ตอนที่แล้วTWO Chapter 156 ปฏิกิริยาที่รุนแรง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 158 กรมทหารผสม

TWO Chapter 157 ดวงตาเปล่งประกาย


TWO Chapter 157 ดวงตาเปล่งประกาย

ระหว่างทานมื้อค่ำ โอหยางโชวพูดคุยกับเสี่ยวเยว่ เกี่ยวกับเรื่องของเกมส์

“เสี่ยวเยว่ คราวก่อน เธอบอกว่า มีผู้เล่นอาชีพสายการทำงานจำนวนมาก อยู่ในเมืองต้าหลี่เหรอ?”

เสี่ยวเยว่มองโอหยางโชว ก่อนจะกล่าวว่า “ใช่”

“เธอสนใจจะจัดตั้งกิลด์มั้ย?”

“จัดตั้งกิลด์เหรอ? ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถจัดการมันได้” เสี่ยวเยว่ไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก

“ฉันหมายถึงว่า เราสามารถจัดตั้งกิลด์ ที่มีแต่ผู้เล่นอาชีพสายการทำงานได้ แล้วเธอจะได้รวบรวมเพื่อนๆของเธอทั้งหมดไว้ได้ด้วย และกิลด์ยังสามารถเปิดช่องกิลด์ เพื่อให่ทุกคนสามารถสื่อสารกันได้ง่ายขึ้นด้วย” โอหยางโชวไม่ยอมแพ้ เขาพยายามโน้มน้าวเสี่ยวเยว่

เสี่ยวเยว่เป็นคนฉลาด และโอหยางโชวก็มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจน เธอจึงสามารถเข้าใจความต้องการของเขาได้ในทันที เธอล้อเลียนเขาว่า “คุณคนรวย คุณมีแผนอะไรอีกล่ะ?” ความก่อน โอหยางโชวได้โอนเงินให้เธอ 300 เหรียญทอง มันทำให้เธอตกใจมาก

โอหยางโชวรู้ว่าเขาใจร้อนเกินไป และเขาก็แสดงความอายบนใบหน้าของเขา โชคดีที่พวกเขาค่อนข้างใกล้ชิดกัน เขาจึงทำเป็นหน้าด้าน แล้วกล่าวว่า “แผนของฉันไม่สามารถจะอธิบายได้ในเวลาอันสั้น ยังไงก็ตาม ฉันจะออกเงินทุนสำหรับจัดตั้งกิลด์ให้กับเธอ วิน-วินทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ดีเหรอ?”

เสี่ยวเยว่มองไปที่โอหยางโชวอย่างแปลกประหลาด เธอไม่ได้ต่อรองใดๆ และยอมรับมัน

หลังจากมือค่ำ โอหยางโชวโทรไปหาน้าหลินชิงของเขา

นับตั้งแต่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของโอหยางโชว หลินชิงได้ให้ความสำคัญกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเมืองซานไห่อย่างจริงจัง การหลบเลี่ยงของเมืองซานไห่เกี่ยวกับแผนที่สมรภูมิ ทำให้หลินชิงรู้สึกมีอารมณ์และเกือบจะโทรหาเขา หลังจากเมืองซานไห่ได้รับการอัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลางแห่งแรกของโลกแล้ว หลินชิงอดไม่ได้ที่จะแสดงความยินดีกับเขา

“โชวน้อย เธอทำได้ไม่เลวเลย!”

“ขอบคุณครับคุณน้า!”

“ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะทำได้ดีขนาดนี้ ต่อไป น้าคงจะต้องพึ่งเธอแล้วหละมั้ง”

โอหยางโชวตัวแข็งค้าง และหัวเราะออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “คุณน้า หยุดล้อเลียนผมเธอครับ” เพื่อหันเหความสนใจของเธอ โอหยางโชวไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา เขากล่าวว่า “จริงซิ ผมต้องการทำงานร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะ คุณน้าสนใจมั้ย?”

“ทำงานร่วมกัน? งานอะไร?”

“ผมจำได้ว่า กลุ่มทหารับจ้างสามารถตั้งสาขาแยกต่างหาก เพื่อจ้างผู้เล่นอาชีพสายการทำงานได้ สิ่งที่จำเป็นเบื้องต้น คือ ผู้เล่นที่ถูกคัดเลือก ยินดีที่จะย้ายมายังดินแดน”

“โชวน้อย เธอต้องการจ้างผู้เล่นอาชีพสายการทำงานสำหรับดินแดนของเธอใช่มั้ย?”

“ใช่ครับ”

“นี่เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และกลุ่มทหารรับจ้างของเราจะต้องใช้เงิน” หลินชิงกลายเป็นรองหัวหน้ากิลด์ทันที และเริ่มคุยเรื่องธุรกิจ

โอหยางโชวพยักหน้า เขายกน้องจิตวิญญาณทางธุรกิจของเธอ เขาหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “แน่นอน ผมจะไม่ให้คุณน้าทำงานฟรีๆ คุณน้าก็รู้ว่าเรามีสิ่งที่คุณน้าต้องการทั้งหมด”

ดวงตาของหลินชิงเปล่งประกาย และเธอกล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า “อุปรกรณ์?”

“ใช่ครับ”

“แต่เธอจะไม่ถูกเปิดเผยเหรอ?” หลินชิงกังวล

โอหยางโชวรู้สึกอบอุ่นอยู่ข้างในหัวใจ พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัย ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาคิดถึงเป็นอันดับแรก คือ ความปลอดภัยของอีกฝ่าย โอหยางโชวยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไรครับ เพื่อสร้างสาขาดังกล่าว คงต้องใช้เวลาซักระยะหนึ่ง จะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคตใครจะรู้ ยังไงก็ตาม คุณน้าเพียงแค่ต้องรู้ว่า ผมจะจ่ายมันให้คุณ ผมคิดว่า ไซสีหยุนจะต้องสนับสนุนคุณน้าแน่ๆ และด้วยการสนับสนุนจากทั้ง 2 ฝ่าย ความร่วมมือนี้ก็จะเป็นไปได้ด้วยดี”

หลินชิงมองโอหยางโชว และพยักหน้า “ตราบเท่าที่มันเป็นไปตามแผนล่ะน่ะ”

“ขอบคุณครับคุณน้า”

“เธอ...เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมต้องสุภาพขนาดนั้นด้วยล่ะ? อีกอย่าง มันยังเป็นสถานการณ์ที่วิน-วินทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่เหรอ?”

“ความร่วมมืออย่างมีความสุข!”

“ความร่วมมืออย่างมีความสุข!”

…………………………………………………………………………..

วันรุ่งขึ้น โอหยางโชวได้ออนไลน์ตามปกติ

เขาเดินออกจากห้องของเขา โอหยางโชวเห็นขุ่ยหยิงหยูและมู่ฉิงซี กำลังเก็บของพร้อมกับสีฉินและสีฉี จากวันนี้ไป ทั้ง 2 คน จะย้ายไปอยู่อาคารด้านทิศตะวันตก

มองไปที่โอหยางโชว ขุ่ยหยิงหยูหยิบกระเป๋าแล้วเดินมาหาเขา แล้วถามด้วยความห่วงใยว่า “พี่ใหญ่ ฉิงเอ๋อและข้ากำลังจะย้ายไปยังอาคารด้านทิศตะวันตก ดังนั้น อาคารกลางคงจะเหลือแต่พี่ใหญ่เท่านั้น เราควรจะจ้างแม่บ้านเพิ่มเติม ตอนนี้ท่านเป็นลอร์ดของเมืองขนาดกลางแล้ว ท่านไม่สามารถทำตัวสบายๆแบบเมื่อก่อนได้อีกแล้ว ถ้าท่านไม่มีคนดูแล จะมีคนจะหัวเราะเยาะท่านได้”

โอหยางโชวเงียงซักพักและพยักหน้า “หยูเอ๋อ เจ้าทำให้ข้าคิดได้จริงๆ สำหรับเรื่องนี้ ข้าจะให้เจ้าจัดการแล้วกัน”

ขุ่ยหยิงหยูถลึงตามองโอหยางโชว ก่อนจะกล่าวอย่างไร้อารมณ์ว่า “พี่ใหญ่ขี้เกียรติมาก”

การจ้างแม่บ้านสำหรับลอร์ดไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แม่บ้านของเขาจะเป็นบอสของส่วนด้านหลังคฤหาสน์ทั้งหมด และจะมีอำนาจมากกว่าสีฉินและสีฉี ดังนั้น การจัดการเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

แน่นอน สำหรับขุ่ยหยิงหยูที่เกิดในตระกูลใหญ่ไม่ใช่เรื่องยาก แม้ดูเหมือนว่าโอหยางโชวจะกล่าวออกมาแบบสบายๆ แต่ในความเป็นจริง เขาได้พิจารณาทุกอย่างดีแล้ว

โอหยางโชวไม่สนใจ และถามอย่างสงสัยว่า “หยูเอ๋อ เจ้าตั้งชื่อให้กับอาคารของเจ้าแล้วหรือไม่?”

ขุ่ยหยิงหยูไม่ทันจะกล่าวตอบ มู่ฉิงที่เดินยิ้มอย่างร่าเริงเข้ามา ก็กล่าวว่า “พี่ใหญ่ เราคิดชื่อไว้แล้ว มันจะถูกเรียกว่า ‘อาคารฉิงหยู’ เป็นอย่างไรบ้าง มันดีหรือไม่?”

“อาคารฉิงหยูหรือ ไม่เลว!”

“เฮะเฮะเฮะ” มู่ฉิงซีหัวเราะอย่างพอใจ

โอหยางโชวไม่ได้อยู่ส่วนหลังนานนัก เขาเดินต่อไปยังส่วนหน้า

ส่วนหน้ากำลังยุ่งอยู่กับ การจัดการพนักงานและเอกสาร เพื่อย้ายไปยังอาคารด้านทิศตะวันตก

เมื่อเห็นโอหยางโชว ฟ่านจงหยานและเทียนเหวินจิงก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อมรอยยิ้ม “คฤหาสน์ของลอร์ดได้ขยายใหญ่ขึ้นมากเลยทีเดียว!”

โอหยางโชวพยักหน้า และคิดเกี่ยวกับที่ขุ่ยหยิงหยูและมู่ฉิงซีตั้งชื่อให้กับอาคารของพวกเธอ เรารู้สึกว่าอาคารส่วนด้านหน้าเองก็ควรจะมีชื่อเช่นกัน เขาบอกความตั้งใจของเขากับทั้ง 2 คน พวกเขายอมรับมันเป็นอย่างดี

โอหยางโชวรู้ว่าเขาไม่ได้มีทักษะด้านนี้ เขาจึงกล่าวว่า “สำหรับการตั้งชื่อ ข้าคงต้องพึ่งพวกท่านทั้ง 2 คน แล้ว”

เทียนเหวินจิงเริ่มก่อน เขากล่าวว่า  “ในสมัยราชวงศ์หมิง พระราชวังมีอาคาร 2 แห่ง ชื่อว่า เหวินฮัวและหวู่หยิง วันนี้ สำหรับอาคารด้านทิศตะวันออกและตะวันตกของเรา หนึ่งสำหรับศิลปะการต่อสู้ และอีกหนึ่งสำหรับข้าราชการพลเรือน แล้วทำไม เราไม่ใช้ชื่ออาคารเหวินฮัวและอาคารหวู่หยิงล่ะ?”

โอหยางโชวพอใจกับชื่อนี้ เขามองไปที่ฟ่านจงหยาน แล้วถามว่า “ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับชื่อนี้?”

แม้ฟ่านจงหยานจะรู้สึกว่าการขโมยชื่อนั้นมันไม่ดี แต่ชื่อนี้มันก็ทำให้รู้สึกถึงความทะเยอทะยานของพวกเขา

หลังจากตั้งชื่ออาคาร ต่อไปก็หาคนมาแกะสลักป้าย เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าโอหยางโชวไม่จำเป็นต้องทำด้วยตัวเอง ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา พวกเขาจะจัดการมันเอง

โอหยางโชวเดินออกจากคฤหาสน์ของลอร์ด และตรงไปยังค่ายทหาร สิ่งที่เขากังวลในตอนนี้ก็คือ สถานการณ์ของเชลย และความสูญเสียของกองทัพซานไห่

กองพันทหารม้าและกองพันทหารป้องกันเมืองฉิวซุ่ยยังคงอยู่ที่ค่ายทหาร และยังไม่ได้กลับไป

เมื่อวาน ก่อนที่เขาจะออฟไลน์ เขาได้บอกเก่อหงเหลียงว่า เขาจะจัดประชุม เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาการจัดการกองทัพ

นายทหารทั้งหมดจึงได้มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องประชุมของค่ายทหาร

โอหยางโชวนั่งอยู่บนพื้นสูง เขามองไปทางเก่อหงเหลียงที่อยู่ซ้ายมือ แล้วกล่าวว่า “สถานการณ์ของเชลยและความสูญเสียของเราเป็นเช่นไรบ้าง?”

เก่อหงเหลียงลุกขึ้นคำนับ แล้วรายงานว่า “ก่อนที่จะรายงานสถานการณ์ของเชลย ข้าจะเริ่มรายงานการสูญเสียของพวกเราก่อน กองทัพเรือแห่งเมืองเป่ยไห่ มีผู้เสียชีวิต 50 นาย, กองพันทหารม้า มีผู้เสียชีวิต 50 นาย, กองพันทหารป้องกันเมืองฉิวซุ่ย มีผู้เสียชีวิต 100 นาย โดยเป็นทหารม้า 50 นาย และทหารโล่ดาบ 50 นาย,กองพันทหารป้องกันเมืองซานไห่ มีผู้เสียชีวิต 100 นาย โดยเป็นทหารโล่ดาบ 50 นาย และทหารธนู 50 นาย, กองพันทหารราบทั้ง 2 กอง มีผู้เสียชีวิตรวมกัน 150 นาย, กองพันเครื่องกลพระเจ้ามีผู้เสียชีวิต 10 นาย, นอกจากนี้ ยังมีทีมพลเมืองเสียชีวิตอีก 100 คน รวมทั้งหมดแล้ว มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 560 คน”

เก่อหงเหลียงหยุดชั่วครู่ เพื่อให้พวกเขาทำความเข้าใจรายงานก่อนหน้านี้ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ในการสู้รบครั้งนี้ เรามีเชลย 3,000 คน โดยเป็นโจรสลัด 300 คน, พลม้า 700 คน, ผู้บุกรุกทั่วไป 1,000 คน และผู้บุกรุกชั้นสูง 1,000 คน จากผู้บุกรุกทั้ง 2,000 คน 1,000 คน เป็นพลราบ และอีก 1,000 คน เป็นพลธนู”

หลังจากเก่อหงเหลียงรายงานเสร็จ เขาก็กลับไปยังที่นั่งของเขา

โอหยางโชวถามต่อว่า “แผนการจัดของกรมกิจการทหารเป็นอย่างไร?”

ขุนพลซีและนายทหารคนอื่นๆมองไปที่เก่อหงเหลียง เรื่องนี้เกี่ยวกับผลประโยชน์ของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับมันมาก บางกองพันสูญเสียมาก และจำเป็นต้องได้รับคนเพิ่ม

เก่อหงเหลียงได้กลายเป็นเจ้ากรมกิจการทหารมานานแล้ว แต่พอเขาถูกจ้องด้วยนายทหารทั้งหมด เขาก็ยังคงรู้สึกอึดอัด โชคดีที่เขาได้รับการสนับสนุนจากลอร์ดของเขา ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่สามารถจัดการกับพวกเขาได้แน่

“กรมกิจการทหารมีแผนที่จะส่งคนใหม่ๆเข้าไปในกองพันที่ได้รับการสูญเสีย ส่วนเชลยที่เหลือ เราสามารถนำพวกเขามาสร้างกองพันทหารม้า และกองพันทหารราบที่ 3 ได้ สำหรับรายละเอียดเฉพาะ เราต้องการให้นายท่านตัดสินใจ”

เก่อหงเหลียงไม่ได้แนะนำรายละเอียดเฉพาะใดๆ

โอหยางโชวขมวดคิ้ว เขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เก่อหงเหลียงขาดความมั่นใจ เขาจึงได้ผลักความรับผิดชอบของตัวเองในฐานะเจ้ากรมมาให้กับเขา ดูเหมือนว่าในอนาคต เขาจะต้องหาบุคลทางประวัติศาสตร์มาทำหน้าที่นี้เสียแล้ว

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด