ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 73: การปลุกพลัง (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 75: การปลุกพลัง (สิ้นสุด)

[KotB] บทที่ 74: การปลุกพลัง (4)


บทที่ 74: การปลุกพลัง (4)

สังเวียนใต้ดิน

ในการต่อสู้ครั้งแรก มอนสเตอร์ 800 ตัวที่ได้ปะทะกันจะมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิรอด

นั่นหมายความว่าการต่อสู้จะระอุอยู่ตลอดเวลา และมูยองก็รู้วิธีการในการจะเอาชนะ

'แสดงออกมา 70 เปอร์เซ็นต์ และซ่อนไว้ 30 เปอร์เซ็นต์'

ประเด็นหลักของเรื่องนี้คือการทำให้ 70 เปอร์เซ็นต์นั้นดูเหมือนเป็นความแข็งแกร่งเต็มที่ของเขา

มันเป็นส่วนสำคัญที่จะเบี่ยงเบนให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สนใจเขา และทำให้พวกมันคิดว่า 'จะชนะ'

มันเป็นเทคนิคที่มูยองเรียนรู้มาจากการเป็นนักฆ่า และผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย

"ถ้าเขาแข็งแกร่ง เขาก็ควรมีตำแหน่งที่สูงทีเดียวในกองทัพของปีศาจ"

มูยองมองไปที่มอนสเตอร์รอบๆ

มีเพียงมอนสเตอร์ไม่กี่ตัวเท่านั้นที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทาสปีศาจ พลังการต่อสู้ของมันยอดเยี่ยมกว่าที่เขาคิดไว้

กรงเล็บสีดำฉีกมอนสเตอร์ออกจากกัน แม้แต่ผิวหนังที่หนาของโอเกอร์ก็ไร้ประโยชน์ พวกมันถูกฉีกกระชากออกไม่ต่างกับเต้าหู้

ที่นั่งลำดับ 3 วาสซาโก

แม้ว่าจะมีปีศาจอยู่นับไม่ถ้วนที่รับใช้เขา แต่ด้วยพลังที่สูงส่ง อย่างน้อยๆปีศาจนั้นจะต้องมีระดับกลางเป็นอย่างน้อย

ไม่ใช่ปีศาจทั้งหมดที่แข็งแกร่ง

นั่นคือเหตุผลที่ปีศาจที่แข็งนั้นมีโอกาสที่พวกเขาจะได้รับการยกเว้นจากบาปที่ได้กระทำ

ไม่มีทางใดที่มูยองจะรู้ได้ว่าเขาทำผิดอะไรถึงถูกโยนเข้ามาในสังเวียนใต้ดินเช่นนี้

'ดูเหมือนทางที่ดีที่สุดตอนนี้คือสร้างระยะห่างจากมันไปก่อน'

ในสังเวียน มีโอกาสที่จะต้องสู้กันอยู่เสมอ

หากเป็นไปได้นั้นมูยองจะไม่แสดงทักษะที่แท้จริงของเขา

เพียงแค่สร้างแรงกดดันให้พวกมอนสเตอร์รอบๆรับรู้ว่าเขาเป็นบางคนที่ 'พวกมันไม่สมควรยุ่ง' และมองข้ามได้ก็พอแล้ว

มอนสเตอร์ให้เหตุผลด้วยพลังของพวกมันเท่านั้น

คุณจะถูกโจมตีถ้าคุณดูอ่อนแอ

"ช่วยฉันด้วย อ๊ากกก!"

ออร์คตัวหนึ่งส่งเสียงร้องออกมาอย่างโหยหวน

โผล๊ะ!

อย่างไรก็ตาม มูยองตวัดดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวฟันฉับเข้าที่หัวของมัน

ด้วยรอยยิ้มที่เหยียดหยาม และดาบที่กำลังดูดซับเลือดที่หลั่งไหล ขณะนี้มูยองสามารถเรียกได้ว่าเป็นมอนสเตอร์เท่านั้น

เป็นการกระทำที่สมบรูณ์สำหรับการแสดงให้ผู้อื่นเห็น

มอนสเตอร์ที่อ่อนแอจะหลบหลีกเขาด้วยตัวเอง

คนที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถเข้าหาเขาได้อย่างง่ายดาย

"จงปรากฎ ที่กำบัง จงแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้นอีก อ๊ากกก เวร! "

ในทางตรงกันข้าม บัคผู้ที่ตอนแรกเลือกยืนเป็นผู้ชมจากระยะไกล ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขยับไม้เท้าของเขาอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อต้องหลีกเลี่ยงผู้ที่แข็งแกร่งรวมถึงมูยอง มอนเตอร์ที่อ่อนแอทุกตัวก็พุ่งไปที่บัค

นี่คือเหตุผลของความแข็งแกร่ง

แทนที่จะยืนนิ่งเชื้อเชิญการโจมตีของมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ มันเป็นความแตกต่างระหว่างผู้ที่แสดงมันออกมาได้ และผู้ที่ไม่ได้ทำ

"ฮ่าๆ…. บัดซบ ฉันดูอ่อนแอสำหรับพวกแกขนาดนั้นเลยเหรอ ไอ้พวกเวร!"

บัคตะโกนออกมาเสียงดัง หลังจากจัดการมอนสเตอร์ทั้ง 20 ตัวด้วยตัวเอง

ในขณะนั้นเอง

<ขอแสดงความยินดีด้วย คุณถูกรวมอยู่ในผู้รอดชีวิตครึ่งหนึ่งที่เหลือ>

<คุณได้รับ 1,000 ออนซ์>

<คุณสามารถตรวจสอบจำนวนออนซ์ที่มีอยู่ผ่านร้านค้าหรือจากสังเวียน>

การต่อสู้สิ้นสุดลง

แกร้งงงงงงง

ประตูเหล็กขนาดใหญ่กลางสังเวียนได้เปิดออก และจากที่นั่นมีชุดเกราะขนาดใหญ่ก็ปรากฏออกมา

'ลิฟวิงอาเมอร์'

มูยองตระหนักได้ทันทีว่าชุดเกราะนั่นคืออะไร

อสุรกายในชุดเกราะที่ว่างเปล่า พวกมันเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสูงที่มีวิญญาณสิงสู่

"หยุดการต่อสู้และตามเรามา"

ชุดเกราะประมาณ 20 ตัว ประกาศหยุดการต่อสู้ พวกเขาสามารถควบคุมมอนสเตอร์ที่เต็มไปด้วยอะดรีนาลีนอันคลุ้มคลั่งได้อย่างรวดเร็ว

ทาสปีศาจตาแดงฉานที่กำลังกัดกินเนื้อของมอนสเตอร์อย่างสนุกปากได้หยุดลงอย่างว่าง่ายเมื่อลิฟวิงอาเมอร์ปรากฏตัว

' ดูเหมือนว่ามันมีประสบการณ์มากมายกับสังเวียน '

ไม่มีอะไรแย่ หากทำตามประสบการณ์

มูยองสบัดเลือดบนดาบก่อนที่จะเก็บมันใส่ฝักที่เอว

หลังจากนั้น เมื่อพวกเขาเดินไปยังตำแหน่งลิฟวิงอาเมอร์ได้ปรากฏตัว ก็ได้ยินเสียงที่ดังเป็นอย่างมาก

“วี๊ด! วะวี๊ด!”

"ผู้ที่เข้ามาในรอบนี้ดูเหมือนจะไม่มีความกล้าหาญมากนัก!"

“สู้! ฆ่า!”

เบื้องหลังสังเวียน เหมือนว่าจะมีอีกสังเวียนหนึ่งอยู่

อย่างไรก็ตาม ขนาดนั้นเทียบกันไม่ได้เลย

ขนาดที่ครอบคลุมอยู่ อย่างน้อยก็มีมอนสเตอร์สักสี่ห้าหมื่นตัวจากเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันนั่งอยู่เต็มที่นั่ง

พวกมันไม่ใช่แค่มอนสเตอร์ทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมีเผ่าพันธุ์ต่างๆอีกด้วย

คนแคระ เอลฟ์ มนุษย์หมาป่า และแม้กระทั่งแวมไพร์

'มันคือการชุมนุมของทุกๆเผ่าพันธุ์'

เขาหัวเราะเบาๆ

และในเวลาเดียวกันก็ตระหนักได้ว่า

'พวกนี้คือผู้ที่ไม่สามารถหนีรอดออกไปจากการทดสอบได้'

เป็นไปไม่ได้สำหรับเผ่าพันธุ์หลายชนิดที่แตกต่างกันที่จะชุมนุมกันอยู่ในที่เดียว

อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นไปได้ถ้าพวกเขาถูกบังคับให้อยู่ในสังเวียนใต้ดินแห่งนี้

นั่นหมายความว่า ...

'ถ้าฉันไม่ทำสิ่งที่น่าพอใจตามเงื่อนไข ฉันก็ไม่สามารถออกไปได้'

และดูเหมือนว่ามันจะเป็นเงื่อนไขที่สร้างขึ้นมาให้เฉพาะตัว

ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะทำให้หลายๆคนยังติดอยู่ที่นี่

เมื่อทาสปีศาจปรากฏตัวขึ้นมา ไม่นานฝูงชนก็เริ่มเอะอะกันมากขึ้น

"เทเนเชียส โอโลเนส!"

"ผู้สังหารโอโลเนส? นี่มันกี่ครั้งแล้ว? "

“ออกไปซะ! ฉันเบื่อที่จะมองหน้าแกแล้ว!”

หลายๆเผ่าพันธุ์ต่างประณามมัน

อย่างที่คาดไว้ ทาสปีศาจโอโลเนสดูเหมือนจะมีประสบการณ์ และเข้าร่วมในสังเวียนประเภทนี้หลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม โอโลเนสไม่สนใจเสียงนกเสียงกา

มันเดินออกไปจากสังเวียนอย่างเงียบๆ

<ห้องได้ถูกกำหนดไว้แล้ว>

<ตามลูกศรไป เมื่อฝ่ายตรงข้ามถูกเลือก คุณจะได้รับการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ>

หลังจากนั้นลูกศรสีแดงปรากฏขึ้นด้านหน้าสายตาของเขา

มูยองพยักหน้าและเริ่มเคลื่อนไหว

เป็นห้องที่ดูโทรมมาก

ขนาดของมันเล็กจนคุณสามารถสัมผัสกับกำแพงเพียงแค่เหยียดขาออกไป และมีกลิ่นปัสสาวะฟุ้งกระจายออกมาจากทุกๆที่

"แค่ก ฉันควรจะนอนข้างนอก"

“แกว๊กส!”

ราวกับว่าห้องได้ถูกกำหนดตามขนาดร่างกายของพวกเขา สภาพแวดล้อมรอบๆเต็มไปด้วยเสียงแปลกประหลาดต่างๆ

อย่างไรก็ตาม มูยองนอนลงได้อย่างสบาย

'มันก็สบายดี'

อย่างน้อยก็ยังดีที่เขาสามารถเหยียดขาได้

ในขณะที่พยายามลอบสังหารเป้าหมาย ในบางครั้งเขาก็ต้องใช้เวลาอยู่ในที่แคบๆเป็นเวลาหลายเดือน

ความจริงที่ว่าเขาสามารถเหยียดขาได้นั้นก็ดีพอแล้วที่ทำให้มูยองคิดว่ามันสบายมากๆ

ในทางกลับกัน มอนสเตอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ท่องเที่ยวไปในที่กว้างใหญ่

แน่นอน พวกมันจะไม่พอใจกับห้องที่คับแคบ

'มันบอกว่าจะแจ้งเราโดยอัตโนมัติเมื่อฝ่ายตรงข้ามถูกเลือก'

นั่นหมายความว่าก่อนจะถึงเวลานั้น คือเวลาว่าง

มูยองพ่นลมหายใจออกมาชั่วครู่ ก่อนจะลุกขึ้นออกไปจากตำแหน่งนั้น

เมื่อสิ้นสุดเส้นทางที่คับแคบ เขาพบเครื่องหมายสี่รูปแบบ

เครื่องหมาย <สินค้าทั่วไป>, <อาวุธ>, <ชุดเกราะ> และ <ทาส> ได้ถูกเขียนไว้

'ทาส?'

สำหรับรายการเหล่านี้ ทาสอยู่เหนือสิ่งอื่นใด

มูยองเดินไปตามทางที่มีเครื่องหมายกำกับอยู่

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็มาถึงห้องขนาดใหญ่ และสามารถพบเห็นมอนสเตอร์จำนวนมากถูกขังอยู่ในกรง มือและเท้าของพวกมันถูกล่ามไว้

มี โนลล์ ออร์ค และไวเวิร์นซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะราชาแห่งท้องฟ้า และมีแม้แต่เงือกลาเมียร์

ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ใช่มอนสเตอร์ระดับสูง แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์

<คนที่ไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมการต่อสู้ได้จะกลายเป็นทาส>

<ขึ้นอยู่กับระดับของพวกเขา ราคา และ'ตราทาส' จะถูกตั้งขึ้นโดยอัตโนมัติ>

ขณะที่เขาเดินเข้าไปในห้อง คำพูดก็ปรากฏขึ้นราวกับมันเป็นคำเตือน

มีมอนสเตอร์ไม่กี่ตัวที่กำลังมองหา หรือกำลังซื้อทาส ส่วนวิธีการซื้อพวกมันนั้นง่ายดายมาก

ถ้าคุณจ่ายออนซ์ตามที่เขียนไว้บนกรง คุณก็สามารถซื้อพวกมันไปเป็นทาสของคุณได้เลย

"ข้าเลือกคนนี้แล้ว"

“ฮึ่มม! ไม่ ข้ามาก่อน”

โทรล์และหัวหน้าออร์ดกำลังต่อสู้กันอยู่

ไม่แปลกที่จะเห็นข้อพิพาทเกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์ที่แตกต่าง

เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดในการซื้อ จึงมีบางครั้งที่พวกเขาคุยกันด้วยร่างกายมากกว่าคำพูด

"ห้ามมิให้ต่อสู้นอกสังเวียน"

และเมื่อใดก็ตามที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นจากที่ไหนก็ตาม ลิฟวิงอาเมอร์จะปรากฏตัวขึ้นมาและโจมตีพวกมันทั้งสองจนกว่าจะถูกทุบเป็นก้อนเนื้อ

มูยองลูบคางในขณะที่เขาเฝ้ามองโทรล์และหัวหน้าออร์คที่ไม่ได้สติถูกลากเข้าไปในห้องของพวกมัน

'เศรษฐกิจทั้งหมดจะถูกขับเคลื่อนโดยออนซ์จากสังเวียน'

แทนที่จะรู้สึกเหมือนเป็นการทดสอบ มันรู้สึกเหมือนว่ามีใครบีบอัดโลกทั้งใบให้เหลือขนาดเล็กลง

มูยองมองไปรอบๆสถานที่ทั้งหมด และก่อนที่จะหยุดลง

'คนแคระ!'

คนแคระแก่ๆถูกขังอยู่ในกรง

จำนวน '50,000 'ถูกเขียนเอาไว้ เมื่อเทียบกับคนอื่นๆแล้วเขาค่อนข้างแพง

อย่างไรก็ตาม โดยธรรมชาติแล้วคนแคระเป็นเผ่าที่หายาก พวกเขามีฝีมือในงานช่างชั้นเยี่ยม ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้

มูยองเดินเข้าไปใกล้กรงที่คนแคระอยู่

คนแคระเฒ่าไม่ได้มองมาที่เขา

"อย่ามาเดินเตร่อยู่แถวนี้ ใสหัวไปซะ"

"คุณรู้จักพันธมิตรพลั่วสามกระสอบไหม?"

เนื่องจากดูเหมือนว่ามูยองจะไม่สามารถคุยกับเขาได้นาน เขาจึงเข้าประเด็นทันที

พันธมิตรพลั่วสามกระสอบ

มันเป็นชื่อของพันธมิตรที่ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มแคระเพียงไม่กี่คน

พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในอีกฟากหนึ่งของโลก และถ้าคนแคระตรงหน้าของเขามาจากพันธมิตรนั้น มูยองก็ยินดีที่จะช่วยให้เขาเป็นอิสระ

'มันจะทำให้ฉันสร้างอุปกรณ์ได้ง่ายขึ้น'

แม้ว่าเขาจะพบพันธมิตรพลั่วสามกระสอบ แต่ว่าพวกเขาจะยินดีที่สร้างอุปกรณ์ให้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ต่างออกไป

มูยองต้องการสร้างความพึงพอใจให้พวกเขา เพื่อให้สะดวกต่อการใช้หัวใจของฟินิกซ์และกระดูกมังกร

คนแคระเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มักจะตอบแทนบุญคุณอยู่เสมอ

ดูเหมือนว่ามันเป็นไปได้ที่พวกเขาจะยอมรับคำขอจากมูยอง หากสามารถช่วยปลดปล่อยคนแคระจากพันธมิตรของพวกเขา

"... สถานที่แห่งนั้น ข้าไม่รู้จัก ไสหัวไปซะ! "

ร่างกายของเขาสะดุ้งขึ้นคราหนึ่ง และการตอบสนองต่อการตอบคำถามก็ดูช้าเกินไป

'เขารู้'

มูยองเดินเข้าไปใกล้กรงและเงียบลง

"ถ้าคุณเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรนี้ ฉันจะพาคุณออกไป"

ถึงจะไม่ได้ในทันที แต่มูยองก็พูดราวกับว่ามันถูกตัดสินแล้ว

เส้นเลือดของคนแคระเฒ่าปูดขึ้นมาในทันที

"ไร้สาระ เป็นแค่โดเกบิ เจ้าจะทำอะไรได้? และแม้ว่าเจ้าจะมีออนซ์มากแค่ไหน แต่ข้าก็ยอมตายด้วยการกัดลิ้นตัวเองดีกว่าจะกลายเป็นทาส"

"แล้วทำไมคุณถึงไม่ฆ่าตัวตายตอนนี้เลยล่ะ?"

"อะไรนะ?"

"ยังไงมันก็ถูกตัดสินไว้แล้วว่าคุณต้องกลายเป็นทาสของใครบางคน งั้นมันก็ไม่มีความหมายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วสิ?"

ไม่มีจุดหมายที่จะมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่?

นี่เป็นเรื่องโกหก

คนแคระชราขบฟันของเขาแน่นขณะที่มูยองพ่นคำพูดที่เชือดเฉือนเหมือนกับคมมีดออกมา

"ไอ้สารเลวนั่น ... ข้าจะไม่ตายจนกว่าจะได้เห็นไอ้โอโลเนสตาย"

"คุณกำลังพูดถึงเรื่องทาสปีศาจใช่ไหม?"

"ถูกต้อง ไอ้สารเลวนั่นได้มีออนซ์มากพอที่จะหลบหนีไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่มันกลับยังวนเวียนไปมาอยู่ในสังเวียน ลูกชายของข้า ลูกของข้า ตายด้วยมือของไอ้สารเลวนั่น "

ตึง! ตึง!

คนแคระเฒ่าทุบหัวตัวเองเข้ากับกรงสองสามครั้ง

มีเลือดไหลออกมาจากหน้าผากของเขา และมูยองก็สามารถรู้สึกถึงความบ้าคลั่งในสายตาของเขาได้

"เจ้าต้องการซื้อ และใช้ข้าใช่ไหม? งั้นฆ่าไอ้สารเลวนั่น ถ้าเจ้าสามารถทำได้กระทั่งให้ข้าเลียตูดของเจ้าข้าก็ยอม แม้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ"

คนแคระเฒ่าหัวเราะออกมา

“เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก! เคี๊ยก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

เขาหัวเราะแปลกๆจนกระทั่งหลั่งน้ำตาออกมา

เขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง

เป็นที่แน่นอนว่าเขาบ้า

อสุรกายในเส้นทางของอาซูร่ากำลังทำปฏิกิริยากับเขา

'โอโลเนส ฮึ?'

เขากำลังวางแผนที่หลีกเลี่ยงกับทาสปีศาจตัวนั้น ถ้าทำได้

มันเป็นเพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมปีศาจถึงได้มาอยู่ในสังเวียนประเภทนี้ แต่จากการเฝ้าดูมันต่อสู้เพียงครั้งเดียว มูยองก็สามารถบอกได้ว่ามันแข็งแกร่งมาก

มันคงเป็นเรื่องยากในตอนนี้

"รอฉันก่อน"

อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้

วูฮีได้คุยโม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นประโยชน์กับมูยองมากแค่ไหน

ถ้าวูฮีผู้ซึ่งคุ้นเคยกับความสามารถในการต่อสู้ของมูยองได้กล่าวอย่างนี้ ก็คงจะหมายความว่ามีวิธีการเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาบ้าง

ถ้าเขาค้นพบมันและถูกปลุกให้ตื่นขึ้น เขารู้สึกว่ามันเพียงพอที่จะใช้ต่อสู้กับโอโลเนส

มูยองหันกลับไป

การต่อสู้สมควรจะเริ่มในวันรุ่งขึ้น

*

<ค่าธรรมเนียมในเข้าสังเวียนเป็นจำนวนเงิน 500 ออนซ์>

<ถ้าคุณตะโกนว่าถอนตัว จะไม่ได้รับเงินค่าธรรมเนียมจากสังเวียนคืน และการต่อสู้จะสิ้นสุดลง>

<มูยอง vs นักรบคาอุม>

<อัตราเดิมพันถูกกำหนดเป็น 3.7: 1.35>

มูยองวอร์มร่างกายก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่เวที

ไม่นานหลังจากนั้น มนุษย์หมาป่าก็ปรากฏตัวขึ้นในอีกด้านหนึ่ง

เพียงแค่มองอัตราการเดิมพัน ส่วนใหญ่วางเดิมพันไว้กับมนุษย์หมาป่า

มีบางคนที่ไว้วางใจในโชคของผู้มาใหม่ และเดิมพันข้างมูยอง แต่พวกเขาเป็นแค่คนกลุ่มเล็กๆ

'มีการแข่งขันหลายรายการในเวลาเดียวกัน'

และมีการแข่งขันมากมายที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากคู่ของมูยองและมนุษย์หมาป่า

เนื่องจากมีจำนวนมากพวกมันจึงเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม มูยองวาง 500 ออนซ์ที่เหลืออยู่ไว้ข้างตัวเอง

เขาไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้

เขากังวลแค่ว่าจะชนะอย่างไร

'ชนะหลังจากการต่อสู้ที่เข้มข้น'

เขาจำเป็นต้องรักษาระดับการเดิมพันแบบนี้ไว้เพื่อให้เขาสามารถหาประโยชน์จากการต่อสู้ได้มากขึ้น

ถ้าเขาชนะแบบขาดลอยอัตราต่อรองจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ถ้าเขาต้องการสร้างผลกำไรที่ชัดเจนด้วยอัตราเดิมพันที่สูง เห็นได้ชัดว่าเขาจำเป็นต้องแสดงตัวให้เป็นผู้ชนะแบบหวุดหวิด

อัตราการเดิมพันจะขึ้นอยู่กับผู้ที่พวกเขาวางออนซ์ที่ใคร

"แค่ถอนตัวออกไปซะ ข้าไม่ต้องการจะฆ่าเด็กใหม่"

มนุษย์หมาป่าทำตัวราวกับว่าปราศจากความสนใจมูยอง

แทนคำพูด มูยองชักดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวออกมา

มนุษย์หมาป่าเดาะลิ้นของเขาเมื่อเห็นสิ่งนี้

"โดเกบิเอาชนะข้าไม่ได้หรอก"

มูยองยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดนี้

โดยปกติแล้วโดเกบิไม่สามารถเอาชนะมนุษย์หมาป่าได้

ถ้าเป็นโดยปกติล่ะก็นะ

อย่างไรก็ตาม มนุษย์หมาป่าจะรู้หรือไม่?

ว่ามูยองคือ'โอม' ผู้ปกครองของเหล่าโดเกบิทั้งหมด

เขาเป็นข้อยกเว้นที่นอกเหนือจากนั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด