ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 82: ดวงดาวแห่งความสมบูรณ์แบบ (7)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 84: พันธมิตรพลั่วสามกระสอบ (1)

[KotB] บทที่ 83: ดาวแห่งความสมบูรณ์แบบ (End)


บทที่ 83: ดาวแห่งความสมบูรณ์แบบ (End)

นั่นมันยังไม่ใช่ทั้งหมด

<งานศิลป์ที่น่าอัศจรรย์ถูกสร้างขึ้น!>

<ระดับทักษะของ "ศิลปะแห่งความตาย" เพิ่มขึ้นจากระดับ C เป็น B>

<คุณได้รับอัตราการพิชิตถึง 65% ใน "เส้นทางของอาชูร่า">

ทักษะ ศิลปะแห่งความตาย ที่หยุดนิ่งหลังจากที่มันได้มาถึงระดับ C, เพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง

เมื่อมีหนึ่งในราชาแห่งเส้นทางอาชูร่าออกมา อัตราการพิชิตก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ยังไงก็ตามมีบางอย่างที่แปลกไป

แม้ว่าเขาจะใช้ทักษะศิลปะแห่งความตายสร้างมันขึ้นมา แต่กลับไม่สามารถออกคำสั่งใดๆได้

นอกจากนี้มันยังมีความสามารถในการพัฒนาตัวเองและอำนาจในการปกครอง อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะประพฤติตัวดีกับมูยอง ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำเช่นนี้ตลอดไป

"ราชาที่เป็นอิสระผู้ซึ่งปกครองตัวเอง"

ราวกับว่ามันตอบคำถามของมูยอง นักล่าวิญญาณปีศาจพูด

"ขอบคุณสำหรับการปลดปล่อยข้า ในทางกลับกัน ข้าจะช่วยเจ้าหนึ่งสิ่งเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตามเจ้าไม่สามารถผูกมัดข้าได้. "

นั่นหมายความว่ามันไม่ได้วางแผนที่จะติดตามมูยองมาตั้งแต่ต้น

เพียงแค่ดูค่าสเตตัสของพวกเขาก็เห็นถึงความแตกต่างระหว่างสวรรค์กับโลก

มันไร้เหตุผลที่จะโจมตี

แม้ว่ามูยองจะมีประสบการณ์มากมาย และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมัน แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ยังไงก็ตาม...

มีสิ่งหนึ่งที่่นักล่าวิญญาณปีศาจยังไม่รู้

ดูเหมือนมันจะไม่รู้ตัวว่ามูยองกุมชีวิตของมันไว้ในกำมือ เนื่องจากมันได้รับร่างกายในชีวิตนี้ผ่านทางมูยอง

วิญญาณสีดำโผล่ขึ้นมาเหนือหัวของนักล่าวิญญาณปีศาจ

มันเป็นตัวบ่งชี้ว่าทักษะ 'อุทิศจิตวิญญาณ' สามารถใช้ได้

"ฉันไม่ต้องการอันเดธที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง"

เมื่อมูยองพูดอย่างเย็นชา นักล่าวิญญาณปีศาจได้ใช้ดาบทุบไปที่พื้นหนึ่งครั้ง

"แล้วเจ้าจะทำอะไรได้? ราชาย่อมไม่ปฎิบัติตามใคร ข้าหนีออกมาจากนรกอเวจี และบัดนี้ข้าจะก้าวไปสู่การเป็นราชาของโลกใบนี้"

มันมักจะแสดงท่าทีที่เหนือกว่าคนอื่นเสมอ ในขณะที่แสดงออกว่ารู้สึกเบื่อหน่ายมูยอง

มูยองยื่นมือออกไป

ขณะที่เขาคว้าวิญญาณสีดำไว้ในมือ การแสดงออกของนักล่าวิญญาณปีศาจก็ดูแข็งกระด้างขึ้น

“เดี๋ยวก่อน มนุษย์สามารถมองเห็นวิญญาณของข้าและจับต้องมันได้ยังไง?”

"ถ้าต้องการ ผมยังสามารถทำลายมันได้."

“เป็นไปไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าดวงวิญญาณของเจ้าจะมีอันดับสูงกว่าข้าเท่านั้น มันไม่มีทางเป็นอย่างนั้นไปได้หรอก”

"จะลองดูก็ได้นะ ว่ามันเป็นไปได้หรือเปล่า"

เขาแสดงท่าทางอยากรู้อยากเห็น

ถ้าเขาใช้ประโยชน์จากดวงวิญญาณของอันเดธระดับอัศวินแห่งความตาย ความรวดเร็วในการพัฒนาของเขาจะเป็นยังไงกันนะ?

นักล่าวิญญาณปีศาจเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ

ราชาผู้ปกครองภูติผีวิญญาณมากกว่าหมื่นตน

ไม่มีทางที่ดวงวิญญาณของมนุษย์จะมีระดับสูงกว่ามันได้

อย่างไรก็ตาม มันเป็นสถานการณ์ที่หนึ่งความท้าทายอาจจะจบสิ้นทุกอย่าง

นั่นหมายความว่าการดำรงอยู่ของเดธลอร์ดอยู่ในระดับที่สูงกว่านักล่าวิญญาณปีศาจ และตั้งแต่ทักษะอุทิศจิตวิญญาณมีการเปิดใช้งาน เขาสามารถก็กำจัดวิญญาณของนักล่าวิญญาณปีศาจได้

หลังจากรู้ตัวแล้วนักล่าวิญญาณปีศาจก็เปลี่ยนท่าที

"ข้าจะช่วยเจ้าสำหรับการพาข้าออกจากนรกขุมนี้ ข้าจะอาสาช่วยเจ้าเป็นเวลา 30 วัน"

มันเปลี่ยนคำพูดของตัวเอง จากความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวเป็นการอาสาช่วยในเวลา 30 วัน

มันเสนอผลตอบแทนเล็กน้อยในเรื่องนี้

ถ้ามูยองต้องการใช้ประโยชน์จากมันไปตลอดกาล มันจะต่อต้านตั้งแต่เริ่มแรก

แต่ก็ดูไม่เหมือนว่ามันกำลังยอมรับเงื่อนไขของเขา

มูยองส่ายหน้า

"90 วัน"

" 60 วัน ไม่นานไปกว่านั้น ข้าต้องการเพิ่มพลังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ข้าจำเป็นต้องแสดงศักดิ์ศรีเพื่อที่จะพิสูจน์คุณสมบัติของการเป็นราชาของเหล่าดวงวิญญาณนับหมื่น"

ดูเหมือนว่ามันจะมีเหตุผลเป็นของตัวเอง

มูยองตัดสินใจยอมรับข้อเสนอของเขา

ถ้านักล่าวิญญาณปีศาจกำลังวางแผนที่จะกลายเป็นราชาจริงๆ มันก็ไม่เลวที่จะสร้างความสัมพันธ์กับเขาเอาไว้

ถ้าเขาสามารถควบคุมสิ่งมีตัวตนที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด เป็นเวลา 60 วัน ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาของเขา

ไม่มีข้อจำกัดใดๆในการช่วยเหลือตลอดช่วงเวลา 60 วัน และมันก็ไม่ต่างอะไรกับเงื่อนไขที่เคยตกลงไว้ตอนได้รับอาชานรก

“ตกลง อย่างไรก็ตามคุณต้องฟังในสิ่งที่ผมพูด”

"ข้าเข้าใจ"

นักล่าวิญญาณปีศาจยอมรับ

ขณะที่มูยองเริ่มเดินออกมา จู่ๆก็มีใครบางคนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา

การ์มูส

ด้วยการแสดงออกที่สับสน เขามองสลับกันไปที่มูยอง และนักล่าวิญญาณปีศาจ

"เอ่อ....เกิดอะไรขึ้นกับโอโลเนส?"

"มันตายแล้ว"

"แต่ว่า เขาคือ ... "

"มันเป็นวิญญาณอื่นที่อยู่ในร่างของโอโลเนสน่ะ"

การ์มูสตาเบิกโพลง

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อในความจริงนี้

มูยองดึงวิญญาณของโอโลเนสและจับมันเข้าสู่เส้นทางของอาชูร่า

"นี่คือวิญญาณของโอโลเนส ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถมอบมันให้คุณได้"

มันเป็นไปได้ที่จะดักจับมันโดยใช้อุปกรณ์บางอย่าง และทำให้มันต้องทนทุกข์ทรมานตลอดไป

การ์มูสกลืนน้ำลายแล้วพูด

"ละ แล้ว...ท่านสามารถปลดปล่อยวิญญาณของลูกชายข้าให้เป็นอิสระได้หรือไม่?"

"อิสระ?"

"ลูกชายของข้าถูกโอโลเนสฆ่าตาย และยังต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกกักขังแม้จะสิ้นชีพไปแล้ว"

การแสดงออกของการ์มูสดูเหมือนหมดหวัง

อย่างไรก็ตาม มูยองไม่ได้สิ้นไรหนทางจริงๆ

หลังจากขบคิดเล็กน้อย เขาก็เหลือบตาไปทางนักล่าวิญญาณปีศาจที่กำลังพยักหน้า

"ข้าเดาว่าเจ้ากำลังพูดถึงวิญญาณที่ปีศาจตนนั้นเคยใช้เป็นทาส หาเขาด้วยตัวเองละกัน"

นักล่าวิญญาณปีศาจกระทืบเท้าของมันลงไปที่พื้น

ตึง!

ด้วยเสียงนั้น พื้นดินก็แยกออกเผยให้เห็นวิญญาณจำนวนหลายพันพุ่งทะยานขึ้นมา

ในเวลานั้นเองวิญญาณเหล่านั้นก็ก่อขึ้นเป็นรูปร่าง

พวกเขาก่อรูปร่างเป็นเหมือนเดิมที่ยังมีชีวิตอยู่ยืนอยู่เบื้องหลังนักล่าวิญญาณปีศาจ

นั่นคืออำนาจของนักล่าวิญญาณปีศาจ

ดูเหมือนว่ามันสามารถมอบรูปร่างให้กับวิญญาณ และยังทำให้พวกเขาต่อสู้ได้

'น่าอัศจรรย์'

มูยองชื่นชมเขาอย่างสุดซึ้ง

ตัวตนของลอร์ดแห่งความตายอาจสูงกว่านักล่าวิญญาณปีศาจ แต่มูยองไม่สามารถใช้พลังของเขาได้อย่างสมบูรณ์เช่นนี้

ตอนนี้เขายังห่างชั้นกับนักล่าวิญญาณปีศาจในแง่ของการจัดการกับอันเดธและภูติผี

การ์มูสมองไปรอบๆเพื่อหาลูกชายของเขา

"อ๊ะ!"

การ์มูสวิ่งไปพร้อมกับอุทานขึ้นมา

เขาคร่ำครวญต่อหน้าคนแคระตัวน้อยของเขา

“นั่น! การ์โม ลูกของข้า ทำไมลูกของข้าถึงตัวเย็นไปหมดอย่างนี้? หืม?”

การ์มูสจับไหล่ทั้งสองข้างของเด็กชาย และถอนหายใจในขณะที่คุกเข่า

"พ่อของเจ้าทำผิดยิ่งนัก ข้าไม่ควรเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ แม้ว่ามันจะมาจากความอยากรู้อยากเห็นของข้า ข้ารู้ว่ามันเป็นความคิดที่แย่แต่....."

ความรู้สึกโทษตัวเองถูกผสมปนเปเข้าไป

นักล่าวิญญาณปีศาจที่แค่มองดูเขาก็เริ่มพูดออกมา

"ถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถเอาวิญญาณของเขาบรรจุไว้ในภาชนะใหม่ได้"

การ์มูสได้ฟังก็รู้สึกตื่นเต้น

มันไม่แตกต่างจากเสียงกระซิบของปีศาจ

อย่างไรก็ตาม เขาส่ายหน้า

"ข้าไม่เป็นไร ข้าไม่ต้องการให้ลูกของข้าต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่านี้ "

เขาไม่ได้ทำอย่างไม่มีเหตุผลหลังจากกำลังตาบอดเพราะความรัก

การ์มูสทราบดีว่า การทำเช่นนั้นจะต้องมีราคาที่ต้องจ่าย

และลูกชายของเขาคงจะไม่กลับมามีชีวิตเพียงเพราะจิตวิญญาณของเขาถูกบรรจุไว้ในร่างกายใหม่

ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจะปรากฏขึ้นตั้งแต่ดวงวิญญาณและร่างกายใหม่ถูกเชื่อมต่อกัน

เขาอาจกลายเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไร้อารมณ์เมื่อจิตวิญญาณถูกบรรจุไว้ในร่างกายของคนอื่น

ถือว่าการตัดสินใจของการ์มูสนั่นถูกต้อง

"ปลดปล่อยเขา"

เมื่อมูยองพูด และนักล่าวิญญาณปีศาจก็โบกมือของมัน

จากนั้น ลักษณะของเด็กที่ปรากฏก็ค่อยๆเริ่มจืดจาง

วิญญาณก็ควรกลับไปยังที่ที่ควรจะไป

“การ์โม การ์โมของข้า...!”

ตุบ!

เนื่องจากการสลายไปของเด็กน้อย การ์มูสล้มลงกับพื้น

มูยองอยากรู้ขึ้นมาทันที พร้อมกับถาม

"คุณรู้หรือเปล่าว่าวิญญาณจะไปที่ไหน?"

"ไม่มีใครรู้นอกเหนือจากผู้สร้าง มีคนบอกว่าพวกเขาจะไปเกิดใหม่"

เกิดใหม่

ดูเหมือนว่านักล่าวิญญาณปีศาจไม่รู้รายละเอียดมากไปกว่านี้

'ฉันเคยตายมาแล้ว'

หลังจากทำลายป่าแห่งความตาย มูยองก็ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง

หลังจากนั้นเขาเดินทางย้อนเวลากลับมา ในโลกใบนี้มีการดำรงอยู่ของ 'จิตวิญญาณ' อย่างชัดเจน

หลังจากการตายของเขา วิญญาณก็ละทิ้งร่างกายไป

แต่เขาไม่รู้ว่ามีกระบวนการอื่นใดอีก ที่ทำให้เขากลับมาสู่อดีต?

มูยองยักไหล่ของตัวเอง

นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถรู้ได้ เว้นแต่จะกลายเป็นพระเจ้า

หลังจากที่การ์มูสเหม่อมองไปยังที่ไกลๆ และจมเข้าไปในความคิดเขาสักครู่ เขาก็ฟื้นตัว และลุกขึ้นไปหามูยอง

หลังจากที่เช็ดน้ำตาด้วยมือ เขากัดริมฝีปากตัวเองก่อนที่จะเริ่มพูด

“ขอบคุณ! ข้าจะติดตามท่านไปตลอดจนกว่าร่างกายจะแตกสลาย”

โชคดีที่การ์มูสไม่คิดสั้นฆ่าตัวตายตามลูก

เขาจำได้อย่างชัดเจนถึงคำมั่นสัญญาของพวกเขา

"ให้มันเป็นเช่นนั้น"

มูยองพยักหน้าก่อนออกจากสนามประลองไป

*

เนื่องจากเขาไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ในการเอาชนะเซอร์เบอรัสอีกต่อไป มันก็ไร้ประโยชน์สำหรับเขาที่จะรวบรวมออนซ์

นั่นเป็นเหตุผลที่มูยองใช้ส่วนที่เหลือของออนซ์ไปกับการซื้อทาส

แน่นอนว่าเขามีมาตรฐาน

เขาเลือกเฉพาะเผ่าพันธุ์ที่มีเหตุผล และสามารถคิดเองได้

นี่เป็นวิธีที่เขาใช้ซื้อทาสได้เกือบ 2,000 คน จนกระทั่งเขากลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายของชั้น 1

ในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นที่ได้รับชัยชนะมากที่สุด

ชนะ 227 เสมอ 0 แพ้ 0!

เป็นผลมาจากการที่เขาขโมยชัยชนะอย่างต่อเนื่องจนได้รับวิคเตอร์เอฟเฟ็ค

<คุณทำลายสถิติใหม่สำหรับชัยชนะบนสังเวียนใต้ดิน>

<ในประวัติของคุณ 'จักรพรรดิ์แห่งสังเวียนใต้ดิน' ถูกเพิ่มแล้ว>

<คุณได้จารึกชื่อไว้ในหอเกียรติยศของโซโลมอน คุณปฎิเสธที่จะเปิดเผยชื่อของคุณ>

มูยอง (ไร้นาม) - ชนะ 227 ครั้ง

ลูเซี่ยน - ชนะ 201 ครั้ง

โอซึกิ ยูกะ - ชนะ 167 ครั้ง

ลูเซียน และโอโฮซิกิ ยูกะ

ทั้งสองคนเป็นคนรู้จักของมูยอง

ราชาแห่งการต่อสู้ ลูเซี่ยน และราชินีแห่งกลุ่มนินจา โอซึกิ ยูกะ ไม่มีทางที่มูยองจะไม่รู้จักพวกมัน

ครู่ต่อมาข้อความก็ปรากฏขึ้นมาอีก

<การทดสอบยังไม่สิ้นสุด.>

<การทดสอบครั้งสุดท้าย การต่อสู้กับเซอร์เบอรัสกำลังจะเริ่มขึ้น>

มีประตูขนาดใหญ่อยู่ข้างหลังสังเวียนของชั้นที่ 1

หลังจากประตูเปิดออก ก็ปรากฎมอนสเตอร์สามหัวขนาดใหญ่ขึ้น

กรรรรรรรร.!

ขนาดของมันสูงกว่า 10 เมตร

แต่ละหัวมีความสามารถแตกต่างกัน

หากเป็นปกติเขาคงไม่เลือกที่จะต่อสู้กับมัน

อย่างไรก็ตาม ด้วยการมีนักล่าวิญญาณปีศาจทำให้เขาสามารถสู้ได้

"มันช่างเหมาะเจาะจริงๆ"

นักล่าวิญญาณปีศาจมองไปที่เซอร์เบอรัสและลูบคางตัวเอง

มูยองขมวดคิ้วครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะผ่อนคลาย

'การกำราบมันยากยิ่งกว่าฆ่ามันเสียอีก'

การทดสอบนี้ผลการประเมินจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของการกระทำ

ถ้าเขากำราบมันย่อมได้รับการประเมินผลที่ดีกว่าการสังหาร

"มาเริ่มกันเถอะ"

หวีดดดด!

ดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว และดาบมารเทพส่งเสียงกรีดร้องออกมา

*

วูฮีตื่นเต้นมาก ขณะที่เธอกระพือปีกบินขึ้นไปในอากาศ

ดูสิๆ! วูฮีพูดถูกใช่ไหมล่ะ?ที่รักของวูฮีเก่งที่สุด"

“อ๊าาาา...”

ภูติอ้วนปงปงร้องไห้คร่ำครวญ

ความตั้งใจแรกของเขาคือแสดงให้วูฮีเห็นถึงการทดสอบที่ได้มาตรฐานเพื่อเอาชนะใจเธอ แต่วูฮีกลับตกหลุมรักคนอื่นไปซะแล้ว

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงพยายามแทรกแซงด้วยให้ค่าหัวของมูยอง อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถหยุดยั้งโดเกบิตนนี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาสร้างอัศวินแห่งความตาย และตอนนี้กำลังจะโจมตีเซอร์เบอรัส

“วูฮีฮี ที่รักของฉันช่างน่าทึ่งนัก เขายังไม่ได้ใช่กลยุทธ์ตามที่วูฮีบอกเลย เขาแค่เล่นงานมันตรงๆ”

"คุณบอกกลยุทธ์กับเขางั้นเหรอ?"

ทันใดนั้น วูฮีก็ตระหนักถึงความผิดพลาดของเธอ และแสร้งทำเป็นว่าเธอไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด

"ที่รักจ๋า! ที่รักสู้ๆ!"

ขณะที่มองเธอ ปงปงถอนหายใจลึก

โดเกบิและภูติ ไม่อาจเป็นคู่ที่ดีได้ แต่จะทำอย่างไรเมื่อเธอเลือกเขาแล้ว

ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางทำให้หัวใจของเธอกลับมาอยู่กับเขาได้

นั่นเป็นเหตุผลที่เขามองไปที่เซอร์เบอรัสด้วยความหวังเล็กๆ

'โดเกบิจะสามารถเอาชนะเซอร์เบอรัสได้ยังไง?'

เขาต้องการให้โดเกบิตายในการต่อสู้กับเซอร์เบอรัส

เขาเชื่อว่าวูฮีจะกลับมารู้สึกดีขึ้น และมองมาที่เขาบ้าง

อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆเท่านั้น

แทนที่จะเป็นโดเกบิ อัศวินแห่งความตายที่โดเกบิสร้างขึ้นต่างหากที่เป็นปัญหา

เขาบินฉวัดเฉวียนไปมา และขึ้นขี่บนหลังเซอร์เบอรัส

ในท้ายที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จในการทำให้เซอร์เบอรัส 'เชื่อง'

"ปงป้งงง! เป็นไปไม่ได้ เซอร์เบอรัสจะเชื่องได้ยังไง?"

ปงปงกรีดร้องออกมา

มันเป็นไปไม่ได้ที่มอนสเตอร์อย่างเซอร์เบอรัสจะเชื่องได้

อย่างไรก็ตาม อัศวินแห่งความตายทำสำเร็จ

อัศวินแห่งความตายขึ้นขี่หลังของเซอร์เบอรัส และเริ่มใช้มันตามที่เขาต้องการ

ความสามารถตามธรรมชาติของอัศวินแห่วความตายจะเสาะหา 'พาหนะ' และด้วยอำนาจของนักล่าวิญญาณปีศาจสามารถทำให้เซอร์เบอรัสเชื่อฟังได้อย่างไม่ยากเย็น

ปงปงคอตก และเมื่อมูยองได้รับรางวัลผ่านประตู เวทีประลองก็เริ่มพังทลาย

ครืนนนนนนน!

นั่นหมายความว่าการทดสอบของสังเวียนได้สิ้นสุดลงแล้ว

หลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ทรุดตัวลง กล่องแห่งการทดสอบบิดเบี้ยว และสามารถมองเห็นโลกดั้งเดิมได้

"หืมม? นั่นมันคืออะไรน่ะ?"

วูฮีผู้ซึ่งย้อนกลับไปยังโลกเดิมเอียงศีรษะขณะเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องนภา

มีดวงดาวพิเศษสีแดงอยู่บนนั้น

การรวมกันของดวงดาวหลายร้อยหรืออาจหลาบยพันดวงก็ไม่อาจจะสว่างกว่าดาวดวงนี้

ดวงดาวบริสุทธิ์ที่สาดแสงลงมาราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง

วูฮีถูกดึงดูดโดยดวงดาวอันสุกสกาวนี้ เธอจ้องมองไปยังดาวดวงนั้น แล้วก็เหลือบกลับไปมองที่มูยอง

ดาวสีแดงดวงนี้ให้ความรู้สึกคล้ายกับมูยองด้วยเหตุผลบางอย่าง

และความคิดของวูฮีค่อนข้างจะตรงกับความเป็นจริงเสมอ

ดาวสีแดงปรากฏในสถานที่ที่สูงที่สุด

นั่นคือดาวแห่งความสมบูรณ์แบบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด