ตอนที่แล้วGE10 ประมูลผลไม้แห่งเต๋า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE12 นิกายเทียนหลีโม่และคนผู้รนหาที่ตาย

GE11 วางอุบายหลอกล่อ


Chapter 11 วางอุบายหลอกล่อ

 

หนิงฝานนำยุ่ยฉีและองครักษ์เหมยอีก 100 คนไปยังตำหนักซื่อถู

 

ประตูทางเข้าของตำหนักซื่อถูดูแน่นหนา ที่เบื้องหน้าประตูมีองครักษ์กระบี่ประจำการ 500 นาย ทุกนายสวมใส่ชุดคลุมที่ปักด้วยรูปกระบี่สีแดง ที่หัวไหล่มีตราสัญลักษณ์ลายปักเป็นกระบี่ 7 เล่ม

 

องครักษ์เหล่านั้นคล้ายทราบมาก่อนว่าหนิงฝานจะมา และเมื่อเห็นหนิงฝานมา พวกมันก็แปรขบวนเป็นค่ายกลกระบี่

 

เจตจำนงค์กระบี่ที่รุนแรงปรากฏทำให้หนิงฝานต้องผงะถอยตามสัญชาตญาณไปสองก้าวและหยุดเพียงแค่นั่น แต่เหล่าองค์รักษ์เหมยกลับมีสภาพย่ำแย่กว่า มีองครักษ์หลายนายที่ทรุดร่างลงเพราะไม่อาจต้านแรงกดดันไหว

 

อวดโอ่อำนาจ! องครักษ์กระบี่ของหัวหน้าซื่อถูกำลังแสดงพลังของพวกมัน!

 

“คารวะหัวหน้ายุ่ยฉี… หัวหน้าซื่อถูกล่าวว่า หากหัวหน้ายุ่ยฉีมา ท่านหัวหน้าอนุญาติเพียงท่านยุ่ยฉีให้เข้าพบเท่านั้น ส่วน ‘คนนอก’ ไม่สามารถเข้าไปได้!”

 

คำตอบของชายผู้มีดาบสะพายอยู่ด้านหลังมาพร้อมกับเจตนาสังหาร ชายผู้นั้นอยู่ในขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 10 มันไม่ได้จ้องมองหรือให้ความสนใจหนิงฝาน แต่คำกล่าวที่ว่า ‘คนนอก’ ของมันย่อมหมายถึงหนิงฝาน

 

นายน้อยแล้วยังไง? องครักษ์กระบี่อย่างพวกมันฟังคำสั่งเพียงเจ้าเมืองหานหยวนจี๋เท่านั้น เคารพเชื่อฟังเพียงหานหยวนจี๋เท่านั้น!

 

“ข้าคือนายน้อยของเมืองฉีเหมย วันนี้ข้ามีธุระสำคัญต้องพบหัวหน้าซื่อถู”

 

ชายสะพายดาบไม่สนใจคำกล่าวของหนิงฝาน แต่นั่นกลับไม่ทำให้หนิงฝานหวาดกลัว เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก่อนปรากฏเจตจำนงค์กระบี่เพลิงเข้าทำลายเจตจำนงค์กระบี่ขององครักษ์กระบี่ทั้ง 500 คน

 

“เจตจำนงค์กระบี่ระดับผสานวิญญาณ!? แต่ระดับการบ่มเพาะกลับเพียงขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 5!?”

 

สีหน้าชายสะพายดาบแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง หนิงฝานที่อยู่ตรงหน้าและหนิงฝานตามข่าวลือนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง! กลับกลายเป็นว่าหนิงฝานไม่ใช่ผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 1!

 

เจตจำนงค์กระบี่ระดับประสานวิญญาณเช่นนี้ ชายสะพายดาบเคยได้สัมผัสจากหัวหน้าซื่อถูเท่านั้น!

 

ชายสะพายดาบเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 10 อีกเพียงก้าวเดียวจะบรรลุขอบเขตประสานวิญญาญ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหนิงฝาน มันกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง มันรู้สึกว่าเพียงว่า แค่หนิงฝานคิดเจตจำนงค์กระบี่เพลิงก็ปรากฏ และสามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นกระบี่ดำเข้าสังหารมันได้

 

ความรู้สึกที่ปรากฏต่อชายสะพายดาบในยามนี้คือ มันไม่อาจหยุดยั้งหนิงฝานได้!

 

“ยุ่ยฉี ไปกันเถอะ ข้าไม่อยากให้หัวหน้าซื่อถูรอนาน”

 

หนิงฝานนำยุ่ยฉีและองครักษ์เหมยทั้ง 100 นายเข้าไปในตำหนักซื่อถูโดยไม่สนใจมองชายสะพายดาบ เมื่อหนิงฝานก้าวพ้นประตู ชายสะพายดาบพลันผ่อนคลายก่อนจะฝืนยิ้ม

 

“สมแล้วที่เป็นศิษย์ของท่านเจ้าเมือง...”

 

ตำหนักซือถูมีการตกแต่งที่หรูหรา พื้นปูด้วยหยกทองคำ รอบข้างทางประดับด้วยปะการังสลักเรียงเป็นแถว ลานกว้างภายนอกเป็นพื้นที่เปิดกว้างกว่า 1,000 จ้าง เพียงแต่ไม่รู้ว่าซือถูใช้วิธีการใด บรรยากาศของที่แห่งนี้ถึงได้ดูเหมือนทิวทัศน์ยามฤดูใบไม้ผลิอยู่ตลอดทั้งปี

 

แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ ทั่วทุกที่ภายในลานกว้างกลับเต็มไปด้วยป้ายหลุมศพ จนดูราวกับบรรยากาศในฤดูใบไม้ผลินี้สร้างไว้เพื่อป้ายหลุมศพเหล่านี้โดยเฉพาะ

 

ภายในหลุมศพแผ่เจตจำนงค์กระบี่ที่อ่อนจางทำให้หนิงฝานขมวดคิ้ว

 

“ป้ายหลุมศพพวกนี้ไม่ธรรมดา...”

 

เหล่าองครักษ์เหมยกว่า 100 นายที่ได้ยินพลันส่ายหัว พวกเขาไม่เข้าใจที่หนิงฝานกล่าว ป้ายหลุมศพเหล่านี้เป็นเพียงป้ายหลุมศพธรรมดาๆเท่านั้น แต่ยุ่ยฉีที่ได้ฟังกลับสีหน้าแปรเปลี่ยน เขามั่นใจแล้วว่าสายตาของหนิงฝานเฉียบคมเป็นอย่างมาก

 

เพราะป้ายหลุมศพเหล่านั้นก็ไม่ธรรมดาจริงๆ

 

แต่เมื่อยุ่ยฉีกำลังจะอธิบายแก่หนิงฝาน จู่ๆกลับมีเสียงดังผ่านกลุ่มคนออกมา

 

“ไม่ธรรมดา? ฮึ่ม! อย่างเจ้าเนี่ยนะรู้ว่ามันไม่ธรรมดา!?”

 

เมื่อเหล่าองครักษ์เห็นผู้ที่กล่าว พวกเขาต่างทำความเคารพ

 

หนิงฝานหันหน้าไปก่อนเห็นเจ้าของเสียงเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี รูปร่างผอมบาง ผมยาวปล่อยสยาย สวมใส่ชุดคลุมสีดำคล้ายนักบวช คิ้วเหยียดชี้สูงคล้ายกระบี่ ดวงตาเฉียบคมราวกับเหยี่ยว ทั่วร่างแผ่เจตนาสังหารที่ไม่ธรรมดา

 

“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะรู้อะไร… แต่ข้าจะให้เวลาเจ้าสามลมหายใจเพื่อไสหัวออกไปจากตำหนักซื่อถู!”

 

ชายวัยกลางคนกล่าวข่มขู่โดยไม่เคารพหนิงฝานแม้แต่น้อย

 

คนผู้นั้นคือหัวหน้าองครักษ์กระบี่...ซื่อถู!

 

“พี่สอง… ท่านพูดแบบนั้นกับนายน้อยได้ยังไง..” ยุ่ยฉีกล่าวขึ้น

 

“หุบปาก!” ซื่อถูกล่าวเย็นชา

 

หลังจากสามลมหายใจ หากหนิงฝานไม่ออกไปจากตำหนักซื่อถู ซื่อถูอาจลงมือสังหาร!

 

หนิงฝานจ้องสำรวจซื่อถู จิตใจของบุรุษผู้นี้ราวกับกระบี่ ยอมหักไม่ยอมงอ หากอยากให้บุรุษผู้นี้นับถือ การใช้กำลังย่อมยากจะบรรลุ หากจะจัดการกับคนเช่นนี้ต้องใช้สติปัญญา

 

หนิงฝานพบว่าระดับการบ่มเพาะของซื่อถูอยู่ในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง อีกเพียงก้าวเดียวก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นสุดท้าย ดูเหมือนซื่อถูจะติดอยู่ในระดับนี้มานานหลายปี เมื่อหนิงฝานหันมองป้ายหลุมศพภายในลานกว้าง จู่ๆความคิดบางอย่างก็ปรากฏ

 

“สถานที่แห่งนี้มีป้ายหลุมศพทั้งหมด 105 ป้าย แต่ละป้ายล้วนเป็นสุสานของกระบี่มีชื่อ… แต่ช่างน่าเศร้า...” หนิงฝานชงักคำกล่าวในฉับพลันก่อนจะหันกายเดินออกจากตำหนัก

 

คำกล่าวของหนิงฝานทำให้ยุ่ยฉีและองครักษ์คนอื่นๆมึนงง แต่เมื่อซื่อถูได้ฟัง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

 

“อะไรที่น่าเศร้า!”

 

คำกล่าวของหนิงฝานทำให้ซื่อถูตกตะลึง นั่นเพราะหลุมศพเหล่านั้นไม่ได้เป็นสุสานฝังร่างมนุษย์ แต่เป็นสุสานของกระบี่

 

ที่ซื่อถูสร้างสุสานกระบี่ขึ้นก็เพื่อทำความเข้าใจกับเจตจำนงค์ของกระบี่

 

ด้วยวิธีการเช่นนี้ เพียง 30 ปีก็ทำให้เต๋าแห่งกระบี่ของซื่อถูพัฒนาอย่างก้าวกระโดด กระทั่งบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลางอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่สามารถทะลวงไปยังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้ายได้

 

สิ่งที่เกิดขึ้นนับเป็นเรื่องร้าย ซื่อถูเองก็ไม่กระจ่างกับเหตุผล แต่คำกล่าวของหนิงฝานเมื่อครู่ราวกับจงใจกล่าวถึงบางสิ่ง ดูราวกับว่าการฝังกระบี่ไว้ที่นี่เป็นเรื่องที่ผิด

 

หรือมันจะรู้เหตุผลที่ข้าถึงจุดตีบตัน?

 

ซื่อถูไม่เชื่อหนิงฝานที่มีระดับอยู่เพียงขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 5 แต่เมื่อกล่าวถึงเรื่องเต๋าแห่งกระบี่ ซื่อถูกลับปรารถนาจะเห็นข้อบกพร่องในเต๋าแห่งกระบี่ของตน

 

หรือควรจะกักขังหนิงฝานไว้?

 

ซื่อถูไม่ได้โง่ เขารู้ว่าหนิงฝานกำลังวางอุบาย หากซื่อถูยอมรั้งหนิงฝานไว้ ย่อมยากที่จะไล่หนิงฝานออกนอกตำหนักได้อีกครั้ง

 

ระดับการบ่มเพาะของเด็กนี่ก็ไม่เท่าไหร่ แต่กลอุบายช่างแยบยลนัก

 

แต่ก่อนที่ซื่อถูจะตัดสินใจเรียหนิงฝาน จู่ๆหนิงฝานกลับชงักฝีเท้าเพื่อสังเกตุอารมณ์ของซื่อถู

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความหวังในการทะลวงจุดตีบตัน แต่ซื่อถูยังคงสงบใจได้… คนผู้นี้แตกต่างจากยุ่ยฉี คนผู้นี้อาจมีศักยภาพให้เพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้

 

เป็นผู้ที่มีกระบี่ในหัวใจอย่างลึกซึ้ง!

 

แต่ไม่ว่าเจ้าจะหนักแน่นขนาดไหน ข้าจะต้องทำให้เจ้ายอมแพ้ให้ได้

 

มุมปากหนิงฝานยกยิ้ม เขากล่าวโดยไม่หันหน้ามามอง “ท่านสมควรทราบว่าการประสานวิญญาณคืออะไร...”

 

“การประสานวิญญาณไม่ใช่ระดับการบ่มเพาะทั่วไปของเมืองฉีเหมย… การประสานวิญญาณ… การประสานวิญญาณ...”

 

ซื่อถูหลับตาลง เขากล่าวคำว่าการประสานวิญญาณซ้ำไปซ้ำมาราวกับเข้าใจบางสิ่ง แต่แท้จริงกับไม่เป็นเช่นนั้น

 

“หากเจ้าไม่ทำความเข้าใจกับคำว่าประสานวิญญาณ… เช่นนั้นกระบี่ของเจ้าก็มีแค่เปลือกนอกแต่ไร้ซึ่งเจตจำนงค์...”

 

“เจ้ากล่าวว่ากระบี่ของข้ามีแค่เปลือกนอกแต่ไม่มีเจตจำนงค์ใช่มั้ย!” ซือถูแค่นเสียง เจตจำนงค์กระบี่จำนวนมากที่อยู่ในลานกว้างปรากฏ!

 

เมื่อเจตจำนงค์กระบี่ปรากฏ เหล่าองครักษเหมยต่างหน้าถอดสี ยุ่ยฉีที่สัมผัสเจตจำนงค์กระบี่ หายใจได้อย่างยากลำบาก แต่หนิงฝานที่เป็นเป้าหมายของปราณกระบี่กลับหยุดยืนอย่างสงบนิ่ง

 

เจตจำนงค์กระบี่ของซื่อถูพุ่งเข้าใส่หนิงฝานราวกับวัวคลั่ง

 

ซื่อถูเผยสีหน้าโหดเหี้ยม แต่แววตาของหนิงฝานกลับฉายแววหาญกล้า

 

ด้วยเจตจำนงค์กระบี่ที่ใช้ออกด้วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง อานุภาพของมันย่อมต้องรุนแรงราวกับคลื่นสมุทร แต่เหตุใดเด็กนั่นถึงไม่กลัว

 

หรือหนิงฝานก็มีเจตจำนงค์กระบี่เป็นของตน หรือเจตจำนงค์กระบี่ของหนิงฝานจะทรงพลังยิ่งกว่า?

 

“เด็กเอ๋ย… จงแสดงเจตจำนงค์กระบี่ของเจ้าให้ข้าได้เห็นว่ามันจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน!”

 

“เห็นไปแล้วจะได้อะไร?”

 

“หากเจตจำนงค์กระบี่ของเจ้าทำให้ข้าพึงพอใจ ข้าจะนำองครักษ์กระบี่ทั้งหมดเข้าร่วมงานประมูลผลไม้แห่งเต๋า และข้าสัญญา...ว่าองครักษ์น้ำแข็งและตระกูลใหญ่ทั้ง 4 จะไม่ต่อต้านเจ้าอีก” ซื่อถูกล่าวเย็นชา

 

ซื่อถูกไม่โง่ เขารู้ว่าหนิงฝานมาเยือนตำหนักเพราะเหตุใด ทั้งยังเข้าใจว่าสิ่งที่หนิงฝานกำลังทำคือวางอุบายเพื่อล่อให้ติดกับ

 

ฉลาดแล้วสำคัญอันใด? มันต้องดูกันที่เจตจำนงค์กระบี่

 

หนิงฝานจ้องมองซื่อถูอย่างลึกซึ้ง บุรุษผู้นี้ไม่ธรรมดาทั้งยังมีจิตใจที่สงบ เขาจะยอมรับคนที่มีพรสวรรค์เท่านั้น

 

“เช่นนั้นจงต้านรับเจตจำนงค์กระบี่ของข้าให้ดี เพราะก่อนหน้านี้ เจตจำนงค์กระบี่ของข้าหลุดการควบคุมกระทั่งตัดผ่ากระถางปรุงโอสถของท่านอาจารย์จนขาดเป็นสองส่วน...”

 

คำกล่าวของหนิงฝานไม่ได้ปรุงแต่งเกินจริง เพราะทันทีที่ซื่อถูได้ฟัง สีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

 

กระถางปรุงโอสถของปีศาจเฒ่า? นั่นมันสมบัติวิญญาณระดับกลาง ต่อให้ใช้กระบี่จริงก็ไม่สามารถทำลายมันได้ แต่หนิงฝานกลับใช้เพียงเจตจำนงค์กระบี่ตัดฝ่ามันเป็นสองท่อน!?

 

ยามนี้ เจตจำนงค์กระบี่ของหนิงฝานปรากฏ มันแปรเปลี่ยนเป็น ‘กระบี่เพลิงทมิฬ’ พุ่งตรงเข้าใส่ซื่อถูในฉับพลัน

 

สีหน้าซื่อถูแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นภายในใจ เขาเร่งเค้นเจตจำนงค์กระบี่จากทั่วร่างเข้าต้านกระบี่เพลิงทมิฬของหนิงฝานที่กำลังตรงเข้ามา

 

“เจตจำนงค์กระบี่แปรสภาพเป็นเพลิง!”

 

ในสายตาของซื่อถู การที่เจตจำนงค์กระบี่แปรเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์เช่นนี้ นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึง!...

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด