ตอนที่แล้วTWO Chapter 128 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 130 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 4

TWO Chapter 129 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 3


TWO Chapter 129 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 3

เหมือนคำกล่าวที่ว่า ‘เมื่อมีบางคนมีความสุข ก็ย่อมีบางคนที่เศร้าใจ’

หลังจากที่โอหยางโชวได้รับเลือกเป็นตัวแทนฝ่ายจักรพรรดิเหลืองในครั้งนี้ มันจะเป็นประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อต่อพันธมิตรซานไห่ ในทางตรงกันข้าม กับพันธมิตรหานตานที่มีตี่เฉินเป็นผู้นำ ความรู้สึกของพวกเขาต่างกันเปรียบดั่งกลางวันและกลางคืน พันธมิตรทั้ง 2 เดิมเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ทันทีที่โอหยางโชวได้เป็นตัวแทน ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป

ที่จุดลงทะเบียน ผู้เล่นบางคนเห็นเฟิงฉิวฮวงเข้าร่วมกับพันธมิตรซานไห่ พวกเขาก็เริ่มเตรียมที่จะติดต่อกับพันธมิตรซานไห่ เพื่อหวังจะเข้าร่วมกับพวกเขาเช่นกัน

หลังจากจบการแจ้งเตือนสงคราม ผู้เล่นลอร์ดเหล่านี้ไม่ได้กระจายกันออกไป พวกเขาไม่ได้สนใจหรือกังวลว่าโอหยางโชวจะเห็นด้วยหรือไม่ พวกเขานำกองกำลังของตนตามหลังกองกำลังของโอหยางโชวมา

สำหรับผู้เล่นเหล่านี้ โอหยางโชวไม่ได้ปฏิเสธพวกเขา เพื่อที่จะชนะสงครามนี้ เขาไม่สามารถพึ่งได้เพียงพลังของพันธมิตรซานไห่ ถ้าเขาสามารถรวบรวมผู้เล่นทั้งหมดมาอยู่ข้างเขาได้ มันจะเป็นการเพิ่มโอกาสชนะให้เขาอย่างมาก

แน่นอน มันจะไม่ราบรื่นอย่างที่คิด ประการแรก ตี่เฉินเป็นผู้นำของพันธมิตรหานตาน พวกเขาคงปฏเสธที่จะเข้าร่วมกับโอหยางโชวอย่างแน่นอน นอกจากนี้ พวกเขายังได้พยายามแทรงแซงเข้าไปในดินแดนของผู้เล่นลอร์ดอื่นๆ ดังนั้น ในฝ่ายจักรพรรดิเหลือง จะมีเพียงบางส่วนที่เป็นผู้สนับสนุนเขา และผู้ที่เป็นพันธมิตรกับเขาเพื่อผลประโยชน์ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะให้พวกเขาทั้งหมดมายืนข้างเขา

ประการที่ 2 ในสถานการณ์ปกติ ผู้เล่นลอร์ดมักจะหยิ่งมาก ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานจากตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจ พวกเขาเคยชินกับการเป็นผู้ปกครองคนอื่น ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะให้พวกเขามาทำตามคำสั่งใคร หรือบางส่วนก็เป็นผู้เล่นนักผจญภัยชั้นสูงจากเกมส์อื่นๆ แล้วเลือกเล่นโหมดลอร์ดในเกมส์นี้ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ภายใต้หรือฟังคำสั่งของคนอื่น

ดังนั้น การจะให้ผู้เล่นทั้งหมดมารวมตัวกันจึงเป็นสิ่งที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย และโอหยางโชวก็ไม่ได้คาดหวังถึงขนาดนั้น ตามแผนของเขา ตราบเท่าที่เขาสามารถสร้างกองทัพ 5,000 นายได้ มันก็ถือว่าประสงความสำเร็จแล้ว

ดังนั้น สำหรับผู้เล่นที่แสดงถึงเจตนาดี โอหยางโชวจึงไม่ได้ปฏิเสธพวกเขา แน่นอน หากไม่เข้าใจความตั้งใจที่แท้จริงของพวกเขา เขาก็จะไม่ยอมรับพวกเขาเข้าร่วมด้วย

หลังจากออกจากเมืองจักรพรรดิเหลือง เขาต้องเลือกที่ตั้งที่เหมาะสมในการตั้งค่ายก่อน จากนั้น ค่อยนั่งลง แล้วพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือกับผู้เล่นที่เลือกฝ่ายจักรพรรดิเหลือง

มองไปรอบๆ ภาพที่ปรากฎเป็นสิ่งที่ผู้เล่นเห็นเป็นครั้งแรก พวกเขาจ้องมองด้วยความหวาดหวั่น

ตอนนี้เป็นฤดูร้อน มันเป็นฤดูที่มีชีวิตชีวาและกระปรี้กระเปราที่สุดของปี มองไปยังที่ราบกว้างใหญ่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด เต็มไปด้วยหญ้าป่าที่สูงใหญ่ และต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึก หญ้าป่าที่ไม่รู้จักชื่อนี้ ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ และมีความสูงกว่าหัวเข่าของคน มีลมร้อนพัดผ่าน ภายในหญ้าสูง มีเสียงสัตว์ร้ายคำราม ดูเหมือนที่นี่จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นเช่นนั้น เป็นธรรมดาที่โอหยางโชวจะไม่กล้าไปไกลเกินไป

เขาสั่งให้หลินยี่นำกองร้อยทหารม้าและทหารจากฝ่ายข่าวกรอง มองหาจุดตั้งค่ายที่เหมาะสม ใกล้ๆกับเมืองจักรพรรดิเหลือง

ในสงครามและการรบโบราณ ที่ตั้งค่ายจะถูกเลือกโดยภูมิปัญญา และการพิจารณาที่ซํบซ้อน มันไม่สามารถกระทำโดยประมาทได้ ศิลปะสงครามซุนฉีระบุว่า ‘กองทัพควรมองหาที่ราบสูงและต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่ต่ำ มองหาสถานที่ที่มีแสงแดดมากและ หลีกเลี่ยงที่มืดและชื้น อีกทั้ง ยังต้องมองหาสถานที่ที่มีน้ำและต้นไม้ เพื่อที่จะได้จัดการกับเสบียงได้สะดวก ถ้าทหารของพวกเขาแข็งแรงและไม่เจ็บป่วย พวกเขาก็มีโอกาสสูงที่จะชนะสงครามทั้งหมด’

นอกจากนี้ พวกเขายังต้องหลีกเลี่ยงป่าหรือทางข้ามแม่น้ำ ต้องคำนึงว่า ฝ่ายชี่โหยวจะโจมตีจากทางตะวันออกเฉียงใต้ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ตำแหน่งที่เหมาะจะตั้งค่ายที่สุดจึงเป็นทางตะวันตกของเมืองจักรพรรดิเหลือง พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะก่อนการรบได้ และยังสามารถทำหน้าที่เป็นปีก เข้าสู้สนามรบอย่างรวดเร็วได้

อีก 1 ชั่วโมงต่อมา หลินยี่และคนของเขาก็กลับมา

หลินยี่รีบขี่ม้ามาทางเขา แล้วกล่าวว่า “เรียนนายท่าน เราพบเนินเขาทางตะวันตกของเมืองจักรพรรดิเหลือง ห่างออกไปทางใต้ของเนินเขามีแม่น้ำขนาดใหญ่ มันอยู่ไม่ไกลจากเนินเขานัก ทำให้ง่ายต่อการใช้น้ำ ข้าคิดว่า มันเป็นจุดที่เหมาะที่จะตั้งค่าย”

โอหยางโชวพยักหน้า เขายิ้มอย่างพอใจ แล้วกล่าวว่า “ดี ทุกคนไปกัน!”

กองกำลังเริ่มยุ่ง หลังจากที่พวกเขามุ่งหน้ามาถึงที่ตั้งค่าย

ประการแรก พวกเขาต้องตัดและเผาหญ้าป่าที่น่ารำคาญทั้งหมด เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการตั้งค่าย, ประการที่ 2 พวกเขาต้องไปที่ป่าใกล้ๆ เพื่อตัดไม้บางส่วนมาสร้างค่าย

เพื่อความปลอดภัยของค่าย ค่ายจึงต้องมีกำแพงขนาดเล็ก พวกเขาใช้วิธีตัดไม้ให้มีความยาว 2 แบบ 1 สั้น 1 ยาว หลังจากเผาลำต้นของพวกมันแล้ว ก็ฝังปลายด้านหนึ่งลงไปในดิน ลำที่ยาวจะอยู่ด้านนอกและลำที่สั่นจะอยู่ด้านใน จากนั้น ในระหว่างทั้ง 2 จะมีแผ่นไม้กระดาน ถูกติดตั้ง 2 ชั้น เพื่อใช้เป็นที่ยืนบนกำแพง สามารถใช้สำหรับให้ทหารราดตระเวนและทำหน้าที่เป็นยาม ในขณะที่ภายในค่ายพักผ่อน

เมื่อพวกเขากำลังตั้งค่าย เต็นท์ทหารสามารถรองรับทหารได้ 5 นาย โดยเต็นท์ทหารจะตั้งล้อมรอบกัน มีการขุดท่อระบายน้ำเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ทหารไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าไปในเต็นท์อื่นนอกจากเต็นท์ของตัวเอง พื้นที่ใกล้ๆเต็นท์หลายจุดมีห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งมันจะอยู่ห่างจากแหล่งอาหารและน้ำ พื้นที่ระหว่างเต็นท์ถูกเหลือไว้มากพอให้เคลื่อนไหวได้โดยสะดวก

พอเวลาใกล้เที่ยง พื้นที่ค่ายก็ถูกเตรียมเสร็จ ขณะที่ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการตัดไม้และขุดท่อระบายน้ำ โอหยางโชวก็บอกให้หวังเฟิงพากองร้อยทหารราบตามเขามา

ในค่าย โอหยางโชวนำเต็นท์หลักที่เขาซื้อมาออกมา ตั้งขึ้นเป็นห้องประชุมสำหรับปรึกษาหารือ

เมื่อเทียบกับเต็นท์ทหาร เต็นท์นี้มีขนาดใหญ่กว่าถึง 5 เท่า และสามารถรองรับคนได้ 20-30 คน

หลังจากตั้งเต็นท์ โอหยางโชวก็นำเก้าอี้และโต๊ะไม้ ที่เขานำมาจากโรงไม้ มาตั้งไว้ด้านใน

เมื่อเห็นโอหยางโชวหยิบสินค้าต่างๆจำนวนมากออกมาจากถุงเก็บของของเขาอย่างกับมีเวทมนต์ มู่หลานเยว่ก็มุ่งหน้ามาทางเขาอย่างกระตือรือร้นเหมือนเด็กๆ ตาของเธอเบิกกว้าง และถามเขาว่า “พี่ใหญ่หวู่ยี่ ถุงเก็บของของพี่มีความจุเท่าใดกัน?”

โอหยางโชวอธิบาย “ตอนนี้มันขยายจนมีความจุ 1,000 ลูกบาศก์เมตร แน่นอนว่ามันเป็นถุงเก็บของขนาดใหญ่” โอหยางโชวไม่ต้องการอธบายต่อ เขาจึงกล่าวออกไปว่า “เต็นท์ตั้งเสร็จแล้ว ไปเรียกทุกคนมาที่นี่ เพื่อปรึกษาหารือสิ่งที่เราจะทำต่อไป เร็วๆนะ”

“อื้อ!” มู่หลานเยว่พยักหน้าอย่างน่ารัก

…………………………………………………………………………….

ภายในเต็นท์ โอหยางโชวนั่งอยู่ตรงกลาง ทั้ง 2 ด้านของเขา นั่งด้วย เฟิงฉิวฮวง, ไป๋ฮัว, มู่หลานเยว่ และกงเฉิงซี ด้านหลังของพวกเขานั่งด้วยผู้ช่วยและขุนพลทั้งหลาย

“ตอนนี้ เราได้ตั้งค่ายแล้ว สำหรับสิ่งที่เราจะทำต่อไป พวกท่านมีข้อเสนออะไรหรือไม่?” โอหยางโชวถาม

เฟิงฉิวฮวงเป็นคนฉลาด เธอรู้ว่า เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในพันธมิตรซานไห่ มันจึงเหมือนกับว่าเขาได้ถามเธอโดยตรง

เฟิงฉิวฮวงหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “ทำไมท่านลอร์ดหวู่ยี่ไม่บอกแผนมาตรงๆล่ะ ตั้งแต่เมืองหงส์สาบสูญของข้าเข้าร่วมกับท่าน ข้าก็ยินดีจะทำตามคำแนะนำของท่าน”

โอหยางโชวพยักหน้า “ข้าจะบอกตรงๆแล้วกัน”

“ฮ่าๆๆ!” มู่หลานเยว่หัวเราะ ทำให้ทุกคนหันไปมองเธอ เธออายเล็กน้อย และกล่าวว่า “ข้าแค่คิดว่ามันน่าสนใจดี ที่ทั้ง 2 คน ใช้คำพูดแบบนั้นคุยกัน”

เฟิงฉิวฮวงตระหนักถึงมัน เธอหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “นั่นก็จริง ทำไมเราไม่กำจัดพิธีรีตองออกไปซะละ ชื่อของข้าคือ เฟิงหวู่ พี่ชายหวู่ยี่สามารถปฏิบัติต่อข้าเหมือนกับเป็น 1 ในพวกท่านได้”

โอหยางโชวพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “เพื่อให้สะดวกในการจัดการ ความตั้งใจของข้าคือ การรวมกองกำลังทั้ง 5 เป็น 1 เดียว และปฏิบัติตามคำสั่งผู้นำคนเดียว โดยจะแยกกองกำลังเป็น ทหารม้า, ทหารโล่ดาบ และทหารธนูและหน้าไม้ รวมเป็น 3 ประเภท ข้าเสนอให้จางเลี้ยวเป็นผู้บัญชาการทหารม้า โดยมีหลินยี่และหงหยิงเป็นรองผู้บัญชาการ, ขุนพลซีเป็นผู้บัญชาการทหารโล่ดาบ โดยมีกงเฉิงซีและหวังเฟิงเป็นรองผู้บัญชาการ, มู่กุ้ยหยิงเป็นผู้บัญชาการทหารธนูและหน้าไม้ โดยมีเจ้าซีฮูและตี่ฉิวเป็นรองผู้บัญชาการ และจูโชวจะเป็นที่ปรึกษา(กุนซือ) โดยมีทซิงยี่และฉิงหลวนเป็นรองที่ปรึกษา”

การจัดการของโอหยางโชว ได้ผ่านการพิจารณาอย่างเข้มงวด มันไม่ได้เป็นเพียงการป้องกันตำแหน่งแกนหลักของซานไห่เท่านั้น แต่ยังพิจารณาถึงพันธมิตรของเขาด้วย แน่นอนว่าการพิจารณาครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความสามารถและศักยภาพเป็นหลัก

สำหรับทหารม้านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นทหารจากเมืองซานไห่และเมืองสอดคล้อง ผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการจึงสามารถสั่งการได้อย่างราบรื่น

สำหรับทหารโล่ดาบ ขุนพลซีมีอำนาจอย่างแท้จริง และฐานะของกงเฉิงซีก็ได้รับการพิจารณา ทำให้เขาได้เป็นรองผู้บัญชาการ และนำกองทหารของเขา

สุดท้ายคือ ทหารธนูและหน้าไม้ ซึ่งมากจากเมืองซานไห่ถึง 500 นาย และเป็นแกนหลัก แต่โอหยางโชวตัดสินใจมอบตำแหน่งผู้บัญชาการให้กับมู่กุ้ยหยิง มันแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจของเขา เพราะเธอเหมาะที่จะเป็นผู้บัญชาการมากกว่าเจ้าซีฮู ขณะที่ยังมีทหารธนูอีก 200 นาย จากเมืองหงส์สาบสูญ โอหยางโชวจึงจัดให้ตี่ฉิวเป็นรองผู้บัญชาการ

จากทั้งหมดนี้ อาจกล่าวได้ว่า มีเพียงเมืองหงส์สาบสูญเท่านั้นที่ขาดทุน พวกเขามีทหารถึง 500 นาย แต่พวกเขาขาดนายทหาร ทำให้พวกเขาไม่สามารถเป็นแกนหลักได้ ทำได้เพียงเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น ที่เป็นเหตุผลที่โอหยางโชวลังเล จนกระทั่งเธอได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อเขา เขาจึงได้กล่าวแผนการและยุทธศาสตร์ของเขาออกมา

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด