ตอนที่แล้วTWO Chapter 140 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 14
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 142 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 16

TWO Chapter 141 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 15


TWO Chapter 141 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 15

เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้าอีกครั้ง เผ่าจิวหลี่ของชี่โหยวที่อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากไม่ได้หลบหนีอีกต่อไป พวกเขาเลือกที่จะสู้อยู่ในหุบเขา

โอหยางโชวยืนอยู่ข้างรถม้าของจักรพรรดิเหลือง เขามองไปที่หุบเขาซีอ๋องลี่ และคิดว่าการต่อสู้ที่ยากลำบากนี้ กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

“เฟิงโหว ครั้งนี้ชี่โหยวไม่ได้ถอยหนี เขาเลือกที่จะสู้ เจ้าคิดว่าเขามีแผนการบางอย่างหรือไม่?” จักรเหลืองเอ่ยถามเสนาบดีของเขา

เฟิงโหวส่ายหัว แล้วกล่าวว่า “เรียนฝ่าบาท พวกเขาคงอยากจะข้ามแม่น้ำฮูถัวเพื่อลงใต้ แต่พวกเขาคงจะคิดว่า ตราบใดที่เรายังอยู่ที่นี่ พวกเขาก็จะไม่สามารถข้ามแม่น้ำได้ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะต่อสู้ด้วยชีวิตและความตายกับท่านในหุบเขา”

จักรพรรดิเหลืองรู้สึกยินดี “เยี่ยม ดูเหมือนว่าชี่โหยวจะมองหาความตาย” ไม่น่าแปลกใจที่จักรพรรดิเหลืองยินดีเช่นนี้ เสบียงของพวกเขาถูกนำมาใช้จนเกือบจะหมดแล้ว ถ้าพวกเขายังคงไล่ตามชี่โหยวต่อไป กองกำลังของเขาก็คงจะล่มสลาย ก่อนที่ชี่โหยวจะยอมจำนนก็ได้ โชคดีที่เขาได้รับพรจากสวรรค์ แม้น้ำฮัวเถาได้ขวางกั้นความหวังสุดท้ายของชี่โหยวไว้

“ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ให้ทหารเตรียมอาหารและเริ่มกินให้อิ่มท้องในทันที หลังจากนี้ เราจะเริ่มการโจมตีครั้งสุดท้ายแล้ว เราจะบุกเข้าไปในหุบเขาในครั้งเดียว และฆ่าชี่โหยวให้ได้!”

“ขอรับ!”

การรบครั้งสุดท้ายนี้ ไม่มีโอกาสใดๆ ความแตกต่างในด้านกำลังทหารนั้นมีมากเกินไป กองกำลังพันธมิตรของจักรพรรดิเหลืองมีกำลังทหารรวมถึง 80,000 นาย นอกจากนี้ พวกเขายังมีกองกำลังของผู้เล่นอีกถึง 4,000 นาย

ส่วนกองกำลังฝ่ายชี่โหยวมีกำลังทหารเหลือเพียง 8,000 นาย และไม่มีกองกำลังของผู้เล่นอีกต่อไป

โอหยางโชวไม่รู้ว่า ซุ่นหลงเตียนเซว่เลือกได้ถูกต้องหรือไม่ ก่อนสงครามจะเริ่มขึ้น เขาใช้ประโยชน์จากเม็ดอาหารทหาร และแสดงความบ้าคลั่งของเขา ในการกวาดเควสของฝ่ายไปจำนวนมาก จนได้รับคะแนนคณูปการถึง 7,500 แต้ม หลังจากเกิดสงคราม ซุ่นหลงเตียนเซว่กับกองกำลังของเขาไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ และเลือกที่จะออกจากแผนที่สมรภูมิ

เวลา 9.00 น. กองกำลังพันธมิตรของจักรพรรดิเหลืองได้เปิดการโจมตีอย่างเป็นทางการ

หุบเขาซีอ๋องลี่คล้ายกับถุงขนาดเล็กๆ ทางเข้ามีขนาดเล็กและด้านในเป็นที่โล่งกว้าง ทางเข้าขนาดเล็กของหุบเขา ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนกำลังพลได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น แม้ว่ากองกำลังพันธมิตรของจักรพรรดิเหลืองจะมีกองกำลังเหนือกว่ามาก พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากโจมตีแบบระรอกคลื่น

เพื่อซื้อเวลาให้มากพอสำหรับกลุ่มที่หลบหนี ชี่โหยวจัดกองกำลังทั้ง 8,000 นาย อย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้ ในขณะเดียวกัน เขาก็เพิ่มกำลังใจให้กับกองกำลังของเขา และชี่โหยวก็เป็นผู้นำการรบครั้งนี้ด้วยตัวเอง

ดังนั้น การรบที่เหมือนจะเกิดขึ้นในเขตทุรกันดารทั่วไป ได้กลายเป็นสนามรบ ณ ป้อมปราการที่แข็งแกร่ง

กองกำลังพันธมิตรของจักรพรรดิเหลืองยังคงได้เปรียบในเรื่องจำนวนอยู่มาก พวกเขาใช้กลยุทธ์โจมตีเป็นชุด เฟิงโหวแบ่งกองกำลังออกเป็น 8 กอง แต่ละกองมีกำลังทหาร 10,000 นาย โดย 1 ในกองนั้น เป็นกองกำลังสำรอง และอีก 7 กอง ทำการโจมตีเป็นชุด สลับกันไป เมื่อกองกำลังที่โจมตีเหนื่อยล้า พวกเขาก็จะถอยกลับมาพัก แล้วให้อีกกองหนึ่งโจมตีแทน พวกเขาทำแบบนี้ซ้ำๆหลายครั้ง

กองกำลังฝ่ายชี่โหยวดูไม่ค่อยดี พวกเขาต้องต่อสู่ติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังคงไม่ได้ผลมากนัก พวกเขาคิดว่าถ้าพวกเขาไม่สู้ พวกเขาก็ต้องตาย พวกเขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว และอีกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาวุธและกำลังใจ กองกำลังของชี่โหยวก็ล้วนแข็งแกร่งกว่ากองกำลังพันธมิตรของจักรพรรดิเหลือง พวกเขาสู้หลังชนฝา นี่เป็นศึกตัดสินชีวิตของพวกเขาแล้ว

จักรพรรดิเหลืองเริ่มหงุดหงิดที่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ หากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป แม้ว่าจะทำลายพวกเขาได้สำเร็จ สุดท้าย กองกำลังของเขาก็คงเสียหายร้ายแรงเช่นกัน และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการจะเห็น

จักรพรรดิเหลืองมองไปรอบๆ แล้วกล่าวอย่างจิงจังว่า “จากสถานการณ์ปัจจุบัน มีใครมีแผนดีๆบ้างหรือไม่?”

โอหยางโชวคำนับ แล้วกล่าวว่า “เรียนฝ่าบาท กองกำลังของผู้เล่นต้องการที่จะต่อสู้!”

ตาของจักรพรรดิเหลืองเย็นชา “ฉีเยว่หวู่ยี่ สนามรบไม่ใช่เกมส์ เจ้ามั่นใจว่าจะทำได้หรือ?”

“ตราบเท่าที่ฝ่าบาททำตามคำขอของข้า 2 ข้อ ข้าสัญญาว่าจะจัดการชี่โหยวได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ถ้าข้าล้มเหลว ข้ายินดีจะรับโทษจากฝ่าบาท” โอหยางโชวไม่ต้องการเสียเวลาใดๆ เขากล่าวออกไปตรง

จักรพรรดิเหลืองตะลึง แต่ในที่สุด เขาก็ถูกดึงดูดด้วยความเชื่อมั่น และกล่าวว่า “เอาล่ะ ว่าคำขอของเจ้ามา ตราบเท่าที่ข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะทำ”

โอหยางโชวพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “เรียนฝ่าบาท ตามที่ท่านทราบ กองกำลังของผู้เล่นไม่ได้อยู่ภายใต้ใครคนใดคนหนึ่ง มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะออกคำสั่ง ดังนั้น คำขอแรกของข้า คือ ให้ท่านออกเควสการรบ เพื่อให้ผู้เล่นทั้งหมดส่งกองกำลังของพวกเขามาอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า”

“ตกลง ข้าจะทำมัน” จักรพรรดิเหลืองไม่ลังเลแม้แต่น้อย

จากนั้น โอหยางโชวก็ได้ยินเสียงเตือนจากระบบ

“แจ้งเตือนสงคราม :จักรพรรดิเหลืองได้มอบหมายเควส[การรบครั้งสุดท้าย]”

“ความต้องการภารกิจ : ผู้เล่นฝ่ายจักรพรรดิเหลืองต้องตกลงที่จะส่งกองกำลังของตน ไปให้ตัวแทนฉีเยว่หวู่ยี่, รางวัลภารกิจ : คะแนนการกุศล 2n, คะแนนคณูปการสงคราม 4n, โดยที่ n คือจำนวนทหารที่พวกเขามี”

เช่นทหาร 100 นาย เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น พวกเขาจะได้รับคะแนนการกุศล 200 แต้ม และคะแนนคณูปการสงคราม 400 แต้ม นอกจากนี้ การฆ่าของกองกำลังของพวกเขาก็จะถูกบันทึกเป็นของลอร์ดเช่นเดิม สิ่งที่ล่อใจเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นลอร์ดจะต้านทานได้ แม้แต่ตี่เฉินก็ไม่สามารถทนได้ เขากัดฟันยอมรับเควสนี้

โอหยางโชวกล่าวต่อ “เรียนฝ่าบาท หากใช้เพียงกองกำลังของผู้เล่น 4,000 นาย มันอาจจะดูน้อยเกินไป ดังนั้น คำขอที่สองของข้า คือ ให้ขุนพลหลี่มู่ และขุนพลชางเสี้ยน นำกองกำลังชั้นสูงรวม 5,000 นาย มาช่วยพวกเราทำการโจมตี”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขากล่าว จักรพรรดิเหลืองก็ดูมั่นใจในแผนของเขามากขึ้น เขาพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “ดี ข้าเห็นด้วย”

“ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจของท่าน” โอหยางโชวรู้ว่า ถ้าเขาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ มันจะช่วยยืนยันข้อได้เปรียบที่แน่นอนของเขา

“ในการรบครั้งนี้ เป็นการยากที่จะใช้ทหารม้า ดังนั้น เราจะใช้ทหารโล่ดาบและทหารธนูเป็นหลัก ข้าเสนอให้ขุนพลซีเป็นแม่ทัพหลัก และขุนพลมู่เป็นรองแม่ทัพ ทุกคนคิดเช่นไร?”

ไป๋ฮัวและคนอื่นๆเริ่มรู้สึกดมั่นใจ และเชื่อมั่นใจตัวเขามากขึ้น พวกเขาจึงตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก และทุกคนก็เห็นด้วยกับความคิดของเขา

หลังจากได้รับความเห็นพ้องจากพันธมิตร โอหยางโชวก็เริ่มจัดกองกำลัง ตามแผนของโอหยางโชว มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่แม่ทัพจะต้องมีอำนาจควบคุมได้ทั้งหมด ดังนั้น ไม่เพียงแต่โอหยางโชวจะไม่เข้าร่วม แต่ผู้เล่นคนอื่นๆก็ไม่ได้เข้าร่วมเช่นกัน

โชคดีที่กองกำลังที่เหลือส่วนใหญ่เป็นพันธมิตรกับพันธมิตรซานไห่ ส่วนพันธมิตรหานตานของตี่เฉินเหลือทหารเพียง 500 นาย และลอร์ดที่เหลือก็เหลือทหารเพียง 200 นาย ส่วนพันธมิตรซานไห่และพันธมิตร นั้นยังเหลือทหารรวมกันถึง 3,300 นาย

จากทหาร 3,300 นาย เป็นทหารของพันธมิตรซานไห่ 1,600 นาย ส่วนที่เหลือเป็นทหารของกลุ่มผู้เล่นที่เป็นพันธมิตรกับพันธมิตรซานไห่ ผู้เล่นส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้สูญเสียกองกำลังไปมากกว่าครึ่งแล้ว  ขณะที่พันธมิตรซานไห่สูญเสียไปเพียง 1 ใน 5 ส่วนเท่านั้น นั่นคือ 400 นาย การสูญเสียส่วนใหญ่ของพวกเขาคือ ทหารโล่ดาบและทหารม้า ส่วนทหารธนูแทบไม่ได้รับความเสียหายเลย

จากการคำนวณ ผู้เล่นทั้งหมดของฝ่ายจักรพรรดิเหลืองเหลือกองกำลังรวมกันทั้งหมด 4,000 นาย โดย 2,000 นาย เป็นทหารโล่ดาบ, 1,500 นาย เป็นทหารธนู และอีก 500 นาย เป็นทหารม้า หลังจากการรบขนาดใหญ่ 2 ครั้ง ทหารม้าได้รับความสูญเสียเป็นอย่างมาก ดังนั้น ในการรบครั้งนี้ พวกเขาจึงได้รับการละเว้นในทันที

หลังจากที่กองกำลังของผู้เล่นได้รับการจัดระเบียบใหม่ หลี่มู่และชางเสี้ยนได้เลือกกองกำลังที่ดีที่สุดของพวกเขา คนละ 2,500 นาย  ภายใต้การแนะนำของจูโชว ทหารโล่ดาบทั้ง 2,000 นาย จะต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับกองกำลังของชี่โหยว โดยมีทหารธนูที่อยู่ด้านหลังคอยยิงสนับสนุน กองกำลังของหลี่มู่จะอยู่ที่ปีกขวาและกองกำลังของชางเสียนจะอยู่ที่ปีกซ้าย

หลังจากที่กองกำลังที่ต่อสู่อยู่ล่าถอยออกมา โอหยางโชวก็สั่งให้กองกำลังของเขาเดินหน้าเข้าไปในทันที เพื่อไม่ให้กองกำลังของชี่โหยวได้มีโอกาสหยุดพัก

ก่อนเดินทัพ โอหยางโชวได้กระซิบบางอย่างกับขุนพลซี รายละเอียดไม่มีใครรู้ แม้แต่ไป๋ฮัวและสมาชิกในพันธมิตรคนอื่นๆก็ไม่รู้

ในที่สุด การรบครั้งสุดท้ายก็มาถึง

กองกำลังของชี่โหยวเหนื่อยล้า เมื่อได้เห็นทหารโล่ดาบที่กำลังเข้ามาพวกเขาก็ตกใจ อุปกรณ์ของทหารโล่ดาบนั้นเหนือชั้นกว่าพวกเขามาก โดยเฉพาะกองร้อยที่อยู่ด้านหน้าสุด ครั้งนี้ โอหยางโชวได้ทำการเสียสละ เขากำหนดให้กองร้อยทหารราบทั้ง 3 ของเมืองซานไห่อยู่ด้านหน้า นักรบจากเผ่าคนเถื่อนชั้นสูง กับนักรบจากเผ่าจิวหลี่ไม่ได้มีความแข็งแกร่งยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

สำหรับชี่โหยว เขาต้องเผชิญหน้ากับขุนพลซี นี้อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการต่อสู้ของผู้กล้า

เห็นการจัดการกองกำลังของโอหยางโชว ผู้เล่นคนอื่นๆไม่กล้าดูถูกเขา โอหยางโชวรู้ว่า เพื่อที่จะชนะ ความเคารพพันธมิตรเป็นสิ่งจำเป็น เขาจึงได้ส่งกองกำลังของตนออกไปในช่วงเวลาที่สำคัญและทำการเสียสละบ้าง

ทหารธนูและทหารหน้าไม้ที่อยู่ด้านหลังเริ่มทำการโจมตี

ภายใต้การบัญชาของมู่กุ้ยหยิง ทหารธนู 1,500 นาย ทำให้กองกำลังของชี่โหยว ได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธนูและหน้าไม้ในอีกหลายศตวรรษถัดไป มันยิงได้ไกลและสามารถทะลุทะลวงพวกเขาได้ พวกเขากลายเป็นเหมือนกับข้าวสารที่รอการเก็บเกี่ยว

ด้านหน้าถูกผลักดันโดยทหารโล่ดาบและขุนพลซี ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ปีกซ้าย-ขวาถูกผลักดันโดยกองกำลังของหลี่มู่และชางเสี้ยน ชี่โหยวเฝ้าดูสถานการณ์อย่างไม่สามารถช่วยอะไรได้ เขาเห็นครอบครัว และเพื่อนจากบ้านเกิดของเขาล้มตายภายใต้ลูกศรจากทหารธนูและหน้าไม้ที่แข็งแกร่งของผู้เล่น นักรบเผ่าจิวหลี่ของลูกศรที่ปักหน้าอกของพวกเขา ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ

แม้แต่จักรพรรดิไฟและจักรพรรดิเหลืองที่ยืนอยู่ห่างออกไป ก็ตกตะลึงอย่างแท้จริง จักรพรรดิเหลืองถอนหายใจ เขาดูถูกผู้เล่นเหล่านี้มากเกินไป โชคดีที่พวกเขาไม่ได้อยู่โลกนี้ ถ้าพวกเขาอยู่ ใครจะเป็นผู้นำและใครจะเป็นผู้ตามนั้นยากที่จะบอก

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด