ตอนที่แล้วเล่ม 2 ตอนที่ 6 : ผู้เยียวยาดวงวิญญาณ (2) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 2 ตอนที่ 7 : ศึกที่สันเขาสีเทา (1) [อ่านฟรี]

เล่ม 2 ตอนที่ 6 : ผู้เยียวยาดวงวิญญาณ (3) [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

==========

เล่ม 2 ตอนที่ 6 : ผู้เยียวยาดวงวิญญาณ (3)

‘มันคือไอเทมหายาก! อีกทั้งยังเป็นเครื่องประดับ!’

ในหมู่ผู้เล่นส่วนใหญ่ กระทั่งว่าผู้เล่นเลเวล 100 แล้วก็ยังไม่มีเครื่องประดับอย่างแหวนใส่แม้สักวง เครื่องประดับเป็นสิ่งล้ำค่ามาก อีกทั้ง ถ้าหากมันเป็นระดับหายากด้วยแล้ว ก็นับได้เลยว่ามันเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งกระทั่งในตลาดประมูลสินค้า

เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าอย่างน้อยโค่นล้มบอสมอนสเตอร์เลเวล 100 ในดันเจี้ยนลับได้สมควรได้อะไรดีติดไม้ติดมือมาบ้าง แต่ความเป็นจริงที่ปรากฏมันเหนือล้ำกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้เสียอีก

ข้อจำกัดที่กำหนดเอาไว้กับผู้ถือครองเศษศิลานี้มันไม่ใช่ปัญหาอะไร เขาเพียงแค่เอามันใส่ไว้ในท้องเจ้างูน้อยก็ไม่มีผลอะไรต่ออาร์คแล้ว

ขณะที่อาร์คคว้าเอาไอเทมชิ้นนี้ไว้ เสียงหนึ่งได้ดังขึ้นจากความว่างเปล่า

“ขอบคุณมาก นักเดินทางตัวน้อย”

“ครับ? คะ-ใครนั่น?”

“ข้าคือเจ้าของร่างกายที่เจ้าอยู่ในตอนนี้”

“ร่างกาย? งั้น หรือจะเป็นวาฬขาวแกลลิค?”

“นั่นคือนามแห่งข้า”

“ท่านไม่ได้คลั่งจนเสียสติไปหรือ?”

“ข้าเสียสติไปก็จริง ทว่า ยามที่เจ้าชำระวิญญาณให้อเดเลียน ข้าจึงกลับคืนสู่สติสัมปชัญญะ อเดเลียนเป็นสหายต่อข้ามานานยิ่ง เธอใช้เวลากว่าร้อยปีอยู่ภายในร่างกายข้า เพื่อรอคอยคนผู้หนึ่งที่ไม่อาจกลับมา ร่างของเธอสิ้นชีวิตไปนานแล้ว ทว่าจิตใจของเธอนั้นยังคงหลงเหลือและเฝ้ารอชายผู้นั้น แต่แล้ว มันก็เกิดปัญหาขึ้น”

แกลลิคเผยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกขณะพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงขื่นขม

“พลังงานความมืดได้ฝังตัวอยู่ภายในวัตถุที่เธอขโมยมา กับสิ่งมีชีวิตแล้วมันไม่ได้ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่มันกลับร้ายแรงต่อดวงวิญญาณยิ่ง นอกจากนี้ เธอยังมีความรู้สึกผิดอย่างแรงกล้าที่หักหลังชายผู้นั้น ความรู้สึกผิดของเธอมันแรงกล้าไม่แพ้ความรักที่เธอมี เป็นเพราะเรื่องนั้น เธอจึงโดนแหล่งพลังมืดจากภายในศิลาที่เล็ดรอดออกมา และข้าผู้ซึ่งแบ่งปันจิตวิญญาณร่วมกับเธอ นั่นจึงเป็นเหตุให้ความมืดเริ่มแผ่ขยายจนส่งผลให้ข้าสูญสิ้นสติสัมปชัญญะไป”

“บุคคลที่ไม่อาจกลับมาได้อีก? ท่านหมายความว่า?”

“แท้จริงแล้ว ชายคนนั้นตายก่อนที่อเดเลียนจะมาหาข้าเสียอีก”

“ว่าอะไร? อย่างนั้นแล้วเหตุใดท่านถึงไม่บอกเธอกัน?”

“เธอเองก็รู้ แม้ว่าข้าจะไม่อยากให้รู้ แต่เธอก็มาเพราะรู้อยู่แล้ว ทว่า เธอนั้นกลับไม่อาจยอมรับมัน เธอได้ดับสิ้นลมหายใจสุดท้าย และปล่อยให้ดวงวิญญาณที่เชื่อมั่นรอคอยเขาให้กลับมา นี่คือความรักที่เธอมี”

แม้อีกฝ่ายจะเป็นวาฬ แต่เขาก็พูดคุยราวกับรู้ทุกสิ่งเป็นอย่างดี

ไม่ว่าจะอะไร หลังได้รับฟังคำพูดเหล่านั้นแล้ว อาร์ครู้สึกยิ่งเสียใจต่ออเดเลียน ขณะที่อาร์คก้มหน้าลงต่ำด้วยสีหน้าโศกเศร้า วาฬขาวได้พูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังก้อง

“เงยหน้าอย่างภาคภูมิเสียนักผจญภัยตัวน้อย! ยืดไหล่เข้าไว้! เจ้าได้มอบความรักจากความเจ็บปวดที่เธอต้องทนทุกข์มานับร้อยปี จะมีที่ใดอีกที่เจ้าสามารถภาคภูมิใจในความเป็นลูกผู้ชายได้มากถึงเพียงนี้?!”

ฮึม!

อากาศเริ่มสั่นไหวขณะที่น้ำทะเลจำนวนมากกำลังไหลเข้ามายังกระเพาะอาหาร โดยที่ยังไม่ทันเตรียมตรวนมนุษย์ฉลาม อาร์คโดนคลื่นน้ำซัดเข้าไปในความว่างเปล่าเพียงชั่วอึดใจจนหายเข้าไปที่ไหนสักแห่ง อึดใจถัดมา เขากำลังโดนแรงอะไรบางอย่างผลักดันอย่างแรงกล้า

ขณะเดียวกัน แสงสว่างได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของเขา จนในที่สุดเขาก็ได้เห็นท้องฟ้าสีคราม

“เฮือก อา!”

จากปากของเขา อาร์คได้ส่งเสียงสูดเอาลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่

อาร์คพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับน้ำที่พ่นออกมาจากแผ่นหลังของแกลลิค เขาได้เห็นท้องฟ้าสีครามอันงดงามพร้อมแสงตะวันที่สาดส่องมหาสมุทรอันไร้ที่สิ้นสุด

เขาได้เห็นแผ่นหลังของวาฬขาวที่ผุดขึ้นมาเหนือน้ำทะเลราวเทือกเขาขนาดใหญ่ มันช่างเป็นภาพที่งดงามและตราตรึงใจเกินจะกล่าว

* * *

 

“มันเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นนี่เอง”

ราชินีเงือกพยักหน้ารับ

อาร์คกลับมายังโนเดเลสพร้อมกับวาฬขาว เมื่อเขาบอกเล่าความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นต่ออเดเลียน ชาวเงือกที่ได้รับฟังต่างตกอยู่ในสภาวะตกตะลึง

ในเมื่อทุกสิ่งอย่างที่พวกเขาเชื่อมั่นว่าเป็นความจริงกลับกลายเป็นพลิกผัน มันไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะยอมรับได้

ทว่า พวกเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากเชื่อคำกล่าวของแกลลิคผู้ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขายึดถือและเชื่อมั่น

“ทั้งความกล้าหาญและความรักของเจ้า รวมถึงความกล้าได้กล้าเสีย ถึงกับนำเอาผลลัพธ์อันดีเยี่ยมเช่นนี้กลับมา ชาวเงือกทั้งหมดต่างรู้สึกอับอายยิ่งนักที่เข้าใจผิดและเกลียดชังเหล่าเหมียวมาโดยตลอดเพราะการตัดสินใจในความเชื่อครั้งนั้น”

‘หือ? เหมียว? นี่เรื่องอะไรกัน?’

จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาไม่เคยได้ยินคำว่า เหมียว จากปากของชาวเงือก แต่แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงผุดขึ้นมาหลังทุกสิ่งอย่างจบสิ้นลงไปแล้วกัน?

ขณะที่อาร์คเผยสีหน้ามึนงง ราชินีเงือกจึงเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “นี่เจ้าไม่ทราบ?”

“ท่านพูดถึงเรื่องอะไรกัน?”

“คริสตินเป็นผู้กล้าแห่งชาวเหมียว พวกเขาต่างเรียกขานเขาว่าผู้กล้ามาบัน”

“ผู้กล้ามาบัน?” อาร์คตกตะลึงไปแล้ว

ผู้เดินทางแห่งความมืดนับเป็นอาชีพแรกเริ่มของผู้กล้ามาบัน เป็นเพราะเขาเปลี่ยนอาชีพเป็นอาชีพนี้ อาร์คจึงเริ่มศึกษาข้อมูลอันมหาศาลและค้นหาข้อมูลเรื่องของผู้กล้ามาบัน

ทุกอาชีพในนิวเวิร์ลด์ต่างข้องเกี่ยวกับผู้กล้า ถ้าหากพบเจอข้อมูลของผู้กล้า มันก็มีความเป็นไปได้มากที่จะพบเจอภารกิจที่เกี่ยวข้องกัน มันคือภารกิจสำคัญที่จะนำไปสู่การได้รับไอเทม ทักษะ หรือค่าสถานะ แม้กระทั่งอาชีพ

แต่แล้วอาร์คกลับไม่เคยพบเจอข้อมูลใดแม้สักนิดจนยอมแพ้ไป แต่พอมาคิดแล้วว่าภารกิจของคันฉ่องนี้ถึงกับข้องเกี่ยวกับผู้กล้ามาบัน!

‘ใช่แล้ว ทำไมเราถึงคิดไม่ได้กันนะ? เดบร้าปรารถนาต่อพลังอำนาจของผู้กล้ามาบัน อย่างนั้นแล้วไอเทมที่มันดร็อปออกมาก็สมควรซุกซ่อนความลับที่จะได้พละกำลังของผู้กล้ามาบัน อีกทั้งชาวเงือกเหล่านี้ยังคงมีความข้องเกี่ยวกันในฐานะสัตว์อสูรด้วย’

ท้ายที่สุด ทุกเบาะแสเริ่มเข้ามารวมกันภายในใจของเขา ความคิดที่ตกผลึกท้ายที่สุดจึงได้นำทุกอย่างมารวมกัน...

“ตอนนี้เขาถูกเรียกขานว่าผู้กล้ามาบัน แต่ย้อนกลับไปในตอนนี้เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มชาวเหมียว เพราะเหตุนี้ชาวเงือกทั้งหลายถึงต่อต้านความรักของอดีตราชินี ก่อนหน้านั้น ชาวเหมียวและชาวเงือกเคยมีสัมพันธ์ต่อกันไม่ค่อยดีนัก”

‘ไม่แปลกใจเลย หัวใจหลักของมันก็คือความสัมพันธ์ระหว่างปลากับแมว?’

“และเมื่อท้ายที่สุดเขาไปจากโนเดเลส และอดีตราชินีได้ปิดซ่อนตนเพื่อรอคอยเขา แกลลิคเองก็สูญสิ้นสติ ท้ายที่สุดแล้วจึงทำให้พวกเราชาวเงือกที่ฝังใจเรื่องคริสตินเริ่มที่จะเกลียดชังและกล่าวโทษจนกลายเป็นศัตรูกับชาวเหมียวไป ชาวสัตว์อสูรทั้งหมดต่างมองว่าผู้กล้ามาบันเป็นพระผู้ช่วย แต่สำหรับพวกเราชาวเงือกแล้วไม่ยอมรับเรื่องนี้ จนทั้งหมดทั้งมวลผ่านมาเป็นเวลานับร้อยปี...”

“ตอนนี้ความเข้าใจผิดทั้งหมดถูกไขกระจ่างแล้ว?”

“ใช่ ด้วยความพยายามของเจ้าที่ช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดทั้งหมดที่พวกเราเป็น ข้าขอเป็นตัวแทนชาวเงือกทั้งหมดส่งเจ้าเป็นราชทูตไปยังชาวเหมียวเพื่อกล่าวขออภัยต่อความผิดเมื่อครั้งเนิ่นนานมาแล้ว ข้าคาดหวังว่าศักราชแห่งความเกลียดชังจะสิ้นสุดลง และศักราชแห่งความผาสุกจะเข้ามาแทนที่” ราชินีเงือกกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะพยักหน้าให้

“เช่นเดียวกัน พวกเราจะไม่ลืมความช่วยเหลือของเจ้าที่กระทำเพื่อพวกเรา เจ้านั้นได้นำผู้อุปถัมภ์และผู้พิทักษ์แกลลิคกลับคืนสู่เรา เจ้าได้ทำสิ่งที่ไม่มีผู้ใดในหมู่ชาวเงือกเราที่ทำได้ ด้วยฐานะผู้กล้าของเหล่าชาวเงือก ข้าขอขอบคุณทุกสิ่งที่เจ้ากระทำอย่างแท้จริง”

ราชินีเงือกเข้ามาใกล้ขณะที่มอบจุมพิตให้กับอาร์ค ขณะที่อาร์คเขินอายอยู่นั้น ราชินีเงือกได้หัวเราะออกเล็กน้อยขณะกล่าวต่อ “นี่คือสิ่งแทนคำขอบคุณต่อความช่วยเหลือพวกเราชาวเงือกต่อผู้ที่จะมาเป็นสหายของพวกเราอย่างแท้จริง”

‘อา เธอรู้งั้นสินะ’

อาร์คจดจำได้ถึงจุมพิตสุดท้ายจากอเดเลียนจนเผยรอยยิ้มขื่นขมออกมา

“เจ้าจะเป็นทั้งสหายผู้กล้าและผู้มีพระคุณต่อพวกเราชาวเงือก ข้าในฐานะราชินีแห่งชาวเงือกขอสาบาน ด้วยสิ่งที่เจ้าเสียสละตนเองเพื่อพวกเราชาวเงือก พวกเราให้คำสัญญาว่าจะช่วยเจ้าอย่างสุดความสามารถในเวลาที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือ”

“แด่ผู้มีพระคุณ!” ชาวเงือกทั้งหลายต่างยกดาบของตนขึ้นขณะตะโกนร้องดังกึกก้อง

 

=====

ภารกิจความมืดที่รุกรานประสบความสำเร็จ

=====

 

เมื่อภารกิจจบสิ้น เลเวลของเขาจึงเพิ่มขึ้นอีก 1 จนกลายเป็น 65

ทว่าอาร์คยังคงร้อนใจ

กระบวนการและเรื่องราวเช่นนี้มันคล้ายกับตอนที่เกิดขึ้นกับท่านลอร์ดน้อยของเมืองแจ๊คสัน เรื่องราวนี้ทำให้พวกเขามองเขาเป็นสหาย แต่มันก็สมควรที่จะส่งมอบรางวัลให้เขาสักชิ้นด้วยสิ!

ทว่าความกังวลของอาร์คต้องมลายหาย

บางทีอาจเป็นเพราะเธอคือราชินี เธอจึงแตกต่างไปจากท่านลอร์ดน้อยคนนั้น

“นี่คือของขวัญชิ้นเล็กที่พวกเราเตรียมไว้เพื่อขอบคุณต่อความยากลำบาก”

ราชินีเงือกส่งมอบชุดเกราะที่ทำจากเกล็ดโปร่งแสงมาให้เขา

 

=====

ชุดเกราะผู้พิทักษ์ชาวเงือก (วิเศษ)

ประเภท : ชุดเกราะหนัง

พลังป้องกัน : 80

ความทนทาน : 100

น้ำหนัก : 35

ข้อจำกัดการใช้งาน : เลเวล 60

ชุดเกราะผู้พิทักษ์ มีเพียงแค่นักรบผู้ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากชาวเงือกถึงสามารถสวมใส่ ตำนานกล่าวเอาไว้ว่ามันถูกสร้างขึ้นจากเกล็ดของมังกรแห่งท้องทะเล ซึ่งมันเป็นวัสดุที่ทั้งเบาและอ่อนนุ่ม มันจึงช่วยให้การเคลื่อนไหวดีขึ้น นอกจากนี้ ใครก็ตามที่สวมใส่ชุดเกราะนี้จะไม่ได้รับความเสียหายและข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับน้ำ

ออพชั่น : ภูมิต้านทานธาตุน้ำ +100%, ข้อจำกัดของน้ำไร้ผล

=====

 

ดวงตาของอาร์คเบิกกว้างขึ้นจนกว้างเท่าฝาหม้อ

แม้ว่าออพชั่นของมันจะเกี่ยวข้องกับน้ำ แต่ด้วยพลังป้องกันของมันที่มีมากถึง 80 นั่นเท่ากับมากขึ้นเป็นเท่าตัวจากพลังป้องกันของชุดเกราะหนังหนูหมีสีดำที่เขาใช้งานอยู่ตอนนี้! อีกทั้งมันยังเป็นไอเทมวิเศษ ด้วยพลังป้องกันของมันสามารถนับได้ว่าเป็นระดับชั้นสิ่งของหายากได้เลยทีเดียว

มันเป็นชุดเกราะหนัง แต่พลังป้องกันกลับสูงยิ่งกว่าชุดเกราะเพลทเลเวล 40 ที่เขาฉกฉวยมาจากอันเดลเสียอีก

สิ่งหนึ่งที่รบกวนใจเขาคือความทนทานของมัน มันไม่อาจซ่อมแซมด้วยวิธีการปกติได้

‘ชิ ถ้าเป็นงี้เราก็ไม่อาจขายมันได้ด้วยราคาไอเทมหายากน่ะสิ’

“ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากขอให้เจ้าช่วยเหลือ”

“ถ้าเพื่อชาวเงือกแล้ว ไม่ว่าอะไรผมก็ยินดีทำครับ” อาร์คหูผึ่งกางออกขณะเร่งร้อนพยักหน้า

“ในเมื่อพวกเราโดดเดี่ยวอาศัยมายาวนาน ไม่มีผู้ใดในหมู่ชาวเงือกเราที่รู้เรื่องราวของโลกภายนอก ดังนั้นแล้ว ถ้าหากเป็นไปได้ พวกเราอยากให้เจ้าไปหาชาวเหมียวในฐานะทูตของชาวเงือกเพื่อกล่าวคำขออภัยของพวกเรา”

 

=====

ราชทูตแห่งชาวเงือก

ราชินีแห่งชาวเงือกได้เสียใจต่อความผิดพลาดครั้งอดีตและปรารถนาที่จะฟื้นคืนความสัมพันธ์กับชาวเหมียว สำหรับท่านที่มีค่าความสัมพันธ์กับทั้งชาวเงือกและชาวเหมียวเป็นอย่างสูงแล้ว ท่านสมควรเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองเผ่าพันธุ์นี้ได้โดยง่าย

ระดับความยาก : G

ความต้องการของภารกิจ : มีค่าความสัมพันธ์ต่อชาวเหมียวและชาวเงือกเกินกว่า 70%

=====

 

แม้ว่ามันจะมีความต้องการของภารกิจ แต่ระดับความยากก็ยังเป็นแค่ G ดูแล้วมันไม่ใช่ภารกิจอะไรที่จะได้รับเงินมากมายเลย

แต่สำหรับภารกิจแล้วอาร์คก็ยินดีต้อนรับเสมอ

“เข้าใจแล้วครับ”

“ทว่า ข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะหาพวกเขาพบเจอไหม ตามข่าวลือครั้งที่พวกเรายังลอยอยู่เหนือพื้นสมุทร ช่วงนั้นพวกเขาก็เก็บซ่อนตัวเองจากแดนดินไปแล้ว...”

“ถ้าหากท่านกังวลเรื่องนี้ โปรดวางใจได้ครับ”

อาร์คหัวเราะออกขณะที่กล่าวขัดคำขึ้น จากนั้นเขาจึงบอกเรื่องเรื่องราวที่ตนช่วยเหลือชาวเหมียวเอาไว้ในซากปรักหักพังจนได้รับฉายา ‘อัศวินแห่งแมว’

“ถ้าหากเป็นผมไป ชาวเหมียวคงยอมให้อภัยต่อความเข้าใจผิดครั้งอดีต”

“ไม่จริงน่า นี่เจ้ามีความสัมพันธ์กับชาวเหมียวอย่างนั้นหรือ... นั่นสินะ ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจ้านั้นถึงได้สามารถค้นหาโนเดเลสจนพบและปลดปล่อยอดีตราชินีจากความเศร้าโศกได้ ชายคนนั้น... ท้ายที่สุดแล้วก็ได้รักษาคำสัญญาที่จะกลับมาหาราชินีอเดเลียน”

“เจ้าอาจทำได้ก็เป็นได้”

“ดังนั้นแล้วคงดีกว่าที่เจ้าผู้ซึ่งเป็นผู้ค้นหาความจริงครอบครองศิลาที่ราชินีอเดเลียนปกป้องเอาไว้ดั่งของสำคัญ มันไม่มีทางตรวจสอบได้ว่าคืออะไร แต่แล้วก็คิดได้ตอนที่ได้ยินเจ้าบอกเรื่องราวของตนออกมา ข้าคิดว่านี่สมควรเป็นหนึ่งในสามสิ่งมหัศจรรย์ที่ผู้กล้ามาบันกล่าวเอาไว้ตามตำนาน”

“สามสิ่งมหัศจรรย์?”

“พวกมันคือสมบัติทั้งสามชิ้นที่เป็นรากเหง้าแห่งพลังของผู้กล้ามาบัน พวกมันหายไปพร้อมกับผู้กล้ามาบัน ดังนั้นแล้วสถานภาพของพวกมันจึงไม่มีผู้ใดทราบ แต่ข้าได้ยินข่าวลือมาว่าหนึ่งในพวกมันถูกฝังเอาไว้ในโลกบาดาลที่ผู้กล้ามาบันไปเยี่ยมเยือนเป็นสถานที่สุดท้าย”

‘ข้อมูลภารกิจสู่อาชีพขั้นถัดไป!’

อาร์คกล่าวถามโดยทันที “โลกบาดาลมันอยู่ที่ไหนกันเหรอครับ?”

“ไม่มีผู้ใดทราบ พวกเขาก็เป็นสัตว์อสูรเช่นเดียวกับพวกเรา แต่ก่อนที่จะถึงยุคมืด ประชากรโลกบาดาลได้ตัดการเชื่อมต่อจากโลกภายนอกจนหมดสิ้น พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่หลบซ่อนตัวตน ในหมู่สัตว์อสูรด้วยกัน ผู้เดียวที่สามารถติดต่อสื่อสารกับพวกเขาได้ก็มีเพียงแต่ผู้กล้ามาบัน”

ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องไปค้นหามันด้วยตนเอง แม้จะน่าผิดหวังไปบ้างแต่อย่างน้อยเขาก็ได้เบาะแสกลับคืนมา

“เอาล่ะ ตอนนี้โปรดออกไปยังด้านนอก ทุกคนต่างต้องการพบเจอผู้ที่ซึ่งเป็นผู้กล้าแห่งพวกเรา”

ราชินีนำอาร์คออกมายังด้านนอก

เมื่อเขาออกมานอกปราสาท ชาวเงือกจำนวนนับไม่ถ้วนในโนเดเลสต่างส่งเสียงกันดังกระหึ่ม เมื่อเขาผ่านจัตุรัสที่เต็มเปี่ยมไปด้วยชาวเงือก เขาถึงกับโดนเข้ามารุมจูบจากทั่วทุกสารทิศ

สำหรับจูบจากเงือกสาวนั้นยังพอไหว แต่กับชาวเงือกร่างกำยำและผู้ชราภาพที่มีหนวดยาวโค้งเหล่านั้นช่างยากทำใจยิ่งนัก

ขณะที่พวกเขาออกมาพ้นจัตุรัสจนกระทั่งมาถึงประตูใหญ่ของโนเดเลส ราชินีได้กล่าวขึ้น “ในเมื่อแกลลิคกลับมาแล้ว ชาวเงือกจะได้กลับไปโลดแล่นในท้องสมุทรอีกครั้ง และมันจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีที่พวกเราจะได้กลับคืนสู่ดินแดนดั้งเดิม ในเมื่อมันอยู่ห่างไกลอีกด้านของโพ้นทะเล กระทั่งว่าเป็นเจ้า พวกเราอาจไม่ได้พบเจอกันอีกครั้งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทว่าชาวเงือกจะกลับมายังสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน จนกว่าจะถึงตอนนั้น โปรดรับสิ่งนี้เอาไว้”

องค์ราชินีเงือกส่งมอบฟลูตอันน้อยให้กับเขา

 

=====

ฟลูตแห่งชาวเงือก (พิเศษ)

ฟลูตสามารถใช้เรียกสหายของเหล่าชาวเงือก ท่านสามารถใช้งานมันได้ทุกที่ในท้องทะเล

=====

 

เมื่ออาร์ครับฟลูตเอาไว้และถอยกลับออกมาไม่กี่ก้าว ทั่วทั้งโนเดเลสกำลังสั่นสะเทือน จากนั้น ราวกับเกิดแผ่นดินไหวขึ้น รอยแยกบนพื้นเริ่มปรากฏขณะที่ทั่วทั้งเมืองเริ่มลอยตัวขึ้น วาฬขาวมหึมาแกลลิคกำลังยกทั่วทั้งเมืองโนเดเลสขณะลอยตัวขึ้น

แกลลิคกลอกตามองมายังอาร์คพร้อมกับปล่อยเสียงร้องที่ดังไปทั่วทั้งท้องสมุทร จากนั้นร่างของเขาที่ราวกับเป็นคลื่นยักษ์จึงเคลื่อนออกตัดผ่านท้องสมุทรไป

เมืองอันงดงามโนเดเลสกำลังหายลับไปจากสายตาทีละน้อย หลังจากที่ผ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์อันดำมืดมาได้ พวกเขาตัดสินใจกลับคืนสู่บ้านที่จากมาหลายร้อยปี

‘อา เพราะอะไรถึงรู้สึกโหวงเหวงแบบนี้กันนะ’

อาร์คเหม่อจ้องมองโนเดเลสจนกระทั่ง่มันหายลับสายตาไป

มันเป็นสถานที่ที่มีหลายเรื่องราวเกิดขึ้น แต่แม้ว่ามันจะน่าเสียดาย เขาก็ไม่อาจร่วมทางไปกับพวกเขาเหล่านั้นได้ อีกทั้งยังมีการผจญภัยครั้งใหม่รออยู่ ค่าประสบการณ์ที่มากขึ้น และไอเทมทั้งหลายต่างกำลังรอคอยอาร์คอยู่บนแดนดิน!

อาร์คเริ่มเล่นฟลูตแห่งชาวเงือก

ในเมื่อเขาอยู่ใต้น้ำ มันจึงไม่มีทางที่จะส่งเสียงอะไรออกมาได้ ทว่าหลังผ่านไปไม่กี่วินาที เสียงร้องของปลาโลมานับสิบตัวกำลังเข้ามาใกล้ขณะที่แหวกว่ายผ่านท้องทะเลมา ปลาโลมาเหล่านี้โค้งตัวให้เล็กน้อยขณะยื่นแผ่นหลังของมันออกมา ราวกับต้องการสื่อว่าให้เขาขึ้นไปขี่ได้

เมื่ออาร์คขึ้นขี่แล้ว ปลาโลมาเหล่านี้จึงเริ่มพวยพุ่งขึ้นสู่ผืนน้ำด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง พอโผล่มาพ้นผืนน้ำ ปลาโลมาจึงเริ่มพ้นน้ำออกและทำตัวราวกับเป็นกระดานโต้คลื่นที่เริ่มพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง

แม้ว่าเขาต้องเดินทางหลายวันกว่าจะถึงโนเดเลส แต่ด้วยการขี่ปลาโลมาเหล่านี้กลับใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากที่ไกลออกไป เขาเริ่มมองเห็นชายฝั่งที่น่าคิดถึงอยู่ไกลสุดสายตา

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด