ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 66 : คลาสที่สอง (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 68: คลาสที่สอง (4)

[KotB] บทที่ 67: คลาสที่สอง (3)


บทที่ 67: คลาสที่สอง (3)

ขณะที่เขาเดินก้าวไปข้างหน้า เหล่าภูติผีก็กระจายตัวพุ่งไปกัดกินพวกโอเกอร์ เขาสามารถควบคุมพวกมันได้โดยการสั่งผ่านกระแสจิต

โอกกกกกกกกกก!

พวกโอเกอร์ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

ชิ้ง!

มูยองชักดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวออกมาพุ่งโจมตีตรงเข้าไป

อย่างไรก็ตามใช้เวลาไม่นานนักโอเกอร์ก็สามารถสลัดพวกภูติผีออกได้

ฟุ่บ!

ราวกับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มูยองเตะไปที่พื้นเพื่อส่งตัวเองลอยขึ้นไปด้านบน

ทันทีที่เขาปีนขึ้นไปบนแขนของโอเกอร์ ดาบก็ถูกตวัดเฉือนลงไปที่ไหล่ของมันทว่ากลับฝากไว้ได้เพียงแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น

พวกภูติผีนับพันตัวเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง  พวกมันรุมเกาะที่ข้อเท้าของโอเกอร์

อย่างไรก็ตามโอเกอร์เป็นมอนสเตอร์ที่มีแรงต่อต้านสูงมาก

ใช้เวลาไม่นานมันก็เป็นอิสระจากภูติผีทั้งหลาย

'ไม่ใช่ว่าไม่มีหนทางใดที่จะกำจัดโอเกอร์ได้ แต่ ... '

มันคงเป็นเรื่องแปลกสำหรับภูติผีระดับต่ำที่จะสามารถจัดการกับโอเกอร์ได้อย่างรวดเร็ว

ยิ่งกว่านั้นพวกโอเกอร์เหล่านี้ยังเป็นมอนสเตอร์ระดับสูง

มูยองไม่สามารถทำมันได้โดยลำพัง ถ้าเขาเรียกพวกอันเดธทั้งหมดที่มีก็อาจจะจัดการกับมันได้

แต่นอกเหนือจากอันเดธแล้วที่นี่ยังมีโดเกบิอีกนับพันอยู่ทำให้เขาไม่สามารถซี้ซั้วเรียกมันออกมา

'อันเดธ จะเป็นตัวเลือกสุดท้ายของฉัน'

อันเดธจะต้องเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการจับเฮดลี่คาว

มูยองประสบความสำเร็จในการลดผู้ต้องสงสัยที่จะเป็นเฮดลี่คาวลงได้จนเหลือเพียง 2 ราย

เมื่อเร็วๆนี้มีราชาโดเกบิ 5 คนที่พึ่งเข้าร่วม และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากด๊อกซินีอาร์โลเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ

ขณะที่เขากำลังเฝ้าดูพวกมันดวงตาแห่งอาชูร่าก็ตื่นขึ้นมา ตอนนี้มูยองสามารถสื่อสารกับโลกแห่งความตายได้

อย่างไรก็ตามเหล่าคนตายไม่สามารถเข้าใกล้กับผู้ต้องสงสัย 2 ใน 5 คนนั้นได้อย่างง่ายดาย

มูยองรู้ดีว่า ภูติที่แข็งแกร่งสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณได้

นั่นหมายความว่าหนึ่งในสองโดเกบินั้น น่าจะเป็นเฮดลี่คาว

'แค่สองก็พอแล้ว'

ถ้ามีผู้ต้องสงสัยแค่สองราย เขาก็สามารถเฝ้าดู และมีเวลาพอที่จะจับกุมในกรณีฉุกเฉิน

สิ่งที่เฮดลี่คาวต้องการ คือได้รับชัยชนะในสมรภูมิไร้ที่สิ้นสุดนี้

เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันช่วยโดเกบิเพลิงและให้การสนับสนุนพวกมัน

อย่างไรก็ตาม หากมันต้องเผชิญกับอันตรายก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา

ด้วยเหตุนี้ มันเป็นการดีที่จะมอบประสบการณ์อันตรายให้แก่พวกโดเกบิเพลิงและเพื่อถ่วงความสมดุลย์ เขาจะช่วยเซฮุน

โอเกอร์ เป็นนักล่าโดยสมบูรณ์ พวกมันจะโจมตีผู้ที่อ่อนแอที่สุดก่อน

การแสดงออกของพวกมันชัดเจนว่าได้เล็งเป้าหมายไปที่โดเกบิน้ำแข็ง

อย่างไรก็ตามสถานการณ์จะตรงกันข้ามเมื่อมูยองเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา

เขาใช้ทักษะเงาการเคลื่อนย้ายไปอยู่ข้างเซฮุนอีกครั้ง

"เจ้าจะยืนอยู่ตรงนี้และมองดูเฉยๆเหรอ?"

โฮกกกกกกกกกกกก!

มูยองพูดขณะที่มองโอเกอร์คำรามด้วยความกราดเกริ้ยว

พวกมันเป็นมอนสเตอร์ระดับสูงอย่างแท้จริง

มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการมันเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตามถ้าเซฮุน ผู้ปกครองโดเกบิน้ำแข็งช่วยเขา ก็จะสามารถลดจำนวนโอเกอร์ได้ง่ายขึ้น

"นี่ไม่ใช่พลังของโดเกบิน้ำแข็ง"

"ไม่ใช่มีแต่ข้าที่มีพลังพิเศษนี่ พวกโดเกบิเพลิงก็ใช้พลังแปลกๆเหมือนกันไม่ใช่เหรอ"

ไม่มีกฎใดระบุว่าโดเกบิน้ำแข็งจะสามารถใช้ได้แค่ทักษะประเภทน้ำแข็งเท่านั้น

ถึงแม้มันจะทำให้เขาสงสัย แต่มันก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

มันจะเป็นปัญหาได้ถ้ามูยองอัญเชิญเหล่าอันเดธมาที่นี่ แต่การใช้ภูติผีเพื่อยับยั้งการเคลื่อนไหวไม่นับว่าแปลกอะไร

ที่แปลกที่สุดคือความแข็งแกร่งของพวกโดเกบิเพลิงถูกเชื่อมโยงต่อกันเพื่อป้องกันไม่ให้อาร์โลหมดแรงต่างหาก

ขณะนั้นเซฮุนกลืนน้ำลายเมื่อมองไปที่มูยอง

'มันคือพลังจิตวิญญาณแห่งความตาย แม้ว่าเขาจะเป็นคนหยาบคาย แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้น ... '

มีโดเกบิมากมายที่สามารถควบคุมวิญญาณของคนตายได้

แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถควบคุมวิญญาณเหล่าคนตายได้อย่างอิสระจำนวนมากขนาดนี้

และเซฮุนรู้ว่ามันคือจุดสิ้นสุดของเส้นทางแห่ง 'อาชูร่า'

'โอม' และ 'ฮูม' ทั้งสองหมายความถึงอาชูร่า ซึ่งโดเกบิบูชานับถือ

มีโดเกบิเพียงไม่กี่คนที่รู้จักชื่อดั้งเดิมอย่าง อาชูร่า

พวกเขากล่าวว่า คุณสามารถได้รับตำแหน่งของโอมได้ก็ต่อเมื่อพิชิตการทดสอบจากฮูม แต่มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของพิธีเท่านั้น

อย่างไรก็ตามคุณไม่สามารถเป็นโอมที่แท้จริงได้

และถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ครั้งที่สอง แต่การปรากฏตัวของมูยองทำให้เขานึกถึงโอมที่แท้จริง มันเหมือนกำลังได้เห็นผู้สืบทอดที่ภักดีของอาชูร่า

'ไม่ มันเป็นไปไม่ได้'

มันเป็นแค่เรื่องเกินจริง เซฮุนส่ายหัวสะบัดความคิดออก

เขาต้องประสาทหลอนจากการหมดแรงแน่ๆ

มูยองเป็นเพียงแค่ผู้ควบคุมภูติผีธรรมดา

“โอเค ก่อนอื่น ร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งโอเกอร์ก่อน”

เซฮุนตัดสินใจ

มูยองแข็งแกร่งกว่าโดเกบิคนอื่น ๆ

เซฮุนรู้สึกว่าเขาจะสามารถเอาชนะโอเกอร์ได้สักหนึ่งหรือสองตัวถ้าร่วมมือกัน

แน่นอนว่ามูยองอ่อนแอกว่าเขา แต่ความจริงที่ว่าเขาเป็นโดเกบิน้ำแข็งนั้นเป็นเรื่องสำคัญ

มูยองพูดด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนัก

"ข้าจะจับโอเกอร์ไว้ ส่วนเจ้าไปสะบั้นคอของมันซะ "

ถึงแม้จะเป็นโดเกบิน้ำแข็ง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ให้ความเคารพแก่ผู้อื่นอย่างใด

เซฮุนเดาะลิ้นอยู่ภายในเบาๆ

นี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องอะไรพวกนี้

ตึง! ตึง! ตึง

โอเกอร์ที่กราดเกรี้ยวกำลังใกล้เข้ามา

ตัดไปที่อีกฟากหนึ่ง

วูมมมมมมม

ช่องว่างปรากฏขึ้นในอากาศก่อนที่ภูติตัวเล็กจะโผล่ออกมา

ภูติน้อยมองไปรอบๆก่อนจะยิ้มอย่างสดใส เมื่อเธอพบใครบางคนบนท้องฟ้ารีบมุ่งตรงมาทางเธอ

“พี่สาว”

"โอ้วูฮีเธอมาทำอะไรที่นี่?"

ภูติที่ปรากฏตัวขึ้นนั่นคือ วูฮี

“วูฮีฮี่ หนูอยากมาขอความช่วยเหลือในการสร้างบททดสอบนิดหน่อย”

"นี่เธอยังทำมันไม่เสร็จอีกหรือ?"

"ยังเลยค่ะ คือแบบว่ามันยังไม่ค่อยมีความสมดุลเท่าไหร่ "

เมื่อวูฮี ซึ่งกำลังอยู่ในการสนทนาส่วนตัวมองลงไปด้านล่างก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ

"พวกเขาเป็นโดเกบิรึ?"

"มันคือบททดสอบแรกจากความต้องการของอาชูร่า ใกล้ถึงเวลาจบแล้วล่ะ "

"ฮุฮุ นั่นเขาหนิ! วูฮีฮี”

วูฮีบินไปมารอบๆและยิ้มเล็กน้อยขณะที่เธอพบโดเกบิ

"เธอรู้จักพวกเขาเหรอ?"

"พี่สาวฉันคิดว่าฉันเจอเนื้อคู่แล้ว"

"ห๊ะ เมื่อกี้เธอไม่ได้พูดว่าโดเกบิเป็นเนื้อคู่ของเธอใช่มั้ย?"

ภูติที่วูฮีเรียกว่าพี่สาวขมวดคิ้วของเธอ

จากสิ่งมีชีวิตทั้งหมด สำหรับโดเกบิที่จะกลายมาเป็นเนื้อคู่ของเหล่าภูติ

มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่วูฮีดูเหมือนจะไม่สนใจและตอบกลับ

"ใช่แล้วล่ะ."

"วูฮี มีภูติดีๆจำนวนไม่น้อยที่สนใจเธอนะ"

"ไม่ล่ะ พวกนั้นน่าเบื่อจะตาย ให้พวกเขาดื่มนมแพะกันต่อไปเถอะ แม่เคยบอกกับหนูว่า สักวันหนูจะพบกับคนที่แข็งแกร่งพอที่จะดึงดูดความสนใจได้ "

"แม่งั้นเหรอ? อ่า...ราชินีภูติ "

วูฮี น่าจะเป็นคนเดียวที่สามารถเรียกราชินีภูติว่าแม่ได้

เดิมทีเหล่าภูติไม่มีพ่อแม่

พวกเขาเกิดมาจากธรรมชาติ และเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่นานนับแสนปี

อย่างไรก็ตามราชินีภูติได้ให้คำแนะนำแบบไหนแก่วูฮีกัน?

เมื่อเธอนึกถึงบุคลิกของราชินีก็พอจะนึกภาพออก แต่ยังไงมันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง

วูฮีไม่สนใจอะไรนอกจากยิ้มเท่านั้น

“วูฮีฮี่ เขาต้องเกิดมาเพื่อวูฮีแน่นอน ลองดูเขาสิ เขาเป็นชายที่มีความแข็งแกร่งจริงๆ”

วูฮีกำลังตั้งอกตั้งใจเฝ้าดูโดเกบิ

อย่างไรก็ตามพี่สาวภูติไม่สามารถยอมรับมันได้

ต้องไม่ใช่โดเกบิคนที่เพิ่งตระเวนไปรอบๆซากศพในเวลานี้

เธอไม่เคยเห็นเขาต่อสู้

"วูฮีต้องเข้าใจผิดแน่ๆ"

เธอคิดว่าแม้โดเกบิจะสู้ได้ดี แต่มันก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามหลังจากที่โอเกอร์ปรากฏตัว เธอก็เห็นเงามืดของเหล่าภูติผีและต้องเปลี่ยนความคิดอย่างช่วยไม่ได้

"ที่รัก! สู้! สู้!"

มันไม่แปลกที่จะเห็นวูฮีกระโดดโลดเต้นส่งเสียงเชียร์ให้เขา

การต่อสู้กำลังเข้มข้น

มีบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาทำให้ใต้ฝ่ามือของผู้จับตามองปรากฎเหงื่อไหลซึม

ตูมมมมม!!!!!!

ร่างของโอเกอร์ระเบิดขึ้น

'ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้'

มูยองพยักหน้า ขณะที่เขาค้นพบสิ่งใหม่ๆเกี่ยวกับภูติผี

จะมีการระเบิดขึ้นเมื่อเขารวบรวมเหล่าภูติผีเข้าด้วยกัน และทำให้พวกมันพุ่งชนกับตัวอื่น

เขาสามารถสร้างความเสียหายทางกายภาพได้จากระยะไกล

“ตุบ”

เซฮุนทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้น หลังจัดการโอเกอร์หมดไปประมาณครึ่งหนึ่ง

ร่างกายของเขาหมดเรี่ยวแรงเนื่องจากต่อสู้อยู่ที่แนวหน้าเสมอ

มันน่าชื่นชมสำหรับเขาที่สามารถต่อสู้ได้นานขนาดนี้

พลั่ก!!

มูยองเตะเซฮุนจากด้านหลัง

"ลุกขึ้น"

"จะเจ้าสารเลววว…"

"ถ้าเจ้าหยุดโดเกบิน้ำแข็งที่เหลือทั้งหมดจะตาย"

กว่าจะรู้ตัวโดเกบิกว่า 30,000 คน ก็ลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง

ความแข็งแกร่งของเหล่าทหารจะถูกทำลายเมื่อนายพลล้มลง

มูยองหวังว่าเซฮุนจะไม่ตายไปซะก่อน

เพราะเขาสรุปว่ามันจะดีที่สุดถ้าเขายังมีชีวิตอยู่และรักษาความสมดุลระหว่างโดเกบิเพลิงกับโดเกบิน้ำแข็งก่อนที่จะตายและกลายเป็นอันเดธ

“ย้ากกก”

ด้วยคำขู่ของมูยอง เซฮุนที่แทบจะไม่สามารถยืนขึ้นได้จึงฝืนตัวเองอีกครั้ง

เซฮุนไม่ใช่แค่หัวหน้าสำหรับเหล่าโดเกบิน้ำแข็ง แต่ยังเป็นเสาหลักในการสนับสนุนด้วย

ถ้าเซฮุนล้มลงเหล่าโดเกบิน้ำแข็งจะต้องพินาศในทันที

นั่นเป็นเหตุผลที่มูยองกระตุ้นและผลักดันให้เซฮุนก้าวต่อไป

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถจัดการกับโอเกอร์ได้รอดอย่างปลอดภัย

<คลื่นที่ 30 ได้เริ่มขึ้น>

<ทหารโครงกระดูกมังกร 10 >

มูยอง ขมวดคิ้วกับคลื่นที่เกิดขึ้น

ทหารโครงกระดูกมังกร

พวกมันเป็นทหารที่สร้างขึ้นมาจากกระดูกของมังกร

แน่นอนว่าเป็นอันเดธประเภทหนึ่ง แต่แม้กระทั่งในหมู่อันเดธพวกมันก็ยากยิ่งที่จะสามารถสร้างขึ้นมาได้

ทหารโครงกระดูกมังกรนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ว่ากันว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องรังที่เก็บภูมิปัญาของเหล่ามังกรเอาไว้

พวกมันใช้รูปแบบการโจมตีแบบเวทมนตร์ และสามารถลบล้างการโจมตีทางกายภาพได้

แกร่กกก แกร่กกกกก

แค่เพียง 10 ตัวเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะครอบงำเหล่าโดเกบินับหมื่น

ต้องถือโอกาสโจมตีพวกทหารโครงกระดูกมังกรก่อนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกทำลาย

สัญชาตญาณต่างเตือนทุกคนให้รู้ตัว และคนแรกที่ทำเคลื่อนไหวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนผู้นั้นก็คือมูยอง

'ถึงเวลาที่เราต้องแยกทางแล้ว'

ที่นี่ ผู้ที่กำชัยชนะจะได้รับการตัดสิน

ขณะที่เขาตระหนักถึงมัน ร่างกายของเขาก็เคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณ

ฟ้าววววว!

ภูติผีบินวนรอบมูยอง และ มูยองก็คว้าหนึ่งในภูติผีเหล่านั้นไว้

<ชั่วขณะที่ได้ครอบครองวิญญาณของโอเกอร์>

<ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้น 30 ในเวลา 10 นาที >

แค่ 10 นาทีก็เพียงพอ

มูยองไม่ใช่คนบ้าที่คิดว่าตัวเองจะสามารถจัดการกับทหารโครงกระดูกมังกร 10 ตัวได้ด้วยตัวคนเดียว

มันจะเป็นอะไรที่เกินกว่าความบ้า เรียกว่าโง่คงจะเหมาะสมกว่า

และเขาจะไม่ทำอะไรโดยที่ปราศจากการวางแผน

มูยองกำลังวางแผนที่จะกันทหารโครงกระดูกมังกรออกไปและเปลี่ยนทิศทางของมันเล็กน้อย

“อ๊าก! พวกโครงกระดูก!”

มุ่งตรงไปยังทิศทางของโดเกบิเพลิง

การเคลื่อนไหวของมูยองเป็นไปอย่างธรรมชาติจนไม่มีใครรู้สึกว่าการกระทำของเขาเป็นไปโดยความตั้งใจ

ทุกคนต่างหวาดกลัวกับการปรากฏตัวของทหารโครงกระดูกมังกร, อาร์โลผู้นำของโดเกบิเพลิงที่ไม่ได้สงสัยการกับการกระทำของมูยองเริ่มเคลื่อนไหว

อย่างไรก็ตามแม้อาร์โลไม่สามารถต่อสู้กับทหารโครงกระดูกมังกรได้แบบตัวต่อตัว แต่เขาก็สามารถยืนหยัดอยู่ด้วยความอึดไม่มีที่สิ้นสุดได้

‘นานแค่ไหนกว่าเขาจะเป็นคนสุดท้าย?’

มูยองได้เฝ้าดูทหารโครงกระดูกมังกรสังหารเหล่าโดเกบิเพลิงขณะที่เขาเฝ้าจับตามองสองคนซึ่งน่าจะเป็นเฮดลี่คาว

ถ้าหนึ่งในสองคนนี้คือเฮดลี่คาว มันจะไม่จบเพียงแค่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ เท่านั้น

ถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นที่ชัดเจนว่ามันจะจบลงด้วยการพังทลายของโดเกบิเพลิง

ยังไงก็ตามไม่ได้หมายความว่าโดเกบิอื่นๆจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ดี แต่มันหมายความว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือโดเกบิเพลิง

มันคงเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับเฮดลี่คาวที่จะอยู่เฉยๆ

เป้าหมายของเฮดลี่คาวคือการเอาชนะการทดสอบฮูม อย่างน้อยมูยองก็มั่นใจเช่นนั้น

เขามั่นใจว่ามันจะต้องซ่อนตัวอยู่ในหมู่โดเกบิเพลิง เนื่องจากพวกเขามีแนวโน้มที่จะชนะมากที่สุด

มันจะต้องแสดงปฏิกิริยาบางอย่างออกมา

และ...การคาดการณ์ของมูยองก็ไม่ผิด

ฟรึบบบบบ!

ระหว่างทั้งสอง มีคนหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง

มันหยุดการเคลื่อนไหว และความหนาแน่นของกล้ามเนื้อเริ่มเปลี่ยนไป

ในที่สุดมันก็เปลี่ยนรูปร่างไปเป็นบางอย่างที่เหมือนกับด๊อกซินี

โดเกบิคนอื่นๆอาจเห็นและคิดว่าเขาคงจะพัฒนาขึ้นในขณะที่ต่อสู้ แต่มูยองมั่นใจ

มันไม่ใช่การวิวัฒนาการ มันแตกต่างจากกระบวนการแบบนั้น

'ฉันเจอมันแล้ว.'

มูยองเม้มริมฝีปากของเขา

มันกลายเป็นด๊อกซินีเพื่อที่จะเอาชนะอันตราย แต่นี่กลับกลายเป็นหลักฐานสำหรับมูยอง

หนึ่งเดียวเท่านั้น

ภูติที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างอิสระ

เฮดลี่คาว!

ในที่สุดเขาก็ได้พบมัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด