ตอนที่แล้วChapter 42: ไม่มีความเสียหายจริงอีกต่อไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 44 : การตบไปที่ใบหน้าของหมิงตู่

Chapter 43: การล้างแค้นแห่งความกระหายเลือด


ถึงแม้ว่าหมิงตู่นั้นจะไม่ได้มีความตั้งใจที่ดีกับเขาก็ตาม คำถามของเขานั้นก็ย้ำเตือนความจริงของหวังหยู่ ถ้าความเสียหายกายภาพนั้นมันไม่เวิร์คละก็ ถ้าอย่างงั้นเขาก็ควรที่จะเปลี่ยนไปใช้การโจมตีทางด้านเวทย์มนตร์

หวังหยู่นั้นหลบการฟันของวาร์ตันและใช้ [ระลอกคลื่น] ใส่หน้าอกของเขา

-827

“มันได้ผล!” หวังหยู่อุทานขึ้น “เหมือนกับว่าพลังป้องกันเวทย์มนตร์ของบอสนั้นไม่ได้สูงมากซักเท่าไหร่!”

ถึงแม้ว่าหวังหยู่นั้นจะไม่ใช่นักเวทย์ เขาก็ยังคงทำความเสียหายทางเวทย์ได้! เขานั้นเพิ่มค่าสถานะทางด้านจิตวิญญาณสองหน่วยในทุกระดับอีกด้วย

นอกจากนี้ “ความเศร้าโศรกของผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้” นั้นมีค่าโจมตีเวทย์ที่สูงมาก ความเสียหายทางเวทย์ที่หวังหยู่ทำนั้นได้กับสกิลนั้นก็ไม่ได้ต้อยต่ำไปกว่านักเวทย์ส่วนมากเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้ว่าเจ้าแห่งชี่กงนั้นจะมีสกิลเวทย์บางสกิล มันก็ยังมีพื้นฐานเป็นอาชีพต่อสู้ระยะใกล้อยู่ ด้วยเหตุนี้ความเสียหายเวทย์ที่ทำได้นั้นก็ไม่ค่อยสูงสักเท่าไหร่ [ลูกบอลไฟ] ระดับ 1 จากนักเวทย์นั้นสามารถทำความเสียหายทางเวทย์มนต์ได้ 185%ของค่าพลังโจมตีเวทย์ ในขณะที่ [ระลอกคลื่น] ระดับ 2 นั้นทำได้เพียง 180%

นอกจากนี้ หวังหยู่ก็มีสกิลเพียงสกิลเดียวที่ทำความเสียหายทางเวทย์ได้

สำหรับ [หมัดพลังวอยด์] แล้วสกิลนี้นั้นไม่มีค่าให้พูดถึง สำหรับสกิลที่เป็นเครื่องมือแบบนี้นั้นมันมีประโยชน์ที่เอาไว้จับผู้เล่นคนอื่น แต่การจับบอสนั้นมันก็เหมือนถามหาความตายยังไงยังงั้น

ด้วยเหตุนี้นี่เอง หวังหยู่ตัดสินใจที่จะโฟกัสในการหลบหลีกจากการโจมตีของวาร์ตัน และปลดปล่อย [ระลอกคลื่น] ทุๆ 3วินาที แต่มันดูเหมือนได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าการใช้หมัดของเขาทำความเสียหายกายภาพซะอีก.... มันเหมือนกับว่าการที่จะสังหารบอสนี้ด้ เขาจำเป็นที่จะต้องร่วมกับหมิงตู่จริงๆ...

แต่ในเวลานี้เอง หมิงตู่นั้นยุ่งเกินกว่าที่จะสนใจหวังหยู่

ด้วยความจริงที่ว่าโบซอนนั้นเผลอเปิดเผยความจริงที่ว่าการฆ่ามอนสเตอร์จะได้รับแต้มเพิ่ม ทุกคนั้นก็กลายเป็นยุ่งและต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการฆ่า แม้กระทั่งไร้ความกลัวก็กระโดดเข้าไปในความวุ่นวายและเริ่มตีมอนสเตอร์ไปอีกด้วย

คนที่ไร้ศีลธรรมแบบหมิงตู่นั้นไม่เคยให้ใครเอาเปรียบเขา ในความเป็นจริงเขามองไปรอบๆอย่างมีเลศนัยและพยายามที่จะแย่งคนอื่นฆ่ามอนสเตอร์ เขาก็ร่ายสายฟ้าใส่มอนสเตอร์ที่อยู่ด้านหน้าประตูความตายแล้ว

การได้รับประโยชน์นี้นั้นมาจากการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของเขา อย่างน้อยแปดนสิบตัวนั้นถูกฆ่าโดยเ เหตุผลเดียวที่เขาไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ทุกตัว เนื่องจากว่าสกิลของเขานั้นกำลังติดคูลดาวน์อยู่

“เฒ่าหลี่ การช่วยเหลือของตาเฒ่าอย่างคุณนี่มันน่าขอบคุณจริงๆ!”ไร้ความกลัวกัดฟันพูด

“ฮ่าๆๆๆ นายก็พูดเกินจริงไป ฉันจะต้องขอบคุณพวกนายทุกคนจริงๆ! เมื่อเรื่องนี้จบลง ฉันจะพาพวกนายทั้งหมดไปเลี้ยงมอลต์เอง! ไม่จำเป็นที่จะต้องขอบคุณฉันหรอก สุดท้ายแล้ว พวกเราก็เป็นพี่น้องกัน รางวัลอันเล็กน้อยสำหรับความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของพี่น้องของฉัน...”หมิงตู่เหน็บ

มอลต์คือแอลกอฮอล์ที่มีราคาถูกที่สุดในร้านอาหาร แก้วละ 10เหรียญทองแดงเท่านั้น

“หมิงตู่ มึงกำลังมองหาความตายแล้ว!”ไร้ความกลัวตะโกน

“ฉันจะโยนไอ้เหี้...นี่เข้าไปกลางวงมอนสเตอร์ซะ!”

เมื่อพวกเขาเห็นหมิงตู่นั้นเอาเปรียบพวกเขา โบซอนก็ตะโกนอย่างโกรธแค้นแล้วเขาก็หันหลังกลับ และจับไปที่บันไดและเตรียมตัวที่จะปีนขึ้นไปที่ที่หมิงตู่อยู่

“เลิกทำตัววุ่นวายได้แล้ว พวกเรากำลังทำเควสอยู่ในตอนนี้ พวกเราจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสิ! นายเข้าใจไหม?”หมิงตูเตือนอย่างจริงจัง

“…..”

เหี้....อะไรวะเนี่ย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นและที่ขัดขวางการทำงานเป็นทีมของพวกเขา ไอ้บัดซบ!

หลังจากต่อสู้ไปอีกชั่วครู่หนึ่ง มอนส์เตอร์จำนวนหนึ่งในสี่ก็ถูกสังหารไป ในขณะที่พวกมันอีก 300ตัวยังคงถาโถมเข้าหาทางเข้าหุบเขาอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อเขาเห็นสถานการณ์นี้ รัศมีฤดูใบไม้ผลิก็ชี้ไปยังหินใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าเขาแล้วเขาก็ตะโกนขึ้น “พวกเราจะเคลื่อนที่ไปด้านหน้า 16เมตร และฉันจะปล่อยมอนสเตอร์หลุดออกมาเจ็ดตัวในครั้งนี้ ครอทชี้จะต้องหยุดมอนสเตอร์โดยใช้หินใหญ่ตรงนั้น ไร้ความกลัวฮีลพวกเราต่อไป ด้วยแบบนี้พวกเราจะแบ่งแต้มกันได้มากยิ่งขึ้น!”

“นั่นเป็นความคิดที่ดีมาก!”ทุกคนตกลง

“เหี้....อะไรวะ แล้วฉันจะร่ายเวทย์ใส่ใครละ เมื่อฉันอยู่โคตรห่างไกล?”หมิงตู่โหยหวน

รัศมีฤดูใบไม้ผลิจ้องไปที่เขาอย่างเย็นชาแล้วเขาก็เยาะเย้ย “ปู่คนนี้นั้นเลือกสถานที่เจาะจงให้นายไม่สามารถไปถึงได้เองละ!”

เมื่อเขาพูด รัศมีฤดูใบไม้ผลิก็ให้ผีของเขาถอย และปล่อยให้โจรร้ายอันธกาลสี่ตัวเข้ามาในหุบเขา แล้วก็ให้ไร้ความกลัวและคนที่เหลือจัดการกับพวกมัน

รัศมีฤดูใบไม้ผลิก็ร่ายเวทย์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็เรียกผีออกมาสี่ตัวด้านหน้าเขาเป็นระยะ 10เมตร และยืนเฝ้ายามตรงหินก้อนใหญ่ และปิดกั้นทางเข้าอีกครั้งหนึ่ง

มอนสเตอร์ที่ถาโถมเข้ามานั้น ขุนนางครอทก็รีบพุ่งตัวไปปิดกั้นเส้นทางของพวกมันและก็กระแทกมันไปด้านข้าง เพียงแค่หลังจากนั้น รัศมีฤดูใบไม้ผลิก็ร่าย [บิดเบือน] ด้วยการจัดการของทั้งสองคนนั้นก็ทำให้เกิดการปิดกั้นที่มีประสิทธิภาพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง โจรร้ายอันธกาลสี่ตัวก็ถูกฆ่าโดยสมาชิกคนอื่นของกิลด์และพวกเขาก็รีบไปยังตำแหน่งของตัวเองเพื่อที่จะเตรียมตัวสำหรับการโจมตีระลอกต่อไป

รัศมีฤดูใบไม้ผลินั้นปล่อยมอนสเตอร์เข้ามาในหุบเขา และปิดกั้นพวกมันและควบคุมพวกมัน โดยที่ไม่ได้โจมตีเลยแม้แต่น้อย รัศมีฤดูใบไม้ผลิก็ให้พวกมันนั้นกำลังเต้นรำอยู่บนฝ่ามือของเขาอยู่

เมื่อผู้เล่นพวกนั้นเห็นการต่อสู้ของหวังหยู่กับวาร์ตันรวมทั้งสมาชิกที่เหลืออีกเจ็ดคนจากนิกายซวนเฉิน พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความชื่นชมอย่างอดไม่ได้

“พวกนายเห็นนั่นไหม? หมอผีนั้นรู้ถึงแก่นแท้ของคำว่า ‘ควบคุม’ จริงๆ!”

อะไรคือการควบคุม? เมื่อฉันอนุญาตให้คุณเคลื่อนที่ไปข้างหน้า คุณก็จะต้องก้าวเท้าไปข้างหน้า เมื่อฉันสั่งให้คุณถอยหลัง คุณก็จะต้องถอยหลัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสนามรบจะเป็นไปตามความต้องการของฉัน รัศมีฤดูใบไม้ผลินั้นเข้าใจถึงความหมายของคำๆนี้และแสดงให้เห็นอย่างไม่มีข้อผิดพลาด

“อย่าลืมเกี่ยวกับผู้พิทักษ์คนนั้น จังหวะของเขาแม่นยำเป็นอย่างมาก! ถ้าเขาช้าไปวินาทีหนึ่งละก็เขาก็คงจะตายไปแล้ว!”

“สามคนตรงนั้นก็น่าประทับใจจริงๆ เมื่อคิดเกี่ยวกับว่าพวกเขานั้นสามารถที่จะฆ่ามอนสเตอร์ระดับ25 ทั้งสี่ตัวได้เพียงนาทีเดียวนั้น พวกเขาสวมใส่อุปกรณือะไรกันอยู่?”

ในเวลานั้นเอง หมิงตู่ก็คลานลงมาจากกำแพงและวิ่งไปด้านหลังของรัศมีฤดูใบไม้ผลิและก็ยิงระเบิดสายฟ้าใส่โจรร้ายอันธกาลแล้วเขาก็โหยหวน “พวกนายมากเกินไปแล้ว ทำไมนายถึงทิ้งฉันไว้ด้านหลังกัน!”

การโจมตีของหมิงตู่นั้นทำให้ฝูงชนตกตะลึงอีกครั้งหนึ่ง “ดาเมจนั่นมันอะไรกัน…”

หมิงตู่ก่อนหน้านี้นั้นโจมตีเพียงแค่มอนสเตอร์ที่ใกล้ตาย ดังนั้นไม่มีใครที่สามารถบอกได้ถึงความเสียหายที่เขาทำได้ แต่ในตอนนี้นี่เอง เขานั้นฆ่าโจรร้ายอันธกาลได้ในทันทีโดยที่มันยังไม่ทันได้แตะต้องเขาเลย พร้อมกับการโจมตีด้วยเวทย์เพียงเวทย์เดียว! พลังโจมตีทางด้านเวทย์มนต์ของเขาน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง

นอกจากผู้เล่นทั้งเจ็ดคนนั้นมีเพียงไร้ความกลัวที่เป็นนักบวช ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวที่เสียเปล่าเลยเพียงคนเดียว ตั้งแต่ที่เขาเป็นนักบวชนั้นเขาก็ไม่ได้มีศักยภาพในด้านการโจมตีและสมาชิกคนอื่นนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับการฮีลในช่วงเวลานี้

ไร้ความกลัวนั้นสามารถทำได้เพียงยืนอยู่ด้านข้าง และโบกคทาของเขาเห็นแล้วเขาก็มองไปที่เพื่อนร่วมกิลด์ที่กำลังสู้ และเปิดเผยการแสดงออกที่น่าโดดเดี่ยวเป็นอย่างมากบนใบหน้าของเขา

ในสายตาของฝูงชนนั้นเหมือนกับเป็นผู้นำกองทัพ กำลังออกคำสั่งแก่พลทหารของเขาอยู่

“ฉันได้ยินมาว่านักบวชคนนั้นเป็นหัวหน้ากิลด์ การที่มีลูกน้องที่มีความสามารถมากมายอยู่ภายใต้เขานั้นก็หมายความว่าเขาจะต้องทรงพลังเป็นอย่างมากแน่ๆ!”ฝูงชนนั้นคาดเดาเมื่อพวกเขามองไปที่ไร้ความกลัว

นักต่อสู้ที่สามารถโซโลบอสได้ หมอผีที่มีความสามารถควบคุมที่ไม่มีใครเทียบได้ แท็งค์ที่ไว้ใจได้ นักจู่โจมทั้งสี่ที่ทรงพลังและจอมทัพผู้เชี่ยวชาญ!

“อ๊า…”ฝูงชนเริ่มตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาประเมินผลเกี่ยวกับพวกหวังหยู่ “นี่เป็นนิกายซวนเฉินในข่าวลือใช่ไหม? ไม่สงสัยเลยที่พวกเขากล้าที่จะทายกิลด์ทุกกิลด์ พวกเขานั้นมีความสามารถที่จะพูดได้”

เมื่อพวกเขานั้นเริ่มต้นเควส พวกเขานั้นเพียงแค่สู้มอนสเตอร์สี่ตัวตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น การก่อกวนของหมิงตู่นั้นทำให้กระบวนการทั้งหมดนั้นค่อนข้างช้า

แต่ในตอนนี้ พวกเขานั้นขยับการป้องกันไปด้านหน้า และก็จัดการมอนสเตอร์เจ็ดตัวในแต่ละครั้ง ถึงแม้ว่าแรงกดดันจะเพิ่มขึ้น แต่หมิงตู่นั้นก็หยุดแย่งคนอื่ฆ่าแล้วและสู้อย่างเต็มที่ และทำให้ความเร็วในการต่อสู้นั้นเพิ่มเป็นสองเท่า

รัศมีฤดูใบไม้ผลิเริ่มที่จะปลดปล่อยพิษเมื่อเขาแนะนำนักจู่โจมทั้งสี่คน “อย่าตีมอนสเตอร์ที่ติดพิษโดยฉัน หรือไม่อย่างงั้นฉันจะปล่อยให้พวกเหี้...อย่างพวกมึงตายกันทั้งหมด!”

การสนับสนุนก็ยังคงได้แต้มบางส่วน ซึ่งมันดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

ทั้งสี่พยักหน้าแล้วพวกเขาก็เปลี่ยนเป้าหมาย

ขุนนางครอทก็เริ่มเอาอย่างรัศมีฤดูใบไม้ผลิและตะโกนใส่ที่เหลือ “ให้ผมฟันพวกมันอย่างน้อยทีหนึ่ง ให้ผมได้แต้มพวกนั้นด้วย มิฉะนั้นละก็ ผมจะปล่อยพวกมอนสเตอร์ให้เข้ามา”

ไร้ความกลัวก็ร่ายฮีลใส่รัศมีฤดูใบไม้ผลิและขุนนางครอท

ทั้งคู่ก้หันกลับมาและตะโกนใส่ “นายเบื่องั้นเหรอ? รักษามานาของนายซะ!”

ไร้ความกลัวก็ฮีลใส่สมาชิกของแต่ละคนในกิลด์ แล้วเขาก็พูดอย่างสบายๆ ‘ฉันพยายามที่จะได้รับส่วนแบ่งของแต้มด้วย พวกนายเข้าใจไหม?”

เมื่อหวังหยู่ที่ต่อสู้กับวาร์ตันที่หุบเขาที่ไม่ห่างไกลออกไปเห็นว่าพวกเขาขยับแถวการป้องกันไปด้านหน้า เขาก็เริ่มต้นที่จะกราดเกรี้ยวอย่างมาก และก็สงสัยว่ากลุ่มปากหมาอันไร้สาระพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่ แต่เมื่อเขาเห็นการต่อสู้ของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้น สุดท้ายแล้วเขาก็เข้าใจความตั้งใจของพวกเขา

มอนสเตอร์ทุกตัวในหุบเขาอันธกาล ตั้งแต่บอสวาร์ตันจนกระทั่งมอนสเตอร์ตัวเล็กๆอย่าง คนเร่ร่อนอันธกาลนั้นก็เป็นมอนสเตอร์ที่ถูกออกแบบขึ้นมาอย่างง่ายๆโดยระบบ

มันมีเพียงสกิลเพียงไม่กี่อย่างและรู้วิธีใช้มันโดยไม่กี่วิธี

เมื่อเวลานั้นผ่านไป นิกายซวนเฉินนั้นก็สู้กับเควสป้องกันสำนักงานใหญ่มากกว่าชั่วโมงและจำนวนของมอนสเตอร์ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าหลังจากที่โดนหวังหยู่ตีมาเป็นระยะเวลายาวนาน พลังชีวิตของวาร์ตันก็ลดเพียงแค่ 10%

มื่อพวกเขานั้นเข้าใจรูปแบบการโจมตีของมอนสเตอร์พวกนี้แล้ว การยืนบนพื้นและสู้กับพวกมันนั้นก็ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

เพียงแค่เมื่อฝูงชนนั้นเริ่มผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นและสมาชิกในกิลด์นั้นคิดที่จะขยับแนวป้องกันไปด้านหน้าเพิ่มอีกครั้งหนึ่ง วาร์ตันก็คำรามเสียงดังออกมาแล้วเขาก็เริ่มเปร่งประกายสีแดง

“ไอ้พวกผู้บุกรุกอันหยาบคาย! พวกนายกล้าที่จะบุกุรกแผ่นดินของฉันและฆ่าคนของฉันงั้นเหรอ? พวกนายนั้นสมควรได้รับความตาย!!!! ทุกคน! ฆ่าพวกมันให้ฉัน!! ฆ่าพวกมันเพื่อพี่น้องของพวกเราที่ตายไป!”

เมื่อมอนสเตอร์พวกนั้นได้ยินเสียงตะโกนของวาร์ตัน ดวงตาของมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมๆกัน

นื่คือสกิลของบอส ------ [การล้างแค้นแห่งความกระหายเลือด]!!!

“นี่มันแย่แล้ว เขากำลังบ้าคลั่งแล้ว ถอยได้แล้ว!”ไร้ความกลัวตะโกนออกมา และก็สั่งให้สมาชิกของกิลด์นั้นกลับไปยังแถวป้องกันแถวแรก

หมิงตู่นั้นก็รอคนอื่นถอยกลับก่อนที่เขาจะวิ่งหนีเพื่อชีวิตของเขา

“ขุนนางครอท นายก็กลับไปด้วย ฉันจะหยุดพวกมันเอง!”รัศมีฤดูใบไม้ผลิตะโกนใส่ขุนนางครอท เมื่อเขาร่าย [บิดเบือน] อีกครั้งหนึ่ง

ขุนนางครอทก็หันหลังกลับอย่างฉับพลันและใช้ [พุ่งเข้าชน] เพื่อที่จะล่าถอย

เมื่อมอนสเตอร์พวกนี้นั้นบ้าคลั่ง การโจมตีของพวกมันก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย ผีของรัศมีฤดูใบไม้ผลิสามารถรับการโจมตีได้เพียงรอบเดียวก่อนที่พวกมันจะถูกฆ่า

“พระเจ้า! พลังโจมตีของพวกมันสูงมาก!”รัศมีฤดูใบไม้ผลิ ร้องแล้วเขาก็หยิบยันต์ออกมาและเขวี้ยงมันออกไปบนพื้นก่อนที่จะม้วนตัวกลับหลัง และก็เมินเฉยภาพลักษณ์ของเขา เมื่อเขานั้นคลานหนีเพื่อความปลอดภัยของเขา

“ฮู่….”ฉากสีดำยาวนับเมตรปกคลุมทั่วด้านหลังของรัศมีฤดูใบไม้ผลิและปิดกั้นมอนสเตอร์

“นั่นคืออะไรกัน?”ทุกคนถามขึ้น นี่เป็นครั้งแรกสำหรับทุกคนที่เห็นสกิลแบบนี้ในเกม

“โลกแห่งความมืด! มันเป็นไอเทมใช้ครั้งเดียว เหี้... มันสามารถที่จะปิดกั้นพวกมันได้แค่สามสิบวินาที พวกนายจะต้องจ่ายเงินให้ฉันด้วย!”รัศมีฤดูใบไม้ผลิตอบกลับอย่างไม่มีความสุข

พวกเขาก็เมินเฉยกับสิ่งที่ฤดูใบไม้ผลิพูด ไร้ความกลัวก็ขมวดคิ้วแล้วเขาก็พึมพำกับตัวเอง ‘บอสนั่นกำลังทำอะไรอยู่ เมื่อคิดว่ามันยังคงมีสกิลแบบนี้อยู่อีกด้วย”

‘เป็นยังไงบ้าง? พี่ยังคงปิดกั้นพวกมันไหวไหม?”ไร้ความกลัวถามรัศมีฤดูใบไม้ผลิ

รัศมีฤดูใบไม้ผลิยกคทาขึ้นจากพื้นแล้วเขาก็ตอบกลับ ‘การโจมตีของมอนสเตอร์พวกนี้เพิ่มขึ้น 50% แต่ในเวลาเดียวกัน การป้องกันของพวกมันก็ลดไปด้วยเช่นกัน ตราบเท่าที่ฉันสามารถร่ายพิษใส่พวกมันได้ทั้งหมด ผีของฉันก็ยังคงป้องกันพวกมันต่อไหวได้อีกรอบหนึ่ง แต่คูลดาวน์สกิลของฉันตามไม่ทัน พวกเราจะต้องฝากขุนนางครอทป้องกันแทนแล้ว

“ไม่มีปัญหา!”ขุนนางครอทเอาโล่ของเขากระแทกกับพื้นแล้วเขาก็ประกาศอย่างกล้าหาญ การต่อสู้นี้นั้นทำให้เขาเพิ่มความมั่นใจในนิกายซวนเฉินเป็นอย่างมาก

“คนเดียวที่ฉันกังวลในตอนนี้ไม่ใช่พวกเรา แต่มันก็คือกระทิงเหล็ก ถ้าเขาไม่สามารถรับมือกับบอสได้และมันกลับมานำพวกมอนสเตอร์ละก็ พวกมันก็จะได้รับบัฟอีกประเภทหนึ่งและพวกมันก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อคิดเกี่ยวกับความเหี้ยมโหดของระบบแล้ว ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นจริงๆละก็ ฉันคิดว่าพวกเราไม่สามารถที่จะรับมือเควสนี้ได้อีกต่อไป”รัศมีฤดูใบไม้ผลิเพิ่มเข้าไป

บัฟสองบัฟ.....เมื่อคนที่เหลือนั้นได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขารู้สึกเสียวสันหลังวาปและมองอย่างกระวนกระวายใจไปที่หวังหยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด