ตอนที่แล้วTWO Chapter 200 สงครามมู่เย่ ตอนที่ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 202 สงครามมู่เย่ ตอนที่ 4

TWO Chapter 201 สงครามมู่เย่ ตอนที่ 3


TWO Chapter 201 สงครามมู่เย่ ตอนที่ 3

ในช่วงบ่าย โอหยางโชวได้เชิญหวู่ฟู่มาที่เต็นท์ของเขา

ทั้ง 2 คน ไม่ได้พบกันในที่ลับตาคน แต่จัดการประชุมโดยตรงที่เต็นท์ของโอหยางโชว พวกเขาไม่สามารถซ่อนการประชุมนี้ได้อยู่แล้ว และมันก็ไม่มีอะไรต้องหลบซ่อนด้วย

“ท่านสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่า แผนการของตี่เฉินและชุนเซิ่นจุนเป็นเช่นไรบ้าง?”

ความตรงไหตรงมาของโอหยางโชวทำให้หวู่ฟู่ตกใจ เขาตอบกลับว่า “เหตุใดข้าถึงต้องบอกท่านด้วย?”

“จากที่ท่านกล่าว ดูเหมือนมันจะมีแผนการสมรู้ร่วมคิดบางอย่างอยู่จริงๆซินะ!” โอหยางโชวกล่าว

“ท่าน!” หวู่ฟู่เพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาตกเป็นเหยื่อของโอหยางโชวแล้ว เขาสงบลงและเริ่มปรับกลยุทธ์ของเขา เขากล่าวว่า “ถูกต้อง พวกเขามีแผนบางอย่าง แต่ข้าจะไม่บอกท่าน”

“ท่านจะบอกแน่” โอหยางโชวกล่าวด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก

“อวดดี!” หวู่ฟู่เริ่มหงุดหงิด

โอหยางโชวยิ้ม แล้วกล่าวว่า “พี่ชายหวู่ฟู่ ไม่จำเป็นต้องตีที่พุ่มไม้รอบๆ เราทุกคนรู้ว่าท่านและพวกเขาไม่เหมือนกัน ไม่เช่นนั้น ท่านคงไม่ถูกส่งมาที่นี่ พวกเขาบีบบังคับท่าน พวกเขาไม่ใว้ใจท่าน นี่คือความจริงที่ทุกคนรู้”

ใบหน้าของหวู่ฟู่มืดมน คำกล่าวของโอหยางโชวทำให้เขารู้สึกแย่

หวู่ฟู่เงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ใดๆ “แล้ว ข้าสามารถไว้ใจท่านได้หรือไม่? หรือข้าควรจะถามว่า ท่านลอร์ดอันดับ 1 แห่งภูมิภาคจีน, ผู้นำแห่งพันธมิตรซานไห่, ตัวแทนผู้เล่น ข้าจะไว้ใจท่านหรือไม่?”

โอหยางโชวพยักหน้า “ท่านไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”

หวู่ฟู่รู้สึกอ่อนแอ เขาถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจ แล้วกล่าวออกมา “ฉีเยว่หวู่ยี่ มาทำข้าตกลงกัน”

“เชิญกล่าว!”

“ข้าจะบอกในสิ่งที่ท่านต้องการจะรู้ ในทางกลับกัน ท่านต้องยอมรับข้าเข้าพันธมิตรซานไห่”

ดวงตาของโอหยางโชวเปล่งประกายออกมา เขาไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ สิ่งนี้ห่างไกลจากที่เขาคิดไว้มาก ดูเหมือนว่าหวู่ฟู่จะขัดแย้งกับคนพวกนั้น เขาจึงต้องมาหาที่หลบภัยเช่นนี้ อาจกล่าวได้ว่า จิ้งจอกเฒ่าเหล่านั้นไม่ต้อนรับเขาอีกต่อไป

‘เหล่าจิ้งจอกเฒ่า พวกท่านคิดจริงๆหรือว่า ข้าจะไม่สังเกตเห็นพวกท่าน น่าขบขันจริงๆ’

“ข้ายอมรับข้อเสนอของท่าน” โอหยางโชวกล่าวอย่างไม่ลังเล

“สิ่งที่เกิดขึ้นก็ง่ายๆ มันเป็นสัญญาณการรวมตัวของ 69 ทรราชย์แห่งหานตาน เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้เห็นเหล่าผู้นำกองกำลังรวมตัวกันอยู่ที่เมืองหานตานอย่างไม่ตั้งใจ แต่ข้าไม่ได้กล่าวถึงตี่เฉิน ชุนเซิ่นจุนหรือคนอื่นๆ ข้ากำลังกล่าวถึงพวกผู้ใหญ่ของพวกเขา พวกเขาคือผู้นำกองกำลังที่แท้จริง” หวู่ฟู่กล่าว ในขณะที่เขาย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น

แน่นอนว่ามันเป็นไปตามการคาดเดาของโอหยางโชว

6 ทรราชย์แห่งหานตานแยกตัวออกมาก็เพราะความอวดดีของตี่เฉิน, ความทะนงตนของชุนเซิ่นจุน และความใฝ่ฝันของเฟิงฉิวฮวง โอหยางโชวและซีอ๋องป้าเป็นเพียงตัวเร่งปฏิกิริยาที่เป็นตัวเร่งกระบวนการเท่านั้น

เมื่อ 6 ทรราชย์แห่งหานตานแยกออกเป็น 3 ส่วน พันธมิตรซานไห่ก็คว้าโอกาส เพิ่มพลังและกลายเป็นที่กล่าวถึงว่าเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคจีน

อย่างไรก็ตาม หลังจากการอพยพเกิดขึ้น เหล่าผู้อาวุโสก็ถูกปลดปล่อยจากหน้าที่ของพวกเขา และมีเวลามากขึ้นที่จะเข้ามามีส่วนร่วมกับเกมส์ ความสับสนวุ่นวายของคนหนุ่มสาวทำให้พวกเขาไม่พอใจ

เห็นได้ชัดว่าคนหนุ่มสาวยังคงจัดการเรื่องต่างๆด้วยอารมณ์ความรู้สึกของตน แทนที่จะจัดตามศิลปะของการเจรจาและการประณีประนอม ในเวลาเช่นนี้ ผู้อาวุโสจึงก้าวเข้ามา และขจัดความสับสนวุ่นวายของคนหนุ่มสาว พวกเขาไม่อนุญาติให้อำนาจไปอยู่ในมือของคนอื่น ในสายตาพวกเขา โอหยางโชวก็เพียงแค่เด็กอมมือ

ผ่านการประณีประนอม การรวมตัวใหม่ของกองกำลังทั้งหมดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา

อย่างไรก็ตาม โอหยางโชวไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ เขากังวลเกี่ยวกับเฟิงฉิวฮวงมากกว่า จากสัญญาณและข้อบ่งชี้นี้ มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาปล่อยเธอไว้ในที่มืด เธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการชุมนุมของพวกเขา และไม่รู้เลยว่าผู้อาวุโสของเธอกำลังร่วมมือกับพวกเขา

“ซีอ๋องป้าอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย.ใช่หรือไม่?” โอหยางโชวถาม

หวู่ฟู่ประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่าโอหยางโชวจะเฉียบคมเช่นนี้ เขาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่!”

ในระหว่างการแยกตัวของ 6 ทรราชย์แห่งหานตาน ซีอ๋องป้าสวมบทบาทที่น่าอับอาย เขาเป็น 1 ในคนที่ถูกดึงดูดโดยชุนเซิ่นจุนให้เข้าร่วมพันธมิตรของเขา หาก 6 ทรราชย์แห่งหานตานต้องการจะกลับมารวมตัวกัน พวกเขาควรจะตัดขาดซีอ๋องป้า

แต่ด้วยสติปัญญาของเหล่าจิ้งจอกเฒ่าเหล่านี้ ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือ การยอมรับและให้ซีอ๋องป้าเข้าร่วมพันธิมิตร เพื่อใช้งานกองกำลังที่ซีอ๋องป้าเป็นตัวแทนอยู่

ตามที่เขาคาดไว้ เมื่อพันธมิตรหานตาน, พันธมิตรชุนฉิว และพันธมิตรโลหะโลหิตกลับมารวมตัวกัน พันธมิตรที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะแข่งแกร่งยิ่งขึ้น และมากยิ่งกว่าแต่ก่อน

เหตุผลที่ว่าทำไมหวู่ฟู่ถูกตัดออกไปก็คือ ในกองกำลังของพันธมิตรอันยิ่งใหญ่ หวู่ฟู่ไม่มีอะไรเลย เหตุผลเดียวที่เขาได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มพันธมิตรก็เนื่องมาจากตี่เฉินจำเป็นต้องใช้เขาสำหรับพันธมิตรหานในช่วงเวลานั้น หวู่ฟู่ถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ เขาไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเขาแล้ว จึงไม่ต้องแปลกใจที่เขาจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

โอหยางโชวพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ การพูดคุยในวันนี้จะจบลงที่นี่ เราจะคุยเรื่องพันธมิตรกันหลังจากที่สงครามจบแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การเอาชนะสงครามครั้งนี้”

หลังจากที่ส่งหวู่ฟู่ออกไปจากเต็นท์ โอหยางโชวก็ออกไปจากเต็นท์เช่นกัน เขาขี่ม้ากลับเข้าไปที่เมืองเจ้าเก่อ

ในเมืองเจ้าเก่อ ประชาชนกำลังตกใจกลัวกองทัพราชวงศ์โจวที่กำลังเข้ามาใกล้ เมืองแทยจะไร้การป้องกัน เนื่องจากกองทัพหลักถูกส่งไปทำสงครามกับตงยี่ทางตะวันออก แล้วราชาของพวกเขาจะจัดการกับผู้บุกรุกเหล่านี้ได้อย่างไร?

ในความเป็นจริง ยังมีเวลาอีก 1 สัปดาห์ ก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้น ไกอาเว้นช่วงเวลานี้ไว้ให้ผู้เล่นสามารถใช้ประโยชน์จากมัน ในการทำเควสฝ่ายได้

อย่างไรก็ตาม โอหยางโชวไม่ได้สนใจ เขาตรงไปที่พระราชวังในทันที

ทหารหลวงหยุดโอหยางโชว ที่หน้าประตูวัง “เจ้าเป็นใคร? ที่นี่เป็นพระราชวังขององค์ราชา มันจำกัดเฉพาะผู้ที่มีอำนาจเท่านั้น”

โอหยางโชวลงจากหลังม้า แล้วส่งม้าให้กับหวังเฟิง จากนั้น เขาก็คำนับเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าคือ ตัวแทนผู้เล่น ฉีเยว่หวู่ยี่ ข้ามาที่นี่เพื่อขอพบองค์ราชา โปรดส่งคำขอของข้าไปให้พระองค์ด้วย”

ทหารหลวงเช็คป้ายที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขา แล้วรีบนำคำขอของเขาส่งเข้าไปในพระราชวังทันที

หลังจากที่ทหารหลวงวิ่งเข้าไป โอหยางโชวก็ไม่ได้มองตามไปที่พระราชวัง เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่า จะโน้มน้ามให้ราชาตี้สินยอมรับแผนการของเขาได้อย่างไร

ในพระราชวัง ตี้สินกำลังปรึกษาหารือกับขุนพลเอ้อหลาย เกี่ยวกับการสู้รบกับราชวงศ์โจว เมื่อทหารหลวงของเขารายงานว่า ตัวแทนผู้เล่นมาขอเข้าพบ มันก็ได้กระตุ้นความสนใจของเขา

เอ้อหลายเป็นลูกชายของเฟยเหลียน เขาเป็นนักรบที่สามารถสู้ได้ทั้ง แรด, หมี และเสือ ในทางกลับกัน เฟยเหลียนเป็นผู้ส่งสาส์น พ่อและลูกทั้งคู่ต่างก็ทำงานภายใต้ราชาโจวแห่งราชวงศ์ซาง ตี้สิน ทั้ง 2 คน ต่างก็จงรักภักดีอย่างที่สุด

ในยุค 3 ก๊ก โจโฉเรียกตัวเองว่าเป็นเตียนเว่ย ‘เอ้อหลายโบราณ’ เอ้อหลายที่โจโฉอ้างอิงก็คือ เอ้อหลายที่อยู่ที่นี่คนนี้

โอหยางโชวเดินเข้ามาในพระราชวัง จากนั้น เขาก็คำนับองค์ราชา “ฉีเยว่หวู่ยี่คำนับฝ่าบาท”

ตี้สินนั่งอยู่บนบัลลังก์ของเขาด้วยท่าทางที่สง่างาม “เจ้ามีเรื่องอันใดถึงต้องการพบข้าหรือ?”

“ข้ามาที่นี่เพื่อให้การช่วยเหลือฝ่าบาท” โอหยางโชวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว

“โอ้อวดอะไรกัน” เอ้อหลายกล่าวจากด้านข้าง

“ท่านคือขุนพล…?” โอหยางโชวยิ้มอย่างสงบขณะกล่าว

“ข้าคือเอ้อหลาย อย่าได้โอ้อวด กองทัพราชวงศ์โจวเข้มแข็งมาก และกองทัพหลักของเราก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วเราจะทำอย่างไรได้กัน?” เอ้อหลายเป็นคนตรงไปตรงมา เขาจึงถามคำถามที่อยู่ในใจของเขาออกไปตรงๆ

“ข้าไม่เห็นด้วย จากที่ข้าได้ยินมา ฝ่าบาทได้รวบรวมเหล่าทาสไว้ถึง 700,000 คน ซึ่งมีมากกว่ากองทัพราชวงศ์โจวหลายเท่า แล้วจะกล่าวว่า ไม่มีกองทัพได้อย่างไร” โอหยางโชวทำท่าทางแกล้งโง่

เอ้อหลายเยอะเย้ยเขาด้วยความลังเกียจ “เด็กน้อย เจ้าจะไปรู้อะไร พวกทาสไม่เคยฝึกทหาร และพวกเขาก็ไม่มีอาวุธชุดเกราะใดๆ แล้วพวกเขาจะเข้าร่วมสงครามได้อย่างไร?”

โอหยางโชวพยักหน้า “แล้วเหตุใดไม่ให้อาวุธและชุดเกราะกับพวกเขาเล่า?”

เอ้อหลายเริ่มหมดความอดทน ในขณะที่ตี้สินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เริ่มครุ่นคิด

“เจ้า เจ้ามันไม่รู้อะไรเลย แต่เจ้าก็ยังกล่าวว่าจะช่วยเหลือฝ่าบาทหรือ ช่างน่าขันยิ่งนัก”

โอหยางโชวยังคงยิ้มตามปกติ และกล่าวว่า “ช่วยสอนข้าที่ซิ ท่านขุนพล!”

เมื่อเห็นว่าราชาของเขาไม่ได้หยุดเขา เอ้อหลายก็อดทน แล้วกล่าวออกมาว่า “ทาส 700,000 คน ทั้งหมดมาจากต่างแดนและชนเผ่ารอบๆพวกเรา แล้วพวกเราจะไว้ใจพวกเขาได้อย่างไร? ถ้าเราให้อาวุธกับพวกเขา แล้วพวกเขาแปรพักตร์ล่ะ? นั่นจะยิ่งทำให้เราลำบากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ แม้ว่าเราจะให้อาวุธและชุดเกราะกับพวกเขา ในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้ พวกเขาจะฝึกฝนและต่อสู้ได้อย่างไร?”

โอหยางโชวแกล้งทำเป็นว่าเขาเพิ่งจะเข้าใจคำกล่าวของเอ้อหลาย เขายิ้มและกล่าวว่า “นั่นแหละ ข้าถึงต้องมาที่นี่”

ตี้สินเคลื่อนไหวในที่สุด “เจ้ามีแผนอะไร? กล่าวมาเร็ว!”

“ฝ่าบาท เพื่อให้แผนนี้สำเร็จ ฝ่าบาทจะต้องให้สัญญากับข้า 1 ข้อ”

“ว่ามา”

“ข้าขอให้ฝ่าบาททรงกักบริเวณท่านมหานักบวชไว้ในบ้าน ตัดการเชื่อมต่อเขากับโลกภายนอก” คำกล่าวของเขาทำให้ทุกคนประหลาด

มหานักบวชที่โอหยางโชวกล่างถึงก็คือเว่ยฉี

เว่ยฉี, เว่ยจงหยาน และตี้สิน พวกเขาเป็นพี่น้องจากแม่เดียวกัน เมื่อเว่ยฉีเกิดมา แม่ของพวกเขายังเป็นเพียงนางสนม หลังจากที่เธอกลายเป็นมเหสีแล้ว เธอก็ให้กำเนิกตี้สิน ราชาองค์ก่อนต้องการให้เว่ยฉีเป็นทายาท แต่ราชสำนักกล่าวว่า ตามธรรมเนียมแล้ว ตี้สินเป็นทายาทโดยชอบธรรม

หลังจากตี้สินขึ้นครองราชย์ เว่ยฉีก็ฝังความเกลียดชังไว้ในส่วนลึกของจิตใจ เขาอดทนและยับยั้งตัวเองมานานหลายปี ในฐานะบุตรคนโตของราชาองค์ก่อน เว่ยฉีมีอำนาจมากในหมู่พระราชวงศ์ ขุนนาง และพวกเลือดสีฟ้า ในท้ายที่สุด เขาก็สามารถสร้างพลังอำนาจให้กับตัวเองได้

ในฐานะราชาแห่งราชวงศ์ซาง ตี้สินรู้ชัดกว่าคนอื่นๆ ถึงภัยคุกคามที่พี่ชายของเขาสามารถนำมาได้ แม้แต่หลังจากที่ตี้สินได้รับบัลลังก์ เขาก็ยังแสดงความปรารถนาดีต่อพี่ชายของเขา แม้ว่าราชาองค์ก่อน พ่อของเขาจะไม่อยู่อีกแล้ว แต่อาทั้ง 2 คน ของเขาก็ยังอยู่ และพวกเขาก็ยังคอยจ้องมองบัลลังก์อันยิ่งใหญ่นี้อยู่ตลอด พวกอาของเขาเองก็เป็นกลุ่มอำนาจที่แข่งแกร่งในดินแดนเช่นกัน

ดังนั้น ตี้สินจึงตัดสินใจ ดึงดูดพี่ชายของเขา หลังจากนั้น เว่ยฉีก็เข้ารับตำแหน่งมหานักบวช เขากลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของทุกคน สถานะของเขานั้น เทียบได้กับสมเด็จพระสันตะปาปาของจักรวรรดิโรมัน

แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้อยู่นอกเหนือความคาดคิดของตี้สิน หลังจากที่เขากลายเป็นราชา เขาก็เริ่มการปฏิบัติการ หนึ่งในการเคลื่อนไหวของเขาก็คือ การจำกัดสิทธิ์ของขุนนาง เขาได้รับการยกย่องจากพลเรือนและแม้แต่ทาส เอ้อหลายเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของเขาก็ทำให้เหล่าขุนนางโกรธแค้นและไม่พอใจ

ตั้งแต่สมัยราชวงศ์เซี่ย ไปจนถึงสมัยสาธารณรัฐ จีนมีประวัติศาสตร์ของทาสมานับพันๆปี ขุนนางเป็นผู้ปกครอง พวกเขาเป็นดั่งเจ้าของของทาส และยังเป็นผู้ควบคุมเศรษฐกิจของประเทศ การเคลื่อนไหวของตี้สินเป็นการปลุกปั่นเหล่าขุนนางทั้งหมด ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาจะต้องเผชิญกับการต่อต้านมากเพียงใด และในที่สุด กองกำลังที่ต่อต้านราชาก็โผล่ขึ้นมา ในสมัยราชวงศ์ซาง เว่ยฉี และอาทั้ง 2 ของเขา ปี้ก้าน และฉีฉี่ เป็นผู้นำของกองกำลังเหล่านี้

มันมีคนอื่นๆที่เข้าร่วมกองกำลังด้วย ทั้งเหล่าขุนนางที่ควบคุมกองทัพ, รัฐบาลและการเงิน และมีกระทั่งมีสมาชิกจากราชวงศ์เข้าร่วมด้วย ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นนั้นใหญ่โตมาก อย่างไรก็ตาม ตี้สินเป็นราชาที่เลือดเย็นและไร้ปราณี ไม่มีทางที่เขาจะประนีประนอม เมื่อสิ่งต่างๆจบลง ตี้สินได้พิพากษาปี้ก้านให้ถูกประหารชีวิต และเนรเทศฉีฉี่ ส่วนเว่ยฉีได้เข้ามายอมจำนนกับเขาก่อน จึงได้รับอภัยโทษ

ในความเป็นจริง ความเกลียดชังของเว่ยฉีฝังรากรึกเกินกว่าจะถอนตัวได้ ดังนั้น เขาจึงแอบสาบานว่า เขาจะแก้แค้นในวิธีที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจ เขาขายประเทศของเขาให้กับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ราชวงศ์โจว

คนทรยศผู้นี้ ได้สั่งให้คนของเขา แอบขโมยอุปกรณ์พิธีศักดิ์สิทธิ์ หม้อตัวแทนของราชวงศ์ ‘จิวตง’ และแปรพักตร์ไปเข้ากับราชวงศ์โจว ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็นำของขวัญไปให้กับราชาหวู่แห่งราชวงศ์โจว นั่นคือ ข่าวกรองเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และการเมืองของราชวงศ์ซาง ในข้อมูลเหล่านี้ มันชี้ให้เห็นถึงการเมืองที่วุ่นวาย, สถานการทางการเงินที่ย่ำแย่ และกองทัพที่ว่างเปล่าของเจ้าเก่อ พวกเขายังได้รายงานราชาหวู่แห่งราชวงศ์โจว ถึงเส้นทางและเวลาที่กองทัพหลักของราชวงศ์ซาง ที่จะกลับมาจากทางตะวันออก

ราชวงศ์ซางจึงถูกเปิดเผยทั้งหมดต่อหน้าราชวงศ์โจว

โดยไม่ลังเล ราชาหวู่แห่งราชวงศ์โจวและเสนาบดีเจียงซาง ได้รวบรวมทหารทุกนายในประเทศ และรวมตัวกับประเทศอื่นๆ ก่อตั้งเป็นพันธมิตร ในช่วงเวลาสั้นและรวดเร็ว พวกเขาก็เคลื่อนทัพมาใกล้เมืองหลวงแห่งราชวงศ์ซาง เจ้าเก่อ และเป็นเหตุให้เกิดสงครามมู่เย่

เมื่อกองทัพพันธมิตรใกล้เข้ามา เว่ยฉีก็นำคนของเขาไปสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์โจว หลังจากนั้น ตาน ดยุคแห่งราชวงศ์โจว ได้มอบรางวัลให้กับเว่ยฉี  เป็นที่ดิน เพื่อให้เขาใช้มันสร้างประเทศของตัวเอง ประเทศซ่ง การกระทำเช่นนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงมารยาท และเพื่อให้ลูกหลานของราชวงศ์ซางจะยังคงอยู่ต่อไป เว่ยฉีจะกลายเป็นปฐมบุรุษของแคว้นซ่งแห่งราชวงศ์โจว

ดังนั้น โอหยางโชวจึงต้องกำจัดคนทรยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เว่ยฉี ก่อนที่แผนของเขาจะเริ่มทำงาน

ตี้สินกลายเป็นเย็นชา สามารถมองเห็นความเย็นชาจากในดวงตาของเขาได้ พี่ชายของเขาไม่เคยปล่อยให้เขาสบายใจเลย แต่มันก็คงไม่ง่ายนักที่จะจับกุมพี่ชายของเขา “นั่นเป็นสิ่งที่ข้าต้องทำหรือ?”

“ใช่ พะยะค่ะ” โอหยางโชวกล่าว

ตี้สินเป็นคนเด็ดขาด “เอาล่ะ ข้าสัญญากับเจ้า แต่ถ้าแผนของเจ้าไม่ได้ผลตามที่เจ้ากล่าว เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร?” องค์ราชาไม่อาจถูกยั่วยุได้

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด