ตอนที่แล้วเล่ม 1 ตอนที่ 9 : หญิงสาวทั้งสอง (3) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 2 ตอนที่ 1 : กองกำลังสมุนปีศาจ (2) [อ่านฟรี]

เล่ม 2 ตอนที่ 1 : กองกำลังสมุนปีศาจ (1) [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

==========

เล่ม 2 ตอนที่ 1 : กองกำลังสมุนปีศาจ (1)

เขาติดตามแสงจากคันฉ่องนี้มาพักหนึ่งแล้ว

การเดินทางของอาร์คนั้นห่างไกลจากชีวิตประจำวันซ้ำซากดังที่เคยเป็น

แสงจากคันฉ่องมันคล้ายกับเข็มทิศนำทางที่ปรากฏออกมาเพียงยามค่ำคืน

ตั้งแต่ที่เขาติดตามแสงนี้ที่เป็นเส้นตรงส่องมา ส่วนใหญ่แล้วที่เขาต้องพบเจอระหว่างทางนั้นเป็นภูเขาเสียมาก และเมื่อแสงหายไป เขาก็ไม่อาจหาเส้นทางที่แน่นอนจนต้องเตร่ออกไปทั่ว

ตามปกติแล้วการเดินทางจะเป็นไปตามนี้ กลางคืนเดินตามแสงที่คันฉ่องเผยออกมาและออกตระเวนไปทั่วพื้นที่เพื่อออกล่ายามกลางวัน

ขณะที่เขาก้าวเท้าเข้ามายังเขาอากัสที่รายล้อมอยู่พื้นที่แจ๊คสัน มอนสเตอร์ที่ปรากฏก็เริ่มที่จะมีเลเวลสูงขึ้น

ทั้งหมาป่ามากัลป์ที่มีพลังป้องกันสูงล้ำกว่าหมาป่าทั่วไป อีกทั้งยังมีเสือเบงกอลที่มีพลังโจมตีอันดุอันและมีเขี้ยวเล็บประดุจมีดที่แหลมคมคอยเข้ามาเล่นงานเขา

ทว่า อาร์คนั้นได้ผ่านการยกระดับเลเวลของตนจนถึงขีดจำกัดในดันเจี้ยนที่โหดที่สุดในพื้นที่แจ๊คสันอย่างป่าแห่งเงามาแล้ว

แน่นอนว่าย่อมไม่มีศัตรูใดอันตรายพอที่จะลงมือต่ออาร์คที่สามารถจัดการยมทูตได้

สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปหลังจากการเดินทางผ่านพ้นมาสัปดาห์หนึ่ง หรือก็คือสองวันในเวลาโลกแห่งความจริง

หมาป่ามากัลป์และเสือเบงกอลเริ่มที่จะเข้ามาโจมตีเขาน้อยลง

จากประสบการณ์ที่มี อาร์ครู้ว่าความเปลี่ยนแปลงนี้หมายถึงสิ่งใด

‘ดูเหมือนเราจะข้ามผ่านเขตแดนพื้นที่มาแล้ว’

ก็เหมือนกับผู้คน แต่ละพื้นที่ต่างก็มีมอนสเตอร์ครอบครองอยู่ไม่ก้าวก่ายกัน

มันเป็นข้อกำหนดในฐานะสหายต่อกันของพวกมอนสเตอร์

กล่าวก็คือ ถ้าหากมอนสเตอร์ขนาดเล็กตั้งรกราก พวกมันจะไม่เข้าไปใกล้ซึ่งกันและกัน ถ้าหากพวกมันพบเจอศัตรูโดยธรรมชาติที่มีร่วมกันอย่างเช่นหนูกับหมาป่า การต่อสู้ระหว่างพวกมันก็อาจปะทุขึ้น

ต้องขอบคุณระบบที่วางพื้นที่เอาไว้ให้มอนสเตอร์มีพื้นครอบครองตามธรรมชาติของมัน

กล่าวก็คือ ที่จำนวนหมาป่ามากัลป์และเสือเบงกอลลดน้อยลงก็หมายถึงพื้นที่ที่เปลี่ยนไป

‘พื้นที่แถบนี้จะมีมอนสเตอร์แบบไหนกันนะ?’

ถ้าหากเขาต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์เลเวลสูงก็คงจะต้องติดพัน

“เจ้าค้างคาว ออกไปสำรวจพื้นที่โดยรอบมาให้ดี ถ้ามีอะไรก็รีบกลับมาบอกโดยทันทีด้วยล่ะ”

“รับทราบแล้วเจ้านาย”

ที่อาร์คใช้งานเจ้าค้างคาวก็เพราะมันจะช่วยให้เขาเดินทางอย่างราบลื่นในป่าได้ ไม่ช้า เขาเริ่มพบเจอมอนสเตอร์ระหว่างทางซึ่งอยู่ในดงไม้หนา

‘หน้าเป็นหมากับร่างเป็นคน มนุษย์สุนัข!’

พวกมันมีอยู่สามตัว และพวกมันต่างกำลังน้ำลายไหลขณะที่ย่างมอนสเตอร์ที่ดูคล้ายเสือเบงกอล กล่าวก็คือ พวกมันแข็งแกร่งพอที่จะล่าเสือเบงกอลได้

เสือเบงกอลหาได้ใช่ศัตรูที่ง่ายต่อกร ถ้าหากพวกมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสือเบงกอล เช่นนั้นแล้วพวกมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะลงมือโดยผลีผลามได้

‘ทำไงดีนะ? จะลองสู้กับพวกมันดูดีไหม?’

อาร์คครุ่นคิดขณะที่หนึ่งในมนุษย์สุนัขพลันหันศีรษะมาพร้อมเสียงร้อง

“กรร”

“เป็นมนุษย์ ข้าได้กลิ่นมนุษย์!”

“ไปจับมันมากินกัน เนื้อมนุษย์นั้นอร่อยยิ่ง”

การซ่อนตัวอยู่เหนือลมนั้นเป็นความผิดพลาด มนุษย์สุนัขมีสัมผัสทางกลิ่นที่ดีเยี่ยม พวกมันเริ่มเข้ามาใกล้ขณะใช้จมูกดมกลิ่น

“บ้าจริง ไม่มีทางเลือกแล้ว เจ้าค้างคาว เจ้ากะโหลก สนับสนุนด้วย”

อาร์คเหวี่ยงดาบของตนเข้าใส่มนุษย์สุนัขขณะที่ตนพุ่งผ่านออกไปจากดงไม้

มนุษย์สุนัขที่โดนพุ่งเข้าใส่พลันได้รับความเสียหายคริติคอลจนตัวโยน

“เนตรแห่งแมว!”

ดวงตาของอาร์คกลายเป็นสีทองคำ ขณะที่จุดอ่อนของมนุษย์สุนัขเผยขึ้นพร้อมข้อมูล

‘เลเวล 45 แต่ก็มีจุดอ่อนเยอะ ด้วยเลเวลเท่านี้เรายังพอสู้มันได้’

“เจ้ากะโหลกกับค้างคาว พวกเราจะเล่นงานมันทีละตัว! คมดาบแห่งความมืด!”

อาร์คเน้นการโจมตีไปยังจุดอ่อนของมนุษย์สุนัข

มันเป็นเรื่องเสียเปรียบที่โดนล้อมเอาไว้โดยมอนสเตอร์เลเวล 45 ถึงสามตัวด้วยกัน เมื่อเกิดการต่อสู้เป็นกลุ่ม สมาธินั้นสำคัญมากและต้องฉวยโอกาสลั่นการโจมตีใส่ศัตรูก่อนเพื่อลดจำนวนพวกมันลง

ด้วยเนตรแห่งแมวและคมดาบแห่งความมืดประสานกับความร่วมมือจากสมุนปีศาจอัญเชิญหนุนเสริม พลังชีวิตของมนุษย์สุนัขลดลงไปเหลือ 70% แทบจะในทันที แต่บางสิ่งที่แปลกประหลาดพลันบังเกิดขึ้น

มนุษย์สุนัขที่เหลือต่างรักษาระยะห่างเอาไว้แม้เพื่อนร่วมฝูงของมันจะโดนโจมตีอยู่ ขณะที่อาร์คกำลังคิดว่ามันแปลกนั้นเอง มนุษย์สุนัขทั้งสองพลันยกธนูขึ้น

‘นักธนู!’

เขายังไม่เคยสู้กับมอนสเตอร์ใดเลยสักตัวที่ใช้ธนูได้จนกระทั่งถึงตอนนี้

เช่นนั้นแล้ว อาร์คจึงไม่สามารถคิดได้ว่าจะต้องทำยังไงดีหากเผชิญหน้ากับการต่อสู้เช่นนี้

“บ้าจริง! เจ้าค้างคาวไปขวางมันเอาไว้! ถ้าขวางไม่ได้เจออาหารเพิ่มขึ้นห้าเท่า!”

“หวา หยุดนะแกไอ้หัวสุนัข!”

ด้วยคำขู่ของอาร์ค เจ้าค้างคาวเข้าพัวพันที่ใบหน้าของนักธนูเหล่านั้นขณะกรีดร้องออกมา

ปีกที่กระพือได้ปิดบังดวงตาของมันเอาไว้ ทำให้ลูกศรไม่อาจจับเป้าหมายได้ แต่กับมนุษย์สุนัขอีกตัวนั้นได้ปักลูกศรเข้าที่ไหล่ของอาร์คอย่างจัง

 

=====

ท่านได้รับความเสียหายคริติคอลจากลูกธนูของมนุษย์สุนัข! ได้รับความเสียหาย 250 หน่วย ความเร็วการเคลื่อนที่ลดลงเป็นเวลา 30 วินาที

=====

 

สถานการณ์พลันพลิกกลับ

ลูกธนูนี้สามารถลดความเร็วของอีกฝ่ายจนทำให้อาจถึงขั้นโจมตีพลาดเป้าได้

อีกทั้ง การโจมตีที่โดนยังเป็นการโจมตีแบบคริติคอลเสียอีก มันสามารถทำให้ติดค่าสถานะผิดปกติอย่างเชื่องช้าหรือเลือดไหลได้

ขณะที่อาร์คพัวพันอยู่นั้น เหล่ามนุษย์หมาป่าก็เริ่มพุ่งตัวเข้ามาหาเขา การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงพร้อมร่างกายที่หนักอึ้ง ราวกับมีใครบางคนกำลังเอาอะไรมาถ่วงไว้

‘แย่แล้ว ถ้าเราในสภาพนี้โดนโจมตีอีกที มันก็ต้องเป็นการโจมตีแบบคริติคอล...’

กรั่ก กรั่ก กรั่ก!

ขณะนั้นเอง ดวงตาของเจ้ากะโหลกพลันทอประกายขณะที่เริ่มพุ่งไปยังเท้าของมนุษย์สุนัข มนุษย์สุนัขที่ก้าวพลาดไปโดนเจ้ากะโหลกพลันเสียศูนย์จนล้มลง ขณะนั้นเอง แสงสีแดงพลันไหลหลั่งออกมาจากทั่วทั้งร่างของมนุษย์สุนัข

ในเวลาเดียวกัน หน้าต่างข้อความก็เด้งขึ้นมาพร้อมเสียงแสดงความยินดี

หลังจากได้รับแต้มทักษะครบ 100 ทักษะเนตรแห่งแมวได้เลื่อนระดับขึ้นเป็นขั้นกลาง

 

=====

เนตรแห่งแมว (ขั้นกลาง, เรียกใช้งาน) : เนตรแห่งแมวที่เพิ่มระดับขึ้นสู่ขั้นกลาง ท่านสามารถได้รับข้อมูลและจุดอ่อนของศัตรูที่มากยิ่งขึ้นได้

สำหรับโบนัสของขั้นกลาง หากท่านคว้าโอกาสทองเอาไว้ได้ ท่านสามารถใช้ผลลัพธ์ดับเบิลคริติคอลได้เป็นเวลา 3 นาที

+การมองเห็นกลางคืน

+ตรวจจับชีวิต

+ค้นหาจุดอ่อน

+เพิ่มโอกาสดับเบิลคริติคอล

พลังมานาเรียกใช้ : 70

*ดับเบิลคริติคอล : จะทำให้ศัตรูอยู่ในสภาพไร้ซึ่งพลังป้องกัน

====

 

หากตัดสินจากสถานการณ์และการกระทำของศัตรู โอกาสที่จะทำดับเบิลคริติคอลได้มีอยู่ 1~3 วินาที

ถ้าหากใช้งานดับเบิลคริติคอลได้ การโจมตีหนึ่งครั้งจะสร้างความเสียหายคริติคอลได้เพิ่มเป็นสองเท่า

‘ดับเบิลคริติคอล!’

ในเวลาที่ศัตรูอยู่ในสภาพไร้ซึ่งการป้องกันโดยสมบูรณ์ มันจะทำให้ทั้งร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นจุดอ่อน!

มันแทบทำให้เนตรแห่งแมวไม่จำเป็นต้องใช้สำรวจหาอีกต่อไป

ดาบของอาร์คพลันจมเข้าใส่ต้นคอของมนุษย์สุนัข

 

=====

ท่านได้โจมตีดับเบิลคริติคอล ด้วยโบนัสการร่วมมือกับสมุนปีศาจกะโหลก ความเสียหายจะเพิ่มขึ้น 30%

=====

 

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว พลังชีวิตของมนุษย์สุนัขพลันลดลงเหลือแค่ 20% หลังผ่านการโจมตีไปอีกหลายครั้ง มนุษย์สุนัขจึงเริ่มกรีดร้องออกขณะตายลง

สถานการณ์แปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อมนุษย์สุนัขเบื้องหน้าของเขานั้นหายไป ยังมีมนุษย์สุนัขเหลืออยู่อีกสอง หนึ่งนั้นกำลังโดนเจ้าค้างคาวขัดขวางเอาไว้

‘ด้วยสภาพตอนนี้ เรายังจัดการมันได้อีกตัว!’

ชิ๊ง~!

การตอบสนองของเขายิ่งเฉียบคมและไหลลื่นมากขึ้นเพราะการฝึกฝนเทควันโด อาร์คในตอนนี้ปัดป้องลูกศรที่ลอยลิ่วมาด้วยดาบของตนจากการคำนวนเวลา

บางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่มีทักษะจำพวกการป้องกันดังเช่นที่นักรบมี ทำให้การปัดป้องเหล่านี้ไม่อาจถูกนับเป็นการป้องกันโดยสมบูรณ์ ทว่า นิวเวิร์ลด์นั้นเป็นโลกที่มีกฎเกณฑ์ดังเช่นโลกแห่งความเป็นจริง ความเสียหายที่ลดน้อยลงกว่าครึ่งและการโจมตีคริติคอลจึงไม่อาจเกิดขึ้นในสภาพนี้

‘ตราบเท่าที่ไม่โดนการโจมตีคริติคอล พวกมือธนูเหล่านี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่น่ากังวล!’

สถานะเชื่องช้าของอาร์คเริ่มหายไป จากนั้นเขาจึงเริ่มมุ่งหน้าเข้าหาเหล่ามือธนูอย่างรวดเร็ว

มันเป็นเรื่องปกติที่มอนสเตอร์สายโจมตีระยะไกลจะอ่อนแอในด้านการโจมตีประชิด! มนุษย์สุนัขที่ยิงลูกศรอยู่เหล่านั้นกลับกลายเป็นสภาพอ่อนแอเพราะอาร์คเข้าโจมตีพัวพัน

จากนั้น เขาได้ยินเสียงเจ้าค้างคาวร้องออกมาจากอีกด้านหนึ่ง

“นี่เจ้านาย! ไม่คิดสนใจข้าเลยหรือไรกัน?”

ตอนนี้ถึงขีดจำกัดที่เจ้าค้างคาวจะกระทำการขัดขวางมือธนูมนุษย์สุนัขได้เพียงลำพังแล้ว ด้วยลูกศรที่ยิงเข้าใส่ศีรษะ เจ้าค้างคาวถึงกับร่างจางหายแทบเท้าของมนุษย์สุนัข

 

=====

สมุนปีศาจค้างคาวแห่งความเกลียดชังถูกเรียกกลับคืนสู่โลกใต้พิภพ ท่านได้รับความเสียหาย 50% จากพลังชีวิตสูงสุดของสมุนปีศาจ

=====

 

ความรู้สึกเล็กน้อยคล้ายโดนไฟฟ้าช็อตไหลผ่านร่างของอาร์คจนพลังชีวิตหายไป 100 หน่วย

มันเป็นความเสียหายที่เกินคาด อาร์คในตอนนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างถึงที่สุด

ขณะที่เขาต่อสู้กับมนุษย์สุนัขตัวหนึ่งอยู่ มนุษย์สุนัขอีกตัวที่จัดการเจ้าค้างคาวไปแล้วพลันหันคันธนูเล็งยิงมาที่แผ่นหลังของอาร์ค

มันเป็นสภาพที่มีแต่ช่องโหว่!

‘โดนตรง ๆ เราตายแน่!’

ฉับพลันอาร์คยกเจ้ากะโหลกขึ้นมา

การโจมตีคริติคอลจากศรลูกนั้นทะลวงหน้าผากของมัน และจากนั้นเจ้ากะโหลกก็ถูกเรียกตัวคืนกลับสู่โลกใต้พิภพด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว

เป็นอีกครั้งที่พลังชีวิตของเขาถูกลดลงไป 100 หน่วย แต่ถ้าเขารับศรนั่นก็หมายถึงความตาย

“ไอ้พวกโสโครก! ฉันจะให้พวกแกตอบแทนเป็นการล้างแค้นให้เจ้ากะโหลกและค้างคาว!”

ที่จริงแล้ว เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดคำเหล่านี้ออกมาด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม อาร์คหลบเลี่ยงลูกธนูของมนุษย์สุนัขที่พุ่งเข้ามา ในนาทีสุดท้ายแห่งการต่อสู้อันสิ้นหวัง เขาพลันจัดการมนุษย์สุนัขตัวสุดท้ายไป

“คมดาบแห่งความมืด!”

“แค่ก เจ้ามนุษย์... เราจะได้เห็นดีกัน!”

ขณะที่กรีดร้องจนตาย ร่างของมนุษย์สุนัขค่อย ๆ เริ่มเลือนหาย

“ฟู่ ดูเหมือนจะชนะมาได้นะ”

อาร์คล้มลงกับพื้นขณะที่ผ่อนลมหายใจออกมาคล้ายอัดอั้นมันเอาไว้

จากนั้น แถบค่าประสบการณ์ของเขาที่ค้างอยู่ 92% ก็ขึ้นถึง 100% ในทันที จากนั้นเสียงแสดงความยินดีต่อการเพิ่มเลเวลจึงดังขึ้น

มนุษย์สุนัขให้ค่าประสบการณ์ค่อนข้างมากหากเทียบกับเลเวลของพวกมัน อีกทั้งมนุษย์สุนัขยังเป็นมอนสเตอร์ที่อยู่เป็นกลุ่ม มันไม่ใช่ศัตรูที่ฉายเดี่ยว มอนสเตอร์ที่อยู่เป็นกลุ่มนั้นหากสามารถเอาชนะมาได้ด้วยการร่วมมือโจมตีจะได้รับค่าประสบการณ์โบนัสอีก 30%

แต่เขาก็หาได้ดีใจไปกับมัน

‘บ้าจริง ดูเหมือนงานจะยากถ้าต้องการล่าพวกมนุษย์สุนัขนี้ต่อ เพราะสมุนปีศาจทั้งสองตัวโดนเรียกกลับไปแล้ว’

หากมนุษย์สุนัขเพียงแค่หนึ่งหรือสองตัวไม่นับเป็นอะไร ปัญหาคือมนุษย์สุนัขนั้นมันต่อสู้กันเป็นกลุ่มอย่างสามัคคี

ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างน้อยพวกมันก็ยังเป็นสุนัข อย่างดีที่สุดคือมนุษย์สุนัขมือธนูจะยิงลูกศรจากระยะไกล ขณะที่มีมนุษย์สุนัขนักรบอีกตัวเข้าขัดขวางอาร์ค มันเป็นกลยุทธ์ที่เรียบง่าย

แต่ทว่า มันกลับมีประสิทธิภาพที่หาได้เรียบง่ายไม่

หากเขาต้องต่อสู้เพียงลำพัง เขาอาจจะโดนรุมจนตายก่อนที่จะจัดการมนุษย์สุนัขนักรบได้เสียอีก

แน่นอน มันจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าหากอาร์คจัดตั้งปาร์ตี้ขึ้นมา

แต่อาร์คที่มีรากความแค้นฝังลึกต่อเหล่าผู้เล่น เขาพยายามหลบเลี่ยงการตั้งปาร์ตี้ออกล่าอย่างถึงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

กระทั่งว่าอาร์คต้องการ มันก็ไม่มีผู้เล่นคนใดที่จะมายังพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้เพื่อคอยช่วยเหลือเขาที่กำลังมุ่งหน้าออกเดินทางเพราะภารกิจหรอก

‘มันคงดีกว่าถ้าจะคอยหลบเลี่ยงพวกมนุษย์สุนัขต่อไปจนกระทั่งอัญเชิญสมุนปีศาจกลับมาได้’

เขาต้องรอถึงหนึ่งวันเต็มในเกมถึงจะเรียกสมุนปีศาจกลับคืนมาได้

นี่นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ออกจากพื้นที่แจ๊คสันที่อาร์คต้องหันหลังกลับ

นับเป็นครั้งแรกที่สมุนปีศาจทั้งสองของเขาโดนเรียกกลับไปพร้อมกัน เขาไม่รู้เลยว่าสมุนปีศาจทั้งสองแล้วแท้จริงมีประโยชน์แค่ไหนจนพวกมันจากไป

ความสามารถการสอดแนมของเจ้าค้างคาว และความสามารถในการเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูยามที่มีศัตรูหลายตัวรายล้อม รวมถึงการเสริมประสานจนได้รับโบนัสจากสมุนอัญเชิญ อาร์คไม่เคยคิดว่ามันจะมีผลใหญ่หลวงขนาดนี้ แต่ตอนนี้พวกมันหายไปแล้ว การออกล่าจะยิ่งยากขึ้นเป็นเท่าตัว อีกทั้งยังต้องใช้เวลาที่นานมากขึ้น แค่การจะล่าเสือเบงกอลสักตัวก็ต้องใช้เวลาสามถึงสี่นาทีเข้าไปแล้ว ในเมื่อมันต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเท่าตัวหนึ่งก็หมายความเขาต้องเสียเวลากับพวกมันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหรือสองนาที อีกทั้งค่าประสบการณ์ก็จะเพิ่มขึ้นช้าราวกับแทบไม่เพิ่มขึ้นเลย

แต่ที่น่างงงวยยิ่งกว่านั้นยังคงมีอีกสิ่งหนึ่ง

‘บ้าจริง ทำไมการออกล่าครั้งนี้เหมือนจะน่าเบื่อเสียล่ะ?’

อาร์คออกล่าโดยไม่หยุดหย่อน ยามที่มอนสเตอร์ปรากฏตัว เขาจะจัดการพวกมันด้วยดาบและร่างของตนด้วยความคุ้นชิน เขาจะหยิบไอเทมขึ้นมาและเริ่มออกค้นหาวัตถุดิบทำอาหาร จากนั้นเขาจึงอัญเชิญไข่ใต้พิภพขึ้นมาในเวลาว่างและให้มันดูดซับอาหารเข้าไป ในเมื่อมันไม่มีอะไรแตกต่างเลยแม้สักนิด เหตุใดมันจึงขาดซึ่งความตื่นเต้น

‘เราต้องบ้าไปแล้วแน่’

อาร์คปล่อยลมหายใจออกมา

คล้ายกับเอ็นพีซี สมุนปีศาจเองก็มีความนึกคิดเป็นของตนเอง

ทั้งเจ้ากะโหลกและค้างคาวต่างก็เปลี่ยนท่าทีไปตามความต้องการของอาร์ค สำหรับเจ้ากะโหลกนั้นเป็นสมุนปีศาจที่เชื่องเชื่อต่ออาร์คอย่างแท้จริง เช่นนั้นการกระทำของมันจึงไม่เคยเปลี่ยนไปแม้สักนิด ทว่าสำหรับเจ้าค้างคาว หากอาร์คผลักไสมันด้วยมืออย่างรุนแรง มันจะมีท่าทีเฉยเมินและไม่พูดคุยด้วยชั่วระยะเวลาหนึ่ง และเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นมันก็มีความเป็นไปได้ที่จะหนีไป

แต่เมื่อเขาเริ่มใส่ใจพวกมันมากขึ้น ไม่ช้ามันเริ่มภักดีต่อเขาราวกับเข้ามาเลียรองเท้าก็ไม่ปาน บางครั้งถึงขนาดที่ว่าไม่ต้องให้อาร์คออกคำสั่งด้วยซ้ำไป

‘ทำไมเอ็นพีซีถึงจู้จี้จุกจุกแบบนี้กันนะ?’

ในตอนแรก เขาไม่ชอบที่ต้องให้ความสนใจกับทุกการกระทำของพวกมัน อีกทั้งในเมื่อมันต้องใช้พลังมานาในตอนที่ต้องสู้ การใช้งานทักษะของเขาจึงถูกจำกัดลงด้วย แล้วบางครั้งเขาก็สงสัยเหมือนกันว่าเหตุใดตนถึงต้องการอัญเชิญสมุนปีศาจออกมา

ดูแล้วเหมือนว่าอาร์คจะเข้ากันกับพวกมันได้ก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว

หลังจากที่พ่อของเขาจากไป เขาก็ต้องยุ่งอยู่กับปัญหาชีวิตจนไม่อาจออกไปเจอเพื่อนฝูง ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกแม้กระทั่งในนิวเวิร์ลด์ นอกจากนี้ เป็นเพราะประสบการณ์ในช่วงเริ่มต้นของเขาคือการหักหลัง รากของเขาจึงฝังลึกอยู่กับการไม่เชื่อใจผู้เล่นจนตนกลายเป็นหลบเลี่ยงผู้อื่นเสียแทน

ทว่า อาร์คจะอย่างไรก็เป็นมนุษย์

ยามที่เขาต้องอยู่เพียงลำพัง แน่นอนว่ามันต้องไม่สุขใจเท่าไหร่นัก กระทั่งว่าในนิวเวิร์ลด์ บางครั้งเขาก็รู้สึกเหงาที่ต้องออกล่าอยู่หลายวันในป่าอันมืดมิด จนถึงจุดหนึ่ง ความรู้สึกเหงานั้นกลับหยุดลงและถูกแทนที่ด้วยเหล่าสมุนปีศาจที่รายล้อม

อย่างน้อยที่สุด เจ้ากะโหลกก็เชื่อใจได้เพราะค่าความภักดีที่สูงส่ง และกระทั่งเจ้าค้างคาวที่แม้ว่าจะคอยบ่นอยู่ข้างกายอาร์คก็ด้วย

การคงอยู่ของพวกมันก็เพื่ออาร์คโดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน

พวกมันคือสิ่งที่อาร์คไม่อาจหาได้ไม่ว่าจะความเป็นจริงหรือว่าเกมอื่น

แต่นั่นเป็นเขาไม่รู้สึกจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทว่าสำหรับอาร์คแล้ว สมุนปีศาจนั้นไม่ใช่เพียงแค่ตัวละครในเกม แต่เป็นสหายที่เขาเชื่อใจได้

‘ยี่สิบสี่ชั่วโมง... นานจัง’

นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาเริ่มเล่นเกมและรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปช้าเหลือเกิน

‘นับแต่นี้เราจะต้องไม่ปล่อยให้สมุนปีศาจโดนบังคับเรียกตัวกลับไปอีกเป็นครั้งที่สอง’

อย่างน้อยอาร์คก็จริงใจกับสมุนปีศาจของตนเองขึ้นมาแล้ว

“บ้าจริง!”

* * *

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด