ตอนที่แล้วเล่ม 2 ตอนที่ 7 : ศึกที่สันเขาสีเทา (1) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 2 ตอนที่ 7 : ศึกที่สันเขาสีเทา (3) [อ่านฟรี]

เล่ม 2 ตอนที่ 7 : ศึกที่สันเขาสีเทา (2) [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

==========

เล่ม 2 ตอนที่ 7 : ศึกที่สันเขาสีเทา (2)

ซิดลากอาร์คไปยังโรงเตี๊ยมโดยไม่ปล่อยให้อาร์คได้มีโอกาสพูดกล่าวแม้ครึ่งคำ ชายทั้งสองนามลีโอและฮาเก้นต่างกำลังนั่งรอคอยอยู่ภายในโรงเตี๊ยม เมื่อได้เห็นว่าพวกเขาต่างสวมใส่เกราะเพลท ทั้งคู่ย่อมต้องมีอาชีพสายการต่อสู้เป็นแน่

เมื่อซิดกล่าวแนะนำตัวให้อาร์ค สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นไม่ชอบใจ

“ซิดนิมไม่ได้พูดเอาไว้ว่าจะไปหาผู้ร่วมทางอื่นเพิ่มนี่”

“แค่สันเขาสีเทาพวกเราสองคนก็เพียงพอแล้ว”

“ขออภัย พวกเราบังเอิญพบกันที่ภายในร้านน่ะ เพราะงั้นพวกเราเลยตัดสินใจร่วมทางไปด้วยกัน ผมรู้ว่าพวกนายสองคนก็พอ แต่ก็เหมือนที่เคยพูดเอาไว้ ผมมีเหตุผลที่ต้องไปยังกิรันโดยเร็วที่สุด สามคนย่อมต้องเร็วกว่าสองคนแน่นอนอยู่แล้ว”

“แล้วค่าคุ้มกันล่ะ?” ฮาเก้นเอ่ยถาม เขาเป็นคนที่ใบหน้ามีรอยสักรูปขวานและกำลังจ้องมองอาร์ค

“ค่าคุ้มกันจะเป็นเหมือนที่เราตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ ในเมื่ออาร์คนิมเองก็จะไปกิรันเพื่อขายของ ผมเลยตัดสินใจว่าจะช่วยเขาค้าขายให้แลกเปลี่ยนกับเป็นค่าคุ้มกันน่ะ”

“อะไรกันที่ทำให้นายยอมขายของให้เขาแทนค่าคุ้มกัน?”

“ไข่มุก บางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้เข้าหมู่บ้านมานานมาก เขาจึงมีเก็บเอาไว้กับตัวเยอะเอาเรื่อง”

ซิดเป็นพวกจ้อไม่หยุด ทว่า ไม่ว่าจะในเกมหรือชีวิตจริง คนมีเงินก็ย่อมต้องมีคนห้อมล้อมมากหน้าหลายตาเช่นเดียวกัน ดังคาด ขณะที่พวกเขาได้ยินว่าอาร์คมีไอเทมจำนวนมาก นักรบทั้งสองต่างมองพิจารณาอาร์คด้วยดวงตาวาววับเป็นมัน

แม้ว่าท่าทางของพวกเขาจะไม่ค่อยดี แต่การกระทำที่แสดงออกนี้มันไม่ดียิ่งกว่า ทว่า สำหรับเขาแล้วก็คงไม่ดีหากถอนตัวออกหลังตกลงรับปากร่วมทางกับซิดไปแล้วเพียงเพราะแค่ไม่ชอบพวกเขาเหล่านี้

‘อีกสิบหกชั่วโมงในโลกจริงก็ไม่ต้องเห็นพวกมันแล้ว เราต้องอดทนได้’

หลังพูดคุยกันเสร็จสิ้น ซิดจึงนำเอาม้วนคัมภีร์ออกมา มันคือม้วนคัมภีร์ [ตรวจสอบระดับต่ำ]

“งั้นก่อนจะออกเดินทาง ผมขอตรวจสอบขั้นพื้นฐานก่อนแล้วกันนะ โปรดให้ความร่วมมือด้วย”

สิ่งแรกสุดที่เหล่านักวาณิชหรือพ่อค้าต้องทำเมื่อคัดเลือกทหารรับจ้างหรือให้ผู้เล่นมาคุ้มกันก็คือตรวจสอบข้อมูลของพวกเขา ถ้าหากพวกเขาเป็นผู้เล่นฆาตกร มันก็มีโอกาสความเป็นไปได้สูงมากที่จะโดนเล่นตุกติกหักหลัง ในเมื่อม้วนคัมภีร์นี้เป็นระดับต่ำ อาร์คจึงไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลอะไรมันได้ ดังนั้นแล้วซิดจึงอธิบายออกมาให้ฟัง

“ลีโอนิมเลเวล 64 และฮาเก้นนิมเลเวล 62 ทั้งสองเปลี่ยนอาชีพเป็นนักรบ”

นักรบเป็นอาชีพเปิด ทว่าความพิเศษของอาชีพนี้คือต้องการค่าพละกำลัง 150 หน่วย

ถ้าหากคุณไม่ยกระดับตัวละครในขณะที่ตั้งใจคิดเลือกเล่นอาชีพนักรบตั้งแต่ต้น มันคงเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนอาชีพได้แม้กระทั่งเลเวลจะ 30 แล้วก็ตาม กล่าวก็คือ พวกเขาเป็นผู้เล่นที่ให้ความสำคัญกับการหาความรู้ก่อนที่จะเริ่มเล่นเกม พวกเขาจึงเป็นผู้เล่นที่รู้ข้อมูลมากมายดังเช่นซิด

“ว้าว อาร์คนิมเลเวล 65 จริงด้วย ด้วยปาร์ตี้นี้สิบชั่วโมงก็สมควรเพียงพอให้ใช้ข้ามผ่านสันเขาสีเทาไป แต่อาชีพของนายเป็นผู้เดินทางแห่งความมืด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเลยนะเนี่ย มันเป็นอาชีพอะไรกันเหรอ?”

“ก็คล้ายโจรน่ะ” อาร์คตอบกลับไปเพียงเล็กน้อย

บางทีนี่อาจเป็นภาพที่นึกออกง่ายที่สุดสำหรับ ‘ผู้เดินทางแห่งความมืด’ ทว่าซิดและนักรบทั้งสองต่างพยักหน้ารับโดยไม่ถามอะไรให้มากความ อาชีพสายโจรนั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยม ดังนั้นแล้วส่วนใหญ่จึงไม่มีคนรู้รายละเอียดอะไรมากมายนัก

“อาร์คนิมมีเลเวลสูงที่สุด แต่มันก็คงจะยากไปหน่อยหากให้ออกนำในเมื่อเป็นอาชีพสายโจร เพราะงั้นในส่วนแนวคุ้มกันด้านหน้าให้ลีโอนิมรับมือ ฮาร์เก้นนิมคุ้มกันด้านหลังแบบนี้ตกลงไหม?”

“อืม แบบนั้นฉันเองก็สะดวกเหมือนกัน”

“งั้น อีกยี่สิบนาทีพวกเราจะออกเดินทางกันเลยนะ”

“ไม่ใช่ว่าพวกเราจะออกเดินทางกันเลยเหรอ?”

ขณะที่อาร์ค ผู้ซึ่งไม่อยากเสียเวลาแม้สักนาทีหรือวินาทีอันล้ำค่าได้ถามออก ลีโอถึงกับยิ้มเยาะในใจกล่าวถาม “บางทีนายคงไม่เคยพักที่โรงเตี๊ยมมาก่อนใช่ไหม?”

โรงเตี๊ยมถูกสุดก็เสียเงินตั้ง 1 เหรียญเงินแล้ว ในขณะที่แพงสุดก็ถึงขนาด 1 เหรียญทองก็ยังมี

พลังชีวิตสามารถฟื้นฟูได้โดยการนั่งพัก ดังนั้นแล้วทำไมถึงต้องจ่ายเงินเพื่อพักในโรงเตี๊ยมด้วยกันเล่า? นี่คือเหตุผลที่อาร์คไม่เคยคิดเข้าโรงเตี๊ยมมาก่อน

ทว่าซิดกลับอธิบายให้ฟังด้วยสีหน้าประหลาดใจแทน

“คงเหมือนตอนที่อยู่ในร้านค้า อาร์คนิมคงไม่ทราบแม้จะเล่นเกมจนเลเวลถึง 65 แล้วก็ตาม เหตุผลที่ผู้คนจ่ายเงินเพื่อพักในโรงเตี๊ยมก็เพราะบัพครับ”

“บัพ?”

“อาร์คนิมสามารถได้รับบัพหากพักในโรงเตี๊ยม บัพนี้จะมีผลคงอยู่หนึ่งชั่วโมงสำหรับการพักสิบนาที โดยมากที่สุดคือสามชั่วโมง โรงเตี๊ยมที่มีราคาต่างกันก็เพราะผลลัพธ์ของบัพแตกต่างกันไป บางแห่งก็จะเพิ่มค่าพละกำลังและความคล่องตัวให้เล็กน้อย บางที่ก็จะเป็นบัพที่เพิ่มอัตราการได้รับค่าประสบการณ์ 20% และที่แห่งนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วการเคลื่อนที่ถึง 30% และพลังชีวิตให้อีก 10% โดยการได้รับบัพนี้จะต้องรอประมาณสามสิบนาทีครับ”

เขาไม่รู้เลย เขาไม่คิดว่าโรงเตี๊ยมจะมีความลับเช่นนี้อยู่ด้วย

‘ไม่แปลกใจเลยว่าทุกคนทำไมถึงเข้ามาโรงเตี๊ยมพวกนี้บ่อยกันนัก...’

ข้อมูลนี้คงมีประโยชน์มากถ้าก่อนหน้านี้เขารับทราบถึงมัน ข้อมูลทั่วไปเช่นนี้มันไม่มีเขียนเอาไว้ในเว็บไซต์กระดานข่าว ไม่สิ มันคงเป็นเรื่องทั่วไปเกินกว่าที่จะลงกระดานข่าวในเว็บไซต์ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม อาร์คที่ไม่รับรู้ถึงข้อมูลทั่วไปเช่นนี้ก็เพราะเขาไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นมากนัก

‘เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ถึงกับช่วยเหลือได้มากมายภายในเกม’

เขาเพิ่มเป้าหมายใหม่ของการเดินทางในครั้งนี้ ‘สิบหกชั่วโมงนับจากนี้ เราต้องรวบรวมข้อมูลมาเพิ่มให้มากขึ้น’

เขาไม่อาจใช้ชีวิตโดยทำตัวเป็นมือใหม่เช่นนี้ไปตลอดกาลได้

* * *

 

“เข้ามา พละกำลังช้างสาร!”

ขณะที่ร้องตะโกน กล้ามเนื้อบนร่างของลีโอก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น

นี่สมควรเป็นทักษะพิเศษของอาชีพที่ช่วยเพิ่มพละกำลังและความอดทนให้ถึง 30 หน่วย

ด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ลีโอเหวี่ยงโล่ของตนและค้อนขณะพุ่งเข้าโทรลตัวหนึ่ง

โทรลมีลักษณะคล้ายมนุษย์ เป็นมอนสเตอร์สูงสี่เมตร ทว่าคู่ต่อสู้ของมันตอนนี้คือนักรบ! เป็นนักสู้ที่เชี่ยวชาญการออกล่ามอนสเตอร์ขนาดใหญ่เป็นพิเศษ

ขณะที่แทบทุกทักษะถูกใช้งานออก โทรลก็เริ่มซวนเซจนเสียการทรงตัวเพราะการโจมตีด้วยค้อน เมื่อการโจมตีสุดท้ายลั่นลงใส่ โทรลจึงล้มลงเสียงดัง ขณะเดียวกัน ฮาร์เก้นที่เผชิญหน้ากับนักย่องเบาก็กำลังใช้ขวานคู่ของตนเหวี่ยงสะบัด

ทั้งลีโอและฮาร์เก้นต่างเสริมพละกำลังของตนขึ้นได้ด้วยอาชีพนักรบ

การสวมใส่โล่และเกราะเพลททำให้ลีโอสามารถรับการโจมตีได้โดยไม่ต้องสนสิ่งใด และนักย่องเบาที่โจมตีเข้าใส่ฮาร์เก้นก็โดนขวานคู่นั้นเหวี่ยงและหวดเข้าใส่ราวกับการตีเบสบอล พวกเขาไม่อาจโจมตีคริติคอลก็เพราะเป็นตัวละครสายพละกำลัง ทว่า พวกเขากลับรับมือโทรลเลเวล 73 และนักย่องเบาเลเวล 66 ถึงสองตัวได้โดยอาศัยเพียงแค่การโจมตีธรรมดา

โดยไม่สนซึ่งสิ่งใด อาร์คเผยสีหน้าเบื่อหน่ายออกมา

‘พวกนี้สู้ได้น่าเบื่อชะมัด’

นักรบทั้งสองคนต่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับเลเวล ด้วยพื้นฐานการโจมตีเพียงลำพัง พวกเขาจึงค่อนข้างเสียงดังโหวกเหวกอยู่บ้าง พวกเขาไม่คิดที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีที่พุ่งเข้าใส่ แต่ก็นะ นี่เป็นตัวตนตามปกติของนักสู้ที่สวมใส่เกราะเพลทที่มีค่าพลังป้องกันสูงอยู่แล้ว พวกเขาเมินเฉยต่อการโจมตีที่มุ่งเข้ามาและหลับหูหลับตาเหวี่ยงอาวุธของตนออก พวกเขาหาได้สนใจที่จะผ่อนถ่ายพละกำลัง รักษาระยะห่าง หรือมีความแม่นยำเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเป็นเพียงแค่พวกที่ใช้แต่ทักษะจนกระทั่งพลังมานาหมดนั่นแหละ

หลังจัดการกลุ่มมอนสเตอร์ไปได้ ฮาร์เก้นจึงยกขวานคู่ของตนพาดบ่าเอาไว้และตะโกนออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า อย่างที่บอกไปแล้วไง? แค่ลีโอกับข้าก็เพียงพอสำหรับสันเขาสีเทาแล้ว นับแต่นี้ให้พวกเรารับมือเอง ซิดนิมกับอาร์คนิมเพียงแค่รับชมอยู่ด้านหลังก็พอ”

แน่นอน เขาก็คิดทำอย่างที่ว่านั่นแหละ

‘ไม่เข้าใจเลยว่าจะเร่งร้อนวิ่งเข้าไปสู้ทำไมกัน’

เป็นเพราะกลุ่มนี้สร้างปาร์ตี้เอาไว้ตั้งแต่อยู่ในหมู่บ้านจึงค่อยออกเดินทาง ต้องขอบคุณเรื่องนี้ทำให้ค่าประสบการณ์แบ่งสันปันส่วนกันภายในโดยเขาไม่ต้องลงแรงต่อสู้อันใด ที่จริงจะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มอีกหากช่วยลงแรงในการต่อสู้ แต่มันก็ไม่คุ้มเลยที่จะต้องเสียค่าความทนทานของอุปกรณ์สวมใส่ไป

นอกจากนี้ อาร์คยังไม่เคยมีประสบการณ์ออกล่าเป็นหมู่คณะ ในเมื่อลีโอและฮาร์เก้นต่อสู้ด้วยท่าทีแปลกประหลาดเช่นนี้ มันอาจเกิดปัญหาได้ถ้าหากอาร์คเข้าไปร่วมวงด้วยขึ้นมา

‘เอาเถอะ ในเมื่อมันเป็นพื้นที่ออกล่าในช่วงเลเวลนี้ เราก็คอยระวังหลังให้แล้วกัน’ อาร์ครักษาระยะห่างของตนเอาไว้ขณะที่เริ่มโจมตีพวกมอนสเตอร์ที่วิ่งหนี

“ขอบคุณที่เหนื่อยยาก นี่อาหารครับ!”

เมื่อการต่อสู้จบลง ซิดจึงนำเอาอาหารออกมาโดยทันที ซิดเผยท่าทีของพ่อค้าผู้ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูง ก็นั่นแหละ ในเมื่อพวกเขาออกมานอกหมู่บ้านแล้ว ชีวิตของซิดก็นับได้ว่าตกอยู่ในมือของเหล่าทหารรับจ้าง

การที่สามารถแบกกระเป๋าถึงหกใบได้ในครั้งเดียว มันจึงเป็นอาชีพที่สามารถทำเงินได้เยอะนับตั้งแต่เริ่มเล่น บางครั้งอาร์คก็มักจะรู้สึกอิจฉาพวกพ่อค้าวาณิชเหล่านี้อยู่เหมือนกัน

ทว่า หลังมองไปยังซิดแล้ว ความคิดเหล่านั้นก็มลายหาย พวกเขาทำเงินได้ก็จริง แต่ถ้าหากปราศจากซึ่งผู้เล่นคนอื่นแล้ว พวกเขาก็ไม่อาจทำการค้าได้อย่างสะดวกนัก

พวกเขาเหล่านี้ต้องเสียเงินจ่ายค่าคุ้มกันและโค้งกายขอร้องผู้อื่น มันไม่ใช่อาชีพที่เหมาะสมกับอาร์คเลยสักนิด

‘ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อความสะดวกสบายก็เถอะ ทำไมเขาถึงต้องจ้างทหารรับจ้างเพื่อเดินทางผ่านถนนเส้นนี้ด้วย’

ด้วยความสงสัย อาร์คจึงถามออกขณะที่เคี้ยวอาหารฟรีที่ได้รับมา “ทำไมนายถึงรีบขนาดนั้นกันล่ะ?”

“ผมลงทุนไปมากกับผ้าไหมจากพื้นที่เขตใต้ ทว่า ราคาของผ้าไหมมันเปลี่ยนไปทุกวัน ถ้าหากพ่อค้าที่ซื้อผ้าไหมไปถึงกิรันในเวลาเดียวกันและขายมันออก อย่างนั้นแล้วผมก็ต้องเสียกำไร ในเมื่อผมลงทุนกับไปมันแล้ว มันอาจถึงกับทำให้ล้มละลายได้เลยทีเดียว ดังนั้นแล้วเพื่อให้เร็วขึ้นแม้สักวัน ผมไม่อาจข่มตาหลับได้หรอกครับ”

“ถ้าราคาตลาดมันยังดีอยู่ นายจะได้เท่าไหร่กัน?”

“ก็ยังไม่มากนัก ผ้าไหมไม่ใช่สินค้าความต้องการสูง ราคาส่วนต่างที่ได้รับก็คงประมาณ 2%? รวมกับค่าเดินทางกับค่าคุ้มกันกับอื่น ๆ อีก มันอาจจะแทบไม่เหลืออะไรเลยก็ได้ครับ”

ขณะที่นั่งอยู่บนก้อนหิน ซิดตอบคำถามไปพลางเหวี่ยงขาไปมา

“แต่ในเมื่อผมลงทุนไปกับสิ่งนี้แล้ว ตราบเท่าที่ยังได้กำไร ผมก็ยังได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ความเสี่ยงมหาศาลแลกกับค่าประสบการณ์มหาศาล และในเมื่อมูลค่าตามตลาดของผ้าไหมมันเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง ก็เลยไม่มีพ่อค้าคนไหนที่คิดจะซื้อหามันในจำนวนมาก มันจึงเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้ยกระดับส่วนแบ่งทางการตลาด นี่คือวัตถุประสงค์แท้จริงของผมยิ่งกว่าเงินทองหรือค่าประสบการณ์ครับ”

“ส่วนแบ่งทางการตลาด?”

อาชีพที่ต่อสู้ได้อาศัยค่าประสบการณ์และไอเทม ทว่าพ่อค้าวาณิชต้องอาศัยกำไรและส่วนแบ่งทางการตลาด ส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นหนึ่งในรางวัลที่มอบให้ผู้เล่นที่ทำการค้าขายแลกเปลี่ยนอยู่เสมอ เหล่าพ่อค้าวาณิชจำเป็นต้องตั้งส่วนแบ่งทางการตลาดเอาไว้เพื่อให้ได้โบนัสเพิ่ม พวกเขาจะได้ส่วนลดภาษี อีกทั้งยังได้รับภารกิจจากเอ็นพีซีผู้สร้าง และยังจะได้รับกำไรจากการซื้อขายสินค้าด้วย ถ้าหากพวกเขาถือส่วนแบ่งทางการตลาดจำนวนมากเอาไว้ พวกเขาย่อมมีความสามารถผูกขาดทำการค้ากับจ้าวเมืองได้

ผลพวงของมันมหาศาล มันจำเป็นต้องมีทั้งข้อมูลของไอเทมที่มีความต้องการในท้องตลาด และเมื่อใดที่ได้รับสัมพันธ์ผูกขาดทางการค้าเกิดขึ้น มันจะช่วยยกระดับทั้งเลเวลและการเงิน ดังนั้นแล้ว เหล่าพ่อค้าวาณิชจึงต้องต่อสู้แก่งแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดมาให้ได้เป็นเจ้าแรก

พ่อค้าบางคนที่เดินทางไกลยิ่งอาจสูญเสียมูลค่าทางการตลาดไปถ้าหากมีพ่อค้าคนอื่นมาพร้อมกับสินค้าชั้นดีที่หาได้ใกล้กว่า

กระทั่งว่าไม่มีผู้เล่นรบกวน ราคาของพวกมันก็ยังขึ้นลงได้เองตามสภาพเศรษฐกิจของนิวเวิร์ลด์ที่วางแผนรองรับความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เอาไว้ เป็นเพราะสิ่งนี้จึงทำให้เหล่าพ่อค้าต่างต้องอ่านกระแสความเป็นไปของทั้งทวีปให้ขาด

ข้อมูลจะนำพามาซึ่งเงินตรา สำหรับพ่อค้าแล้วนี่เป็นเรื่องทั่วไป

ซิดถือครองข้อมูลมหาศาลเอาไว้จึงส่งผลลัพธ์เช่นนี้ออกมา

“วันหนึ่ง ผมจะผูกขาดการค้ากับระบบเศรษฐกิจของอาณาจักรชอร์เดนเบิร์ก”

ซิดก้าวเท้าลงมาขณะที่เผยความทะเยอทะยาน

แม้ว่าฮอบบิทน้อยจะน่ารักแต่กลับพูดจาเขื่องโข มันออกจะเหลือเชื่อไปบ้าง...

ไม่ว่าจะอะไร ซิดก็เดิมพันทุกอย่างเอาไว้กับการเดินทางในครั้งนี้

เขาเดิมพันอนาคตของตนเอาไว้เพื่อส่วนแบ่งทางการตลาด กระทั่งไปซื้อหาผ้าไหมโดยการกู้หนี้ยืมสินมาจากกิลด์พ่อค้า ถ้าหากมูลค่าในตลาดลดน้อยลงก่อนเขาจะไปถึง มันจะทำให้เขาถึงกับล้มละลายได้โดยทันที เขาอาจต้องสวมใส่ชุดหนังเก่า ๆ และไปแทะถั่วลิสงอยู่ในมุมไหนสักแห่งในเมืองเลยก็เป็นไปได้

‘เป็นพ่อค้าก็ไม่ใช่อาชีพที่ง่ายนัก’

อาร์ครู้สึกว่าการเป็นพ่อค้ามันยากเสียยิ่งกว่าการให้ออกไปต่อสู้เสียอีก

จากนั้น ขณะที่อาร์คและซิดพูดคุยกันอยู่ ลีโอและฮาร์เก้นก็กำลังกระซิบกระซาบอยู่ห่างไกลออกไป พวกเขามักทำแบบนี้อยู่บ่อยครั้งหลังจากที่เข้ามายังสันเขาสีเทา

‘รู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะ...’

จากที่ใดไม่ทราบ แต่เขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างปุบปับ

แล้วเซนส์ของอาร์คก็มักจะตรงจุดเสียด้วย

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด