ตอนที่แล้วบทที่ 41: โลกมนุษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43: พบเจอศิษย์พี่

บทที่ 42: หนทางของลูกผู้ชาย


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

บทที่ 42: หนทางของลูกผู้ชาย

ขณะทุกคนที่ได้เห็นว่าเถ้าแก่ปฏิบัติกับนักบวชแต่งตัวซอมซ่อเช่นนี้ พวกเขาพากันจับจ้องมาที่เขาอย่างประหลาดใจ

เมื่อมองเห็นว่าพนักงานผู้นั้นคุกเข่าลง เถ้าแก่จึงมองที่เจ้าอ้วนอย่างกระวนกระวายพร้อมกล่าวว่า “เซียนอาวุโส เอ่อ”

“ให้มันลุกขึ้น!” เจ้าอ้วนโบกมืออย่างไม่ยี่หระพร้อมถามออกไปอย่างใคร่รู้ “ท่านรู้หรือว่าข้าเป็นใคร?”

“เซียนอาวุโสท่านต้องล้อเล่นแน่ ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน แน่นอนว่าข้าต้องไม่ทราบว่าท่านคือใคร เพียงแต่ข้าอยู่ที่แห่งนี้มานานนับสิบปีและพบเจอผู้คนทุกประเภท ดังนั้นข้าจึงรู้ทันทีว่าท่านคือผู้ฝึกตน พนักงานของข้านั้นดวงตามืดบอดและทำตัวไร้มารยาทใส่ท่าน ในร้านนี้เขาอายุน้อยที่สุด ได้โปรดยกโทษให้เขาด้วย!” เถ้าแก่กล่าวอย่างสุภาพ

เมื่อได้ยินว่าเถ้าแก่กล่าวสิ่งใด ทุกคนต่างพากันโล่งอก ชัดเจนว่าเขาคือผู้ฝึกตน! ดั่งกับสวรรค์มาโปรดในเหตุการณ์เมื่อครู่ พวกเขาเพียงได้ยินข่าวลือภายในดินแดนมนุษย์เท่านั้น ข่าวลือที่ว่าเหล่าผู้ฝึกตนสามารถควบคุมฟ้าฝนได้และมีอำนาจอย่างยิ่ง หากเหล่าผู้ฝึกตนมายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาก็คล้ายกับยมทูตมารอรับ พนักงานที่หมิ่นหยามนั้นอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายจริง ๆ ถ้าหากอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดี การร่ายคาถาออกมาอย่างไม่ใส่ใจนักอาจจะทำให้มันตายตกได้ทันที นอกจากนี้ยังไม่มีผู้ใดเรียกร้องความยุติธรรมให้ได้ แม้แต่อำนาจศาลยังไม่กล้าที่จะไปยุ่มย่ามในกิจของผู้ฝึกตน

พนักงานเข้าใจในสิ่งที่เจ้านายของเขาทำทันทีและรู้ว่าการบังคับให้เขาก้มหัวนี้คือการช่วยชีวิตเขา หากไม่ได้เขาที่รู้ว่าเจ้าอ้วนคือผู้ฝึกตนแล้ว เกรงว่าเขาจะต้องตายตกไปเพราะความไม่ยั้งคิดของตน

เจ้าอ้วนไม่ได้คาดหวังว่าเถ้าแก่ผู้นี้จะมีการสายตาที่กว้างไกลเช่นนี้ แต่คาดว่าคงเป็นเช่นนั้นเพราะเขาดูแลกิจการที่อยู่ภายใต้วัดเสวียนเทียนมานับสิบปี เขาคงพบเจอผู้คนนับไม่ถ้วนที่มายังวัดแห่งนี้ ไม่แปลกที่เขาจะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล

หลังจากเข้าใจกันแล้ว เจ้าอ้วนนั้นเกียจคร้านที่จะเอาความกับพนักงานผู้นั้นต่อไป จึงกล่าวออกไปว่า “เด็กหนุ่มผู้นี้คงไม่รู้จักวิธีควบคุมปากของเขา ข้านั้นควรจะลงโทษเขาจริง ๆ แต่ในตอนนี้เขารู้ความผิดพลาดของตนแล้ว ข้าจึงไม่ขอต่อความยาวสาวความยืดอีกต่อไป”

“ขอบคุณ ข้าขอบคุณท่านเซียนอาวุโส” เมื่อเห็นเจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น เขารีบพนมมือขึ้นมาพร้อมกับขอบคุณด้วยใจจริง

“พอ พอเถิด ข้ามาที่นี่เพื่อใช้จ่ายสำหรับค่ำคืนนี้ ช่วยจัดเตรียมลานกว้างที่เงียบสงบที่สุดให้กับข้า!” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาโยนเศษทองคำออกมาห้าก้อนพร้อมกล่าวต่อ “นี่สำหรับค่าใช้จ่ายหากว่าพวกเจ้ากลัวข้าจะชักดาบ!”

“ไม่จำเป็น!” เถ้าแก่กล่าวอย่างอับอาย “เซียนอาวุโส แท้จริงแล้วไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น การที่ท่านเลือกมาพักที่นี่นับว่าเป็นเกียรติของเรา จะให้เราเก็บเงินจากท่านได้อย่างไร?” เขาพยายามจะคืนทองคำให้กับเจ้าอ้วน

เจ้าอ้วนจะรับคืนมาได้อย่างไร? เขากล่าวออกมาอย่างกระปรี้กระเปร่า “ข้าไม่มีนิสัยที่จะกินอยู่ฟรี รีบไปจัดเตรียมสถานที่ให้ข้า!”

“โอ้ เป็นเช่นนั้น!” เมื่อเห็นเจ้าอ้วนยืนยันเช่นนั้น เถ้าแก่ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดต่อ เขารีบพาเจ้าอ้วนไปยังลานด้านหลัง

หลังจากนั้นเพียงครู่หนึ่ง เถ้าแก่ได้กลับออกมา เขาตรงดิ่งไปหาพนักงานโชคร้ายทันทีพร้อมกับตำหนิว่า “ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว? อย่ามองผู้อื่นที่ภายนอก! เหตุใดสมองของเจ้าจึงไม่จดจำมัน? ครั้งนี้โชคดีที่เจ้าได้พบกับผู้ฝึกตนที่เต็มไปด้วยเหตุผล หากว่าเจ้าได้พบกับคนที่จิตใจชั่วร้าย เจ้าจะไม่รู้ด้วยซ้ำอย่างเหตุใดเจ้าจึงต้องตาย!”

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?” พนักงานกล่าวออกมาอย่างหวาดกลัว

“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีเหล่ามหาเศรษฐีมากมายในเมืองนี้ตายตกไปอย่างลึกลับ?” เถ้าแก่กล่าวอย่างผิดหวัง “จงจำไว้ว่าในอนาคตหากเจ้าพบเจอผู้ที่สวมใส่เสื้อผ้าคล้ายกับขอทาน แต่กลับมีกลิ่นอายที่มั่นคงแน่วแน่ เจ้าต้องดูแลเขาอย่างดี อย่าเอาชีวิตไปทิ้งเพียงเพราะเรื่องแค่นั้น!”

“ข้าทราบแล้ว!” พนักงานผู้น้อยตอบรับและถามออกไป “จริงด้วยนายท่าน ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาคือเซียนอาวุโส? ส่วนตัวข้ามองดูแล้วไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น?”

“หุบปาก!” เถ้าแก่ตวาดออกมาอย่างอดกลั้น “เจ้าโง่เขลาถึงเพียงไหน? ถ้าหากเขามิได้เป็นเซียนอาวุโส เขาจะสามารถโยนทองคำออกมาดั่งขยะได้งั้นหรือ?”

“โอ้ เป็นเช่นนั้น!” พนักงานตกใจเพียงครู่แล้วพูดต่อ “แม้กระทั่งราชวงศ์ก็มิอาจใจกว้างดั่งเซียนอาวุโสผู้นี้!”

“ดีแล้วที่เจ้าเข้าใจ!” เถ้าแก่กล่าวเสริม “จงไปเตรียมอาหารสำหรับเซียนอาวุโสเดี๋ยวนี้ สั่งพ่อครัวทั้งหมดให้ทำอย่างสุดฝีมือให้เขา จากนั้นให้สตรีนำไวน์แดงร้อยปีไปมอบให้แก่เขาด้วย!”

“เอ๋?” ขณะที่พนักงานได้ยิน เขาตกใจโดยทันที “นายท่าน ไวน์แดงนั้นเป็นสมบัติของร้านเรา ครั้งสุดท้ายที่มีคนมาขอซื้อมันด้วยราคาทองคำสิบก้อน ท่านกลับปฏิเสธ เหตุใดมูลค่าของมันกลับมีเพียงทองคำห้าก้อน?”

“เจ้าควรรู้ว่าเซียนอาวุโสผู้นี้ได้บรรลุสัจธรรมแห่งเต๋า พวกเขาไม่ชอบสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปชอบ ในครั้งนี้เขาจะเป็นหนี้บุญคุณเรา ไม่นานเขาจะต้องหาวิธีมาชำระหนี้ในครั้งนี้ ความเสี่ยงของข้าในคราวนี้คือการดูแลเขาอย่างถึงที่สุด ซึ่งเขาอาจจะมอบยาอายุวัฒนะเล็กน้อยเพื่อให้ข้าเพิ่มอายุขัย!”

“อา นายท่านเป็นคนฉลาดจริง ๆ!” เมื่อได้ยินว่าเถ้าแก่กล่าวสิ่งใดออกมา พนักงานผู้นั้นยกนิ้วโป้งขึ้นมาเยินยอทันที

“เหอ เหอ แน่นอน สิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้เพิ่มในวันนี้เรียกว่า ‘สุภาพบุรุษไม่มีทางเลือก นอกจากยอมถูกรังแก!’” เถ้าแก่หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายขณะที่กล่าว สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือแม้ว่าเจ้าอ้วนจะสูงส่งเป็นถึงเซียนอาวุโส แต่เขามิใช่สุภาพบุรุษ ดังนั้นการกระทำในครั้งนี้ของเขาแน่นอนว่ามันจะล้มเหลว!

ในค่ำคืน เจ้าอ้วนชอบใจอาหารที่เถ้าแก่จัดเตรียมมาให้ โดยเฉพาะเหยือกไวน์แดงอายุนับร้อยปี เขาพอใจในรสชาติของมันอย่างถึงที่สุด เขาไม่สามารถดื่มมันจนหมดได้จึงเหลือทิ้งไว้กึ่งหนึ่ง

ในวันรุ่งขึ้น เถ้าแก่ออกมารอพบปะกับเจ้าอ้วน เมื่อยามเขาก้าวออกมาพร้อมเตรียมร้องขอบางสิ่ง แต่เขายังมิได้ออกมา เมื่อเห็นว่าเกือบเที่ยงแล้ว เถ้าแก่ไม่อดทนอีกต่อไป เขารวบรวมความกล้าเพื่อเคาะประตูห้องและคิดหาเหตุผลดี ๆ ในการทักทาย ในตอนสุดท้ายเขาก็รู้ว่าประตูนั้นไม่ได้ล็อคและสามารถเปิดออกอย่างง่ายดาย

เขารู้ได้ทันทีว่าเกิดสิ่งผิดปกติจึงรีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อค้นหาทันที จากนั้นจึงรู้ว่าเจ้าอ้วนได้จากไปนานเสียแล้ว เขาเพียงทิ้งคำพูดไว้บนฝาผนังว่า ‘สุภาพบุรุษไม่มีทางเลือก นอกจากถูกรังแก!’

เมื่อเห็นประโยคนี้ เถ้าแก่ตกใจทันที จากนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าประโยคนี้ที่เขาพูดเมื่อวานนั้นถูกได้ยินเข้าแล้ว เขาทั้งอับอายและผิดหวังที่แผนการถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง อีกทั้งเจ้าอ้วนยังเขียนบนผนังให้เขาเจ็บใจ เขาเสียดายไวน์แดงอายุร้อยปีของเขาที่ตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มันถูกทิ้งไว้และเหลือเพียงครึ่ง เขามิได้ดื่มมันจนหมดสิ้น แต่ในรอบนี้เขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญกว่าคือการที่เขายอมเสียสละไวน์รสเลิศแต่กลับมิได้รับผลประโยชน์อันใด เขาไม่พอใจเหล่าผู้ฝึกตน สิ่งนี้มันไม่ได้ดีไปกว่าประโยคที่ว่า ‘สูญเสียทั้งภรรยาและเหล่าทหารรับใช้’ งั้นหรือ?

เจ้าอ้วนตั้งใจจะเล่นตลกกับเถ้าแก่และบินออกมาก่อนที่ฟ้าจะสว่าง เขามาถึงวัดเสวียนเทียนได้ในรุ่งอรุณพอดี

วัดเสวียนเทียนนั้นที่จริงแล้วเป็นเพียงชื่อเท่านั้น ความจริงมันเป็นวัดหลวงสำหรับราชวงศ์แห่งแคว้นหลานเย่ว์ เป็นพื้นที่กว้างเต็มไปด้วยวัดมากมายหลายพัน บนเส้นทางบนภูเขามีราชวังขนาดเล็กอยู่มากมาย และมีลัทธิเต๋ามากกว่าหนึ่งพัน อย่างไรก็ตาม นักบวชที่นั่นไม่สามารถแสวงหาพรสวรรค์ได้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้วิธีการฝึกตน แต่ก็ไม่สามารถข้ามผ่านระดับโฮ่วเทียนได้ มีเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่สามารถไปถึงระดับเซียนเทียน ระดับปฐมภูมิมีเพียงคนเดียวซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดแล้ว เขามักอยู่อย่างสันโดษและกลายเป็นเทพเจ้าในสายตาของมนุษย์

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด