ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 99: ระดับที่แตกต่าง (4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 101: ระดับความแตกต่าง (6)

[KotB] บทที่ 100: ระดับความแตกต่าง (5)  


บทที่ 100: ระดับความแตกต่าง (5)

แม้ความจริงที่ว่าลักษณะภายนอกของมันเป็นเอลฟ์ธรรมดา แต่มันก็เป็นเลือดผสมสองสายพันธุ์

อย่างไรก็ตาม มูยองไม่ได้พูดอะไร

'เขามีศัตรูเยอะมาก'

โดยทั่วไปพวกปีศาจนั้นเกลียดเมอร์ลิน

และจากสิ่งที่เขารู้ มังกรและเอลฟ์เองก็ไม่ชอบเมอร์ลิน

เขาไม่แน่ใจแน่ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่มีข้อสันนิษฐานว่าอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการสร้างอันเดอร์เวิร์ล

มีคนอยู่เท่าไรกันที่รู้ความจริงเบื้องหลังเมอร์ลินและโซโลมอน?

พวกเขาเพียงแค่มั่นใจว่าทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเนื่องจากเลเมเกทัล

อย่างไรก็ดี ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อนอะไรกับเรื่องที่รู้เพียงเล็กน้อย

‘ฉันต้องจบมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้’

สามดาบกระดูกจะต้องใช้เวลาสักพักในการค้นหาสถานที่นี้

มูยองกำลังวางแผนที่จะได้รับในสิ่งที่เขาต้องการและหนีไปในช่วงเวลานั้น

หนึ่งในสามสิ่งที่เขาต้องการที่จะได้รับคือเดียโบล

บัลลังก์ราชันเทพโอริส!

ถ้าเขาทำได้ เขาจะมีวงแหวนทั้งหมด 2 วงเมื่อรวมกับแหวนกษัตริย์คลั่ง

มันดีกว่าหากเขาสามารถจากไปหลังจากบรรลุเป้าหมาย มันเสี่ยงเกินไปที่จะปะทะพวกนั้น

ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ครึ่งมังกรตรงหน้าของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน มูยองเองก็ไม่สามารถคิดออกได้...

นั่นยังไม่รวมกับดาบที่หนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบคนที่แข็งแกร่งที่สุด

เขาก้าวตามหลังพวกนั้นอยู่ครึ่งก้าวใหญ่ๆ

‘แม้ว่าพลังของสเวลจะมากมายมหาศาล แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านความบริสุทธ์ของพลัง’

ถึงจะมีสายเลือดจากไฮเอลฟ์และมังกรบรรพกาบยู่ก็ตาม แต่มันก็ไม่สามารถหลอมรวมกันได้อย่างสมบูรณ์

และถ้ามันฝืนใช้พลังนั่นมากเกินไป มันจะนำไปสู่อันตรายเพียงเท่านั้น

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสเวลจึงไม่สามารถออกไปข้างนอกเป็นระยะเวลายาวนาน

มันน่าจะรู้ว่าถ้าไม่มีเห็ดสีฟ้าที่เติบโตเฉพาะในสถานที่แห่งนี้ พลังเวทย์ของมันจะยุ่งเหยิงจนไม่สามารถควบคุมได้

“มีปัญหาอะไรรึเปล่า? ฮี่ฮี่! เจ้าไม่มั่นใจหรือ? ถ้าเจ้าเป็นโดเกบิที่ใจเสาะข้าก็จะไม่โทษเจ้า”

ขณะที่มูยองเงียบอยู่ สเวลก็เยาะเย้ยเขา

สเวลเข้าใจผิดคิดว่าที่มูยองนิ่งคือกลัว

มูยองยักไหล่และพูด

"รายละเอียดเกี่ยวกับการเดิมพันคือ 'การหาใหม่มาหนึ่งดอก' ใช่มั้ย?"

สเวลมองตรงเข้าไปในดวงตาของมูยอง

"เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนใจแคบที่จะใช้สิ่งที่ข้าพบอยู่แล้วงั้นหรือ? ถ้าเจ้าไม่เชื่อจริงๆ ข้าขอสาบานเลยก็ได้ ด้วยเลือดของเอลฟ์และมังกรที่ไหลผ่านกายข้า ข้าไม่ได้โกหก "

ทั้งเอลฟ์และมังกร

มังกรเป็นเผ่าพันธุ์ที่มักจะมีความสุขกับการโกหก

แน่นอนว่าพวกมันเชี่ยวชาญการเล่นลิ้น แต่ดูเหมือนว่าสเวลจะไม่รู้จักมังกรดีพอ

อย่างไรก็ตาม มูยองไม่ได้คิดที่จะชี้แจงถึงสิ่งต่างๆเหล่านี้

"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นี่ไม่ถือว่าคุณได้เปรียบเหรอ? คุณรู้จักเขตแดนนี้ดีกว่าคนอื่นๆ คุณก็แค่ไปนำเห็ดฟ้าที่เคยเจอกลับมา"

“ไม่ต้องกังวล เห็ดสีฟ้ามีอายุเพียงสองวันและจะเหี่ยวลงหลังจากนั้น เนื่องจากพวกมันเป็นเห็ดที่เกิดจากพลังแห่งการกำเนิดของจิตวิญญาณ เมื่อมันสิ้นสุดลง ชีวิตของพวกมันก็จะจบลงด้วย มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไปหามันจากที่เดิม”

ราวกับว่ามันค่อนข้างยุติธรรม สเวลได้แสดงความภาคภูมิใจออกมา

มูยองยิ้มแล้วหันร่างของเขา

"ผมจะกลับมาเร็วๆนี้"

มูยองรู้สึกมั่นใจเหมือนกับว่าไม่มีทางที่เขาจะพ่ายแพ้

อย่างไรก็ตามแม้กระทั่งตอนที่เขาอยู่ที่อารามสีคราม เมอร์ลินก็ได้จ่ายค่าเสียหายในการมองข้ามมูยองอย่างสุดซึ้ง

เขาไม่คิดว่าสเวลจะต่างไปจากเมอร์ลินมากนัก

ด้านทิศเหนือของดินแดนแห่งน้ำแข็งมีความกว้างใหญ่

สเวลรู้จักที่นี่ดีกว่าใคร

ในทันที สเวลอาจจะได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก แต่เขาก็มีข้อจำกัดด้านเวลา

จนกว่าพระอาทิตย์ตก มีเวลาเหลืออีก 8 ชั่วโมง

เนื่องจากเขาจำกัดตัวเองให้เคลื่อนไหวได้หลังจาก 6 ชั่วโมง มีเพียงพื้นที่เล็กๆเท่านั้นที่เขาสามารถใช้ได้

ด้วยเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะค้นหาพื้นที่ทั้งหมดของที่ดินแดนทางเหนือ

ในทางกลับกัน ... มูยองมีตัวคนเดียว แต่ไม่ได้อยู่คนเดียวจริงๆ

"ทาร์แคน ปลดปล่อยวิญญาณชั่วร้ายทั้งหมดของคุณ"

"โอ้ เจ้าคิดจะเอาชนะด้วยจำนวนใช่ไหม? "

"ฉันจะปลดปล่อยภูติผีของฉัน ถ้าเราขุดมันขึ้นมาจากจุดศูนย์กลางของใต้ดินอาจจะเจอเห็ดขนาดใหญ่ ซึ่งมันจะทำให้เราชนะได้อย่างง่ายดาย"

"ดูเป็นแผนการที่ดี สำหรับเขาที่กล้าคิดว่าจักรพรรดิผู้นี้เป็นสัตว์เลี้ยง เราต้องสอนบทเรียนให้แก่เขา "

ทาร์แคนกัดฟันของเขา

ดูเหมือนทาร์แคนจะยังรู้สึกเจ็บแค้นที่สเวลเรียกเขาว่าสัตว์เลี้ยง

ในเวลาเดียวกัน ภูติผีหลายพันตนได้แผ่กระจายไปทั่วดินแดนทางเหนือ

มูยองเองก็ได้ปลดปล่อยภูติผีออกมาเช่นกัน และได้ให้พวกมันเริ่มค้นหาด้วยเมอร์ดูดันที่เป็นหัวหน้า

มันเป็นการพนัน

แม้ว่าจะเป็นโอกาสเล็กๆน้อยๆ แต่ก็มีโอกาสที่สามดาบกระดูกอาจสังเกตเห็นการกระทำของพวกเขา

อย่างไรก็ตามหากไม่เป็นเช่นนั้น เขาจะสามารถบรรลุผลที่เกินความคาดหมายของสเวลได้

'ฉันต้องสร้างมาตรการสำหรับสถานการณ์นั้น'

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถละเลยทุกความเป็นไปได้

เพื่อจำกัดความเป็นไปได้ทั้งหมด มูยองจำเป็นต้องทำและเปลี่ยนสถานการณ์ในปัจจุบัน

‘การหลอกล่อ’

กลับกัน เขาต้องเอาชนะพวกมันด้วยสิ่งนี้

สำหรับสามดาบกระดูกที่วนไปรอบๆเส้นทางที่ไกลที่สุด

เขาคิดถึงวิธีที่จะใช้ภูติเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขา

มันไม่ดีกว่าเหรอที่จะจำกัดอันตรายทั้งหมด?

นี่คือมาตรการสุดท้ายเพื่อปกป้องสเวลจนกว่ามูยองจะได้รับบัลลังก์ราชันย์เทพโอริส

เนื่องจากในปัจจุบันสเวลไม่สามารถเอาชนะสามดาบกระดูกได้

‘ความทรนงในความสามารถของตนเอง มันอาจจะเกิดขึ้นเพราะเขาได้อาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว'

ณ ที่นี่ มันไม่มีมอนสเตอร์มากมายที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับสเวลได้

ไม่ มันมีมอนสเตอร์น้อยมากๆ

และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเป็นราชาแห่งดินแดน คุณก็จะกลายเป็นคนที่หยิ่งทรนง

อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้น่าเบื่อเป็นอย่างยิ่ง

เขาอาจจำเป็นต้องทำให้ชีวิตมีสีสันบ้างเช่นการเดิมพัน

และเขาอาจไม่เคยคิดว่าตัวเองจะพ่ายแพ้

ความเย่อหยิ่งดังกล่าวสำหรับมูยองแล้วเป็นสิ่งที่ดี

ถ้าสามดาบกระดูกไม่บังเอิญปรากฏตัวมาขัดขวาง มันก็จะเป็นไปตามแผนที่มูยองวางไว้

"วูฮีอยากช่วยๆ? ถ้าเป็นเห็ดนั่น วูฮีอาจจะค้นหามันได้อย่างง่ายดาย"

วูฮีปรากฏตัวขึ้นจากระยะไกลในขณะที่เธอกระพือปีก

ภูติมักเกลียดมังกร ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นแค่ครึ่งมังกรแต่เธอก็รู้สึกได้ถึงพลังนั่น จึงพยายามอยู่ห่างไกลออกไป

เธอรอมูยองอยู่นอกระยะและเดินเข้ามาหาทันทีเมื่อเขาปรากฏตัว

"ได้สิ"

มูยองพูดโดยไม่คาดหวัง

เขาไม่ได้มีความคาดหวังใดๆสำหรับเธออย่างแท้จริง

“วูฮีฮี ไม่ต้องเป็นห่วงแค่ที่รักวางใจในตัววูฮีก็พอ!”

ด้วยนิ้วกลางและนิ้วชี้ของมูยอง เขาสกัดการจูบของวูฮีไว้ และมองไปรอบๆทางด้านหน้า

'ฉันอาจจะได้รับบัลลังก์ราชันย์เทพโอริสง่ายกว่าที่คิด'

อย่างรวดเร็ว ภูติผีจำนวนมากมายเริ่มลอยออกไปจากด้านหลังของเขา *

เมื่อมูยองกลับมา สเวลก็ปล่อยเสียงหัวเราะเยาะ

"ทำไมเจ้ากลับมามือเปล่าล่ะ? มันเป็นเพราะผลลัพธ์ที่จะแสดงให้ข้าเห็นมันน่าอายหรือ? "

"ผมจะแสดงให้เห็นเมื่อคุณกลับมา"

ในสายตาของสเวล ดูเหมือนว่าโดเกบิกำลังพยายามปกป้องความภาคภูมิใจครั้งสุดท้ายของเขาอยู่

เห็ดสีฟ้าสามารถพบได้อย่างง่ายด้วยวิญญาณที่บริสุทธิ์ เช่นจิตวิญญาณเท่านั้น

แต่เฉพาะพลังงานแห่งความตายเท่านั้นที่สามารถรู้สึกได้จากโดเกบิ

มันคงเป็นเรื่องยากที่จะหาเห็ดสีฟ้าด้วยความพยายามของตัวเขาเอง และแม้ว่าเขาจะทำมันได้ ขนาดของมันก็คงเล็กนิดเดียว

'มันคงสนุกที่ได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวนั้น'

ราวกับว่าเขากำลังจะไปเดินเล่น สเวลออกจากถ้ำไป

หลังจากไม่ถึง 10 นาทีเขาก็กลับมา

พร้อมกับเห็ดสีฟ้าขนาดเท่าร่างกายของเขา

สเวลกำลังพยายามทำให้มูยองเสียศักดิ์ศรีและนั่นเอง ท่าทางของโดเกบิก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามการแสดงออกนั้นเต็มไปด้วยความยียวนมากกว่าความอัปยศ

เป็นเขาที่เยาะเย้ย!

"มันใหญ่แค่นี้เองเหรอ?"

“แค่นี้?”

โดเกบิกลายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง?

ขนาดเท่านี้อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นหนึ่งในอันที่มีขนาดใหญ่ที่สุด

ไม่มีทางที่โดเกบิผู้ที่มีกลิ่นอายแห่งความตายรุนแรงจะสามารถหาขนาดที่ใหญ่กว่ามันได้

อย่างไรก็ตามเมื่อโดเกบิดึงยันต์ออกมาและใช้มัน เห็ดฟ้าที่ดูจะมีขนาดอย่างน้อย 2 เมตรก็ปรากฏขึ้น

‘มันเป็นของจริง’

เห็ดสีฟ้าเป็นของจริง

แม้แต่สเวลก็ไม่ค่อยได้เห็นขนาดที่ใหญ่เช่นนี้

เป็นธรรมดาที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้าน

"นี่ นี่เจ้าพบมันที่ไหน?"

"ผมชนะแล้ว ตามที่คุณสัญญาไว้ มอบบัลลังก์ราชันย์เทพโอริสมา"

"ไม่! ยังไม่ได้ ถ้าเจ้าต้องการที่จะได้รับบัลลังก์เทพโอริส เจ้าต้องชนะข้าให้ได้สามครั้ง"

สเวลเข้าตาจน เขายังได้แสดงท่าทีแปลกๆออกมา

‘เขาเป็นผีพนันอย่างแท้จริง’

มูยองถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ในทางตรงกันข้าม ความพ่ายแพ้ดูเหมือนจะไปกระตุ้นสเวล

ความปรารถนานั้น เขาไม่สามารถบังคับให้มันหยุดลง

อย่างไรก็ตามมูยองไม่สามารถยอมรับได้ง่ายๆเช่นกัน

"ขอเพิ่มความต้องการอีก"

“ได้ ถ้าเจ้าได้ชัยชนะ 3 ครั้งจากข้า มันก็ไม่มีเหตุผลสำหรับข้าที่จะปฏิเสธความต้องการอื่นๆอีก”

เป็นการดีที่เขายอมรับความต้องการที่แน่วแน่นั่น

มันเป็นเพราะเขาต้องการเดิมพันต่อไปอีก

มูยองไม่ใส่ใจมันและพูดขึ้น

"ผมอยากจะเห็น 'การรู้แจ้งของโอริส' "

"นั่น...?"

สเวลรู้สึกประหลาดใจ

มันน่าแปลกใจที่โดเกบิก็รู้เรื่องนี้ด้วย แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าสายพันธุ์อื่นจะใช้มันยังไงด้วยเพียงการจ้องมอง

โอริสเป็นเผ่าพันธุ์เหนือธรรมชาติที่วางรากฐานของต้นไม้โลกด้วยตัวเอง

ในยุคสนธยาที่เอลฟ์เรืองอำนาจสูงที่สุด

ในเวลานั้นโอริสมีบทบาทมากในฐานะจักรพรรดิที่เป็นผู้นำแห่งเอลฟ์

เป็นที่ทราบกันดีว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่มีพลังการต่อสู้ใกล้เคียงกับระดับพระเจ้า เล่ากันว่าทุกชนิดของการรู้แจ้งของเขาอยู่ในหนังสือหนึ่งเล่มก่อนที่เขาจะตาย

และในหนึ่งในนั้นยังมีการรู้แจ้งเกี่ยวกับวิถีดาบด้วย

โอริสเคยใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกันหลายประเภท แต่เขามีความเชี่ยวชาญการใช้ดาบมากที่สุด

มีความเป็นไปได้ที่สเวลอาจมีหนังสือการรู้แจ้งของเขาเก็บไว้

‘ฉันยังเข้าใจดาบไม่ลึกซึ้งพอ’

มูยองรู้สึกถึงมัน

เงาดำเลือนลาง การดำรงอยู่ในความฝันของชายผู้นั้นแข็งแกร่ง และความลึกล้ำของเขานั้นไม่เหมือนใคร

ขณะที่มูยองต่อสู้กับเขาอย่างต่อเนื่องทำให้รู้สึกถึงข้อบกพร่องของตัวเองเป็นอย่างดี

นอกจากนี้มูยองยังตระหนักได้อีกว่าตัวเองขาดอะไรไปบ้าง

เขาเรียนรู้วิธีการจัดการอาวุธมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าไม่ได้ใส่ใจพวกมันมากนัก เขาไม่เคยได้รับการรู้แจ้งหรือการใช้งานที่ลึกซึ้งเลย

'ฉันแค่ต้องการเติมเต็มสิ่งที่ขาด'

ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะรับรู้ด้วยการสังเกตการรู้แจ้งของโอริส

อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นคำถามว่าสเวลจะแสดงสิ่งที่สำคัญเช่นนั้นให้เขาเห็นผ่านการเดิมพันเท่านั้นหรือ

สเวลครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพยักหน้า

"โดยปกติเฉพาะไฮเอลฟ์เท่านั้นที่สามารถอ่านการรู้แจ้งได้ แต่โชคดีที่การตัดสินใจนั้นขึ้นอยู่กับข้า ถ้าเจ้าชนะอย่างแท้จริง ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นการรู้แจ้งของโอริส "

มูยองกำหมัดแน่น

ถ้าเขาได้เห็นการรู้แจ้งนั่น การเดิมพันเพียงเล็กน้อยก็ไม่นับว่าเป็นอันใด

แม้ว่าเขาจะไม่มีเวลามาก แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุน

"ถ้างั้น บอกรายละเอียดการเดิมพันต่อไปมาได้ "

หลังจากกินเห็ดสีฟ้าไปหนึ่งกำมือแล้ว สเวลก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

หลังจากนั้นเขาก็พูดขณะที่ดวงตาเป็นประกาย

“ซ่อนตัว! และข้าจะหาเจ้า”

มันเป็นเรื่องดีจริงๆที่เขาล่อให้สามดาบกระดูกไปยังสถานที่ห่างไกลก่อนหน้านี้

มูยองกลายเป็นสายลมเหนือบริสุทธิ์และราวกับหายลงไปในผืนดิน ในท้ายที่สุดสเวลก็ไม่สามารถหามูยองได้

การเดิมพันครั้งสุดท้าย คือเกมส์การล่าขุมทรัพย์

แต่ละคนต้องซ่อนไอเทมไว้และตามหาของกันและกัน

ถึงเวลานี้ แม้เขาไม่ต้องการคิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อมโยง

'มีความเชื่อมโยงกับเมอร์ลินอย่างแน่นอน'

ถ้ามันไม่จริง เขาจะมีบทบาทที่เหมือนกันเช่นนี้ได้ยังไง

และแม้กระทั่งการวางเดิมพันแบบเดียวกัน เมอร์ลินเองก็ไม่สามารถเอาชนะมูยองได้

สเวลไม่ต่างกัน กระทั่งใบหน้าที่น่าสังเวชขณะที่เขาประกาศยอมจำนน

"ข้าแพ้ เจ้าไม่ใช่โดเกบิทั่วไป "

ทาร์แคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามูยองแสดงปฏิกิริยาขึ้นมา

"มันดูเหมือนว่าครึ่งมังกรที่โง่เง่าจะตาสว่างขึ้นมาแล้ว มูยองคือโอม ผู้ปกครองเหนือโดเกบิทั้งมวล! ถ้าเจ้าคิดว่าเขาเป็นโดเกบิทั่วไป เจ้าคงเป็นคนตาบอด "

ราวกับว่าทาร์แคนรอเวลานี้อยู่แล้ว เขาเทกระจาดความขุ่นเคืองออกไป

จากนั้นใบหน้าของสเวลก็แข็งค้าง

เป็นเพราะเขาได้รับการปฏิบัติราวกับสัตว์เลี้ยงหรือ?

เขาเป็นมิตรสหายกับความแค้นเคืองโดยแท้จริง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด