ตอนที่แล้วTWO Chapter 153 การโจมตีเมืองของผู้บุกรุก ตอนที่ 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 155 เมืองขนาดกลางแห่งแรกของโลก

TWO Chapter 154 การยอมจำนน


TWO Chapter 154 การยอมจำนน

การสู้รบทั้งหมดย้ายมาอยู่ข้างเมืองซานไห่

จากผู้นำทั้ง 3 ของผู้บุกรุก ผู้นำหลักของพวกเขาฮัวต้า ตายแล้ว, ผู้คนที่ 2 เฮยฉี ติดกับดักอยู่ที่ประตูด้านทิศเหนือ และผู้นำคนที่ 3 ฮัวหลิว ถูกจับกุมโดยกองทัพเรือเป่ยไห่ ทำไห้ผู้บุกรุกที่อยู่ทางประตูด้านทิศตะวันตกไม่มีผู้ออกคำสั่ง แม้ว่ายังคงหลงเหลือการต่อสู่อยู่เล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำเช่นไรต่อไป จะสู้ต่อหรือจะล่อถอยดี

โอหยางโชวไม่ได้ให้เวลาพวกเขาคิด หลังจากจัดการอันตรายบนกำแพงทั้งหมดแล้ว เขาก็สั่งให้ขุนพลซี นำทหารโล่ดาบไปกว้างล้างผู้บุกรุกทั้งหมดในทันที

โอหยางโชวกล่าวลาสมาชิกในพันธมิตร ก่อนจะเดินลงจากหอคอย ขณะที่เขาเดินลงมา ทหารม้าก็เตรียมพร้อมรอเขาอยู่แล้ว และทีมแพทย์ก็กำลังทำแผลให้กับคนที่ได้รับบาดเจ็บ คลื่นการโจมตีเป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้ พวกเขาได้จัดการอุปกรณ์ปิดล้อมได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็สูญเสียถึง 50 นาย

“นายท่าน!” หลินยี่คำนับทันทีที่เห็นโอหยางโชว

โอหยางโชวพยักหน้าและชื่นชมเขา “ทำได้ดีมาก”

“นายท่าน เราจะทำเช่นไรต่อไปดี!” หลินยี่ถามด้วยความกังวล

“แน่นอนว่ามันจะจบด้วยชัยชนะของพวกเรา และพวกเขาจะถูกกวาดล้างทั้งหมด ครั้งนี้ ทหารราบจะตามเจ้าออกไปจากเมืองด้วย”

หลินยี่ตะลึง และถามว่า “นายท่าน ผู้บุกรุกยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทำไมเราไม่ใช้กำแพงเพื่อช่วยในการป้องการต่อไป?”

โอหยางโชวส่ายหัว “ตอนนี้พวกเขากำลังหวาดกลัว แล้วเจ้าคิดว่าพวกเขายังกล้าจะโจมตีเราต่อไปอีกหรือ ถ้ามันเป็นไปตามที่ข้าคาดไว้ เมื่อเราเริ่มโจมตีครั้ง สุดท้าย พวกเขาจะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ และการหนีก็จะเป็นทางเลือกเดียวของพวกเขา เราไม่ควรเสียเวลากับผู้บุกรุกเหล่านี้ อย่าลืมว่าประตูด้านทิศเหนือยังถูกโจมตีอยู่”

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ!”

หลังจากพักชั่วครู่ โอหยางโชวก็นำกองกำลังของเขาออกไปด้วยตัวเอง โดยมีทหารม้า 550 นาย และทหารโล่ดาบ 800 นาย

ครั้งนี้ โอหยางโชวไม่ได้ใช้กลยุทธ์ใดๆ เขานำกองกำลังของเขา และพุ่งออกไปโจมตีด้านหน้าตรงๆ ทหารม้าเป็นเหมือนกับน้ำท่วม หลังจากที่พวกเขาปะทะกับกองกำลังของผู้บุกรุก พวกเขาก็เริ่มฆ่าอย่างไร้ปราณี โดยมีขุนพลซีนำทหารโล่ดาบตามมาข้างหลัง พวกเขาดูองอาจและกล้าหาญ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทหารโล่ดาบต้องป้องกันมาตลาดทั้งวัน ตอนนี้ พวกเขามีโอกาสเป็นฝ่ายโจมตีบ้างแล้ว พวกเขาจึงสามารถระบายความโกรธที่อัดอั้นไว้ทั้งหมดออกมาได้

เป็นไปตามที่โอหยางโชวคาดไว้ การโจมตีของเมืองซานไห่เป็นสิ่งที่ผู้บุกรุกไม่ได้คาดฝันไว้ หลังจากมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ผู้บุกรุกก็เริ่มหวาดกลัว พวกเขาไม่สามารถยืนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป และเริ่มจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

ในเวลานี้เอง โอหยางโชวก็มีความคิดอย่างอื่น เขาตะโกนใส่เหล่าผู้บุกรุกที่กำลังวิ่งหนีว่า “วางอาวุธของพวกเจ้าลงซะ แล้วเราจะไม่ฆ่าใครที่ยอมจำนน!”

เมื่อเห็นลอร์ดของพวกเขาใช้วิธีนี้อีกครั้ง ทหารที่ตามมาก็เข้าใจโดยปริยาย “วางอาวุธของพวกเจ้าซะ แล้วเราจะไม่ฆ่าใครที่ยอมจำนน!!!” เสียงตะโกนของพวกเขาทำให้เกิดการสั่นสะเทือน

กล่าวตามจริง หลังจากที่ผู้นำหลักของพวกเขาตาย ผู้บุกรุกเหล่านี้ก็ไม่ได้ต้องการจะโจมตีเมืองซานไห่อีกต่อไป และการยอมจำนนก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ไม่ดี ดังนั้น พวกเขาจึงหยุดวิ่ง โยนอาวุธลง และยอมจำนน

แน่นอนว่ายังคงมีคนที่ดื้อรั้นและยังวิ่งหนีต่อไป โอหยางโชวไม่ให้โอกาสอีก เขาสั่งให้ทหารม้าโจมตีและฆ่าพวกเขาทุกคน และแน่นอนว่าทหารม้าย่อมเร็วกว่าผู้บุกรุกที่วิ่งด้วย 2 ขา ดังนั้น ผู้บุกรุกที่วิ่งหนีจึงถูกฆ่าเกือบทั้งหมด

โอหยางโชวไม่มีเวลาตรวจสอบทั้งหมด เขาทิ้งให้ทหารโล่ดาบให้จัดการกับพวกนักโทษ ส่วนตัวเขานำทหารม้ากลับเข้าเมืองทางประตูด้านทิศตะวันตก

เฉยฉียังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทางประตูด้านทิศตะวันตก เขาพยายามอย่างสุดกำลัง ที่จะนำพลม้าของเขาโจมตีประตูด้านทิศเหนือ แต่น่าเสียดาย ที่พลม้าของเขาเก่งในเรื่องการปะทะในที่โล่ง ไม่ใช่การล้อมเมืองเช่นนี้ และพวกเขาก็ยังไม่มีอุปกรณ์ล้อมเมืองอีกด้วย

ถูกจำกัดโดยความกว้างและความลึกของคูเมือง กองทัพเรือเป่ยไห่พร้อมเรือรบเมิ่งชงของพวกเขาไม่สามารถล่องเข้ามาในคูเมืองได้ ดังนั้น จึงมีเพียงทหารป้องกันเมืองฉิวซุ่ย 4 กองร้อย เท่านั้น ที่สามารถปกป้องประตูด้านทิศเหนือได้ ซึ่งประกอบไปด้วย กองร้อยทหารโล่ดาบ 1 กอง, กองร้อยทหารธนู 2 กอง และกองร้อยทหารหน้าไม้ 1 กอง โชคดีที่มีเครื่องยิงหน้าไม้ 4 เครื่องติดตั้งไว้ ซึ่งมันช่วยลดปัญหาเรื่องความแตกต่างเรื่องจำนวนได้

ทั้ง 2 ฝ่ายยังคงยันกันไว้ และต่างก็ไม่รู้ว่าจะจบการสู้รบเช่นไร

ในขณะนั้นเอง โอหยางโชวได้นำกองทหารม้าไปที่ประตูด้านทิศเหนือ เขาสั่งให้หลินยี่นำทหารและรออยู่ที่ประตูเมือง ส่วนเขาขึ้นไปบนหอคอยด้านทิศเหนือ

เมืองเห็นโอหยางโชว เก่อหงเหลียงและจางต้าหนิว ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการป้องกันประตูด้านทิศเหนือก็ประหลาดใจ

เก่อหงเหลียงถามอย่างไม่มั่นใจว่า “ทางประตูด้านตะวันตกชนะแล้วหรือ?”

โอหยางโชวพยักหน้าและหัวเราะ “ถูกต้อง ภัยคุกคามทั้งหมดถูกลบล้างไปแล้ว ขุนพลซีกำลังควบคุมตัวเชลยทั้งหมด ไปยังค่ายทหาร ข้ากังวลเกี่ยวกับท่าน ดังนั้น ข้าจึงนำทหารม้ามาช่วยที่นี่”

“ยอดเยี่ยม!” เก่อหงเหลียงและจางต้าหนิวกล่าวพร้อมกัน

“ไปเถอะ ให้ข้าดูพลม้าของผู้บุกรุกหน่อย” โอหยางโชวเดินไปที่ขอบหอคอย และมองเห็นพบม้าที่ยืนอยู่นอกระยะยิงของหน้าไม้ ประมาณ 800 คน พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้กว่านี้

สำหรับพลม้าเหล่านี้ โอหยางโชวไม่ต้องการปล่อยพวกเขาไป หลังจากการสู้รบครั้งใหญ่นี้จบลง แม้ว่าเมืองซานไห่จะได้รับชัยชนะ แต่พวกเขาก็สูญเสียอย่างมาก ผู้บุกรุกเหล่านี้เหมาะที่จะมาทดแสนส่วนนั้น และหลังจากที่จบการสู้รบ เมืองซานไห่ก็จะอัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 1 และพวกเขายังต้องขยายกองทัพเพิ่มอีก ดังนั้น การดึงเหล่าผู้บุกรุกมาอยู่ใต้ธงของพวกเขา ย่อมเป็นสิ่งที่เหมาะสมมาก

โอหยางโชวไม่สนใจเรื่องอัตลักษณ์ของผู้บุกรุก ในกองทัพเมืองซานไห่ ทหารส่วนใหญ่ พวกเขาก็เคยเป็นโจรมาก่อน ตราบเท่าที่พวกเขาได้รับเงินเดือน และอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ทางทหาร ความเป็นโจรของพวกเขาก็จะค่อยๆถูกลบล้างออกไปช้าๆ ผู้บุกรุกที่ชอบทำชั่วมีอยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่พวกเขาเพียงแค่ต้องการเงิน และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเป็นผู้บุกรุกหรือโจร

โอหยางโชวหันไปทางเก่อหงเหลียง แล้วถามว่า “เจ้ากรมเก่อ จากการสังเกตของท่าน ลักษณะของผู้นำพลม้าของผู้บุกรุกเป็นเช่นไร?”

“นายท่านหมายความว่า?” เก่อหงเหลียงรู้สึกประหลาดใจ

“ท่านไม่ต้องสนใจสิ่งที่ข้าคิด เพียงแค่กล่าวความรู้สึกของท่านออกมาเท่านั้น” เจ้ากรมเก่อคนนี้ชอบคิดมากเกินไป

เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวว่า “จากการสังเกตของข้า เขาไม่ได้เป็นเหมือนคนชั่วร้าย”

“โอ้” ดวงตาของโอหยางโชวเปล่งประกาย และถามต่อว่า “ทำไมท่านถึงคิดเช่นนั้นล่ะ?”

เก่อหงเหลียงจัดเตรียมความคิดของเขา แล้วกล่าวว่า “ตั้งแต่เริ่ม ศัตรูได้พุ่งเข้ามาโจมตีที่ประตูเมืองตรงๆ และเมื่อพวกเขาพบว่า หน้าไม้ของพวกเรามีระยะยิงที่ไกลอย่างมาก ผู้นำของพวกเขาก็สั่งให้ล่าถอย และไม่โจมตีเข้ามาโดยประมาท ดังนั้น ข้าจึงคาดการณ์ว่า เขาคงจะห่วงใยคนของเขา ปกติแล้วผู้นำเช่นนี้ไม่ใช่คนที่ชั่วร้ายและผิดศีลธรรม”

โอหยางโชวพยักหน้า เขาเห็นด้วยกับเรื่องนี้

โอหยางโชวคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวกับเก่อหงเหลียงว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น เราไปพูดคุยกับผู้นำคนนี้กันเถอะ”

“โอ้!”

ลงจากหอคอย โอหยางโชวขี่ม้าฉิงฟู่ และสั่งให้เจ้าหน้าที่ของเมือง เปิดประตู และวางสะพานยกลง

ในขณะที่เฮยฉีกำลังคิดว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังดี เขาก็เห็นประตูเมืองเปิดออกจากด้านใน และสะพานยกก็ถูกวางลงช้าๆ พร้อมกับมีกองทหารม้าปรากฎตัวที่ประตูเมือง

โอหยางโชวนำกองทหารม้าข้ามสะพานยกและคูเมือง จนห่างจากผู้บุกรุกไม่ถึง 1,000 เมตร เขาตะโกนว่า “ข้าคือลอร์ดแห่งเมืองซานไห่ ใครเป็นผู้นำของพวกเจ้า? เรียกเขาออกมาพูดคุยกับข้าได้หรือไม่?”

เฮยฉีตกใจ จู่ๆก็มีคนปรากฎตัวขึ้นมา เขาขุนพลหนุ่มที่ขี่ม้าพิเศษ สวมชุดเกราะที่ประณีต และยังมีออร่าที่พิเศษ

เมื่อได้ยินคำกล่าวของเขา เฮยฉีก็รู้สึกประหลาดใจ และความรู้สึกผิดก็ปรากฎขึ้นในจิตใจเขา ในเวลานี้ เขาไม่กล้าประมาท เขาเดินไปข้างหน้าพลม้า แล้วตะโกนว่า “ข้าเป็นผู้นำพลม้า เฮยฉี ไม่ทราบว่าท่านมีคำแนะนำอะไรให้ข้าหรือไม่?”

โอหยางโชวพยักหน้า เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ปฏิกิริยาของเขาไม่ได้เป็นคนประมาทในแบบของผู้บุกรุก “ข้าไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรได้ แต่สำหรับสถานการณ์ทางประตูด้านทิศตะวันตก เจ้าคงยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้น ข้าจึงจะช่วยบอกเจ้า”

เฮยฉีใจไม่ดี แต่เขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมา เขาตะโกนออกไปว่า “หึ ท่านจะบอกอะไรกันแน่?”

โอหยางโชวเริ่มตีรอบๆพุ่มไม้ เขากล่าวต่อว่า “ผู้นำของพวกเจ้าถูกฆ่าตายด้วยเครื่องยิงหน้าไม้ของเรา ไม่เพียงแค่นั้น กองกำลังที่อยู่ทางประตูด้านทิศตะวันตกทั้งหมดของพวกเจ้า ได้ยอมจำนนแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องให้ข้าบอกอะไรมากไปกว่านี้แล้ว และเจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าควรทำสิ่งใด ข้าหมายความว่า ข้าไม่ต้องการจะฆ่าใครอีกต่อไป ตราบเท่าที่พวกเจ้ายอมจำนน ข้าสัญญาว่าจะรับพวกเจ้าเข้ากองทัพเมืองซานไห่”

คำกล่าวของโอหยางโชวก่อให้เกิดแรงกระตุ้นในหมู่พลม้า

เฮยฉีแข็งค้าง มันเป็นผลที่เลวร้ายที่สุดที่เขาคิดไว้ แน่นอนว่าเขายังไม่เชื่อคำกล่าวของศัตรูง่ายๆ “โกหก นี่เป็นเพียงคำกล่าวของท่าน แล้วข้าจะเชื่อท่านได้อย่างไร?” เมื่อได้ยินคำกล่าวของเฮยฉี ผู้บุกรุกก็เงียบและสงสัย

โอหยางโชวหัวเราะน่ากลัว เขาหันกลับไป แล้วส่งสัญญาณให้หลินยี่

หลินยี่เข้าใจ และสั่งให้ทหารส่งหัวของฮัวต้าให้กับพวกเขา

เมื่อพวกเขาเห็นหัวของผู้นำหลัก ผู้บุกรุกก็เชื่อว่ากองกำลังทางประตูด้านทิศตะวันตกได้ยอมจำนนแล้ว ความรู้สึกสิ้นหวังพุ่งเข้ามาในจิตใจของพวกเขา ตอนนี้ แม้ว่าพวกเขาต้องการจะวิ่งข้ามสะพานลอยน้ำ มันก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ศัตรูนำทหารม้ามา พวกเขาคงไม่ยอมให้หลับหนีง่ายๆแน่

เฮยฉีหันกลับไป และมองเห็นความกลัวของทุกคน พวกเขาเต็มไปด้วยความกลัวและเจ็บปวด เขากัดฟันและตะโกนออกมา “เรายอมจำนน!”

“ดี!” โอหยางโชวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด