ตอนที่แล้วเล่ม 1 ตอนที่ 5 : การแก้แค้นของไวเคานต์ฮาเวิดสเตน (2) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 1 ตอนที่ 6 : อัศวินแมว (1) [อ่านฟรี]

เล่ม 1 ตอนที่ 5 : การแก้แค้นของไวเคานต์ฮาเวิดสเตน (3) [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

เล่ม 1 ตอนที่ 5 : การแก้แค้นของไวเคานต์ฮาเวิดสเตน (3)

หลังจากที่พวกเขาเข้ามาภายในซากปรักหักพัง พลังชีวิตของฮาเวิดสเตนก็ยิ่งมายิ่งอ่อนแรง อาร์คที่ได้เรียนรู้ทักษะเยียวยาก็บอกได้เพียงแค่ว่าเขามีชีวิตเหลืออยู่อีกไม่มากนัก ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นจนทำให้ฮาเวิดสเตนตายก่อนที่ภารกิจจะสำเร็จ ภารกิจนี้ท้ายที่สุดแล้วก็จะจบลงด้วยความล้มเหลว และเหล่าอัศวินซิลฟีดก็จะกลับสู่ปราสาทแจ๊คสัน

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมภารกิจนี้ที่เขาไม่ต้องลงแรงต่อสู้อะไรเลยถึงกับมีความยากระดับ E+

‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราต้องช่วยเขาเอาไว้จนกระทั่งภารกิจเสร็จสิ้นให้จงได้ ชิ ยุ่งยากชะมัด’

ฮาเวิดสเตนที่โขลกไออยู่ข้างเขานั้นเริ่มทำเอาเขารู้สึกรำคาญ

ถ้าหากไม่ใช่เงื่อนไขของภารกิจแล้วล่ะก็ เขาคงปล่อยให้ฮาเวิดสเตนตายตามยถากรรมไปแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่าคือเขาต้องร่วมการต่อสู้โดยการโจมตีใส่มอนสเตอร์พวกนี้เพื่อได้รับค่าประสบการณ์ส่วนหนึ่งมาด้วย

กระทั่งว่าเหล่าอัศวินที่แข็งแกร่งเหล่านี้ยังเลเวลเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดพัก ด้วยระดับอย่างเขา ถ้าหากเขาบังเอิญได้ไปล้มหนึ่งในพวกมันเข้าล่ะก็ เขาคงได้รับค่าประสบการณ์มหาศาลเป็นแน่ ทว่า เขาก็ไม่อาจที่จะกระทำ ถ้าหากเขาไม่ยืนเคียงข้างคอยดูแลฮาเวิดสเตนที่พร้อมจะล้มลงได้ทุกนาที มันไม่มีทางรู้เลยว่าผลลัพธ์อะไรกันที่รอคอยอยู่

“แค่ก แค่ก!”

“ท่านจะไม่เป็นอะไร อาการป่วยนั้นมาจากใจ ถ้าหากใจท่านแกร่งดุจหินผา ท่านย่อมสามารถมีชัยเหนือพวกมัน ภาคภูมิและกล้าหาญ ท่านจะต้องไม่ปล่อยให้ความหวังหลุดลอยไป”

ขณะที่เขาพล่ามเรื่องที่ตนยังไม่เชื่อออกไปนั้น เขาก็เรียกใช้ทักษะเยียวยาจนทำให้ใบหน้าของฮาเวิดสเตนค่อยดีขึ้นมาบ้าง

“ต้องขอบคุณเจ้ามาก หลังข้าได้ฟังคำเจ้าแล้ว พละกำลังของข้าก็ราวกับฟื้นคืนมาจากความถดถอย ทว่า ข้านั้นรู้ตัวดี ไม่ว่าจิตใจข้าจะแกร่งดุจหินผาปานไหน ชีวิตข้านั้นก็ไร้ซึ่งความหวังแล้ว”

“ท่านกำลังจะบอกว่า...”

“ไม่ นี่คือความจริงแท้ เป็นเพราะอาการของข้านี้มันไม่ได้มาจากจิตใจ”

“ท่านจะบอกว่าท่านรู้จักโรคนี้?”

“แล้วเจ้ารู้ไหมล่ะว่าทำไมข้าถึงนำเหล่าอัศวินมายังที่แห่งนี้ด้วยสภาพร่างกายเช่นนี้?”

ฮาเวิดสเตนส่งสายตามองข้ามผ่านไปยังซากปรักหักพัง

“เป็นเพราะที่แห่งนี้ คำสาปของปีศาจมันกัดกินบิดาข้าและถูกส่งถ่ายมายังตัวข้า”

“ปีศาจ? ท่านพอจะบอกรายละเอียดให้ผมอีกหน่อยได้ไหมครับ?”

“ย่อมได้ ในเมื่อเจ้าได้ก้าวเข้ามายังที่แห่งนี้แล้ว รู้ไปก็คงไม่มีอะไรแย่ลง ที่จริงนั้น นานมาแล้วเคยมีเภทภัยร้ายแรงเกิดขึ้นกับปราสาทแจ๊คสัน โรคร้ายและความอดอยากกลบฝังไปทั่วทั้งแดนดิน”

“ท่านจะบอกว่ามันคือสิ่งที่ปีศาจกระทำ?”

“ใช่ มันคือความโหดเหี้ยมของปีศาจที่มาจากทวีปอันห่างไกล บรรพบุรุษแห่งตระกูลแจ๊คสันของข้านั้นได้รับรู้ความจริงนี้เข้า เขาจึงนำกำลังทหารเข้าต่อสู้กับปีศาจ ทว่ายามที่ถึงศึกตัดสิน ปีศาจนั้นกลับหลบหนีไป และจากนั้นตระกูลแจ๊คสันก็ประสบกับคำสาปของปีศาจเข้า ทุกชั่วอายุคนของตระกูลแจ๊คสันจะต้องตายเพราะคำสาปที่นำพามาซึ่งอาการเจ็บป่วยยามที่พวกเขาอายุยี่สิบปี”

“ว่าอะไร? แต่ท่านไวเคานต์นั้น...”

“ที่ชีวิตข้ายังยืนหยัดถึงทุกวันนี้ต้องขอบคุณบิดาข้า”

ฮาเวิดสเตนกำสร้อยเงินที่ห้อยอยู่กับหน้าอกเอาไว้แน่น

“ขณะที่เหล่าบรรพบุรุษปล่อยให้เป็นไป ท่านพ่อกลับพยายามที่จะปลดปล่อยตระกูลจากคำสาป และในปีเดียวกันกับที่ข้าถือกำเนิดขึ้น ในที่สุดเขาก็ค้นพบ ในช่วงเวลานั้นเจ้าปีศาจตนนั้นได้หลบหนีมาซ่อนอยู่ภายในซากปรักหักพังแห่งนี้ ถ้าหากปีศาจถูกสังหาร เช่นนั้นแล้วคำสาปก็จะมลายหาย ทว่าที่แห่งนี้คือสถานที่ที่ปีศาจเคยใช้หลบซ่อนมันจึงถูกปิดแน่นเอาไว้ด้วยพลังโบราณ กระดานชนวนที่เจ้านำมานั้นคือกุญแจในการเปิดห้องนั่น”

ท้ายที่สุดหลังผ่านความพยายามอย่างยาวนาน บิดาของเขาก็สามารถพบเบาะแสของกระดานชนวนได้ เช่นนั้นแล้วสิ่งที่ฮาเวิดสเตนทำได้ในตอนนี้คือนำกำลังทหารเข้าค้นหาปีศาจที่อยู่ภายใน

ฮาเวิดสเตนเหม่อมองไปยังเหล่าอัศวินซิลฟีดราวกับเห็นภาพร่างของบิดาตนเองที่อยู่ท่ามกลางพวกเขา

“ข้าได้ยินมาจากเหล่าทหารที่รอดตายมาได้ พวกเขากล่าวว่าการต่อสู้อันยาวนานได้บังเกิดขึ้น ในท้ายที่สุด ผลลัพธ์ที่ออกมาคือท่านพ่อพ่ายแพ้ ทว่าท่านพ่อนั้นก็ยังใช้กำลังเฮือกสุดท้ายทิ้งบาดแผลสาหัสให้เจ้าปีศาจเอาไว้ ต้องขอบคุณที่คำสาปอ่อนแรงลงจนทำให้ข้ามีชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้”

“เช่นนั้นแล้วก็หมายความว่า ที่ท่านไวเคานต์ทรุดลงเพราะโรคร้ายนี้ก็เพราะปีศาจที่โหดเหี้ยมตนนั้นฟื้นคืนพลังกลับมาแล้ว”

“เจ้ากล่าวถูกต้อง เมื่อหลายปีก่อน ร่องรอยของคำสาปนั้นกลับมาปรากฏขึ้นกับบุตรชายคนโตของข้าที่อายุสิบห้าปี พลังอำนาจของปีศาจนั้นแข็งแกร่งมากขึ้น ทว่ากระดานชนวนกลับหายไปหลังความตายของบิดาข้า เป็นเวลากว่าสามปีที่ข้าพยายามค้นหากระดานชนวนนั่น ทว่ามันกลับไม่ได้อะไร ในตอนที่ร่างกายข้าใกล้สิ้นอายุขัยเช่นนี้ เวลาก็หลงเหลืออยู่เพียงไม่มาก ข้าจึงนำกำลังคิดเข้าทำลายประตูตัดสินเป็นตายกับปีศาจนั่น”

“ถ้าหากปีศาจตายลง โรคร้ายของท่านไวเคานต์ก็จะได้รับการรักษา?”

ฮาเวิดสเตนส่ายศีรษะ

“ไม่ สำหรับข้านั้นมันสายเกินไปแล้ว ตอนนี้กระทั่งว่าข้าสามารถฆ่าปีศาจนั่นได้ ข้าก็ไม่อาจมีชีวิตสืบต่อไป ทว่า ข้าไม่อาจยอมให้บุตรชายต้องพบกับชะตากรรมเดียวกันได้ จะอย่างไรเสียบิดาข้าก็เคยกระทำเช่นเดียวกันในสถานการณ์เดียวกันกับข้า นั่นคือการสู้กับปีศาจเพื่อพวกเรา และข้าเชื่อว่าจะทำได้สำเร็จ กระดานชนวนที่เจ้านำมายังที่นี่นั้นไร้ข้อกังขานัก มันต้องเป็นเทพประทานอย่างแน่นอน”

อาร์คเริ่มหลั่งน้ำตา

บิดาที่กระทำเพื่อบุตรชายของตน และบุตรชายคนนั้นก็กระทำเพื่อบุตรชายของเขา เรื่องนี้มันทำเอาเขาทราบซึ้งในชีวิตยิ่งนัก

แน่นอน พวกเขาต่างก็เป็นเอ็นพีซี แม้ว่าจะเหมือนคนแต่ก็หาได้ใช่ไม่

ภายในใบหน้าที่สมจริงเหล่านี้คือกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสายไฟไปมา

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่แสงสว่างที่ฮาเวิดสเตนมองมายังอาร์คนั้นคือความปิติอย่างแท้จริง กับตัวเขาที่กำลังจะตาย และเพื่อบุตรชายที่กำลังจะถูกพรากชีวิตไป เขาถึงกับเลือกหนทางเช่นนี้

เอ็นพีซีส่วนใหญ่ต่างก็มีสัมผัสที่คล้ายกัน แม้ว่าจะมีทั้งคนดีและคนไม่ดีผสมปนเปกันในโลกใบนี้และในโลกจริง แต่อย่างน้อยที่สุดแล้วผู้คนในที่แห่งนี้กลับไม่เคยโป้ปดกับความรู้สึกที่เผยออกมา

มันยังมีความแตกต่างกันระหว่างเอ็นพีซีและผู้เล่น

“ความหวังของท่านไวเคานต์จะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน”

“ขอบคุณ”

ฮาเวิดสเตนผล็อยหลับไปด้วยสีหน้าอิ่มเอม

หลังจากนั้นอาร์คจึงดูแลฮาเวิดสเตนด้วยความจริงใจทั้งหมดที่เขามี

กับบิดาที่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้บุตรชายรอด

แม้ว่ามันจะน่าอายไปบ้าง แต่อาร์คก็รู้สึกถึงบิดาของตนได้ผ่านทางฮาเวิดสเตน

ในขณะเดียวกัน ความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อฮาเวิดสเตน ทำให้เขาคิดช่วยฮาเวิดสเตนทำภารกิจนี้ให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ถึงแม้จะเป็นข้อตกลงก็ตามที แต่ทำด้วยความจริงใจย่อมดีกว่าถูกไหม?

วันเวลาผ่านไปเช่นนี้ อาร์คได้รับข้อความที่เขาไม่เคยคิดจินตนาการมาก่อน

ทักษะที่อาร์คได้เรียนรู้มาอย่างการเยียวยานั้นเป็นไปอย่างช้ามาก แม้ว่าเขาจะเยียวยาคุณยายโจแฮนสันมากกว่าสิบครั้ง แต่ค่าทักษะยังได้มาเพียงแค่ 20 หน่วย กระทั่งว่าหลังผ่านการเยียวยาฮาเวิดสเตนจนถึงตอนนี้ มันก็มีเพียงแค่ 30 หน่วย

แต่แล้วฉับพลันมันกลับรวดเร็วขึ้น ในตอนนี้มันขึ้นไปถึงระดับกลางแล้ว

 

=====

ด้วยความใส่ใจอย่างจริงใจ ทักษะเยียวยาจึงเลเวลเพิ่มขึ้น เยียวยา (ขั้นกลาง, เรียกใช้งาน) : สามารถคงสภาพชีวิตและทำให้ร่างกายและวิญญาณของผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นด้วยความชำนาญที่มากขึ้น

เมื่อใช้กับผู้ป่วย พลังและความกล้าจะเพิ่มขึ้น 40%

พลังมานาเรียกใช้ : 10 หน่วย

*ผลโบนัสของทักษะเยียวยาขั้นกลาง (เยียวยาวิญญาณ) : สามารถมอบความจริงใจต่อผู้ป่วยและให้ผลของพรเล็กน้อย ค่าสถานะทุกอย่างจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และด้วยความศรัทธา การต้านทานคำสาปที่เกี่ยวข้องกับจิตใจจะถูกสร้างขึ้น

=====

 

อาร์คถึงกับอ้าปาก

ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะทักษะที่เลื่อนระดับขึ้น แต่เป็นเพราะเหตุผลของมัน

‘นี่หมายความว่ามันรู้ว่าเราดูแลไวเคานต์ฮาเวิดสเตนอย่างจริงใจ?”

การเติบโตของทักษะนี้มันฉับพลันเกินไป ในเมื่ออาร์คเพิ่งเริ่มแสดงความจริงใจต่อฮาเวิดสเตนไม่นาน นี่ไม่ใช่หมายความว่าพออาร์คเปลี่ยนมุมมองทักษะก็เลื่อนระดับขึ้น?

แน่นอน นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

นิวเวิร์ลด์มีระบบสแกนสมองและควบคุมตัวละครของผู้เล่นด้วยคลื่นสมอง อารมณ์ก็เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือคลื่นสมอง มันจึงเป็นไปได้ที่ระบบจะเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ แต่กระทั่งว่ามีผลกับการพัฒนาทักษะด้วยแล้วนี่...

เห็นได้ชัดว่านี่มันดูง่ายไป

‘เมื่อใดที่มีปฏิสัมพันธ์กับเอ็นพีซีหรือได้เรียนรู้ทักษะ มันจะยิ่งส่งผลสูงสุดเมื่อมอบความจริงใจให้’

มันเป็นหลักการโดยธรรมชาติในความเป็นจริง แต่ใครจะคิดว่าหลักการเช่นนี้จะมีผลกระทั่งกับในเกมด้วย?

นับได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่เก่งกาจยิ่งนัก มันเป็นการค้นพบที่น่าตกตะลึง

ด้วยความผิดพลาดที่หมู่บ้านฮารัน อาร์คยังคงหวาดเกรงต่อผู้สมัครคนอื่น กระทั่งว่าเขารับค่าโบนัสสถานะถึง 12 หน่วยเพราะฉายาพิเศษ ทำให้เวลาครึ่งเดือนเขาต้องมีเส้นทางที่แปลกไปและยากขึ้น

มันคงดีถ้าหากเป็นเหมือนนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า แต่มันก็ไม่มีทางเป็นแบบนั้น ในตอนนี้เขาต้องหาหนทางที่จะกระชับความแตกต่างนั้นมาให้ได้

‘มันยังมีระบบอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้รับการยืนยันภายในนิวเวิร์ลด์ ถ้าหากเราค้นหาพวกมันจนครบหมดแล้วล่ะก็ การได้พวกมันมาจะทำให้ความฝันของเราเป็นจริงเร็วขึ้น! ใช่แล้ว คำตอบก็อยู่ตรงหน้าเรามาตลอดแล้ว! จะอย่างไรมันก็แตกต่างกันตั้งแต่ที่ผู้เล่นเริ่มเข้ามาเล่นแล้ว ถ้าหากเราใช้เส้นทางเดียวกับคนอื่น เช่นนั้นแล้วเราก็ไม่มีทางที่จะตามคนอื่นได้ทัน’

เขาพบเห็นความหวังใหม่

หลังจากนั้น ฮาเวิดสเตนก็เริ่มกระอักโลหิตออกมาบ่อยครั้งขึ้น

ขณะที่เขาพยายามจุดประกายแห่งชีวิตอย่างต่อเนื่อง สุขภาพของเขาก็ย่ำแย่จนถึงขนาดที่เขาไม่อาจจำแนกผู้คนได้ ทุกครั้งที่อาการกำเริบ อาร์คจะใช้ทักษะเยียวยาขั้นกลางของตนเพื่อฝืนประคองชีวิตของเขาเอาไว้

เพื่อให้ภารกิจสำเร็จ เพื่อทักษะที่จะก้าวหน้า และเพื่อความปรารถนาของเอ็นพีซีผู้อับโชค...

* * *

 

“ในที่สุดพวกเราก็มาถึง!”

ความรู้สึกวูบหนึ่งพลันส่องผ่านใบหน้าซีดเทาของฮาเวิดสเตน

นี่ก็เป็นเวลาห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้ามายังซากปรักหักพัง ในที่สุดทั้งกลุ่มก็มาถึงเป้าหมายปลายทาง ประตูหินขนาดยักษ์ที่สลักเอาไว้ด้วยลวดลายอับซับซ้อน!

ปีศาจที่พวกเขาตามหามันหลบซ่อนอยู่หลังประตูบานนี้

ประตูหินบานนี้ส่งกระแสพลังด้านลบออกมาอย่างไม่หยุด ช่องว่างระหว่างมันใหญ่เพียงพอให้มันเล็ดลอดออกมาได้

ฮาเวิดสเตนมองไปยังอาร์ค จากนั้นเขาพลันพยักหน้า ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อาร์คเดินเข้าไปยังประตูหินพร้อมกดกระดานชนวนลงไป จากนั้นซากปรักหักพังพลันสั่นสะท้านขณะที่ประตูหินค่อยเปิดออกทีละน้อย

“ทุกคนเตรียมพร้อมรบ พวกเราจะเข้าไปเพื่อปกป้องท่านไวเคานต์!”

“รับทราบ!”

ช่องว่างที่แตกต่างจากภายในของซากปรักหักพังพลันปรากฏขึ้น กำแพงหินที่ไม่ราบเรียบ อีกทั้งเพดานยังมีหินย้อยออกมาราวกับเขี้ยวของปีศาจ มันเป็นโถงขนาดมหึมาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังของพระแม่แห่งธรรมชาติ

เมื่อเหล่าอัศวินยืนทุกคนเข้ามายังศูนย์กลางของโถงแห่งนี้ เรื่องราวพลันบังเกิดขึ้น

 

=====

บอสมอนสเตอร์ ผู้สานความฝันอันบิดเบี้ยว เดบร้า ปรากฏตัว

=====

 

“ปีศาจออกมาแล้ว!”

อาร์คตะโกนด้วยความตกตะลึง ขณะเดียวกัน จากอีกด้านของทางเข้าพลันปรากฏออร่าดำมืดแผ่ออกมา เป็นเพราะได้อาร์คแจ้งเตือน เหล่าอัศวินจึงเร่งร้อนเตรียมตั้งโล่ขึ้นมา แต่ก็มีสามถึงสี่คนที่ล้มลงไปแล้ว

“หึหึหึ ฝูงแมลงที่ไร้ซึ่งความกลัวเกรงรนหาที่ตาย!”

ภายในความมืด สายตาอันใหญ่ยักษ์ได้จ้องมองมาทางนี้ด้วยความสูงราวสิบเมตร ด้วยชุดเกราะสีดำสนิทพร้อมกับดาบขนาดยักษ์ ผ้าคลุมไหล่สีแดงโลหิตที่อยู่ด้านหลังของมันกำลังโบกสะบัดพร้อมกับแผ่ประกายออร่าความมืดมนออกมา

ร่างของเดบร้าบิดเบี้ยวราวกับสายลม ด้วยความที่มันปรากฏตัวพร้อมกับออร่ามืดมน ขวัญกำลังของเหล่าอัศวินพลันชะงักงัน

“เป็นมัน เดบร้า!”

“ผู้สานความฝันเดบร้า!”

“ไม่ต้องกลัว มันก็แค่มอนสเตอร์ที่ขลาดเขลาหลบซ่อนตัวอยู่หลังประตูหินเท่านั้น!”

ฮาเวิดสเตนเค้นความกล้าตะโกนออกมา จากนั้นเขาพลันดึงความสนใจจากเหล่าอิศวินโดยการพุ่งเข้าหาเดบร้า

“เหอะ ทารกน้อยที่โง่งม!”

ประกายแสงสีน้ำเงินปลิวออกมาทุกครั้งที่เดบร้าเปิดปาก

มันเหวี่ยงดาบใหญ่ยักษ์ของมัน ด้วยการโจมตีเดียว ทหารกว่าสี่คนพลันกระจายปลิวไป เหล่าอัศวินซิลฟีดที่เผยความแข็งแกร่งเมื่อครั้งบุกฝ่าซากปรักหักพังหาได้ใช่คู่ต่อสู้ของเดบร้า

ประกายสีน้ำเงินลึกล้ำเหล่านี้ที่ผุดออกมาจากปากของมันหลอมละลายชุดเกราะ รวมถึงดาบจนทำให้วัตถุหายไป เหล่าอัศวินต่างล้มพับไปทีละคนเพราะบาดแผล ทว่าเหล่าอัศวินซิลฟีดต่างไม่เกรงกลัวเข้าปิดล้อมเดบร้าเอาไว้ด้วยพายุดาบ นักเวทที่ล้อมอยู่นั้นก็เริ่มโยนทั้งสายฟ้าและเปลวเพลิงเข้าใส่

ด้วยการโจมตีต่อเนื่องจนระเบิดออก เดบร้าที่โดนการโจมตีเข้าก็พลันชะงักและเดินโซเซ

“วันนี้แกต้องจบสิ้น!”

หนึ่งในนักเวทคำรามร้องขณะโยนเอาทักษะที่ผสานรวมเข้าด้วยกันจนส่งผลทะลุทะลวง

จากนั้น แสงสีแดงเริ่มปกคลุมร่างของเดบร้าพร้อมพลังชีวิตที่เริ่มลดลง ตอนนี้พลังชีวิตเหนือศีรษะของมันนั้นเริ่มหายไปกว่าครึ่งแล้ว

ขวัญกำลังใจของเหล่าอัศวินพลันพุ่งสูงขึ้น

“มันเหลือพลังชีวิตไม่ถึงครึ่งแล้ว!”

“ตอนนี้แหละ ฆ่ามันซะ!”

“เหอะ เจ้าพวกโง่...”

ดวงตาของเดบร้าพลันทอประกายพร้อมออร่าดำมืดที่แผ่พุ่งออกมา

ออร่าเหล่านี้เข้าปกคลุมเหล่าอัศวินจนทำให้สีหน้าของพวกเขาต้องบิดเบี้ยว จากนั้นพวกเขาเริ่มต่อสู้กันเอง

“เวทมนตร์หลอนประสาท! นักเวท!”

“ขอรับ!”

เหล่านักเวทที่อยู่รอบนอกของออร่าพลันเริ่มพึมพำร่ายคาถา

คาถาต้านทาน คาถาขจัดมนตร์ เพิ่มพละกำลังและคาถาอื่นอีกมากมายปกคลุมพื้นที่ ด้วยความอาฆาต เหล่าอัศวินที่ไม่อาจสลัดภาพหลอนเริ่มตะเกียกตะกาย จากนั้น สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลง พวกเขาหลายคนต่างล้มลงเพราะดาบของสหายตนเอง

เหล่านักเวทต่างเผยสีหน้าลำบากใจออกมา

“คาถาไม่อาจลบล้างคาถานี้ได้!”

“ทุกคนสงบใจไว้ ไม่ว่าศัตรูมันจะเป็นผู้ใด พวกเราก็จะต้องได้รับชัยชนะ”

ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง เสียงร้องของอาร์คพลันดังก้องไปทั่วทั้งโถง

นัยน์ตาของเหล่าอัศวินที่โดนภาพหลอนต่างเริ่มกลับมาเป็นปกติ

มันคือพลังอำนาจของทักษะเยียวยา กระทั่งว่าการต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้น แต่อาร์คก็ไม่มีสิ่งใดที่สามารถกระทำ

เป็นการโจมตีของเดบร้าที่กำจัดเอาอัศวินไปได้กว่าสามคน อีกทั้งในช่วงเวลาคับขัน ถ้าหากอาร์คที่เลเวลเพียงแค่ 16 ถูกพบเจอ แน่นอนว่าเขาต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างแน่นอน สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงแค่คอยรักษาพยาบาลฮาเวิดสเตนอยู่ทางกองหลัง

ทว่าสถานการณ์กลับแปรเปลี่ยนไปเมื่ออัศวินเริ่มเห็นภาพหลอนจนทำร้ายกันเอง เป็นเพราะพวกเขาไม่ใช่อัศวินทั่วไป ทำให้ความเสียหายที่พวกเขาสร้างต่ออีกฝ่ายได้มหาศาลนัก พวกเขาตอนนี้กลับกลายเป็นคนไข้ของอาร์คไป

ยามที่เขาใช้ทักษะเยียวยากับคนไข้ พวกเขาจะได้รับผลลัพธ์พิเศษอย่างการประทานพร ต้องขอบคุณสิ่งนี้จึงทำให้สามารถต้านทานภาพหลอนที่เข้าเกาะกุมจิตใจจนสลัดหลุดออกมาได้

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ค่าโบนัสพละกำลังและความกล้าหาญ 40% รวมถึงค่าสถานะทุกอย่าง +3 ก็ด้วย เช่นนั้นแล้วการโจมตีของเหล่าอัศวินรวมถึงพลังป้องกันต่างก็เพิ่มขึ้น เหล่านักเวทเองก็ร่ายเวทได้เร็วขึ้นเช่นเดียวกัน

“โอ้ พลังข้ากำลังทะลัก!”

“พวกเราชนะได้แน่! โค่นเดบร้าลง!”

เสียงโห่ร้องของเหล่าอัศวินมาพร้อมกับการเร่งร้อนพุ่งเข้าไปเหวี่ยงดาบเข้าใส่ เดบร้าส่งเสียงคำรามร้องออกโดยที่ไม่อาจกระทำสิ่งใดได้

อาร์คในตอนนี้ย่อมไม่คิดที่จะให้เหล่าทหารได้หยุดยั้งมือ

“เร่งมือเข้า ชัยชนะอยู่เบื้องหน้าพวกเรา แม้ว่ามันจะเป็นปีศาจ แต่จิตใจทุกคนรวมกันสู้ย่อมไม่มีอะไรต้องหวั่นเกรง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้จะขับเอาความกล้าของทุกคนออกมาจนกลายเป็นผู้กล้าที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก!”

“ฮ่า ฮ่า ความอดทนของข้านั้นถึงขีดสุดแล้ว ให้ข้าพักหน่อยเถอะ...”

“ออกไปสู้ต่อ! ความกล้าของพวกท่านจะนำพาชัยชนะมาสู่พวกเรา!”

“โอ้! พลังกำลังล้นทะลัก! เข้ามาเลยเจ้าปีศาจ!”

ขณะที่เสียงของอาร์คดังขึ้นนั้น เหล่าอัศวินที่ร่วงหล่นไปทีละคนต่างก็เริ่มตบเท้าเข้าไปเหวี่ยงดาบของตนฟาดฟัน

อย่างฉับพลัน ราวกับอัศวินเหล่านี้คือผีดิบที่ไม่มีวันตายกลับคืนมาเพื่อต่อสู้ พลังชีวิตของเดบร้าถูกพรากไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมันหล่นไปเหลือเพียงแค่หนึ่งในสิบมันพลันล้มลงชันเข่า จากนั้นฮาเวิดสเตนที่นำเหล่าอัศวินมาจึงปีนขึ้นไปบนร่างของเดบร้าและเสียดแทงดาบของตนเข้าใส่คอหอยของมัน

“ตายซะ ไอ้ปีศาจ... ฮ่า!”

อย่างกะทันหัน เดบร้าพลันเหวี่ยงแขนเข้าไปคว้าคอของฮาเวิดสเตนเอาไว้

“หึหึหึ ความเจ็บปวดมันรู้สึกดีใช่ไหมล่ะ?”

เดบร้าพลันยันกายลุกขึ้น เสียงกรีดร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อพลันดังขึ้นจากเหล่าอัศวินที่อยู่โดยรอบ

“ยังมีชีวิต มันยังมีชีวิต...!”

“สวรรค์โปรด ไอ้เจ้านี่มันเป็นอมตะหรือไร?”

ผ้าคลุมไหล่ของเดบร้าพลันโบกสะบัดพร้อมกับร่างของมันที่เริ่มหมุนจนพลังชีวิตฟื้นกลับคืนเป็น 100%

อาร์คแทรกตัวไประหว่างเหล่าอัศวิน

“ไวเคานต์!”

ความตายย่อมไม่ใช่ปัญหาอะไร

แต่ถ้าหากฮาเวิดสเตนตายไป ภารกิจก็จะล้มเหลว

‘บากบั่นมาตลอดทางเพื่อให้ภารกิจล้มเหลวเนี่ยนะ? ไม่มีทาง!’

ขณะที่อาร์ควิ่งเข้าหาเดบร้าพร้อมเหวี่ยงสะบัดดาบ มันเป็นการโจมตีที่อาร์คคาดการเอาไว้ อย่างรวดเร็วอาร์คพลันใช้ทักษะต่อสู้ด้วยมือเปล่าหลบเลี่ยงไป จากนั้นเขาจึงดึงดาบอีกเล่มออกมาฟันเข้าใส่มือของปีศาจตรงหน้าอย่างสุดแรง

แรงปะทะอันดุดันระเบิดออกจนเดบร้าสูญเสียฮาเวิดสเตนที่คร่ากุมเอาไว้

อาร์ครับเอาไว้ได้พร้อมเร่งร้อนถอยกลับ

“เจ้า! บังอาจ!”

ด้วยเสียงตะโกนเปี่ยมโทสะ เดบร้าพลันพุ่งเข้าหาเขา

“ดูนั่น! ชายคนนั้นถึงกับต่อสู้แลกชีวิตของตนกับท่านไวเคานต์!”

“ทุกคนเข้าไปปกป้องชายคนนั้นไว้!”

เหล่าอัศวินต่างเคลื่อนไหวเพราะอาร์ค พวกเขาพุ่งเข้ามา แต่ว่าในตอนนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะเหวี่ยงดาบของตนออกไปมากครั้งเพียงใด พลังชีวิตของเดบร้ากลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย กล่าวได้ว่ามันเป็นอมตะ!

เดบร้าหาได้ใส่ใจการโจมตีเหล่านี้พร้อมกับพุ่งฝีเท้าเข้ามา มันเหวี่ยงดาบออกด้วยความเร็วราวสายฟ้า

อาร์คเร่งร้อนยืนหยัดเบื้องหน้าฮาเวิดสเตนและยกดาบของตนขึ้น

ตู้ม เสียงการโจมตีอันหนักหน่วงทำเอาพลังชีวิตของเขาหายไปครึ่ง

‘บ้าไปแล้ว ถ้าโดนอีกครั้งเราจบเห่แน่!’

สายตาของเขาเริ่มพร่ามัว ในขณะที่ดาบถูกเงื้อขึ้นอีกครั้งและตัดอากาศผ่านลงมานั้นเอง

“ไม่! ทุกคนเพ่งสมาธิใช้พลังเวทเร็วเข้า! วาร์ป!”

เหล่านักเวทต่างเพ่งสมาธิใช้พลังเวทของตนกับอาร์คและฮาเวิดสเตน

พลังเวทที่ห่อหุ้มผู้อื่นได้นี้เป็นเป็นคาถาขั้นสูงถึงเจ็ดวงเวท

คาถาสี่หรือว่าห้าวงเวทไม่ใช่อะไรที่เหล่านักเวทไม่กี่คนจะใช้งานได้

แต่ด้วยนักเวทถึงห้าคนที่ผสานพลังรวมเข้าด้วยกันพร้อมกับ ‘แรงปรารถนา’ คาถาวงเวทเจ็ดวงถึงกับสัมฤทธิ์ผล

เพียงพริบตา ทั้งอาร์คและฮาเวิดสเตนพลันถูกเคลื่อนย้ายไปที่แห่งอื่น

ดาบของเดบร้าทำได้เพียงแค่ร่วงหล่นฟาดฟันลงกับพื้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด