ตอนที่แล้วTXV – 154 ความอึดอัดที่ยากจะอธิบาย....
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV – 156 ผู้สมรู้ร่วมคิด !

TXV – 155 การแลกเปลี่ยนในยามราตรี !


TXV – 155 การแลกเปลี่ยนในยามราตรี !

 

          เซี่ยเหล่ยจอดรถเลยร้านไชนีส ไวโอเล็ค คาเฟ่ไปเล็กน้อยแล้วเดินผ่านไปถึงแม้รถของเขาที่มีมูลค่า 2 ล้านหยวนจะไม่ใช่รถหรูหรามากแต่ก็ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างสนใจความสวยงามของรถ......

 

          เซี่ยเหล่ยเห็นฉิงเสวียงยืนอยู่ในมุมมืดของร้านไชนีส ไวโอเล็ต คาเฟ่ เขาเห็นบางคนในร้านแล้วจำได้ทันทีว่านั่นเป็นพนักงานของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า

 

          มีพนักงานคนหนึ่งทำงานในห้องเวิร์คช็อปที่จูเสี่ยวหงเป็นผู้รับผิดชอบเขามีชื่อว่าเซี่ยงหงบิงซึ่งเป็นช่างมือใหม่ที่จบมาจากสถาบันมืออาชีพ

 

          เซี่ยงหงบิงมาร้านคาเฟ่ที่หรูหรามีราคาเพื่อดื่มกาแฟเป็นครั้งแรก เขาดูค่อนข้างเป็นธรรมชาติมากๆ

 

          “นั่นรถของใคร ใช่ของเธอหรือเปล่า ?” ฉิงเสวียงถามเซี่ยเหล่ยถึงแม้รถจะจอดอยู่ไกลมากแต่เขามีสายตาที่ดีมากจึงมองเห็นชัดเจน

 

          เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “อ๋อ เพิ่งซื้อวันนี้”

 

          ฉิงเสวียงพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “รถดูเข้ากับคุณดีนะ คุณจะขับมันไปจีบสาวที่ไหนก็ได้มันเป็นเครื่องมือล่อสาวดีๆนี่เองหรือว่าเมื่อคุยเสร็จแล้วจะพาฉันไปไหนต่อมั้ย ?”

 

          “คุณไม่ใช่สาวๆนะ” เซี่ยเหล่ยตอบกลับ

 

          ฉิงเสวียงชี้นื้วใส่เซี่ยเหล่ยเขาพูดเสียงอ่อนว่า “พูดอะไรน่าเกลียด !”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มกว้าง “ล้อเล่นน่าถ้าคุณอยากขับจริงๆเอากุญแจไปได้เลย”

 

          ฉิงเสวียงมองค้อนกลับ “เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบรถสี่ล้อมอเตอร์ไซค์มันใช่มากกว่าสำหรับฉัน”

 

          เซี่ยเหล่ยพูดตอบ “คุณก็ไปที่ร้านแล้วไปเลือกมอเตอร์ไซค์ดีๆสักคน

เดี๋ยวผมจ่ายเงินให้ ผมจะเอาเงินมาให้คุณอยู่แล้วตอนนี้เราได้เงินจากกลุ่มอุตสาหกรรมจีนนี่ก็เงินส่วนของคุณ”

 

          “จริงหรอ ?” ฉิงเสวียงตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ฉันจะเลือกมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วตอบเธอว่า “แน่นอน ผมแนะนำให้คุณเลือกรุ่น ฮาเล่น์ เดวิวสันต์ มันเยี่ยมมากผมเคยนั่งแล้ว” เขาเผลอคิดถึงอเลน่า ‘เธอคงสบายดีใช่มั้ย ?’

 

          “ไม่นีกว่าเธอจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วยฮาเล่น์ เดวิวสันต์มันราคาตั้ง 300,000 หยวน ฉันจ่ายไม่ไหวหรอก”

 

 

ฉิงเสวียงมองอย่างสงสัยไปยังเซี่ยเหล่ย “คุณอยากจะซื้อมอเตอร์ไซค์ราคาแพงขนาดนั้นให้ฉันจริงๆหรือ”

 

          “ผมไม่ได้พูดเล่นนะ” เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “ถ้าคุณคิดว่ามันแพงเดี๋ยวผมซื้อโมเดลให้แทนละกัน ผมจะให้โมเดลฮาเล่น์ เดวิวสันต์แทนเอามั้ย ?”

 

          “จะบ้าหรอ ? ฉันอยากได้ของจริงสิ” ฉิงเสวียงทำหน้าเชิดใส่ “พรุ่งนี้ฉันจะไปเลือก คุณเตรียมจ่ายเงินละกัน”

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้าสายตาเขาเหลือบไปมองเซี่ยงหงบิงที่นั่งอยู่ในร้าน

 

          ฉิงเสวียงพูดเบาๆให้เซี่ยเหล่ยฟังว่า “ตอนบ่ายที่เขาออกไปก่อนเวลา เขาแอบเข้าห้องเวิร์คช็อปของคุณแล้วเอาโทรศัพท์ถ่ายรูปพิมพ์เขียวกับเครื่องจักร เขาฉลาดมากถ่ายรูปอย่างเดียวไม่ได้ขโมยพิมพ์เขียวติดมือไปด้วย...”

 

          “ผมไม่คิดเลยว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวจะกลายเป็นคนทรยศ” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างไม่สบายใจ

 

          “เห็นด้วย คุณเก็บพิมพ์เขียวที่เไว้ในห้องเวิร์คช็อปจริงๆหรอ ?” ฉิงเสวียงมีสีหน้ากังวล

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มเก้ๆกังๆ “อ่า ใช่ช่วงนั้นเป็นวันหยุด ผมก็ทิ้งของไว้บ้างเดี๋ยวคนจะสงสัยเอาได้”

 

          “แล้วคุณจะเอาไงต่อดี ?”

 

          “เดี๋ยวรอดูว่าใครเป็นคนที่ว่าจ้างเขา” เซี่ยเหล่ยตอบ

 

          ไม่กี่นาทีต่อมารถเฟอรารี่สีแดงขับเข้ามาจอดที่บริเวณประตูงร้านไชนีส ไวโอเล็ต คาเฟ่ โดยหญิงสาวที่ก้าวลงจากรถคันใหม่นี้คือสือจิงฉิว

 

          เธอเข้ามาในร้านพร้อมชุดเดรสสีแดงรัดรูปเด่นจนคนในร้านต้องหันมามองด้วยสายตาเดียวกัน

 

          “นั่นไง” ฉิงเสวียงพูดอย่างหงุดหงิด “หญิงชั่ว มันคิดไม่ดีกับเธอตั้งแต่แรกใช่ไหม”

 

          เซี่ยเหล่ยฝืนยิ้มที่มุมปากแล้วตอบช้าๆว่า “เดาใจผู้หญิงคนนั้นไม่ออกหรอก”

 

          สือจิงชิวเดินไปนั่งตรงข้ามกับเซี่ยงหงบิงทำให้เซี่ยเหล่ยขยับตาซ้ายเล็กน้อย เพื่อจ้องจิงชิวและเซี่ยงหงบิงเขาพร้อมอ่านปากทั้งคู่แล้วเหลือแค่รอใครสักคนเริ่มขยับปาก

 

          พนักงานเสิร์ฟเดินมาถามสือจิงชิวอย่างสุภาพว่าเธอต้องการรับอะไรมั้ย

 

          สือจิงชิวพูดนิ่งๆว่า “ลาเต้แก้วนึงค่ะ” จากนั้นพนักงานเสิร์ฟเดินกลับไปชงกาแฟที่เคาน์เตอร์

 

          สือจิงชิวเชยตามองเซี่ยงหงบิงที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มเธอถามเขาว่า “ได้มันมาแล้วใช่ไหม ?”

 

          เซี่ยงหงบิงพยักหน้าเขาหยิบเม็มโมรี่การ์ดโทรศัพท์ออกมา “ในห้องเวิร์คช็อปมีพิมพ์เขียวอยู่จริง ผมไม่ได้ขโมยมันมาเพราะเดี๋ยวจะถูกจับได้ก็เลยถ่ายรูปไว้อย่างเดียว ไม่ต้องห่วงโทรศัพท์ผมกล้องคุณภาพดี ภาพชัดแจ๋ว”

 

          สือจิงชิวยื่นมือไปคว้าเม็มโมรี่การ์ดแต่เขาชักมือไปก่อนแล้วพูดว่า “เงินล่ะ ?”

 

          “เธอก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่เคยติดหนี้ใคร” สือจิงชิวหยิบซองนูนจากกระเป๋าหรูและยื่นให้กับเซี่ยงหงบิง

 

          เขาเปิดซองดูแล้วถือมันไว้ถึงแม้เซี่ยเหล่ยจะไม่ได้นับจำนวนเงินในซองแต่เขาก็เห็นคร่าวๆว่าเป็นเงินประมาณ 10,000 หยวน เขาเกิดความคิดเดือดในใจว่า ‘ไอ้สารเลว มึงขายกูในราคา 10,000 หรอวะ ?’

 

          สือจิงชิวใส่เม็มโมรี่การ์ดเข้าโทรศัพท์ของเธอหลังจากเปิดดูข้อมูลข้างในนั้น สือจิงชิวก็ทำหน้าขบขัน “ทำดีมาก ยินดีที่ร่วมงานด้วยตราบใดที่เธอรักษามาตรฐานไว้ฉันจะให้รางวัลอย่างงามแน่นอน”

 

          “แล้วถ้าผมถูกจับได้ จะทำยังไงดี” เซี่ยงหงบิงถามลองใจ

 

          สือจิงชิวยิ้มให้เขาและพูดว่า “ไม่ต้องกลัวว่าเซี่ยเหล่ยจะรู้แล้วไล่เธอออก ฉันไปตกลงกับบูรพาอุตสาหกรรมให้เธอไปทำงานที่บริษัทของเขา คุณจะอยู่ดีกินดีกว่าตอนอยู่กับอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าแน่นอน

 

          เซี่ยงหงบิงยิ้มกว้าง “ฟังอย่างงี้ค่อยโล่งใจหน่อย หากมีเรื่องเกิดขึ้นที่อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าอีกผมจะรีบรายงานให้คุณทราบ”

 

          “สิ่งสำคัญคืออุปกรณ์เครื่องจักรที่เขากำลังสร้างคุณต้องเข้าใกล้มากกว่านี้ เจออะไรที่มีประโยชน์ก็รีบรายงานฉันทันที ยังไงก็ระวังด้วยเซี่ยเหล่ยเป็นคนเหลี่ยมจัดอย่าถูกจับได้เด็ดขาด !”

 

          “อืม.... โอเค”

 

          “งั้นกลับไปได้ละ” สือจิงชิวเอ่ยปากไล่เซี่ยงหงบิงเขาจึงเตรียมลุกออกไป

 

          พนักงานร้านเดินมาเสิร์ฟลาเต้ให้กับสือจิงชิวพอดี เธอยกแก้วกาแฟขึ้นมาคน แล้วกดโทรศัพท์ดูข้อมูลไปด้วย เธอดูสิ่งที่เซี่ยงหงบิงเอามาให้แต่ก็เริ่มทำหน้าไม่เข้าใจ

 

          “ฉันว่าคุณไปล็อกคอสือจิงชิวแล้วจัดการกับไอ้งูพิษนั่นดีไหม ?” ฉิงเสวียงมองแรงใส่เซี่ยงหงบิงซึ่งกำลังเดินออกจากร้านไปด้วยสายตาไม่พอใจ

 

          เซี่ยเหล่ยกลับยิ้มให้เธอแล้วพูดว่า “ไปจัดการสองคนตอนนี้ไม่มีประโยชน์หรอก เธอคิดว่าคนอย่างสือจิงชิวจะเอาพิมพ์เขียวนี้ไปใช้ประโยชน์อะไรล่ะ ?”

 

          ฉิงเสวียงครุ่นคิดแล้วตอบเขาว่า “เธอหมายความว่า... สือจิงชิวกำลังรับใช้ใครอยู่หรอ”

 

          เซี่ยเหล่ยแสดงความเห็นว่า “เธอต้องไปขายข้อมูลนี้ให้ใครสักคนไม่ตระกูลมู๋ก็หนิงเหยี่ยซาน ผมคิดว่าเป็นหนิงเหยี่ยซานเขากำลังคิดการใหญ่อยู่แน่ๆ”

 

          “คุณก็เลยรอดูตัวการใหญ่ใช่ไหม ?”

 

          เซี่ยเหล่ยพยักหน้า

 

          “งั้นคุณอยากให้ฉันทำอะไรล่ะ”

 

          เซี่ยเหล่ยบอกเธอไปว่า “คุณไปหาวิธีเอาวิดีโอกล้องวงจรปิดร้านนี้มา เอาช่วงที่สือจิงชิวทำการแลกเปลี่ยนกับเซี่ยงหงบิงก็โอเคละ”

 

          ฉิงเสวียงยักคิ้วให้เซี่ยเหล่ย “สงสัยคืนนี้ต้องดึกหน่อย”

 

          สือจิงชิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดแล้วโทรออก “ประธานหนิง ฉันเอาพิมพ์เขียวของเซี่ยเหล่ยมาได้แล้ว.... อะไรนะ เอาไปให้คุณเลยหรือมันเย็นแล้วนะ...โอเค เดี๋ยวเอาไปให้ที่บ้านคุณตอนนี้เลย รับทราบค่ะ” เธอวางสายแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน

 

          เซี่ยเหล่ยจ้องมองสือจิงชิวแล้วพูดว่า “คุณช่วยผมจัดการเรื่องกล้องวงจรปิดด้วยนะ”

 

          ฉิงเสวียงอมยิ้มและบอกเขาว่า “สบายใจได้ เรื่องจิ๊บๆ”

 

          สือจิงชิวเดินออกจากร้านไปขึ้นรถเฟอรารี่และขับออกไป เซี่ยเหล่ยรีบขับรถสะกดรอยตามโดยทิ้งระยะห่างไว้ 50 เมตร ระหว่างที่ขับรถอยู่เซี่ยเหล่ยกดโทรศัพท์หาใครบางคน “พี่จู้ง ขอโทษที่โทรมารบกวน”

 

          จู้งเหว่ยตอบว่า “เซี่ยเหล่ย มีอะไรหรือ พูดซะสุภาพเชียว”

 

          เซี่ยเหล่ยรีบพูดต่อ “ตอนนี้ผมมีปัญหา”

 

          “เรื่องอะไรหรือ” จู้งเหว่ยเปลี่ยนเป็นโหมดจริงจัง

 

          เซี่ยเหล่ยเล่าไปว่า “หนิงเหยี่ยซานและเลขาของเขาซื้อตัวพนักงานผมไป ซึ่งเขาขโมยพิมพ์เขียวและถ่ายรูปอุปกรณ์เครื่องจักรที่ผมสร้าง”

 

          “เขากล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ?” จู้งเหว่ยโกรธมาก “ตอนนี้อยู่ไหน !”

 

          เซี่ยเหล่ยตอบว่า “ผมกำลังตามสือจิงชิวไปที่บ้านของหนิงเหยี่ยซานเธอจะนำพิมพ์เขียวและรูปถ่ายไปให้เขา พี่จู้ง ผมขอโทษที่เก็บความลับไว้ไม่ได้ถ้าหากหนิงเหยี่ยซานได้มันไปสำเร็จการค้าของเราต้องแย่แน่ๆ”

 

          “ช่างกล้านัก” จู้งเหว่ยพูดอย่างเกรี้ยวกราด “อย่างพึ่งทำอะไรเดี๋ยวผมตามไป !”

 

          เซี่ยเหล่ยตอบว่า “ตกลง ผมจะรอพี่ก่อน” เขาวางสายแล้วอดยิ้มไม่ได้ถึงแม้บูรพาอุตสาหกรรมจะใหญ่ระดับหนึ่งแต่หากเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมจีนแล้วก็เหมือนเทียบหมากับนักรบ คนอย่างหนิงเซี่ยเหยาก็ไม่อาจเทียบขั้นกับจู้งเหว่ยได้เช่นกัน

 

          กลุ่มอุตสาหกรรมจีนถูกมองว่าเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้วยิ่งมีเครื่องจักรอัจฉริยะของโจเซฟอีก หนิงซือเหยาเหมือนกำลังต่อกรกับเหล่าเสืออยู่ มู๋เจียนเฟินคงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆอย่างแน่นอน !

 

          ถึงเรื่องจะไม่ยังไปถึงจุดนั้น เซี่ยเหล่ยก็คาดการณ์ชะตากรรมของหนิงซือเหยาได้แล้วสุดท้ายแล้วหมาที่คิดแย่งอาหารกับเสือไม่มีทางมีจุดจบที่ดี !

 

          ติดตามตอนต่อไป..........

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด