ตอนที่แล้วบทที่ 43: พบเจอศิษย์พี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 45: จับภูติผี

บทที่ 44: เรื่องราวในอดีต


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

บทที่ 44: เรื่องราวในอดีต

หลังจากได้พบกับอาจารย์ลุงฉิงเฟิงซี เจ้าอ้วนได้รับการดูแลและความห่วงใยจากอาวุโส ฉิงเฟิงซีดูแลเขาอย่างดีพร้อมกับเริ่มไถ่ถามชีวิตวัยเด็กของเขา เจ้าอ้วนพูดทุกอย่างที่เขาต้องเผชิญ ทั้งการที่เขาถูกรังแก ทั้งการที่นิกายไม่ยอมมอบอุปกรณ์วิเศษให้กับเขาแต่ให้มาเพียงดาบหัก ๆ แต่ในส่วนของมิติลึกลับและการกระทำที่เลวร้ายของเขาที่มีต่อหานหลิงเฟิงเท่านั้นที่เขาไม่ได้เอ่ยถึงแม้แต่คำเดียว

หลังจากได้ฟังเจ้าอ้วนบ่น ฉิงเฟิงซีโกรธโดยทันที เขากล่าวออกมาอย่างขุ่นเคือง “บิดามารดาของเจ้าต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติต่าง ๆ แต่เจ้ากลับไม่ได้สิ่งใดเลย? กฏเช่นนี้สร้างขึ้นมาได้อย่างไรกัน? ต้องมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้! อ้วนน้อย เจ้ามั่นใจได้ว่าเมื่อข้ากลับไปยังนิกาย ข้าจะรายงานเรื่องนี้กับผู้นำทันที เขาจะได้ดูแลเหล่าคนละโมบโลภมากพวกนั้นทั้งหมด!”

“อาจารย์ลุง” เจ้าอ้วนไม่สามารถทำสิ่งใดได้ จึงได้แต่หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “เรื่องเล็กน้อยเช่นนั้น หากไม่ถึงหูของผู้นำนิกายคงจะเป็นการดีกว่าหรือไม่ใช่?”

ในใจของเจ้าอ้วน ผู้นำสำนักเสวียนเทียนอยู่ในระดับหยวนหยิน ช่างสูงส่งที่สุดอย่างมิอาจเข้าถึง เขาจะกล้านำเรื่องนี้ไประคายหูได้อย่างไร? แม้ว่าเขาจะมีข้อข้องใจแต่เขาก็ไม่กล้ามีกับผู้นำนิกาย เช่นเดียวกับชาวนาจะไม่บ่นให้จักรพรรดิฟังเมื่อถูกเหล่าขุนนางรังแก ความต่างของสถานะนั้นมากเกินไป

ฉิงเฟิงซีได้ยินเช่นนั้นจึงแปลกใจ เขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งพร้อมกับกล่าวว่า “ซ่งน้อย เจ้าอาจจะไม่รู้ว่าบิดามารดาของเจ้านั้นมีสัมพันธ์กับผู้นำนิกาย เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วที่เขาต้องดูแลเจ้า ถ้าหากเขาได้รับรู้ว่าพวกเขาดูแลเจ้าไม่ดี พวกเขาต้องมีความผิด!”

“อะไรหรือ?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยิน เขากล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ “บิดามารดาข้ารู้จักกับผู้นำนิกายงั้นหรือ?”

“มิผิด! ชื่อของเจ้าถูกตั้งโดยผู้นำนิกาย!” ฉิงเฟิงซีพยักหน้าขณะกล่าว

 

“ข้าหรือ” ในขณะที่เขาได้ยิน ข้าเกือบจะสาปแช่ง ‘ซ่งจง ซ่งจง เนื่องจากชื่อนี้มิใช่หรือ ที่ทำให้เกิดสิ่งต่าง ๆ มากมาย? ข้าถูกจับตามองตั้งแต่วัยเด็กจนถึงขณะนี้ เมื่อใดที่มีคนได้ยินชื่อนี้มักจะขมวดคิ้วแน่น ชื่อนี้แท้จริงแล้วไม่เป็นมงคลกับข้าแม้เพียงสักนิด!’ เมื่อคิดดังนั้นเขาไม่รู้จะทำเช่นไร ได้แต่กล่าวออกมาอย่างเศร้าโศก “อาจารย์ลุง ผู้นำนิกายอาจเกลียดบิดาข้า”

“ไม่เลย เขาชอบบิดาของเจ้ามาก บิดาของเจ้าทั้งมีพรสวรรค์และบ้างานมากเกินไป สำคัญที่สุดคือบุคลิกของเขานั้นไม่เคยถือตัวและช่างเรียบง่าย เขาชื่นชอบในตัวบิดาของเจ้ามาก อีกทั้งตั้งใจจะรับบิดาของเจ้าเป็นศิษย์เมื่อเขาเข้าสู่ระดับจินตัน แล้วเหตุใดเล่าจึงคิดว่าท่านผู้นำเกลียดเขา?” ฉิงเฟิงซีถามด้วยความงุนงง “เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนั้นล่ะ?”

“ฟังชื่อข้า ซ่งจง” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างผิดหวัง “ใครจะตั้งชื่อให้บุตรเช่นนี้? มันไม่เป็นมงคลเสียเลย ผู้คนคิดว่าชื่อของข้านำพาให้บิดามารดาต้องตายตกไป! ราวกับว่าเพียงพูดชื่อข้าก็ต้องถึงฆาตแล้ว!”

“เรื่องนั้น” ฉิงเฟิงซีไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “อย่าไปฟังขยะเหล่านั้น ไม่มีสิ่งใดเป็นเช่นนั้น สำหรับชื่อของเจ้านั้นคือความผิดพลาดของผู้นำ ในตอนที่เจ้าเกิด เขาก็อยู่นี่นั่นด้วย เขาเห็นว่าเจ้าทั้งขาวและอวบอ้วนเหลือเกิน เขากล่าวออกมาแบบไม่ทันคิด ‘ร่างกายของเจ้าเปรียบเสมือนกับนาฬิกาและไม่นานชีวิตของเจ้าจะประสบความสำเร็จในวันข้างหน้า แน่นอนว่าเจ้าสามารถใช้ชื่อนี้ได้!’ หลังจากที่เขากล่าวเสร็จแล้ว รู้หรือไม่ว่านามสกุลบิดาเจ้าคือซ่ง หากเขามอบชื่อที่ตั้งให้ว่า ‘จง’ ชื่อที่เจ้าได้รับก็คือซ่งจง! มันจึงไม่เป็นมงคลนัก!”

“เมื่อผู้นำนิกายทราบถึงปัญหานี้ เขาอึดอัดมากและต้องการจะเปลี่ยนแปลงมัน แต่บิดาของเจ้าเป็นคนใจแข็งดั่งหินผา! และเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของผู้นำ เขาจึงบอกว่าเขาเห็นด้วยกับชื่อนี้ ดังนั้นจึงกลายเป็นเจ้าขึ้นมาซ่งจง! ฮ่าฮ่า!” ฉิงเฟิงซีหัวเราะออกมาอย่างอดกลั้น

“อาจารย์ลุง ท่านกำลังหัวเราะข้าอยู่!” เจ้าอ้วนบ่นออกมาอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร

“ฮ่าฮ่า ตกลง ข้าจะหยุดหัวเราะ!” แม้ว่าฉิงเฟิงซีจะกล่าวเช่นนั้น แต่เสียงหัวเราะของเขายังไม่เบาลง

เจ้าอ้วนเห็นว่าคงไม่มีประโยชน์ใดหากกล่าวต่อ จึงทำการเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อาจารย์ลุง  หากบิดาของข้าคุ้นเคยกับผู้นำนิกาย เหตุใดเขากลับทิ้งข้าให้ทรมานเช่นนั้น? หรือเพราะความสามารถของข้าน้อยเกินไป บวกกับความจริงที่ว่าบิดาของข้าล่วงลับไปแล้ว เขาเลยไม่จำเป็นต้องเหลียวแลข้าอีก?”

“ไม่เลย แท้จริงผู้นำนิกายคือผู้ที่เต็มไปด้วยความชอบธรรม นอกจากนั้นเขายังมีข่าวลือในนิกายว่าเขาเป็นห่วงบิดาของเจ้าอย่างแท้จริง หากเขารับรู้สิ่งที่เจ้าต้องเผชิญ เขาคงทนไม่ได้หากต้องเห็นเจ้าถูกรังแก!” ฉิงเฟิงซีอธิบายต่อ “เหตุผลเดียวที่เขาไม่ได้รับรู้สถานการณ์ของเจ้าคงเป็นเพราะเขาไม่มีเวลา!”

“อย่าบอกข้านะว่าผู้นำนิกายฝึกตนโดยการปิดการรับรู้? เขาอดทนอยู่ในสภาวะเช่นนั้นนับสิบปี?” ถ้าอ้วนถามอย่างใคร่รู้ “แม้ว่าเขาจะปิดการรับรู้เมื่อฝึกตน แต่ภรรยาของเขาก็ปิดด้วยเช่นกันหรือ?”

“แค่ก แค่ก!” ฉิงเฟิงซีอะแอ่มออกมาสองครั้งพร้อมกล่าวอย่างมีเล่ห์นัย “เจ้าพูดถูก ทั้งสองอยู่ในการฝึกตนแบบปิดและไม่เคยออกมา!”

เจ้าอ้วนเห็นว่าการแสดงออกของฉิงเฟิงซีนั้นแปลกไปนิดหน่อย เห็นได้ชัดว่าการฝึกตนแบบปิดนั้นไม่ได้ทำโดยง่าย เขายังคงไม่เข้าใจและแน่นอนว่าเขาจะถามต่อ “เช่นนั้น อาจารย์ลุงข้ายังมีเรื่องคับข้องใจในบางสิ่ง บิดามารดาของข้าตายตกไปได้อย่างไร? เหตุใดนิกายจึงไม่บอกความจริงกับข้า? พวกเขาบอกเพียงว่าพบอันตรายภายนอก แต่ไม่ได้บอกสิ่งใดนอกเหนือจากนั้น!”

“เอ่อ เจ้าถามผิดคนแล้ว!” ฉิงเฟิงซีหัวเราะอย่างขื่นขมพร้อมกล่าวว่า “เพราะข้าทำบางสิ่งที่ผิดกฎนิกาย จึงต้องโทษให้ประจำอยู่ในที่แห่งนี้นับยี่สิบปี เมื่อข้าถูกส่งตัวมาที่นี่ บิดามารดาของเจ้ายังคงสบายดี เป็นข้าได้ยินข่าวเรื่องพวกเขาในหลายปีถัดมา! สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาข้าก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ผู้ฝึกตนมักจะวิ่งออกไปข้างนอกเพื่อหาเบาะแสการตายของพวกเขา แต่กลับไม่พบสิ่งใด เจ้าคิดว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือ?”

“โอ้ ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างเศร้าโศก “เด็กเอย ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดสิ่งใดกับครอบครัวของเจ้า รู้เพียงมันไม่ใช่สิ่งดีแน่นอน!”

“อือ ก็ถูกต้องหากเจ้าจะเกลียดชัง อีกไม่กี่ปีข้าจะได้กลับไปยังภูเขา และจะช่วยเจ้าค้นหามัน!” ฉิงเฟิงซีกล่าวพร้อมพยักหน้า

“ขอบคุณอาจารย์ลุง!” เจ้าอ้วนรีบตอบ

“เลิกพิธีรีตองกับข้าเถิด มันคือสิ่งที่ข้าต้องทำ!” ฉิงเฟิงซีกล่าว “จริงสิอ้วนน้อย ในตอนนี้เจ้าต้องอยู่กับข้า ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนบิดามารดาเจ้า เราทุกคนต่างฝึกตนเพื่อเดินตามเส้นทางแห่งสวรรค์ เจ้าต้องฝึกตนอย่างหนักและมิต้องสนใจความสวยงามใด ๆ ของโลกมนุษย์ เข้าใจหรือไม่?”

“ข้าเข้าใจ” เมื่อกล่าวจบ เจ้าอ้วนเหลือบไปมองนักบวชเต๋าที่อยู่ข้างเขาด้วยอาการพูดไม่ออก

ฉิงเฟิงซีเห็นการกระทำของเจ้าอ้วน หน้าของเขาแดงก่ำทันทีพร้อมกับบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “จงอย่าเรียนรู้จากขยะเช่นนั้น เขาหลุดลอยไปเสียแล้ว! ทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยทองและหยก เขามิเคยพูดถึงการฝึกตนใด ๆ เพียงแต่ใคร่รู้เกี่ยวกับยาอายุวัฒนะเพื่อการมีชีวิตอมตะเท่านั้น เช่นนั้นแล้วเขาจะดูเหมือนผู้ฝึกตนงั้นหรือ? เขาเป็นเพียงของปลอมเท่านั้น!”

หวังฉีหวู่ถูกตำหนิโดยฉิงเฟิงซีมานานจึงเผยยิ้มออกมาเพียงนิดและกล่าวอย่างใจเย็น “ท่านอาจารย์ ศิษย์ผู้นี้ความสามารถน้อยเกินไป ไม่ว่าข้าจะฝึกสิ่งใดก็ไร้ประโยชน์ ในตอนนี้ข้าเพียงต้องการสนุกกับเวลาที่ยังเหลืออยู่!”

“ฮึ่ม ถึงกับละทิ้งตัวตนที่ควรเป็น!” ฉิงเฟิงซีพ่นลมหายใจออกมา “เจ้าช่างไร้อนาคตเสียจริง!”

“ศิษย์มิได้ต้องการเช่นนี้เลย แต่ปัญหาของข้าไม่สามารถแก้ไขได้เพียงการฝึกตนอย่างหนัก!” หวังฉีหวู่หัวเราะอย่างขื่นขม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด