ตอนที่แล้วบทที่ 108 สองวิถีทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 110 ค่ายกลเพลิงสี่หวน!

บทที่ 109 เม็ดบัวดำนิลกาฬ  


 

“มีซิวเจ่อด่านหนิงม่ายสามคนมาเยือน” วาจาของหลี่อิงฟ่งสะกดตรึงจั่วม่อจนชะงักงัน

สามซิวเจ่อด่านหนิงม่าย...

นับตั้งแต่ที่จั่วม่อเริ่มทำการค้านี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีผู้ฝึกตนด่านหนิงม่ายมาเป็นอาคันตุกะ บุคคลที่สวมใส่หมวกแพรดำซึ่งว่าจ้างให้ตัดแม่เหล็กเย็นในวันนั้น ก็สมควรอยู่ในด่านหนิงม่าย เวลาซิวเจ่อด่านหนิงม่ายมาเยือน จั่วม่อทั้งรักทั้งชังปะปนกันจนแยกไม่ออก สิ่งที่ชื่นชอบคือพวกมันจ่ายหนักกว่าคนทั่วไป แต่สิ่งที่ชังคืองานที่พวกมันต้องการว่าจ้างก็ยากลำบากกว่าปกติมาก งานเมื่อยิ่งยากก็ยิ่งเสี่ยง หากเกิดข้อผิดพลาด จั่วม่อไม่มีปัญญาชดใช้ให้แก่พวกมันได้ หากไม่ยอมชดใช้เล่า? เรื่องนี้เลิกคิดไปได้เลย อีกฝ่ายร้ายกาจกว่ามันมาก หากเกิดขัดแย้งกันขึ้นมา มันก็มีแต่ประสบชะตากรรมอันเลวร้ายแล้ว

คราวนี้ถึงกับมาพร้อมกันสามคน!

“ฮึ่ม เจ้าหนูน้อยด่านจู้จีผู้หนึ่งกล้าวางท่าต่อหน้าพวกเรา! ฮึ่มๆ คิดก่อกวนโทสะข้าหรือ ระวังไฟโทสะข้าจะเผาที่นี่จนวอดวาย!”

“น้องสาม อย่าพูดจาเหลวไหล!”

สุ้มเสียงจากประตูเสียงดังฟังชัดมาก เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสามเริ่มไม่พอใจ จั่วม่อรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาทันที ได้แต่ร้องบอกออกไป “ท่านทั้งสามเชิญเข้า!”

เพียงสิ้นเสียงจั่วม่อ คนทั้งสามก็เดินเข้ามา บุรุษที่นำหน้าสวมใส่อาภรณ์สีแดง ก้าวเดินดุจพยัคฆ์เยื้องย่างมังกรเดินหน แผ่ซ่านท่วงท่าสภาวะอันแกร่งกร้าวทรงพลังออกมา ด้านซ้ายของมันเป็นบุรุษจมูกงองุ้มดุจจะงอยปากอินทรีผู้หนึ่ง สีหน้ามืดมนเย็นชา เพียงมองแวบเดียวก็ทราบว่าคนผู้นี้มิใช่คนใจดีมีเมตตาอันใด ส่วนทางขวาของคนชุดแดง เป็นบุรุษกำยำผู้มีใบหน้าถมึงทึง ร่างกายของมันใหญ่โตประหนึ่งภูเขาเนื้อลูกหนึ่ง เมื่อเข้ามาในห้อง ก็เริ่มสอดส่ายสายตาไปรอบๆ

“อาจารย์จั่วสบาย” คนชุดแดงผู้นำกลุ่มแย้มยิ้มเล็กน้อย ประสานมือคารวะทักทายจั่วม่อ

“ผู้อาวุโสทั้งสามสบาย” จั่วม่อไม่กล้าวางท่า รีบลุกขึ้นยืนประสานมือคารวะตอบ ลำดับอาวุโสในหมู่ซิวเจ่อมีความซับซ้อนและยากจะแยกแยะให้ชัดเจน ดังนั้นโดยทั่วไปมักใช้พลังบำเพ็ญเพียรเป็นเกณฑ์ ระดับพลังบำเพ็ญเพียรของจั่วม่อต่ำกว่าพวกมันหนึ่งด่าน ดังนั้นมันย่อมเป็นผู้เยาว์

คนทั้งสามคล้ายพึงพอใจในการวางตัวของจั่วม่อมาก กระทั่งใบหน้ากระด้างของบุรุษจมูกอินทรียังอ่อนลงเล็กน้อย

“อาจารย์จั่วไม่ต้องมากมารยาท” คนชุดแดงแย้มยิ้ม จากนั้นแจ้งจุดประสงค์การมาอย่างเปิดเผย “ที่พวกข้ามาเยือนในวันนี้ เนื่องเพราะมีบางสิ่งต้องขอความช่วยเหลือ” กล่าวพลางนำเม็ดบัวสีดำสนิทออกมาเม็ดหนึ่ง “นี่คือเม็ดบัวดำนิลกาฬ ระดับสี่ เปลือกชั้นนอกของมันแข็งมาก กระทั่งกระบี่บินยังไม่ระคายผิวของมัน มาคราวนี้ก็เพื่อขอให้อาจารย์จั่วช่วยจัดการกับเปลือกแข็งชั้นนอกนี้เอง เงื่อนไขของอาจารย์จั่วพวกข้าก็เคยได้ยินได้ฟังมา ม้วนหยกนี้คือชุดค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์*ฉบับสมบูรณ์ นับเป็นค่ายกลชั้นยอดในหมู่ค่ายกลระดับสี่ทั้งมวล มีคุณลักษณะพิเศษมากมาย พวกเราทราบว่าอาจารย์จั่วชมชอบวิชาค่ายกล ค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ชุดนี้ถือเป็นค่าตอบแทนเถอะ”

(*คำว่าวงแหวนฟ้าในที่นี้คือ เทียนหวน เป็นคำเดียวกันกับ เทียนหวน หนึ่งในสี่มหาอำนาจของฝ่ายซิวเจ่อที่เชี่ยวชาญสายค่ายกลยันต์ อำนาจเทียบเท่าคุนหลุน)

“แต่วาจาขัดหูย่อมต้องกล่าวไว้ล่วงหน้า ถ้าเจ้าทำมันเสียหาย ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้า!” ภูเขากล้ามเนื้อหน้าถมึงทึงคำรามดังก้อง

“น้องสาม อย่าพูดจาเหลวไหล!” ชายชุดแดงเบือนหน้าไปตำหนิ จากนั้นหันกลับมากล่าวกับจั่วม่อ “อาจารย์จั่ว อย่าได้ถือสามัน เพียงแค่ทุ่มเทจิตใจไปที่การจัดการกับเม็ดบัวก็พอ”

มองไปที่คนทั้งสาม ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด จั่วม่อแผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พวกมันทั้งสามล้วนมีพลังฝีมือเหนือธรรมดา เพียงคนเดียวจั่วม่อก็ไม่ใช่คู่มือ เมื่อมีถึงสามคน จั่วม่อกระทั่งโอกาสหลบหนียังไม่มี มันเคยตะเกียกตะกายขึ้นมาจากศิษย์ฝ่ายนอก จนกระทั่งมีสถานะเช่นทุกวันนี้ ความสามารถในการพิเคราะห์สีหน้าท่าทีผู้คนจึงเฉียบไวยิ่ง มันทราบในทันทีว่าคนทั้งสามนี้ไม่ใช่ตัวดีอันใด อย่าได้เห็นว่าบุรุษชุดแดงกล่าววาจาเกรงอกเกรงใจ หากจั่วม่อทำให้เม็ดบัวดำนิลกาฬเสียหายจริงๆ แน่นอนว่ามันจะไม่มีจุดจบที่ดี

จิตสำนึกของจั่วม่อเหนือล้ำกว่าผู้อื่น สามคนนี้ล้อมรอบไปด้วยสัมผัสของเลือดและจิตวิญญาณภูตชั่วร้าย แม้ว่าจะไม่น่าพรั่นพรึงเท่าภูตโลหิตที่มันเคยเห็นในถ้ำกระบี่ แต่ยังอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่ดุร้ายรุนแรง ถึงแม้ว่าพวกมันทั้งสามไม่ทราบใช้วิธีการใดปกปิดพลังงานเลือดของจิตวิญญาณภูตชั่วร้ายนี้ แต่จะหลบซ่อนพ้นจากพลังแห่งจิตสำนึกของจั่วม่อได้อย่างไร?

การค้าเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยจริงๆ! นี่คือปฏิกิริยาแรกของจั่วม่อ

จั่วม่อสั่นศีรษะ “ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ที่ต้องรบกวนให้ผู้อาวุโสทั้งสามเดินทางมา แต่ผู้น้อยเป็นเพียงซิวเจ่อด่านจู้จี และเมล็ดพันธุ์ไฟของข้ายังเป็นแค่ไฟระดับสองเท่านั้น กับเม็ดบัวดำนิลกาฬระดับสี่นี้ ผู้น้อยไม่มีความสามารถเพียงพอจริงๆ!”  วาจาของมันสัตย์ซื่อจริงใจ พลังบำเพ็ญเพียรกับเมล็ดพันธุ์ไฟของมันย่อมไม่หวาดเกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายตรวจสอบ ดังนั้นกล่าวตรงไปตรงมายิ่ง

คนชุดแดงแย้มยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่กล่าววาจา บุรุษจมูกอินทรีที่ด้านข้างเอ่ยอย่างมืดมนว่า “หากเจ้าสามารถแปรสภาพแม่เหล็กเย็นระดับสี่ ไฉนไม่สามารถจัดการเม็ดบัวดำนิลกาฬระดับสี่?”

บุรุษร่างใหญ่หน้าเหี้ยมถลึงตาโปนโตดุจกระดิ่งของมัน กล่าวอย่างไม่สนใจเหตุผลว่า “ข้าจะบอกเจ้า หากเจ้ายินดี ก็ลงมือกระทำเสียเดี๋ยวนี้ ต่อให้เจ้าไม่ยินดี เจ้าก็ยังคงต้องลงมือกระทำอยู่ดี! ไม่เช่นนั้นข้าจะทลายร้านโทรมๆ ของเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลอง!”

คนชุดแดงหัวร่อ เสนอม้วนหยกในมือให้แก่จั่วม่อ “อาจารย์จั่ว อย่าเพิ่งปฏิเสธ ลองผ่านตาค่ายกลในม้วนหยกนี้ดูเสียก่อน” กล่าวจบก็เงยหน้ามองหลี่อิงฟ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหลังจั่วม่อ กล่าวอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง “แม่นาง ไฉนไม่วางยันต์ส่งสารในแขนเสื้อเจ้าลงเสียก่อนเล่า? อย่าขุ่นข้องหมองใจกันด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้จะดีกว่า”

จั่วม่อลอบคิดว่าพวกเจ้าช่างประเสริฐนัก สามคนเพียงผลัดกันกล่าววาจาคนละรอบ ก็โจมตีเข้ามาทุกรูปแบบ ทั้งเกลี้ยกล่อม ทั้งข่มขู่ สารพัดไม้อ่อนไม้แข็ง มันพลันไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป โบกมือเตือนหลี่อิงฟ่งไม่ให้หุนหันพลันแล่น จากนั้นกล่าวอย่างกดดันว่า “ผู้อาวุโสทั้งสามอาจฟังมาผิดแล้ว ผู้น้อยเคยรับงานแม่เหล็กเย็นระดับสี่จริง แต่เพียงแค่ตัดแบ่งเท่านั้น ไม่ใช่แปรสภาพ”

บุรุษชุดแดงสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “อาจารย์จั่วไม่ไว้หน้าข้า?”

จั่วม่อจู่ๆ ก็รู้สึกร่างแข็งทื่อ ราวกับว่าถูกบางสิ่งบางอย่างตรึงไว้แน่น ขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว หลี่อิงฟ่งที่ด้านข้างใบหน้าไร้สีเลือด เบิกตามองคนทั้งสามอย่างตื่นตระหนก

“ได้ๆ ข้าทำ ข้าทำ!” จั่วม่อเห็นสถานการณ์คับขันอันตราย ได้แต่กัดฟันรับคำ

“ฮ่าฮ่า อาจารย์จั่วเป็นคนชาญฉลาด อย่าได้กังวล หากเจ้าสามารถแปรสภาพเม็ดบัวดำนิลกาฬสำเร็จ ม้วนหยกนี้ย่อมยกให้เจ้าอย่างไม่บิดพลิ้ว พวกเราทั้งสามจะไม่ปล่อยให้อาจารย์จั่วต้องขาดทุน” คนเสื้อแดงหัวร่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แรงกดดันรอบกายจั่วม่อถดถอยไปทันที มองไปยังบุรุษชุดแดง จั่วม่อหัวใจเย็นเฉียบ บุรุษผู้นี้ดูภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่ในความเป็นจริงดุดันอำมหิตยิ่ง หากวันนี้มันไม่อาจแปรสภาพเม็ดบัวดำนิลกาฬได้สำเร็จ จุดจบของมันคงเลวร้ายอย่างแน่นอน สำนักกระบี่สุญตาอยู่ห่างไกลจากที่นี่มาก หากเกิดเรื่องราวอันใด น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ เกรงว่าเหล่าอาจารย์ลุงที่สำนักไม่มีทางมาทันเวลา

จั่วม่อไม่ได้หยิบม้วนหยก แต่รับเม็ดบัวดำนิลกาฬโดยตรง มันไม่กังวลสนใจกับม้วนหยกอีกต่อไป หากวันนี้สามารถรักษาชีวิตน้อยๆ ของมันไว้ได้ ก็ขอบคุณฟ้าดินมากแล้ว

ใบหน้าของคนชุดแดงทอแววชื่นชม ทั้งสามคนพากันหลบไปด้านข้าง บุรุษจมูกอินทรีเหลือบมองหลี่อิงฟ่ง ในแววตาเต็มไปด้วยความหมายตักเตือน

จั่วม่อไม่สิ้นเปลืองวาจาอีก มันเริ่มพินิจพิเคราะห์เม็ดบัวดำนิลกาฬอย่างระมัดระวัง

เม็ดบัวดำนิลกาฬเป็นส่วนผลของดอกบัวดำนิลกาฬ ก่อกำเนิดขึ้นหลังจากที่ส่วนดอกเบ่งบานและร่วงโรย ดอกบัวดำนิลกาฬเป็นพืชหญ้าปราณที่หายากมาก มักเติบโตในสถานที่เลวร้ายถึงที่สุด ดังเช่นบ่อโคลนซึ่งเต็มไปด้วยพิษ หลังจากดูดซับและสะสมพิษสารพัดชนิดมานานปี ใบบัวจะเป็นสีขาวเน่าเปื่อย ดอกบัวสีดำประดุจน้ำหมึกจะเบ่งบาน สิ่งที่มีค่าที่สุดของพืชหญ้าปราณชนิดนี้คือเม็ดบัวดำนิลกาฬที่ก่อกำเนิดตามมา

ดอกบัวดำนิลกาฬเมื่อดูดซับและสั่งสมพิษร้ายนานาชนิด พิษเหล่านั้นจะผสานรวมภายในต้นของมัน ก่อกำเนิดพิษชนิดใหม่ขึ้นมา เมื่อดอกบัวกลายเป็นเมล็ด เหล่าพิษที่รุนแรงทั้งมวลจะควบรวมเข้าไปในเม็ดบัวดำนิลกาฬเล็กๆ นี้ จากนั้นเม็ดบัวดำนิลกาฬจะร่วงหล่นลงไปในกองซากทับถม งอกออกมาใหม่และเติบโตขึ้นเป็นดอกบัวดำนิลกาฬต้นใหม่อีกรอบ แล้วมันก็จะเริ่มดูดซับสั่งสมพิษร้ายสารพัดชนิดอย่างต่อเนื่อง จนให้กำเนิดเม็ดบัวดำนิลกาฬใหม่อีกรอบ หมุนเวียนเป็นวัฏจักร ระดับของเม็ดบัวดำนิลกาฬจะขึ้นอยู่กับจำนวนรอบเกิดดับที่มันผ่านมา

เม็ดบัวดำนิลกาฬตรงหน้านี้ในเมื่อเป็นระดับสี่ หมายความว่ามันผ่านการเกิดดับมาแล้วสี่รอบ นั่นทั้งล้ำค่าและหายากเป็นที่สุด พิษร้ายซึ่งอยู่ภายในเม็ดบัวจะต้องไปถึงจุดที่น่าแตกตื่นสะท้านใจ!

ถือเม็ดบัวดำนิลกาฬไว้ในมือ จั่วม่อรู้สึกปากคอแห้งผาก นี่นับเป็นครั้งแรกที่มันต้องแปรสภาพพืชหญ้าปราณพิษ ซ้ำยังเป็นพิษมหาประลัยถึงเพียงนี้ หากกล่าวว่าไม่ได้ประสาทเสีย ก็นับว่าหลอกลวงแล้ว เปลือกชั้นนอกของเม็ดบัวดำนิลกาฬแข็งมากถึงที่สุด และยังเป็นเพราะเปลือกชั้นนอกอันแข็งแกร่งจนกระบี่บินยากระคายนี้เอง พิษร้ายภายในจึงไม่ได้รั่วไหลออกมา มิเช่นนั้น มือของจั่วม่อจะเน่าสลายไปในทันที พิษจะลุกลามไปทั่วอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่อึดใจ มันจะกลับกลายเป็นกองกระดูกกองหนึ่ง

กระทั่งเม็ดยาแก้พิษระดับสามยังไม่อาจยับยั้งพิษของเม็ดบัวดำนิลกาฬได้ อย่าว่าแต่เม็ดยาแก้พิษที่จั่วม่อมี ยังเป็นเพียงสินค้าระดับสองเท่านั้น

หลี่อิงฟ่งปกติดูแลร้านค้าของสำนัก ย่อมเคยได้ยินเรื่องความเลวร้ายของเม็ดบัวดำนิลกาฬมาบ้าง ใบหน้านางขาวเผือด มองไปยังจั่วม่ออย่างตึงเครียด นางปล่อยมือจากยันต์ส่งสารที่กำไว้ในแขนเสื้อ บุรุษจมูกอินทรีเพ่งมองนางไม่คลาดสายตา ไม่ปิดบังความดุร้ายในดวงตาของมัน หากนางพยายามขัดขืนสักเล็กน้อย เกรงว่ามันคงลงมือเชือดนางทิ้งโดยไม่กระพริบตา

คนชั่วร้ายเหล่านี้ไม่ทราบปรากฏขึ้นจากที่ใด ถึงกับกล้าอุกอาจถึงเพียงนี้ในตงฝู!

หลี่อิงฟ่งกัดริมฝีปาก สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลคอยมองดูศิษย์น้องจั่วม่อ นางทราบว่าเม็ดบัวดำนิลกาฬยากเกินความสามารถของศิษย์น้อง คราวก่อนมันต้องพยายามแทบตายกว่าจะตัดแบ่งแม่เหล็กเย็นระดับสี่ได้สำเร็จ แปรสภาพวัตถุดิบยิ่งยากเย็นกว่าการตัดแบ่งเสียอีก ไม่ต้องกล่าวถึงว่านี่ยังเป็นสิ่งของที่เต็มไปด้วยพิษร้าย ประมาทเพียงเล็กน้อย มันจะถูกพิษและตายโดยยังไม่ทันได้กรีดร้องด้วยซ้ำ นางสังเกตเห็นแผ่นหลังของมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หัวใจนางจุกแน่นมาถึงลำคอ

หากซือฟู่อยู่ที่นี่...

ในใจนางวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง หากซือฟู่รีบรุดมา ด้วยพลังบำเพ็ญเพียรด่านจินตันของมัน จัดการกับซิวเจ่อด่านหนิงม่ายสามคน นับว่ามากเกินพอ!

จั่วม่อก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับหลี่อิงฟ่ง อย่างไรก็ตาม หลังจากลากถ่วงไว้ครู่หนึ่ง สังเกตเห็นเค้าความมุ่งร้ายสาดประกายในดวงตาของบุรุษกำยำหน้าเหี้ยม จั่วม่อก็ทราบว่าไม่อาจถ่วงเวลาอีกต่อไป

จั่วม่อพลิกฝ่ามือ ไฟหินงอกปรากฏขึ้น ตรงเข้าห่อหุ้มเม็ดบัวดำนิลกาฬไว้อย่างรวดเร็ว ความไม่เป็นมิตรในดวงตาคนทั้งสามค่อยจางหายไป พวกมันมองจั่วมองอย่างกังวลอยู่บ้าง เท้าของพวกมันพาก้าวเดินไปยังประตูร้านโดยไม่รู้ตัว

จั่วม่อทราบดีว่าพวกมันหวั่นเกรงพิษร้ายตามธรรมชาติของเม็ดบัวดำนิลกาฬ เม็ดบัวดำนิลกาฬเม็ดนี้เป็นระดับสี่ ย่อมเปี่ยมล้นด้วยพิษร้ายอันรุนแรงจนขนหัวลุก กระทั่งพวกมันทั้งสามที่อยู่ในด่านหนิงม่าย ยังไม่ง่ายที่จะรับมือพิษร้ายนี้ จั่วม่อปรารถนาจะขว้างเม็ดบัวดำนิลกาฬเม็ดนี้ไปให้ไกลที่สุดเช่นกัน แต่สถานการณ์บีบบังคับไม่ให้มันทำเช่นนั้น

วันนี้หากมันไม่อาจแปรสภาพเม็ดบัวดำนิลกาฬได้สำเร็จ เกรงว่า...

ไฟสีขาวน้ำนมล้อมเม็ดบัวดำนิลกาฬไว้อย่างแน่นหนา ดูผิวเผินคล้ายมีแก่นสีดำอยู่กลางเปลวไฟสีขาว แปลกประหลาดอยู่บ้าง

จั่วม่อตั้งใจแน่วแน่ ละทิ้งความคิดทั้งมวล ไม่มีเส้นทางให้ล่าถอยอีก ไร้ประโยชน์ที่จะคิดถึงสิ่งอื่นใด

จิตสำนึกของมันจดจ่อรวมตัวถึงที่สุด มือข้างหนึ่งหยิบจิงสือระดับสามออกมาห้าชิ้น สร้างค่ายกลขึ้นล้อมรอบร่างกายของตน

บุรุษหน้าถมึงทึงเหลือบมองคนชุดแดง คนชุดแดงโบกมือ มันรู้จักค่ายกลนี้ นี่มีไว้เติมเต็มพลังปราณให้แก่ซิวเจ่อ เห็นจั่วม่อทำท่าราวกับเผชิญศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ อีกทั้งการเคลื่อนไหวทั้งช่ำชองและราบรื่น มันอดเผยสีหน้าคาดหวังไม่ได้

ก่อตั้ง ‘ค่ายกลห้าปฐมปราณเสริมพลัง’ แล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว จั่วม่อวางมือซ้ายไว้บนเข่า ทั่วร่างผ่อนคลาย สายตาของมันไม่เคยเบนออกจากไฟหินงอก

ไฟสีขาวน้ำนมกระจายแรงกดดันอันเย็นเยียบออกมา ห่อหุ้มเม็ดบัวสีดำสนิทซึ่งกระโดดขึ้นไว้ได้อย่างรวดเร็ว

หยาดเหงื่อบนแผ่นหลังแห้งเหือด จั่วม่อเมื่อเข้าสู่สภาวะเช่นนี้ มันก็ไม่กระวนกระวายอีกต่อไป ในสมองมันหลงเหลือเพียงความคิดเดียว จะใช้วิธีการใดแปรสภาพเม็ดบัวดำนิลกาฬนี้?

จั่วม่อตัดสินใจได้แทบจะในทันที เนื่องเพราะไม่ได้มีทางเลือกมากมายตั้งแต่แรกแล้ว

มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่มันสามารถคิดได้ในยามนี้

นั่นคือ ค่ายกลเพลิงสี่หวนที่มันแทบไม่เคยแตะต้องมาก่อนเท่านั้น!

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด