง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 243 การกำราบด่านเจิ้นหนาน ตอนที่ 2

TWO Chapter 242 การกำราบด่านเจิ้นหนาน ตอนที่ 1


TWO Chapter 242 การกำราบด่านเจิ้นหนาน ตอนที่ 1

ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 10 วันที่ 8

กลุ่มคนที่หอการค้าขุ่ยคัดเลือก ในที่สุดก็มาถึงเมืองซานไห่

กลุ่มผู้มีความสามารถพิเศษเหล่านี้ มีทั้สิ้น 1,200 คน โดยเป็นช่างตีเหล็ก, ช่างไม้ และช่างตัดเย็บถึง 1,000 คน

สำหรับพวกเขาและครอบครัวของพวกเขา โอหยางโชวต้องจ่ายเงินกว่า 5,000 เหรียญทอง เป็นค่าธรรมเนียมในการเทเลพอร์ตพวกเขาทั้งหมด

จากการแนะนำของโอหยางโชว ช่างฝีมือทั้งหมดถูกส่งไปยังโรงผลิตทางทหารในเขตตะวันออก สำหรับนักวิชาการและข้าราชการ พวกเขาจะถูกส่งไปยังกรมต่างๆ โดยเฉพาะในโครงสร้างการบริหารของเมืองเทียนเฟิงและเมืองสาขาของดินแดนแห่งอื่นๆ

บุคลากรทางทหารจะถูกส่งไปยังกรมทหารต่างๆ เพื่อทำหน้าที่เป็นนายพันและนายกอง

จากผู้มีความสามารถพิเศษทั้งหมดนี้ มีอยู่ 2 คน ที่โอหยางโชวให้ความสำคัญเป็นพิเศษ หนึ่งคือ ข้าราชการพลเรือน ขุ่ยโชวสี และอีกคนคือ นายทหาร ซุนชวนหลิน ขุ่ยโชวสีเป็นลูกพี่ลูกน้องของขุ่ยหยิงหยู และเป็นนักวิชาการ จากตระกูลขุ่ยทั้งหมด เขาเป็น 1 ใน 2 นักวิชาการของตระกูล ก่อนหน้าที่เขาทำงานอยู่ในราชสำนักของต้าหลี่

การมาถึงของเขาทำให้ขุ่ยหยิงหยูประหลาดใจ

เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่า ตระกูลของเธอจะทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ ตระกูลขุ่ยเป็นพ่อค้า ดังนั้น พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กๆมาก พวกเขาหวังว่า เด็กๆของพวกเขาจะเติบใหญ่ และกลายเป็นนักวิชาการหรือข้าราชการ เพื่อที่จะช่วยให้พวกเขามีอำนาจทางการเมืองมากขึ้น

ขุ่ยโชวสีเป็นหนึ่งในคนที่ประสบความสำเร็จทางการศึกษามากที่สุดของตระกูลขุ่ย

โอหยางโชวพอจะคาดเดาความคิดของตระกูลขุ่ยได้ เขาจึงไม่ลังเลที่จะแต่งตั้งให้ขุ่ยโชวสีเป็นผู้ปกครองเมืองยี่ซุ่ย

ชื่อ : ขุ่ยโชวสี(ระดับทอง)

อัตลักษณ์ : ผู้ปกครองเมืองยี่ซุ่ย

อาชีพ : ข้าราชการพลเรือน(นักวิชาการ)

ความจงรักภักดี : 85

ความเป็นผู้นำ : 35

กำลัง : 25

สติปัญญา : 50

การเมือง : 65

ลักษณะพิเศษ : การชักนำทางการเกษตร(ประสิทธิภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 20%)

การะประเมิน : เด็กจากตระกูลขุ่ย, มีความรู้มาก, มีความสุขุมและเยือกเย็น มีศีลธรรมอันดี และตั้งใจทำงานอย่างหนัก

แม้ขุ่ยโชวสีจะเป็นผู้มีความสามารถพิเศษระดับทอง เขาก็ลักษณะพิเศษเพียง 1 อันเท่านั้น มันดูเหมือนว่าเขายังคงบกพร่องอยู่ โชคดีที่ลักษณะพิเศษของเขา เข้ากันได้ดีกับเมืองยี่ซุ่ย ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือด้านการเกษตร

ถ้ามีคนกล่าวว่า ตระกูลขุ่ยได้วางแผนการมาของขุ่ยโชวสี การมาของซุนชวนหลินก็คงไม่น่าแปลกใจอะไร

ชื่อ : ซุนชวนหลิน(ระดับทอง)

อัตลักษณ์ : ชาวเมืองซานไห่

อาชีพ : นายทหารขั้นกลาง

ความจงรักภักดี : 80

ความเป็นผู้นำ : 60

กำลัง : 65

สติปัญญา : 40

การเมือง : 25

ลักษณะพิเศษ : การฉายภาพ(ระยะการยิงธนูของกองกำลัง เพิ่มขึ้น 5%), การยิงที่รุนแรง(พลังต่อสู้ของทหารธนูเพิ่มขึ้น 10%)

ฝึกฝน : เทคนิคการยิงธนูโหยวจี

อุปกรณ์ : ธนูลั้วหยาน

การะประเมิน : เคยเป็นนายทหารในกองทัพ แต่กลับถูกแทนที่ด้วยลูกน้องของเขา เพราะเขาแสดงความไม่พอใจกับผลตอบแทนทางทหาร เขาได้เปิดเผยพฤติกรรมอันโสมมของกองทัพ และเขาคาดหวังว่าการกระทำของเขาจะได้รับการตอบแทน แต่กลายเป็นว่า เขาได้รับการเย็นชากลับมา เนื่องจากเสียขวัญ เขาจึงตัดสินใจลาออกจากกองทัพ

จากลักษณะพิเศษของซุนชวนหลิน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนายทหารคนเดียวในเมืองซานไห่ที่เชี่ยวชาญการยิงธนู สิ่งนี้ทำให้โอหยางโชวคิดถึงกองร้อยทหารม้าหน้าไม้ของดินแดน เมื่อครั้งที่ยังอยู่ในเวลาทีระดับหมู่บ้าน

โอหยางโชวไม่ลังเลเลยที่จะแต่งตั้งนายทหารผู้นี้ เป็นผู้การแห่งกรมทหารที่ 5 และยังเป็นรองผู้บัญชาการค่ายทิศตะวันออก รับผิดชอบในการสร้างกรมทหารม้าหน้าไม้

ด้วยเหตุนี้ กองพลทหารที่ 1 ของเมืองซานไห่ ก็เสร็จสมบูรณ์ พวกเขามีกรมทหารทั่วไป 5 กรม และกรมทหารองครักษ์อีก 1 กรม ด้วยกำลังทหารรวม 15,000 นาย โดยพวกเขามีหน้าที่ดูแลทั้ง 4 ทิศทาง

ในขณะที่การจัดระเบียบทางทหารพร้อมแล้ว โอหยางโชวก็เริ่มมองไปทางเหนือของแอ่งเหลียนโจว

หลังจากสงครามมู่เย่สิ้นสุดลง เมืองมู่หลานก็อัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 1 หลังจากผ่านไป 1 เดือน พวกเขาก็ได้มาถึงขีดจำกัดของประชาการ และประสบความสำเร็จในการอัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 2

มู่กุ้ยหยิงรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเขาจะกำราบด่านเจิ้นหนาน

เมืองมู่หลานเพิ่งจะจัดตั้งกรมทหารป้องกันเมืองของพวกเขา ซึ่งประกอบไปด้วย ทหารโล่กระบี่ 2 กองพัน, กองพันทหารธนู 2 กองพัน และกองพันทหารม้า 1 กองพัน ด้วยกำลังของพวกเขา มันอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะกำราบด่านเจิ้นหนาน และมันอาจจะส่งผลให้เกิดผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก

ดั้งนั้น พวกเขาจึงขอความช่วยเหลือจากเมืองซานไห่

ถ้าโอหยางโชวส่งกองกำลังทั้งหมดของเขาไป แน่นอนว่า พวกเขาจะได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย ปัญหาก็คือ การทำเช่นนั้นมีค่าใช้จ่ายมหาศาล ตัวอย่างเช่น ถ้าโอหยางโชวส่งทหารไป 5,000 นาย พวกเขาจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการเทเลพอร์ตไปกลับรวมถึง 10,000 เหรียญทอง

เก่อหงเหลียงเสนอว่า พวกเขาไม่ควรส่งทหารผ่านการเทเลพอร์ต และให้ทหารที่จะส่งไป เดินผ่านพื้นที่ป่าไปแทน

ข้อเสนอของเขายังคงมีปัญหาอยู่มาก

ประการแรก นี่เป็นการปิดล้อม พวกเขาต้องใช้ทหารราบเป็นหลัก พวกเขาเคลื่อนไหวได้ช้า และแม้ว่าจะวิ่งอยู่ตลอด พวกเขาต้องใช้เวลาในการเดินทางข้ามพื้นที่ป่า ด้วยระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร อย่างเร็วที่สุดก็ 1 สัปดาห์เข้าไปแล้ว

ประการที่สอง การเดินทางข้ามพื้นที่ป่า หมายความว่าพวกเขาจะต้องเดินทางผ่านเส้นทางของชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในป่า มันจะดีกว่าที่จะไม่ไปรบกวนพวกเขาในขณะนี้

โอหยางโชวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเขาตัดสินใจว่า จะส่งทหารชั้นสูงไปช่วยเมืองมู่หลาน โดยสุดท้ายแล้ว เขาได้ส่งทหารชั้นสูง 2 กองพัน ได้แก่ กองพันที่ 1 แห่งกรมทหารองครักษ์ และกองพันที่ 1 แห่งกรมทหารที่1 กองพลทหาร นอกจากนี้ เขายังส่งเครื่องยิงหน้าไม้ 3 คันศรไปอีก 5 เครื่อง และบันไดกำแพงอีก 10 ชุด

ในขณะที่ขนาดของกองทัพใหญ่ขึ้น สงครามไม่สามารถทำได้ในทันที พวกเขาต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว

นกเฟิงของฝ่ายข่าวกรองได้รับคำสั่งจากโอหยางโชว ส่งต่อไปยังค่ายทิศตะวันตก เมื่อพวกเขาได้รับคำสั่ง พวกเขาก็จะจัดเตรียมทหาร และส่งพวกเขามาที่ค่ายหลัก โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน

ในขณะนี้ ค่ายทิศตะวันอตกของเมืองได้ช่วยกวาดล้างค่ายโจรรอบๆเส้นทางในการสร้างถนนเทียนไห่อยู่

เงินที่พวกเขายึดได้ จะถูกส่งกลับมาที่เมืองหลักและโอหยางโชว เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้กับทหาร โอหยางโชวตัดสินใจว่า เขาจะมอบเงิน 10% ที่ทหารยึดได้จากค่ายโจร เป็นรางวัลให้กับทหารที่เข้าร่วมการกวาดล้างนั้นๆ

เชลยจะถูกส่งไปให้กรมกิจการทหารจัดการ โดยพวกเขาจะถูกส่งเข้าไปอยู่ในกองกำลังสำรอง หรือไม่ก็ถูกส่งไปยังเมืองหยงเย่หรือเมืองกวงซุ่ย เพื่อเพิ่มประชากรของเมือง

และเชลยกลุ่มนี้ ก็ยังจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการก่อสร้างถนนเทียนไห่อีกด้วย

……………………………………………………………………………..

ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 10 วันที่ 11

โอหยางโชวนำทหารชั้นสูง 1,000 นาย และอุปกรณ์ทางทหาร เทเลพอร์ตไปยังเมืองมู่หลาน เนื่องจาก บันไดกำแพงมีขนาดใหญ่มาก โอหยางโชวจึงสั่งให้ถอดมันเป็นหลายชิ้น เพื่อที่เขาจะไม่ต้องเทเลพอร์ตหลายรอบ

“พี่ชายหวู่ยี่ ท่านมาถึงที่นี่แล้ว!” มู่หลานเยว่รอเขาอยู่ที่ด้านหน้าประตูเทเลพอร์ต

โอหยางโชวพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าพร้อมแล้วหรือไม่?”

“อื้อ พี่สาวมู่กำลังรอท่านอยู่ที่ค่ายทหาร” มู่หลานเยว่หัวเราะคิกคัก

“งั้นไปกันเถอะ!”

ในค่ายทหาร กรมทหารป้องกันเมืองของเมืองมู่หลายได้รวมตัวกันอยู่ที่นั่นแล้ว

ก่อนที่พวกเขาจะออกไป มู่กุ้ยหยิงเชิญโอหยางโชวและคนอื่นๆไปที่ห้องประชุม เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับแผนการ

มู่กุ้ยหยิงได้เชิญโอหยางโชวนั่งที่ที่นั่งที่สูงกว่า แต่เขาปฏิเสธ เขากล่าวว่า “ท่านขุนพล ท่านเป็นผู้รับผิดชอบการสู้รบครั้งนี้ กองกำลังทั้งหมดของข้าจะฟังคำสั่งของท่าน” เขาแนะนำหวังเฟิงและซีฮูให้กับเธอ

มู่กุ้ยหยิงได้ให้ความสำคัญกับด่านเจิ้นหนาน และมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้มากกว่าโอหยางโชว เธอคงได้วางแผนอย่างรอบคอบไว้แล้ว ว่าจะโจมตีอย่างไร

จึงเป็นธรรมดาที่โอหยางโชวจะไม่พูดมากจนเกินไป เพราะเขาเป็นเพียงแขก

มู่กุ้ยหยิงไม่ได้ปฏิเสธ และกล่าวว่า “หลังจากที่ใช้เวลาสังเกตการอยู่นาน พวกเราก็ได้ข้อมูลของด่านเจิ้นหนานมามากทีเดียว พวกเขาเป็นโจรภูเขา มีจำนวนราว 3,000 คน และผู้นำของพวกเขาชื่อว่า หลี่อ้านไป๋ เขาเคยเป็นมือกระปี่(จอมยุทธ) แต่ถูกติเตียนและถูกขับไล่ออกจากนิกาย เขาถูกบังคับให้เข้ามาอยู่ในเขตทุรกันดาร และสุดท้าย เขาก็กลายเป็นโจร เขามีทักษะที่แข็งแกร่ง และยังมีหัวใจแห่งความชอบธรรม หลังจากที่ยึดด่านได้ เขาก็บอกคนของเขาว่า พวกเขาจะต้องไม่สังหารผู้บริสุทธิ์”

“ปัญหาก็คือ การบาดเจ็บภายในของเขายังไม่ได้รับการรักษา ไม่นานมานี้ เขาจึงไม่สามารถคนของเขาได้”

โอหยางโชวพยักหน้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใด มู่กุ้ยหยิงจึงรีบเร่งในการจัดการกับพวกเขาให้เร็วที่สุด สามารถคาดเดาได้ว่า เมื่อหลี่อ้านไป๋ตาย ผ฿ที่จะได้รับผลกระทบที่สุดก็คือเมืองมู่หลาน

“หลี่อ้านไป๋มีลูกสาวคนหนึ่งชื่อว่า หลี่เฟยเซว่ นางอายุ 28 ปี และนางเกิดมาหลังจากที่เขาได้กลายเป็นโจรแล้ว เขารักนางและสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้ให้นาง ภายใต้การสั่งสอนของบิดา แม่นางหลี่ผู้นี้กลายเป็นหญิงสาวที่บริสุทธิ์และมีความชอบธรรม นางไม่ได้รับผลใดๆจากพวกโจร ด้วยเหตุนี้ หลี่อ้านไป๋จึงกังวลว่า เมื่อเขาตายแล้ว ลูกสาวของเขาจะไม่ได้รับความสนใจในด่านเจิ้นหนาน และแม้แต่ความบริสุทธิ์ขิงนางก็อาจจะถูกช่วงชิงไปโดยเหล่าหมาป่าที่หิวกระหาย”

โอหยางโชวไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะมีเรื่องดังกล่าว

“ด้วยเหตุนี้ หลี่อ้านไป๋จึงนอนไม่หลับในทุกๆค่ำคืน และบังเอิญว่า ในคืนหนึ่ง เขาได้พบกับสายลับของเรา และเขาก็ได้รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเมืองมู่หลานจากสายลับของเรา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็มีอารมณ์ และตัดสินใจที่จะยอมสละด่านเจิ้นหนาน เพื่อปกป้องลูกสาวของเขา”

โอหยางโชวรู้สึกเหมือนถูกตีด้วยพลังของความเข้าใจ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใด เธอจึงได้รู้ข้อมูลมากมายขนาดนี้ แม้กระทั่งความลับของพวกเขา เธอก็ยังรู้อย่างละเอียด สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ เมื่อหลี่อ้านไป๋ยินดีที่จะยอมสละด่านเจิ้นหนานแล้ว เหตุใดมู่กุ้ยหยิงถึงต้องการความช่วยเหลือจากเขาอีกล่ะ?

“มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นใช่หรือไม่?” โอหยางโชวถาม

มู่กุ้ยหยิงถอนหายใจยาว “การคาดเดาของท่านถูกต้อง มีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ แผนของเขาได้ถูกเปิดเผย และการกบฎก็เกิดขึ้นในด่าน แม้ว่าพวกโจรจะเคารพเขา แต่จะให้พวกเขายอมสละด่าน มันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้ รวมกับที่มีบางคนกระพือมันให้รุนแรงขึ้น จากข้อมูลล่าสุดที่สายลับได้รายงานมา ทั้ง 2 คน ได้ถูกคุมขังไว้ พวกโจรยังบอกด้วยว่า พวกเขาจะโจมตีเมืองมู่หลานเป็นการลงโทษ”

โอหยางโชวส่ายหัวและขบขัน “กลุ่มโจรภูเขาเหล่านี้ช่างหยิ่งผยองยิ่งนัก พวกเขาควรที่จะอยู่ในด่าน ถ้าพวกเขาออกมาแล้ว พวกเขาจะใช้วิธีใดในการโจมตีเมืองมู่หลานกัน? ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลานัก”

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด