TXV – 158 ความจริงปรากฏ !
TXV – 158 ความจริงปรากฏ !
“เซี่ยเหล่ยรีบเดินไป แล้วไม่ต้องกลับมาอีก” ชางฮ่วยหลานโมโหมาก “แล้วจำไว้ด้วยว่าคุณกับจิงไปกันไม่รอดหรอก”
เซี่ยเหล่ยหันไปตอบเธอแบบนิ่งๆว่า “หนิงจิงเป็นคน ไม่ใช่ของเล่นหรือสินค้าของคุณ เธอมีสิทธิ์เลือกว่าจะชอบใครแล้วเธอเป็นเจ้าของชีวิตตัวเองด้วยถึงคุณจะคลอดเธออกมาก็ไม่ควรเห็นลูกตัวเองเป็นต้นเงินต้นทอง”
“คุณพูดอะไรนะ” คำของเซี่ยเหล่ยปลุกความโกรธของชางฮ่วยหลานให้เดือดขึ้นไปอีกเธอชี้นิ้วใส่หน้าเขาและตะคอกว่า “ไปให้พ้นหน้าฉัน!”
เซี่ยเหล่ยสวนกลับว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะหนิงจิงผมคงไม่มีวันมาเหยียบที่นี่หรอก น่าเศร้าแทนเธอจริงๆที่มีแม่แบบคุณ !”
“มึงนี่มันน่าต่อยให้คว่ำ” เหยี่ยนเหวินเฉียนสะบัดช่อกุหลาบในมือหวังจะต่อยเซี่ยเหล่ย เขาอยากต่อยหน้าเซี่ยเหล่ยมานานแล้วตั้งแต่ตอนที่มันรายงานไปที่เหวี้ยนเทียนทำให้เขาถูกไล่ออก ซึ่งตอนนี้เขากลัวพลาดโฮกาสที่จะทำให้หนิงจิงและญาติๆเธอประทับใจ
เซี่ยเหล่ยขยับตัวหลบดอกกุหลาบพุ่งเฉียดแก้มเขาไปเล็กน้อยแล้วกระเด็นไปใส่กำแพง จนกลีบดอกกุหลาบแตกกระจาย...........
เหยี่ยนเหวินเฉียนวิ่งตรงมาหาเซี่ยเหล่ย ชี้มือข้างนึงขึ้นฟ้าพร้อมวิวาทแต่เซี่ยเหล่ยรีบยกเท้าเตะสะกัดขาของเหยี่ยนเหวินเฉียน
เหยี่ยนเหวินเฉียนเซเกือบจะล้มแต่เซี่ยเหล่ยเตะใส่เขาอีกหนึ่งจังหวะ ทำให้เหยี่ยนเหวินเฉียนเสียหลักลงไปนั่งคุกเข่า
ยูโดและหวิงชุน? มันไม่ใช่เทคนิคมวยปล้ำทั่วไปแน่ๆ
จากนั้นเซี่ยเหล่ยสะบัดศอกใส่หลังของเหยี่ยนเหวินเฉียนเต็มแรง ส่งเสียงดังเหมือนกระดูกหัก เหยี่ยนเหวินเฉียนล้มหน้าทิ่มพื้นไม่เป็นท่า
ก่อนหน้านั้นไม่นานเหยี่ยนเหวินเฉียนอยากขะฟาดเซ่ยเหล่ยให้ล้ม แต่เขากลับเป็นคนล้มลงไปเสียเอง
“ชั่วช้า!” เหยี่ยนเหวินเฉียนค่อยๆลุกขึ้นจากพื้นแต่เซี่ยเหล่ยไม่รีรอให้เหยี่ยนเหวินเฉียนทำอะไรต่อ เขาถีบหน้าเหยี่ยนเหวินเฉียนเต็มๆจนล้มหน้างายไปอีกรอบ
รอยรองเท้าเซี่ยเหล่ยประทับเต็มหน้าของเหยี่ยนเหวินเฉียน ตอนนี้เขานอนหมดสภาพ ทั้งเลือดกำเดาไหล ปากแตกแล้วหน้าก็หักเหมือนตัวอัลปาก้า......
หนิงเหยี่ยซานและครอบครัว รวมไปถึงสือจิงชิวได้แต่ยืนมองด้วยความกลัว พวเขาคิดว่าเซี่ยเหล่ยจะโดนเหยี่ยนเหวินเฉียนต่อยกระแทกเต็มหน้าไปแล้วเพราะเหยี่ยนเหวินเฉียนเชี่ยวชาญยูโดสายดำขั้น8 แต่เซี่ยเหล่ยเพิ่งฝึกหวิงชุนมาไม่นานยิ่งทำให้การพ้ายแพ้ของเหยี่ยนเหวินเฉียนดูแย่ลงไปอีก
ทุกคนทำหน้ารับไม่ได้กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
เซี่ยเหล่ยเอียงคอพูดต่อว่า “เหยี่ยนเหวินเฉียนยูโดสายดำชั้น8 รึ? ก็ดีเหมือนได้ออกกำลังกาย”
เหยี่ยนเหวินเฉียนเอามือกดจมูกที่เลือดไหลไม่หยุด เขามองเซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังเขาอยากจะสับเซี่ยเหล่ยเป็นชิ้นๆ แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับให้พ้นสายตาของเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณบอกว่าอยากจะสั่งสอนผมนี่เหมือนล้อเล่นกันมากกว่า” เขาเดินไปยืนข้างๆเหยี่ยนเหวินเฉียนแล้วเอามือตบแก้มของเหยี่ยนเหวินเฉียนเบาๆ ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยก็ทำหน้าจริงจัง “ผมหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ทำร้ายคุณอย่าดูถูกความสามารถผมอีกไม่งั้นครั้งหน้า คุณจะเจ็บตัวยิ่งกว่านี้อีก”
เหยี่ยนเหวินเฉียนอับอายมากจนไม่กล้าสู้หน้าเซี่ยเหล่ย
“เซี่ยเหล่ย มันมากไปแล้วนะ” หนิงเหยี่ยซานหันไปพูดกับสือจิงชิว “จิงชิวกดกริ่งสัญญาณ” ทันใดนั้นมีเสียงตะโกนว่า “หนิงเหยี่ยซาน!”
ใครกันที่กล้าเรียกหนิงเหยี่ยซานด้วยน้ำเสียงเช่นนี้
ผู้คนในชุดสูทหลายคนเดินมาจากทิศทางของเสียงเรียกแต่ละคนทำหน้าขึงขัง ยกเว้นจู้งเหว่ยที่เดินมาด้วยอารมณ์ยากที่จะคาดเดา
“หัวหน้าจู้ง?” หนิงเหยี่ยซานมองอย่างสงสัยเขาถามต่อว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่”
จู้งเหว่ยเดินมาหาเซี่ยเหล่ยโดยไม่สนใจหนิงเหยี่ยซานแล้วเขากระซิบข้างหูเซี่ยเหล่ยว่า “มีปัญหากับเขาหรือ” เซี่ยเหล่ยพยักหน้าตอบ
“ดีเลย” จู้งเหว่ยหันไปชี้นิ้วใส่หนิงเหยี่ยซานเขาตะโกนขึ้นมาว่า “จับมันซะ”
คนในชุดสูทเดินขามาจับแขนหนิงเหยี่ยซานทั้งสองข้าง
“ทำอะไรของคุณ ?” หนิงเหยี่ยซานพูดอย่างไม่พอใจ
หยู่ฮุ้ยภรรยาของเขาวิ่งออกมาเจอสถานการณ์ตอนนี้ เธอยืนตัวแข็งไม่กล้าทำอะไรนอกจากพยายามร้องขอจู้งเหว่ยว่า “คุณคะ คุณกำลังเข้าใจผิดเหยี่ยซานเป็นคนดี เขาไม่ใช่คนร้าย”
“จะดีหรือจะร้ายมันไม่ได้ขึ้นอยู่กัยคุณ ปล่อยให้กฏหมายจัดการดีกว่าครับ” จู้งเหว่ยมองเธออย่างเฉยชาเขาให้คนลากตัวหยู่ฮุ้ยออกไป
เธอขัดขืนเขาเลยพูดอีกว่า “หากคุณวุ่นว่ายอยู่อีก ผมจะจับคุณในข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ !”
หยู่ฮุ้ยอยู่นิ่งด้วยความกลัวทันทีโดยหนิงเหยี่ยซานพูดว่า “หยู่ฮุ้ย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ ทำไมพวกคุณทำแบบนี้ ?”
จู้งเหว่ยทำหน้าเบ้เขาไม่อยากเสียเวลาเถียงกับหนิงเหยี่ยซาน
ฉิงจิงชิวรวบรวมความกล้าแล้วผลักคนที่จับตัวหนิงเหยี่ยซานออกแล้วพูดกับจู้งเหว่ยว่า “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ทำไมถึงจับตัวผู้ประธานหนิงไว้หมายจับก็ไม่มีทำแบบนี้มันผิดกฏหมายชัดๆ”
จู้งเหว่ยพูดอย่างเย็นชา “เธอคือสือจิงชิวหรือ”
“ใช่!” สือจิงชิวตอบเสียงแข็ง
จุ้งเหว่ยพูดอีกว่า “ตามหาอยู่พอดี จับมันไว้”
คนของเขาอีกสองคนพุ่งเข้าจับตัวสือจิงชิว เธอขัดขืนโดยการแกว่งขาทั้งสองข้างสะเปะสะปะ “ทำอะไรของคุณ ปล่อยฉัน !”
จู้งเหว่ยพูดเสียงขรึม “สือจิงชิว หนิงเหยี่ยซาน คุณคือผู้ต้องสงสัยที่ขโมยความลับระดับชาติไปตามพวกเรามาจะมีการสอบสวนต่อไป”
“เหลวไหล” หนิงเหยี่ยซานโมโหจัด “ผมเป็นใคร? คุณกำลังทำพลาดแล้วผมนี่นะจะขโมยความลับของประเทศชาติ”
“ผิดพลาดหรือ?” จู้งเหว่ยพูดเสียงเยาะเย้ย “คุณให้สือจิงชิวไปซื้อตัวพนักงานขงอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าแล้วให้เขาขโมยความลับของบริษัทแม้กระทั่งในตอนนี้คุณก็พกมันติดตัวอยู่ด้วย”
หนิงเหยี่ยซานและสืองจิงชิวตกใจผงะไปสักพักทั้งสองไม่เชื่อว่าจู้งเหว่ยจะรู้ได้มากขนาดนี้
จู้งเหว่ยหันไปมองเซี่ยเหล่ยแล้วเซี่ยเหล่ยพยักหน้าเข้าใจ เขาเดินมาล้วงกระเป๋าหนิงเหยี่ยซานอยู่หลายจุดจนเจอเม็มโมรี่การ์ด เขาส่งต่อมันให้จู้งเหว่ย
จู้งเหว่ยใส่เม็มโมรี่การ์ดเข้าโทรศัพท์ของเขา แล้วภาพพิมพ์เขียวกับสมาร์ทแมชชีนโผล่ขึ้นที่หน้าจอเขาโชว์ให้หนิงเหยี่ยซานดู “หลักฐานอยู่นี่ไง มีอะไรจะพูดมั้ย ?”
“มึงปรักปรำกู ไอ้ชาติหมา !” หนิงเหยี่ยซายเริ่มเสียสติ
จู้งเหว่ยหันมองสือจิงชิวแล้วเขาพูดว่า “เธอพูดอะไรของเธอหรอ ?”
“อะไรนะ” สือจิงชิวนึกบางอย่างขึ้นได้ “ฉันไม่รู้ว่าพนักงานอาชาสายฟ้าเอาอะไรให้ฉัน คุณบอกว่ามันเป็นความลับของบริษัทคุณคุณให้เซี่ยเหล่ยมาที่นี่เพื่อใส่ความเราสองคนใช่มั้ย”
จู้งเหว่ยตอบว่า “ผมเชื่อว่าคุณรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทางเราให้เซี่ยเหล่ยเป็นผู้สร้างเครื่องจักรขึ้นมาแต่มันเป็นสมบัติของบริษัท ซึ่งเป็นสมบัติของชาติด้วย” เขาพูดต่อว่า “เธอนี่หน้าด้านหน้าทนจริงๆ แล้วหนิงเหยี่ยซานคุณคิดว่าคุณเป็นใครเป็นจักรพรรดิงั้นหรอ กล้ามากที่มาขโมยของคนอื่น เอาตัวพวกมันไป!”
หนิงเหยี่ยซานกลัวมากจนปิดปากเงียบ จริงๆแล้วเขารู้ว่าการขโมยของจากกลุ่มอุตสาหกรรมจีนอาจมีโทษถึงชีวิต แต่เขาก็ไม่เข้าใจเครื่องจักรที่เซี่ยเหล่ยสร้างอยู่มีประโยชน์อะไรต่อบริษัทนั้น.........
หนิงเหยี่ยซานมองแรงใส่สือจิงชิวอย่างเกลียดชัง ถ้าหากเธอไม่โลภมากขนาดนี้ เขาคงไม่ต้องมาซวยด้วย..........
สือจิงชิวตัดสินใจหันไปขอความเห็นใจจากเซี่ยเหล่ย “เหล่ย เราเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน... บอกเขาไปนะว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด อย่าจับฉันเลยนะ ขอร้องล่ะ”
เซี่ยเหล่ยมองดูเธออย่างสมเพท เขาก็อยากจะช่วยเธออยู่ถ้าน้ำตาเธอไม่ปลอมขนาดนี้ เขาไม่ใข่คนใจหินแต่ก็ไม่ใช่คนโง่ !
“เหล่ย ฉันทำพลาดไปจริงๆ ขอร้องเถอะที่ผ่านมาเธอเป็นคนดีมากเลย” สือจิงชิวยังคงวอนต่อแม้จะกำลังโดนลากตัวไป
เซี่ยเหล่ยคิดในใจว่า ‘สำนึกผิดช้าไปหรือเปล่า ? คุณไม่อยากตายอย่างทรมาน ผมไม่รู้จะช่วยคุณได้ยังไง’
จู้งเหว่ยพูดกับเซี่ยเหล่ย “เหล่ย ไปกันเถอะ”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าแล้วเดินตามจู้งเหว่ยไปที่ทางออก
ชางฮ่วยหลานรีบวิ่งตามเขาแล้วเธอพยายามประจบประแจง “น้องเหล่ย มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันใช่ไหมจ๊ะ ลุงเหยี่ยซานไม่ใช่คนไม่ดี ช่วยพูดให้ป้าหน่อยนะจ๊ะ”
เซี่ยเหล่ยหยุดเดินแล้วหันมองชางฮ่วยหลานเขาพูดขึ้นว่า “ผมมีตำแหน่งต่ำต้อย ไม่สามรถช่วยอะไรได้หรอกครับ ลาก่อนครับ”
หน้าเปื้อนยิ้มจอมปลอมของชางฮ่วยหลานแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาไม่สนใจและเดินไปต่อ
หนิงจิงแอบดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากในบ้าน เธอยิ้มให้เซี่ยเหล่ยที่กำลังขับรถออกไป
“ไอ้เด็กเฮงซวย” ชางฮ่วยหลานถุยน้ำลายลงพื้นไล่หลัง “ขอให้นรกมาพาตัวมึงไป !”
เหยี่ยนเหวินเฉียนพยายามปลอบใจเธอว่า “คุณป้า ไม่ต้องห่วงเรื่องผู้กำกับหนิงหรอกครับ ทำใจให้สบายๆ”
“อืม” ชางฮ่วยหลานพูดเสียงอ่อน “เข้าไปนั่งในบ้านก่อนหยู่ฮุ้ยด้วย ค่อยมาคุยกันว่าจะเอายังไงกันต่อ”
หยู่ฮุ้ยพยักหน้าช้าๆ
หนิงจิงเดินลงมาจากชั้นบนพอดี
“จิง ไปชงชาให้เหวินเฉียน เร็วๆนะ” ชางฮ่วยหลานออกคำสั่ง
หนิงจิงไม่สนใจ เธอเดินตรงไปที่ประตูบ้านแต่หนิงหยวนฮ่ายยืนขวางหนิงจิงที่ประตู “จะไปไหน? ไม่เห็นหรือว่าเหวินเฉียนมาเยี่ยม”
หนิงจิงผลักพ่อให้หลบไป เธอเดินออกไปเลย
เธอหันมามองด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตาแต่ปากเธอกลับยิ้มกว้าง “เหล่ยพูดถูก หนูเป็นคนไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่จะมาบงการได้ หนูจะมีชีวิตเป็นของตัวเองเริ่มตั้งแต่วันนี้หนูจะขอย้ายออก เข้าใจตรงกันนะ !”
จากนั้นเธอรีบวิ่งหายไปทิ้งให้หนิงหยวนฮ่ายยืนช็อกแล้วโรคหัวใจเขากำเริบทันที
ติดตามตอนต่อไป...........