ตอนที่แล้วTWO Chapter 141 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 15
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 143 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 17

TWO Chapter 142 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 16


TWO Chapter 142 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 16

ในหุบเขาซีอ๋องลี่ เทพสงครามชี้โหยว ได้อ้าแขนรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา

เขาเป็นนักรบที่ทรงพลัง เมื่อเผชิญหน้ากับท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ เขาได้ส่งเสียงคำรามที่ดื้อรั้นออกมา เขาถือขวานทองแดงที่มีกระดูกสีขาวฝังอยู่ภายใน และใช้มันต่อสู้กับขุนพลซี

ชี่โหยวได้ลืมเกี่ยวกับภารกิจดั้งเดิมของเขา ลืมไปว่าเขากำลังต่อสู้เพื่อเผ่าจิวหลี่ ลืมเรื่องคนที่อยู่ข้างหลังเขา ตอนนี้ เขากลายเป็นนักรบที่ต่อสู้เพื่อเอาชนะเท่านั้น

ความแข็งแกร่งและความสามารถของเขา ได้จุดประกายความกล้าหาญและความปรารถนาในการต่อสู่ของขุนพลซี

นับตั้งแต่เขาถูกอันเชิญมาโดยโอหยางโชว เขายังไม่เคยได้ต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดของเขาเลย เพราะเขายังไม่ได้เจอใครที่อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเขา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ชี่โหยวได้ออกมาเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีที่สุดของเขาแล้ว

ชี่โหยวเป็นคนที่เข้มงวดมาก ไม่เพียงแต่เขาเป็นคนที่มีศรัทธาที่แรงกล้า แต่เทคนิคของเขาก็ยอกเยี่ยมเช่นกัน การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้มีจังหวะที่ไร้ประโยชน์ใดๆ มันได้ผ่านการฝึกฝนและหลอมรวมจากการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนในสนามรบ

ในแง่ความแข็งแกร่ง ขุนพลซีไม่อาจเทียบชี่โหยวได้ อย่างไรก็ตาม เขาชนะในเรื่องเทคนิคหอกของเขา นอกจากนี้ หอกปินไท่ของเขาซึ่งทำด้วยเหล็กกล้าระดับสูง ดีกว่าขวานทองแดงของชี่โหยวมาก และเมื่อรวมกับชุดเกราะของเขา ขุนพลซีก็มีความได้เปรียบอย่างมากในแง่อุปการณ์

จากคนทั้ง 2 คนหนึ่งอาจถือได้ว่าสมเป็นลูกผู้ชาย เขาใช้กำลังในการทำลายเทคนิค ในขณะที่อีกคนหนึ่ง ใช้เทคนิคเพื่อทดแทนกำลังที่เป็นรอง

การต่อสู้ของพวกเขารุนแรงมาก มันได้ดึงดูดความสนใจของทุกคน  ทหารทั้ง 2 ฝ่าย มีความเข้าใจตรงกันโดยปริยาย พวกเขาหยุดและเปิกพื้นที่อย่างเพียงพอสำหรับการต่อสู้ของคนทั้ง 2

แม้ว่าชี่โหยวจะต่อสู้มาอย่างต่อเนื่องในก่อนหน้านี้ แต่ร่างกายของเขาก็แตกต่างจากคนทั่วไป เขามีความแข็งแกร่งที่ไร้ขีดจำกัด ส่วนขุนพลซี แม้ว่าเขาจะพักร่างกายมาอย่างเต็มที่ ทั้ง 2 ก็ยังคู่คี่สูสีกันอย่างมาก

ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป ขุนพลซีก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น เขาแสดงให้เห็นถึงเทคนิค วิชาหอกประกายแสงพระอาทิตย์ที่สมบูรณ์แบบ การเคลื่อนไหวและท่วงท่า แสดงให้เห็นถึงรูปแบบของผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง

โอหยางโชวยืนอยู่ในระยะไกล นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นวิชาหอกประกายแสงพระอาทิตย์ที่ถูกใช้ถึงระดับนี้ มันทำให้เขามองด้วยความเกรงขาม

จางเลี้ยวได้ตระหนักว่า ช่องว่างระหว่างเขาและขุนพลซีนั้นมีขนาดใหญ่มาก

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของขุนพลซี เทพสงครามชี่โหยวไม่ได้ถอยกลับ เขาเหวี่ยงขวานของเขา เพื่อป้องกันการโจมตี บางครั้งเขาก็หาโอกาสโจมตีสวนกลับบ้าง

สำหรับหอกปินไท่ และขวานทองแดง ทั้ง 2 ต่างก็เป็นอาวุธที่มีความยาวเช่นกัน และด้ามจับของพวกมันก็ทำมาจากไม้ ข้อแตกต่างคือ ปลายชิ้นหนึ่งทำจากเหล็กกล้า และอีกชิ้นทำจากทองแดง เมื่อเวลาผ่านไป ความเหนือกว่าของหอกปินไท่ก็เริ่มจะเห็นได้ชัด ในขณะที่หอกปะทะกับขวานได้ไม่นาน ขวานก็เริ่มมีหลุมและรอยบากปรากฏที่ขวาน

อย่างไรก็ตาม เทพสงครามก็คือเทพสงคราม แม้ว่าอาวุธของเขาจะเสียหาย จิตวิญญาณของเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

ด้วยความแข็งแรงและการฟันที่ทรงพลังของชี่โหยว ทำให้ขุนพลซีที่ต้องรับมือกับเขาไม่สามารถปิดฉากเขาได้ และยังมีหลายครั้งที่ขุนพลซีต้องดึงหอกกลับ เพราะความต่างของความแข็งแกร่งนี้ทำให้มือของเขาสั่นสะท้าน

การต่อสู้ใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว

ฝุ่นจากพื้นดินลอยไปทั่วการต่อสู้ ทำให้แทบจะไม่สามารถมองเห็นการต่อสู้ของพวกเขาได้เลย นักรบทั้ง 2 ฝ่าย ตะโกนชื่อขุนพลของพวกเขา

เมื่อเวลาผ่านไป ขุนพลซีก็ค่อยๆยกมือขึ้น เขาได้แสดงพลังของอาวุธของเขา ด้วยการโจมตีขวานของชี่โหยวอย่างจัง ทำให้กระดูกสีขาวหัก กลยุทธ์ของเขาคือ ใช้ความแข็งแกร่งของชี่โหยวให้เป็นประโยชน์

ในขณะนั้น ชี่โหยวผู้ที่ถูกปกคลุมด้วยเลือดก็ร้องคำรามออกมา กล้ามเนื้อของเขาพองขึ้น กลิ่นอายของเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายเขา ทำให้ทุกคนหวาดกลัว

ทหารที่อยู่รอบๆไม่สามารถต้านทานความชั่วร้ายนี้ได้ มีกระทั่งทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกโจมตีด้วยกลิ่นอาบอันชั่วร้ายนี้

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ทุกคนตะลึง

“ไม่ดีแล้ว!” จักรพรรดิเหลืองกล่าวอย่างตกใจ “นั่นคือสายเลือดของเทพอสูรที่อยู่ในร่างของชี่โหยว มันจะเพิ่มความสามารถในการต่อสู่ของเขา ข้าเกรงว่าขุนพลซีจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีก”

“แล้วเราควรจะทำเช่นไร?” โอหยางโชวกังวล ถ้าขุนพลซีถูกชี่โหยวฆ่า มันจะกลายเป็นภัยพิบัติสำหรับเมืองซานไห่ รางวัลใดๆก็ไม่สามารถชดเชยความสูญเสียนั้นได้

“ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก” จักรพรรดิเหลืองสงบ “เราสามารถใช้จำนวนของเราในการเอาชนะได้ แม้ว่าชี่โหยวจะเปิดใช้สายเลือดของเขา แต่มันจะอยู่ได้ไม่นาน ตราบเท่าที่เราผลาญเวลาไปเรื่อยๆ ชี่โหยวจะต้องตายแน่นอน”

จักรพรรดิเหลืองหันมามองเฟิงโหว แล้วกล่าวว่า “ใช้เสียงกลองเป็นสัญญาณ ให้หลี่มู่และชางเสี้ยนไปช่วยขุนพลซี ต้อนชี่โหยวให้จนมุม เราต้องจัดการเขาให้ได้”

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท!” เฟิงโหวไม่กล้าล่าช้า เขารีบไปสั่งการในทันไป

เมื่อเห็นการสู้รบที่ดุเดือด ขุนพลที่อยู่ที่ปีกทั้ง 2 ข้าง ก็ปรารถนาจะเข้าร่วม และเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงกลอง พวกเขาก็รีบไปโจมตีชี่โหยวในทันที

ขุนพลซีอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก โชคดีที่เขาได้ผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง สถานการณ์แบบนี้ สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องปกติ กลิ่นอายที่ชี่โหยวปล่อยออกมา ไม่ได้ส่งผลกับเขามากนัก สิ่งที่ยากก็คือ พละกำลังที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่เขาเปิดใช้งานสายเลือดของเขา

ขุนพลซีไม่กล้าปะทะกับชี่โหยวตรงๆ เขาพยายามโต้กลับบ้างเล็กน้อย ณ จุดนี้ ประสบการณ์มากมายของขุนพลซีก็ถูกใช้ประโยชน์ได้ดี เมื่อเขาตระหนักถึงสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เขาก็เริ่มหลบเลี่ยง และเล่นกลในการต่อสู้

ชี่โหยวโห่ร้อง ฝ่ายตรงข้ามของเขาเจ้าเล่ห์ แม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่ทรงพลัง แต่เขาก็ไม่สามารถใช้มันอย่างเต็มที่ได้ สายเลือกเทพอสูรทำให้จิตใจของเขาสกปรก และมันทำให้เขาบ้าคลั่งเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขาดูสง่างามน้อยลง มันเหลือเพียงการฟันและการสับ

เมื่อหลี่มู่และชางเสี้ยนมาถึง พี่น้องของชี่โหยวก็ต้องการจะเข้ามาช่วย แต่พวกเขาก็ถูกสกัดโดยเจ้าซีฮู เขารู้ว่า การปกป้องความปลอดภัยของขุนพลซีเป็นภารกิจหลักของเขา ดังนั้น เขาคงไม่สามารถปล่อยให้พี่น้อง 2 คนนี้ของชี่โหยวเข้าร่วมการต่อสู้ได้

การสู้รบที่วุ่นวายได้เปิดฉากขึ้นอีกครั้ง

ด้วยความช่วยเหลือของกำลังเสริม ขุนพลซีก็มีเวลาพักหายใจ ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถใช้ตรรกะปกติและการคาดเดา เพื่อจัดการได้ การเปิดใช้งานสายเลือด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคป่าเถื่อนเท่านั้น

ทั้ง 3 คน ยืนเป็นวงกลม เหมือนกับการล้อมสัตว์ป่า พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ชี่โหยวอยู่ตรงกลาง ชี่โหยวโจมตีซ้ายบ้าง ขวาบ้าง แต่เขาก็ไม่สามารถทำร้ายทั้ง 3 คนได้ เขาโกรธและปลดปล่อยมันออกมา

เทพสงครามชี่โหยวได้ก้าวเดินครั้งสุดท้ายของเขา

หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง สายเลือดเทพอสูรที่น่าอัศจรรย์ของชี่โหยวก็เริ่มปิดการใช้งานอย่างช้าๆ และผลสะท้อนก็เริ่มแสดงออกมา ความแข็งแกร่งและความเร็วของเขาลดลงต่ำกว่าปกติ ความแข็งแกร่งที่เคยมีไม่สิ้นสุดค่ายๆจางหายไป

เขารู้สึกตัวขึ้น และมองไปรอบๆ เมื่อเห็นสถานการณ์ด้านหน้าของตน เขาก็ไม่ได้เลือกที่จะถอย และตะโกนออกไป “ฆ่า!!!” ก่อนที่จะพุ่งไปปะทะกับขุนพลซี

ขุนพลซีก็ไม่ถอย เขาร้องตะโกนออกมา “ฆ่า!!!” แล้วพุ่งไปหาชี่โหยว

เมื่อถึงจุดนี้ หลี่มู่และชางเสี้ยนก็ถอยออกมา พวกเขาเข้าใจกันโดยปริยายและออกจากการต่อสู้นี้

ทำให้ทั้ง 2 คน กลับมาต่อสู้ 1ต่อ1 อีกครั้ง แต่การต่อสู้ได้เปลี่ยนไป ชี่โหยวไม่สามารถป้องกันการโจมตีของขุนพลซีได้ และภายใต้การโจมตีของขุนพลซี เขาดูเหมือนจะเริ่มเสียขวัญ

สุดท้าย ขุนพลซีก็คว้าโอกาสได้ เขาทำลายขวานทองแดงของชี่โหยวด้วยหอกของเขาได้สำเร็จ การสูญเสียอาวุธ ทำให้ชี่โหยวมีชะตากรรมที่ต้องพ่ายแพ้ แต่เขากลับไม่ยอมถอย และยังหยิบเสาไม้ที่หักมาสู้กับขุนพลซี

ทำไมขุนพลซีจะต้องให้โอกาสชี่โหยว? เขาใช้หอกของเขาปักเสาไม้ และแทงเข้าไปที่หน้าอกของชี่โหยวโดยตรง ขุนพลซีใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขา หอกปินไท่ของเขาเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว มันขยี้หัวใจของชี่โหยวเป็นชิ้นๆ

การแทงนี้เป็นสุดยอดของพลังและเทคนิค ต้องรู้ว่าเมื่อแทงหอกเข้าสู้ร่างกาย การจะดึงกลับมาต้องใช้ความแข็งแก่รงอย่างมาก และต้องใช้ความแข็งแกร่งมากยิ่นขึ้นอย่างมาก เมื่อต้องหมุนมันภายในร่างกาย

เทคนิคของวิชาที่แท้จริงนี้ หัวหอกจะหมุนและเผาผลาญ การเผาผลาญฝ่ายตรงข้ามเป็นเถ้าถ่านนี้เอง ที่ทำให้มันได้รับชื่อว่า ประกายแสงพระอาทิตย์

ชี่โหยวเปิดตาทั้ง 2 ข้าง และมองไปที่ขุนพลซีอย่างไม่อยากเชื่อ เขามองลงไปที่หน้าอกของเขา มีหลุมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเลือดสดๆ

ถ้าหัวใจของคุณถูกฉีกขาด แม้ว่าคุณจะเป็นเทพสงคราม ก็ไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป เทพสงครามชี่โหยวล้มตัวลงกับพื้น พร้อมกับย้อมพื้นเป็นสีแดงด้วยเลือดของเขา

ขณะที่เขาตาย ขุนพลซีก็เดินไปที่ร่างของเขา เขาค้นร่างและได้พบขวดขนาดเล็ก แล้วเขาก็แอบเก็บมันเอาไว้

เห็นชี่โหยวตายในการต่อสู้ นักรบเผ่าจิวหลี่ไม่สามารถรวบรวมความกล้าได้อีกต่อไป และเริ่มที่จะทิ้งการต่อสู้ ปากของพวกเขาอ้ากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ

ในขณะนั้นเอง จักรพรรดิเหลืองได้แสดงหัวใจของกษัตริย์ เขาเดินไปข้างหน้าแล้วกล่าวกับพวกนักรบเผ่าจิวหลี่ว่า “นักรบเผ่าจิวหลี่ พวกเจ้าได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ถ้าพวกเจ้ายอมจำนน ข้าสัญญาว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะปลอดภัย”

ถ้ามีโอกาสให้เลือก ย่อมไม่มีใครอยากตาย ตั้งแต่ชี่โหยวที่เป็นผู้นำของพวกเขาตาย เหตุผลในการต่อสู่ของพวกเขาก็หายไป ในเวลานี้ การยอมจำนนกดูเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

มีเพียงพี่น้องของชี่โหยวไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ยอมจำนน

หลังจากตรวจสอบเผ่าจิวหลี่ที่ยังเหลืออยู่ จักรพรรดิเหลืองก็พบว่า สมาชิกบางส่วนได้ออกจากหุบเขาซีอ๋องลี่ไปแล้ว เขาจึงสั่งให้ชางเสี้ยนรีบไล่ตามทันที

แน่นอนว่าพวกเขาพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่มันก็ผ่านมานานแล้ว พวกเขาได้ข้ามแม่น้ำฮูถัวไปแล้ว และการตามรอยยากกว่าการปีนท้องฟ้าเสียอีก

หลังจากที่ชี่โหยวตาย เกียรติศักดิ์ของจักรพรรดิเหลืองก็ทะยานขึ้นสู่ระดับใหม่ เขาได้กลายเป็นเซิ่นหนง และนี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่เขาจะได้ครองแผ่นดิน

จักรพรรดิเหลืองได้ตัดหัวของชี่โหยว แล้วนำกองกำลังของเขากลับไปยังเมืองจักรพรรดิเหลือง

ในฐานะผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสงครามครั้งนี้ โอหยางโชวมีสิทธิ์ที่จะเดินทางข้างๆจักรพรรดิเหลือง

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด