ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 182 สุสานเลือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 184 การต่อสู้ของระดับห้า

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 183 บรรพชนบ่อเลือด


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 183 บรรพชนบ่อเลือด

"เดี๋ยว! ดินสีแดง?"

หัวใจของฟางหยวนกระตุกเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

เขายื่นมือคว้าเศษดินสีแดงออกมาจากกำแพง ดินสีแดงอ่อนนุ่มและเรืองแสงสีแดงอ่อน

"เป็นเช่นนี้" ดูเหมือนเขาจะตระหนักถึงบางสิ่ง

ครั้งแรกที่เขาเข้ามาในถ้ำลับ มันเต็มไปด้วยดินที่เรืองแสงสีแดงเช่นเดียวกับที่นี่ ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลยว่ามันมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน

เดิมทีเขาคิดว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ แต่ตอนนี้ชัดเจนว่าแหล่งกำเนิดที่แท้จริงของดินสีแดงมาจากบ่อเลือดแห่งนี้

"สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแปลกประหลาดแต่มันยังอันตราย ข้าต้องหาวิธีออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด" ฟางหยวนเงยศีรษะมองรูพลุนที่อยู่ด้านบน "พวกมันเชื่อมต่อกับบ่อน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติหรือไม่?"

ฟางหยวนลังเลอยู่ชั่วครู่

น้ำสามารถไหลลงมาที่นี่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันกว้างพอให้มนุษย์เคลื่อนที่ผ่าน

"อา..." ขณะที่ฟางหยวนกวาดตามองไปรอบๆสุสาน ปีกสายฟ้าของเขากลับเกิดความผิดปกติขึ้นอีกครั้ง

ปีกสายฟ้าของฟางหยวนอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์เหมือนก่อนหน้าทำให้เขาไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่และดูเหมือนมันจะสามารถทิ้งเขาไว้ทางอากาศได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้เขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิญญาณระดับห้าที่แผ่พุ่งขึ้นมาจากบ่อเลือดด้านล่างอย่างฉับพลัน

"นั่นคือ..." รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลงเมื่อเงาร่างลึกลับปรากฏขึ้นในบ่อเลือดอย่างกะทันหัน

มันมีความยาวมากกว่าสี่สิบเมตรและกว้างประมาณหกเมตร

ชัดเจนว่าอสรพิษร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในบ่อเลือดได้กลิ่นเลือดเนื้อของฟางหยวนและเริ่มออกล่าเหยื่อของมัน

"บัดซบ!" ฟางหยวนรู้สึกกระวนกระวายใจ

ตอนนี้เขาพึ่งพาตะขาบทองคำทำลายล้างเพื่อเกาะอยู่บนผนังด้านข้างอย่างยากลำบาก ด้วยชุดสีดำและเส้นผมสีดำทำให้ฟางหยวนดูราวกับมดดำตัวน้อยเมื่อเทียบกับบ่อเลือดขนาดมหึมา

เป็นเพียงเวลานี้ที่จุดสีดำจำนวนนับร้อยที่ดูเหมือนฝูงปลาพุ่งขึ้นมาจากบ่อเลือด

"ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว..."

พวกมันกระทั่งปรากฏตัวออกมาได้รวดเร็วกว่าอสรพิษยักษ์ อย่างไรก็ตามพวกมันไม่ใช่ปลา แต่เป็นค้างคาว!

มันเป็นค้างคางสีเลือดที่มีใบหูแหลมคมและมีปีกสองคู่ คู่หนึ่งใหญ่กว่าและอีกคู่เล็ก พวกมันไม่มีกรงเล็บแต่ปลายปีกกลับแหลมคมราวกับดาบเหล็ก

'ค้างคาวโลหิต วิญญาณระดับสาม!' ชื่อของมันปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนทันที

ฝูงค้างคาวโลหิตปลดปล่อยจิตสังหารพุ่งตรงมาที่เขา แต่สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นในความคิดของเขาคือภาพนั้น!

มันเป็นภาพที่ถูกบันทึกไว้ในวิญญาณความทรงจำ ในภาพ ร่างของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้เต็มไปด้วยบาดแผลเลือดไหลและชี้ให้เห็นว่าเขากำลังจะตาย

วิญญาณเงาจันทร์ไม่สามารถทำให้เขาอยู่ในสภาพนั้น

'อาจเป็นเพราะนักบวชปีศาจสุราดอกไม้บังเอิญพบสถานที่แห่งนี้และได้รับบาดเจ็บจากฝูงค้างคาวเหล่านี้?' สมองของฟางหยวนหมุนอย่างรวดเร็ว

ความตายของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้เต็มไปด้วยปริศนา แต่จากทั้งหมดดูเหมือนว่ามันจะมีต้นเหตุมาจากสุสานเลือดแห่งนี้

"ค้างคาวโลหิต..." ฟางหยวนพึมพำ ในความเป็นจริงวิญญาณชนิดนี้ไม่ถือเป็นคนแปลกหน้าของเขา

แม้มันจะเป็นวิญญาณระดับสาม แต่อาหารของมันหาได้ง่ายเพราะมันคือเลือด

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนเป็นผู้ก่อตั้งนิกายปีศาจกระหายเลือด สัญลักษณ์ของนิกายก็คือ ค้างคาวโลหิต ด้วยทรัพยากรของนิกายปีศาจ มันเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงค้างคาวโลหิตเอาไว้นับหมื่นตัวเพื่อสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับนิกายของเขา

อาจกล่าวได้ว่า ความสำเร็จของเขาเกิดมาจากค้างคาวโลหิตเหล่านี้นี่เอง

หลังจากสี่ร้อยปีในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนบังเอิญได้รับมรดกของบรรพชนบ่อเลือด ด้วยฝูงค้างคาวโลหิตกับการบ่มเพาะระดับห้าทำให้เขากลายเป็นเจ้าเหนือหัวของภูมิภาค

บรรพชนบ่อเลือดเป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

แรกเริ่มบรรพชนบ่อเลือดเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่โชคชะตากลับทำให้เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้ใช้วิญญาณปีศาจ เขาเริ่มต้นจากจุดต่ำสุดก่อนจะค่อยๆยกระดับและกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่หลังจากแปดร้อยปี

เขาไม่ได้ครอบครองพรสวรรค์ที่สูงส่ง ดังนั้นเขาจึงมีระดับพลังวิญญาณที่ค่อนข้างจำกัด แต่ด้วยเหตุนี้มันทำให้เขาทุ่มเทความสนใจกับวิธีการหลอมรวมวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง

ปกติแล้ววิญญาณที่ถูกปรับแต่งโดยผู้ใช้วิญญาณจะสูญเสียความสามารถในการดูดซับพลังงานธรรมชาติ

อย่างไรก็ตามบรรพชนบ่อเลือดพยายามค้นคว้าวิธีการให้วิญญาณสามารถดูดซับพลังงานจากธรรมชาติ้แม้จะถูกปรับแต่งโดยผู้ใช้วิญญาณแล้วก็ตาม

ผู้ใช้วิญญาณฝ่ายธรรมะเกรงกลัวเรื่องนี้ พวกเขากังวลว่าบรรพชนบ่อเลือดจะประสบความสำเร็จในงานวิจัยของเขา นั่นเป็นเหตุให้ฝ่ายธรรมะเอ่ยอ้างความยุติธรรมอีกครั้งเพื่อกำจัดเขา

ในตอนสุดท้ายบรรพชนบ่อเลือดไม่ประสบความสำเร็จ แต่มันก็ไม่ใช่ความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

เขาประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณค้างคาวโลหิต วิญญาณมัจจุราชสีเลือด และวิญญาณกระหายเลือด

วิญญาณค้างคาวโลหิตเป็นความสำเร็จครั้งแรกของเขา มันเป็นเรื่องง่ายที่จะให้อาหารแต่มันก็ยังต้องการพลังวิญญาณจากผู้ใช้วิญญาณ ฝูงค้างคาวโลหิตมีความพิเศษบางอย่าง นั่นก็คือ ผู้ใช้วิญญาณเพียงต้องควบคุมค้างคาวโลหิตเพศผู้หนึ่งตัว จากนั้นค้างคาวเพศผู้ตัวนั้นก็จะควบคุมค้างคาวเพศเมียตัวอื่นๆทั้งหมด

วิญญาณกระหายเลือดเป็นความสำเร็จครั้งที่สองของเขา วิญญาณดวงนี้ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน มันเป็นเพียงหยดเลือดหยดหนึ่งที่สามารถมีชีวิตรอดโดยการอาศัยอยู่ในร่างของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มันเป็นวิญญาณระดับสี่ที่มีความสามารถผิดปกติ วิญญาณดวงอื่นที่ได้สัมผัสกลิ่นอายของวิญญาณกระหายเลือดจะได้รับความสามารถดูดซับพลังงานธรรมชาติ อย่างไรก็ตามมันมีข้อเสียใหญ่อยู่ด้วยซึ่งก็คือผู้ใช้วิญญาณจะสูญเสียความสามารถในการควบคุมวิญญาณเหล่านั้นไปทีละเล็กทีละน้อย สุดท้ายหลังจากระยะเวลาหนึ่งวิญญาณเหล่านั้นจะกลายเป็นบ่อเลือดไปในที่สุด

วิญญาณมัจจุราชสีเลือดเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของบรรพชนบ่อเลือด มันเป็นวิญญาณระดับห้า ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเหนือกว่าวิญญาณสองดวงก่อนหน้า การใช้และการให้อาหารมันถูกหลอมรวมเป็นหนึ่ง มันใช้การฆ่าเพื่อเลี้ยงดูตัวมันเอง มันอาศัยการดูดเลือดของผู้ใช้วิญญาณเพื่อเพิ่มจำนวนโดยไม่จำเป็นต้องได้รับพลังวิญญาณจากเจ้านาย

แต่น่าเสียดาย หลังจากบรรพชนบ่อเลือดสร้างมัจจุราชสีเลือดขึ้นมา ด้วยการต่อสู้กับฝ่ายธรรมะอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเขาจึงพบกับความพ่ายแพ้

เขาได้รับบาดแผลร้ายแรงที่ไม่สามารถเยียวยา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหลบหนีอย่างเต็มความสามารถ

ขณะที่ฝ่ายธรรมะไม่กล้าติดตามเพราะเกรงกลัวการโจมตีครั้งสุดท้ายของบรรพชนบ่อเลือด สุดท้ายมันจึงทำให้ฝ่ายธรรมะรู้สึกเสียใจที่ปล่อยเขาไปในวันนั้น

บรรพชนบ่อเลือดรู้ว่าความตายของเขาเป็นบางสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ดังนั้นเขาเริ่มสร้างด่านทดสอบรับสืบทอดมรดกของตน แม้จะมีเวลาจำกัดก่อนตาย แต่ด้วยการบ่มเพาะระดับเจ็ด เขายังสามารถสร้างด่านทดสอบขนาดใหญ่โตซึ่งกินพื้นที่ตั้งแต่ภาคกลางลงมาถึงชายแดนทางภาคใต้

ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเขายังเผยรอยยิ้มที่บาง "มรดกเลือดจะไม่สูญหาย มันจะคงอยู่ต่อไปตราบนิรันดร์"

คำแถลงนี้ไม่ได้เป็นเท็จ อย่างน้อยที่สุดผู้ใช้วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้รับประโยชน์จากมรดกของเขา เป็นเหตุให้เส้นทางสายปีศาจเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณค้างคาวโลหิต วิญญาณกระหายเลือด หรือวิญญาณมัจจุราชสีเลือด พวกมันล้วนเป็นวิญญาณที่สามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างง่ายดาย ทุกหนทุกแห่งแม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆที่น่าสงสารและห่างไกลความเจริญยังสามารถพบเจอวิญญาณที่ตกทอดมาจากบรรพชนบ่อเลือดได้โดยไม่ยาก

วิญญาณเหล่านี้สามารถเพิ่มจำนวนได้ง่ายและไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณมากมาย อาจกล่าวได้ว่าผู้ใช้วิญญาณทุกคนสามารถใช้งานมัน

การอยู่รอดเป็นเรื่องยากลำบากในโลกใบนี้ แล้วผู้ใช้วิญญาณจะไม่กระหายในพลังอำนาจได้อย่างไร? วิญญาณของบรรพชนบ่อเลือดเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งที่ใช้ง่ายและสะดวกรวดเร็วในการเพิ่มพลังอำนาจให้แก่ตนเอง ดังนั้นมันจึงกลายเป็นวิญญาณที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

พลังอำนาจไม่ใช่เรื่องผิดบาป มันจะดีหรือชั่วขึ้นอยู่กับผู้ใช้ แต่ในโลกนี้จะมีกี่คนที่ไม่ยโสเมื่อพวกเขาครอบครองพลังอำนาจอันเป็นที่สุดอย่างฉับพลัน

พลังอำนาจที่ได้รับมาอย่างกะทันหันจะผลักดันความทะเยอทะยานในจิตใจของผู้คน

มรดกเลือดของบรรพชนบ่อเลือดจึงเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายและอันตรายต่อโลกใบนี้

ในการรับสืบทอดมรดกของบรรพชนบ่อเลือดแต่ละครั้ง มันเป็นเพียงวิญญาณสองสามดวง อย่างไรก็ตามมันกลับเป็นต้นเหตุให้ไฟสงครามปะทุขึ้น

ผู้ใช้วิญญาณปีศาจคนแล้วคนเล่าปรากฏตัวขึ้นและสร้างความโกลาหลขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้น

ไม่ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในระยะเวลาหนึ่งหรือล้มเหลว สุดท้ายพวกเขาก็จะทิ้งมรดกเลือดเอาไว้ให้กับผู้สืบทอดคนต่อไป

ดังนั้นมรดกเลือดจึงไม่เคยสูญหายดังคำกล่าวของบรรพชนบ่อเลือด ไม่เพียงมันจะไม่ถูกทำลายโดยฝ่ายธรรมะ แต่มันยังเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกด้วย

นี่เป็นสิ่งที่ฝ่ายธรรมะมักจะสาปแช่งอยู่เสมอว่า "ผู้ใช้วิญญาณเลือดที่น่ารังเกียจ แม้พวกเราจะสังหารพวกมันคนแล้วคนเล่า แต่พวกมันก็ยังปรากฏตัวขึ้นมาจากที่ใดที่หนึ่งอยู่เสมอ!"

จนถึงปัจจุบัน มรดกเลือดของบรรพชนบ่อเลือดยังเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลกของผู้ใช้วิญญาณอย่างไร้คู่แข่ง

แน่นอนว่าฟางหยวนเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ได้รับความกรุณาจากบรรพชนบ่อเลือดผู้นี้

'ในชีวิตก่อนหน้า เป็นเพียงเวลาที่ข้าอายุได้สี่ร้อยปี ข้าจึงพบมรดกเลือดและกลายเป็นเจ้าเหนือหัวผู้สร้างกฎ ตอนนี้หากข้าสามารถครอบครองค้างคาวโลหิต มันก็เหมือนว่าข้าสามารถเติมเต็มช่วงเวลาสี่ร้อยปีของตนเอง'

ค้างคาวโลหิตกำลังพุ่งเข้ามาหาฟางหยวน แต่เขากลับไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย

เขาครอบครองวิญญาณกาลเวลา ดังนั้นมันจึงไม่ต้องตั้งคำถามว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อค้างคาวโลหิตเหล่านี้เผชิญหน้ากับวิญญาณระดับหก ปัญหาเดียวของเขาคืออสรพิษโลหิต วิญญาณระดับห้าที่ยังซ่อนตัวอยู่ในบ่อเลือด

'แต่สถานการณ์ค่อนข้างแปลก ปกติแล้วมรดกของบรรพชนบ่อเลือดจะมีวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้เพียงสองหรือสามดวง อย่างไรก็ตามที่นี่กลับมีค้างคาวโลหิตหลายร้อยตัว เป็นไปได้หรือไม่ว่าข่าวลือจะเป็นจริง?'

ข่าวลือกล่าวว่ามรดกของบรรพชนเลือดมีอยู่นับแสนๆแห่ง แต่มันมีมรดกที่แท้จริงอยู่เพียงบางแห่งเท่านั้น

กล่าวกันว่ามรดกที่แท้จริงของบรรพชนบ่อเลือดจะจัดเก็บวิญญาณที่ดีที่สุดหรืออาจเป็นเคล็ดลับการหลอมรวมของเขาเอาไว้

'สถานที่แห่งนี้จะเป็นมรดกที่แท้จริงของบรรพชนเลือดหรือไม่?' เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของฟางหยวนจึงเกิดระลอกคลื่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

แม้เขาจะคิดเรื่องต่างๆมากมายในหัว แต่ในความเป็นจริงมันเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

ค้างคาวโลหิตจำนวนมากยังพุ่งตรงมาที่เขา แต่ฟางหยวนยังคงสงบนิ่ง เส้นผมสีดำและชายเสื้อสีดำของเขาสะบัดตัวขึ้นสู่อากาศขณะที่เขาเรียกวิญญาณกาลเวลา

แต่ในจังหวะนี้สถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน

"ดังคาด สถานที่แห่งนี้ซุกซ่อนมรดกเลือดเอาไว้จริงๆ" เสียงทุ้มลึกดังขึ้นและสะท้อนไปรอบๆสุสานเลือด

เทพนักสืบไท่เซี่ยเล้ง!