ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 62: เฮดลี่คาว (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Kotb] บทที่ 64: เฮดลี่คาว (จบ)

[KotB] บทที่ 63: เฮดลี่คาว (2)


บทที่ 63: เฮดลี่คาว (2)

เขาหยิบมุมหนึ่งของวัตถุรูปทรงคล้ายเมฆขึ้นมา

เพียงแค่ 1/3 ของมัน

อึก !

เขากลืนมันลงไปอย่างไม่ลังเล

ร่างกายของมูยองสั่นสะท้านชั่วครู่หนึ่ง

จากนั้นดวงตาทั้งสองก็มีเลือดไหลออกมา ทุกรูขุมขนบนร่างกายของเขาต่างมีเลือดไหลซึม

พรสามประการ

ไม่ว่ามันจะเรียกว่าอะไรก็ตาม หากสิ่งที่คุณปรารถนากลายเป็นจริงมันก็ไม่ไกลจากคำว่า 'ปาฏิหาริย์' มากนัก

ความมหัศจรรย์แบบนั้นไม่มีทางที่จะเป็นจริงได้เพียงเพราะคุณใช้มัน

มันขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์นั้นด้วย

มีคนมากมายที่ต้องการทำให้ความปรารถนาเป็นจริงและพร้อมจะจ่ายในราคาที่เหมาะสม

พรสามประการ ทำให้ร่างกายของผู้ใช้ต้องรับภาระหนักสำหรับการรับรู้ถึงความปรารถนา

คล้ายกับความคิดที่ว่า มีแสงบางอย่างวิ่งทะลุผ่านหัวใจยามเมื่อใครสักคนกำลังใกล้ตาย อาจกล่าวได้ว่าในการใช้พรสามประการสามารถเผาผลาญจิตวิญญาณโดยตรงได้อย่างมหาศาล

จากนั้นบางสิ่งบางอย่างก็เอ่ยขึ้นทักทายกับมูยอง

"คุณปรารถนาสิ่งใด?"

หญิงสาวหน้าตาสละสลวย นั่งอยู่บนพื้นหญ้า

ร่างของเธอเปลือยเปล่า ปีกสีขาวบริสุทธิ์กระพือขึ้นลงในขณะที่เธอจ้องมองมายังมูยอง

ทุกกระเบียดนิ้วของเธอดูคล้ายกับฑูตสวรรค์ แต่ทว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น

เธอไม่ได้มีอยู่จริง มันก็แค่ถูกตั้งค่ามาให้อยู่ในรูปร่างแบบนี้เท่านั้น

รูปลักษณ์ของเธอเป็นสิ่งสมมุติที่เกิดจากนักบวชหลายหมื่นคนแห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์มูลาลันสร้างขึ้น

อันเดอร์เวิลด์เป็นสถานที่ที่มีแต่มอนสเตอร์ และปีศาจเท่านั้น

นักบวชเหล่านั้นจะสามารถสร้างฑูตสวรรค์ได้ยังไง ในเมื่อสิ่งที่พวกเขาเคยเจอมีแต่ปีศาจนับไม่ถ้วน และไม่เคยพบเจอฑูตสวรรค์มาก่อน

ดังนั้นพวกเขาจึงเพียงเชื่อและทำตามสิ่งที่ศาสนาของตนสอนไว้เท่านั้น

มูยองเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าผู้ที่มอบพลังแก่พวกเขาไม่ใช่ฑูตสวรรค์หรือเทพใดๆ มันต้องเป็นบางอย่างที่แตกต่างไปจากนั้นอย่างสิ้นเชิง

"ฉันกำลังตามหาเฮดลี่คาว"

"ความปรารถนาของคุณจะเป็นจริง"

เมื่อมูยองถามจบ ผู้มาเยือนก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ถึงเขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าว แต่มันคงทำเพื่อให้ทุกอย่างดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น

'ทิศตะวันตก'

หลังจากผู้มาเยือนได้หายไป เส้นลูกศรสีแดงก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของมูยองบ่งชี้ไปทางทิศตะวันตก

ในขณะเดียวกันสายตาของมูยองก็กว้างขึ้น เมื่อมีฉากบางอย่างปรากฏอยู่เบื้องหน้า

เหล่าโดเกบิกำลังอพยพไปทางทิศตะวันตก

เป็นการย้ายถิ่นฐานของโดเกบิจำนวนมาก

ดูจากจำนวนของพวกมันน่าจะมีมากกว่าแสนตัว

พวกมันกำลังเดินทางไปยังสถานที่บางแห่ง

เหล่าราชาซึ่งมีเขาบนหัวเป็นเอกลักษณ์ กำลังฝูงของมันทั้งหมดไปยังสถานที่เดียวกัน

มูยองจำคำพูดของโอการ์ได้เมื่อพบกันครั้งแรก

'การจุติของโอม!'

เขาไม่รู้ว่ามันเป็นพิธีอะไร

ตอนนั้นโอการ์ซึ่งคิดว่ามูยองเป็นโดเกบิ ได้กล่าวว่ากลุ่มของโดเกบิกำลังเคลื่อนที่ไปทางตะวันตก

ดูเหมือนว่าเฮดลี่คาวซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มพวกนั้น

ทำไมมันถึงออกเดินทางไปกับกลุ่มของโดเกบิ?

อย่างไรก็ตามเขามั่นใจในสิ่งหนึ่ง

จากจำนวนที่เห็นทั้งหมดคือโดเกบิ ไม่มีสายพันธุ์อื่นนอกจากนั้น

ดังนั้นมีโอกาสที่เฮดลี่คาวจะเปลี่ยนร่างกลมกลืนไปกับพวกมัน

'เหตุผลที่ว่าทำไม เฮดลี่คาวถึงเปลี่ยนร่างเป็นโดเกบิ....'

ถ้าคุณมองให้กว้างขึ้นจากการที่เฮดลี่คาวเป็นภูติชนิดหนึ่ง

มันอาจจะทำแบบนั้นเพื่อความสนุก หรือบางอย่างซึ่งเกี่ยวข้องกับการจุติของโอม

และเขาต้องไปตรวจสอบด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตามเขาต้องการพักสักหน่อย

ร่างกายของเขารู้สึกร้อนเหมือนอยู่ในกองไฟ และยังรู้สึกวิงเวียน คลื่นไส้

มูยองเอนตัวลงบนกำแพง และหลับตาลงชั่วครู่

เขารู้ดีว่ามันต้องมีผลข้างเคียง แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะส่งผลกระทบมากขนาดนี้

'ฉันอาจจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้หากได้งีบหลับ'

มูยองรู้ดีเกี่ยวกับสภาพร่างกายปัจจุบันของตัวเอง

เนื่องจากเขารู้แล้วว่าเฮดลี่คาวอยู่ที่ไหน และมันกำลังเคลื่อนไปในทิศทางใด เขาจึงไม่รีบร้อนและต้องการพักฟื้นก่อนจะเดินทาง

กลางดึกคืนนั้น

ในเงามืดของท้องฟ้ายามค่ำคืน มูยองค้นหาเส้นทางผ่านร่องรอยตามผืนทะเลทราย

เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของจิตวิญญาณที่กำลังดิ้นรนต่อการมีชีวิต แม้ว่าท่ามกลางเสียงนั้นจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตายก็ตาม

'บาลตัน'

นั่นมันเขานิ

เขากำลังจะตาย

ความจริงที่ว่าบาลตันไม่ได้รับการรักษาในทันที ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ

ตอนนี้บาลตันยึดมั่นอยู่กับความตั้งใจอันบริสุทธิ์เท่านั้น

มูยองเจอสถานที่นี้ได้โดยสัญชาตญาณ

เขาได้เห็นการตายมาแล้วนับไม่ถ้วน ดังนั้นสถานที่นี่ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก

“ท่านลอร์ด.. ?”

"ท่านดูเหมือนไร้เรี่ยวแรง"

"ฉันขอโทษที่มันดูเป็นอย่างนี้"

เสียงของเขาแหบพร่า

ใบหน้าที่ซีดขาวไม่ต่างจากซากศพ

บาลตันหัวเราะอย่างงุ่มง่ามในขณะที่เขาพูด

"แต่มันน่าทึ่งมาก  ผมคิดว่าเทพแห่งความตายจะปรากฏตัวขึ้น แต่กลับกลายเป็นท่าน"

"ไม่มีความหวังอีกแล้ว ทำไมนายถึงยังทนมาจนถึงตอนนี้? "

บาลตันเอ่ยปากพูดออกมาอย่างทรมาน

"เป็นเพราะเธอคนนี้"

แล้วเขาก็ลูบหัวไอรีนที่หลับอยู่ข้างๆ

ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอยังไม่ตื่น เพราะเธอไม่ได้พักผ่อนเลยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

"ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด มันคงเป็นเรื่องยากที่ผมจะผ่านวันนี้ไป  อย่างมากสุดคงอีกแค่ครึ่งวัน....ผมขอโทษที่ไม่สามารถช่วยอะไรท่านได้อีก"

"ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่แรก"

"ผมรู้ ผมแค่หวังจะพึ่งพาท่าน พวกเราอ่อนแอ และคงไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้เองภายในดินแดนเทพปีศาจ"

แค่ก!  แค่ก!

บาลตันไอออกมาอย่างรุนแรง

และแล้วเขาก็มาถึงจุดที่เกินจะทนไหว

"ตอนแรกผมวางแผนที่จะจากไปอย่างเงียบๆ แต่ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมมีสิ่งที่อยากขอร้อง?  มันเป็นแค่เรื่องง่ายๆสำหรับท่าน"

สายตาของบาลตันเต็มไปด้วยความปราถนาท่ามกลางความสิ้นหวัง

จากนั้นมูยองก็รู้ว่าทำไมบางอย่างถึงพาเขามาที่นี่

ผู้ปกครองแห่งความตาย

แน่นอนมันเป็นเพราะผลกระทบจากมัน

เขาสามารถเข้าใจได้โดยธรรมชาติ ว่าอะไรที่เขาสมควรทำ

"มันต้องแลกมาด้วยชีวิตของนาย"

บาลตันเข้าใจความหมายในคำพูดของมูยอง

เป็นเพราะเขาเคยเห็นมูยองควบคุมอันเดธ

ถึงอย่างนั้นบาลตันก็ยังพยักหน้า

"ผมกำลังจะตาย แต่แทนที่ผมควรจะกลัวมัน เมื่อมีความตายเข้ามาใกล้ผมกลับรู้สึกถึงความชัดเจนของตัวเองยิ่งขึ้น "

ขณะนั้น

<ด้วยอำนาจของเดธลอร์ด> "สัญญาแห่งความตาย" ถูกเรียกใช้

<'สัญญาแห่งความตาย' เป็นสัญญาที่ใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นหลักประกัน  มันเปิดใช้งานเมื่อผู้ทำสัญญาต้องการพลังท่ามกลางความสิ้นหวัง หลังจากทำสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว ค่าศิลปะที่เพิ่มจะขึ้นอยู่กับเรื่องราวของผู้ทำสัญญา เมื่อผู้ทำสัญญาตายและถูกทำให้กลายเป็นอันเดธ พลังความแข็งแกร่งที่มากขึ้นจะปรากฎ>

ใช่ มันเป็นแบบนั้น

หลังจากพ่อของซูจี อำนาจของพลังนี้ก็เกิดขึ้นกับบาลตัน

สัญชาตญาณต่อสายใยแห่งความตาย ทำให้ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ นี่เป็นโอกาสทองที่จะทดสอบอำนาจนี้

"พูดสิ มันคืออะไร"

เขาจะขอให้ตัวเองรอดชีวิต?

หรือขอให้ปกป้องไอรีน?

บาลตันยกร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บขึ้น และคุกเข่าลง

"ให้ผมเป็นอัศวินของท่าน " ผมอยากจะปกป้องสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่"

เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน

เขาได้ตระหนักถึงความตาย และอาสาที่จะกลายเป็นอันเดธ

'อัศวิน'

มูยองดูแคลนเขาอยู่ในใจ

หากว่ากันตรงๆ สเตตัสทางกายภาพของบาลตันนั่นห่วยแตก สภาพร่างกายของบาลตันไม่มีดีพอที่จะกลายเป็นดาบคอยปกป้องมูยองได้ และเขาเองน่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว

การที่จะกลายเป็นอัศวินก็เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น และสิ่งที่เขาต้องการจริงๆก็คือการได้รับอนุญาตให้ปกป้องอาณาเขตนี้

บาลตันต้องการปกป้องคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเช่นนี้

"การเสียสละที่ไร้ประโยชน์"

"ผมบอกกับตัวเองมาตลอด ที่อันเดอร์เวิล์ดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่อันตราย คนที่มีจิตใจดีต่างตายไปหมด เหลือเพียงคนที่เห็นแก่ตัวเท่านั้นที่มีชีวิตรอด แม้แต่ตอนนี้ความคิดของผมก็ยังไม่เปลี่ยน   แต่"

บาลตันกัดฟันแน่น

"เราไม่สามารถเพียงนั่งอยู่เฉยๆ แล้วยอมรับมัน เราต้องยืนหยัดด้วยตัวเองเมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ นั่นคือสิ่งที่ไอรีนแสดงให้ผมเห็น"

"นายเชื่อว่าการตายของนายจะเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้เหรอ?"

"ใช่"

เขาไม่ได้ลังเลเลยสักนิด

มันคือความเย่อหยิ่ง

แต่มันก็คุ้มค่าที่จะชมเชยในข้อเท็จจริงที่เขาต้องการยืนหยัดด้วยตัวเอง โดยไม่ซ่อนตัวอยู่หลังคนอื่น

อย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่สามารถเยาะเย้ยเรื่องนี้ของบาลตันได้

มูยองหันหลังกลับไป

"เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นนายจะเกิดใหม่อีกครั้ง"

เหมือนคำทำนาย เขาพูดคำเหล่านั้นก่อนจะจากไป

และในวันรุ่งขึ้น

บาลตันผู้พิทักษ์อาณาเขตก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา

*

<จุดมุ่งหมายที่เหนือล้ำความตาย>

<ความตายอันน่ายกย่อง! เขาเดินหน้าสู่ความตายจนได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ของอาณาเขต>

<อำนาจของเดธลอร์ด 'สัญญาแห่งความตาย' เสร็จสมบูรณ์แล้ว ด้วยพลังอำนาจจากเดธลอร์ดทำให้ค่าสเตตัสของเขาเพิ่มเป็นอย่างมาก>

<คะแนนศิลปะเท่ากับ 84>

<ผู้พิทักษ์ อัศวินผู้พิทักษ์ถูกสร้างขึ้น!>

<ชื่อ: บาลตัน

เลเวล 101

ประเภท : อัศวินผู้พิทักษ์

Strength 112 (92 + 20) Agility 115 (95 + 20) Stamina 160 (140 + 20)

Intelligence 94 (74 + 20) Wisdom 92 (72 + 20) Indomitable(ความทรหด) 80 (60 + 20) >

+ ผู้พิทักษ์อาณาเขต (ภายในอาณาเขตที่กำหนดไว้ สถานะทั้งหมด +20)

+ เสียงตะโกนของผู้พิทักษ์ (ภายในอาณาเขตความอดทนของ 'พันธมิตร' เพิ่มขึ้นเล็กน้อย)

+ เพิ่มศักยภาพ (คุณจะแข็งแรงขึ้นเมื่อคุณต่อสู้เพื่อปกป้อง)

+ อัตราอนุรักษ์นิยมสูง (มีความอิสระสูง)

มูยองทำให้บาลตันตื่นขึ้นมาจากความตาย และมอบหน้าที่ผู้พิทักษ์อาณาเขตแก่เขา

เขาได้รับคะแนนศิลปะถึง 84 คะแนน เนื่องจากเรื่องราวความเป็นมาของบาลนั้นลึกซึ้ง รวมกับพลังอำนาจของเดธลอร์ด

ถึงแม้เขาจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น แต่สเตตัสของเขาก็อยู่ในระดับนี้เท่านั้น เพราะเขาไม่ใช่วัตถุดิบที่ดีนัก แต่ยังไงมันก็น่าทึ่งแล้ว

นอกจากนี้ไม่มีทางที่บาลตันจะทรยศเขา

มูยองคิดว่าบาลตัน จะทำหน้าที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้ได้ดีเนื่องจากความทรงจำของบาลตันยังคงอยู่

'เพิ่มศักยภาพและมีความเป็นอิสระสูง'

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นอันเดธ แต่เขาก็มีทั้งสองอย่างที่หาได้ยาก

นี้คือพลังจากผู้ควบคุมอำนาจ (พลังของเดธลอร์ด)

แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ยังคงอ่อนแอกว่าไฮเดกเกอร์ มันดูเป็นผลเสียมากกว่าที่มอบหน้าที่ผู้พิทักษ์อาณาเขตให้เขา เนื่องจากตำแหน่งนี้มีเพียงหนึ่งที่เท่านั้นสำหรับหนึ่งอาณาเขต

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะเปลี่ยนไปหากเขาคิดเป็นและเติบโตขึ้น

ตอนนี้เขาสามารถฟื้นฟูร่างกาย รวมถึงสามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว

"บาลตันจะมาทำหน้าที่เป็นลอร์ดแทนฉันสักระยะหนึ่ง"

มูยองประกาศอย่างเงียบ ๆ

ทุกคนที่นี่ไว้ใจบาลตัน

และมูยองยังให้ดาร์คกูลกับเหล่าผู้ล้างแค้นประจำการอยู่ที่นี่

มันคงมีประโยชน์ยิ่งขึ้นหากมีอันเดธ 10-20 ตัวคอยดูแลอีกชั้นนึง

"บาลตันเกิดใหม่อีกครั้งในฐานะอัศวินของฉัน  ในขณะที่ฉันไม่อยู่ที่นี่ จงเชื่อฟังบาลตัน พัฒนาดันเจี้ยนรวมถึงดูแลพื้นที่รอบๆด้วย"

"ผมจะทำตามคำสั่งของท่าน"

คนแรกที่ตอบสนองคือบาลตัน

น่าประหลาดใจที่เขาไม่ได้พูดงุ่มง่าม

แม้แต่ดวงตาของเขาก็มีประกายราวกับว่ายังมีชีวิตอยู่

"ท่านลอร์ด ท่านกำลังจะไปที่ใด?"

ชายชราไม่สามารถซ่อนความกังวลใจเอาไว้ได้จึงถามออกมา

มูยองมองไปทางเส้นสีแดงในอากาศและตอบสั้น ๆ

"ฉันจะไปที่หุบเขาวิญญาณ"

หุบเขาวิญญาณ  มันเป็นสถานที่ที่โดเกบิกำลังดำเนินพิธีกรรมของพวกมัน

และเฮดลี่คาวก็ถูกซ่อนตัวอยู่ในสถานที่นั้น ...

มูยองกำลังวางแผนที่จะเข้าร่วมในฐานะนักล่า

*

เส้นลูกศรสีแดงชี้ไปทางทิศตะวันตก

เมื่อเวลาผ่านไป มันก็ค่อยๆจางหาย

'นี่ฉันมาถึงแล้วเหรอ?'

โดเกบิมากกว่าแสนเดินทางมาเป็นแถว ดูเหมือนทุกคนจะมาถึงปลายทางแล้ว

'คงถึงเวลาที่ต้องใช้อาชานรก'

มูยองขมวดคิ้ว

มันเป็นความคาดหวังเล็กๆ แต่เขาไม่สามารถรู้สึกได้ถึงตัวตนของอาชานรกเลย

ดูเหมือนอาชานรกยังอยู่ในตำแหน่งเดิม ก่อนที่เขาจะใช้ไอเทมเทเลพอร์ตทางไกล

ความคล่องตัวของอาชานรกอาจจำเป็นต่อการตามจับเฮดลี่คาว

และในฐานะที่มันเป็นถึงอาชานรก มันสามารถสร้างแรงกดดันให้เฮดลี่คาวที่กลายร่างเป็นฟีนิกซ์ได้

"ยังไงฉันก็ต้องพยายามเองดูก่อน"

เขาไม่มีทางเลือก

เขาต้องการที่จะลองด้วยตัวเอง แม้จะไม่มีความช่วยเหลือของอาชานรก

มูยองเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตก

หุบเขาวิญญาณอันใหญ่โต

มีโดเกบินับแสนรวมตัวกันอยู่

“อา-อูม! อา-ฮูม! อา-อูม! อา-ฮูม!”

“อา-อูม! อา-ฮูม! อา-อูม! อา-ฮูม!”

ตึ่ม! ตึ่ม! ตึ่ม! ตึ่ม!

พวกเขาร้องขณะที่กระแทกเท้าลงพื้น

เสียงดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา

โดเกบิหลากชนิดหลายสายพันธ์ุต่างรวมตัวกันอยู่ที่นี่

"ผมสีขาวกับเขา เจ้าเป็นราชาโดเกบิเผ่าน้ำแข็งหนิ? มาทำอะไรที่เผ่าไฟของข้า? หลงทาง!! หากเราไม่ได้อยู่ในพิธีการจุติของโอมข้าคงไม่ปล่อยให้เจ้าจากไปง่ายๆแบบนี้แน่ "

มีบางคนจับที่ไหล่ของมูยอง

มันคือราชาโดเกบิที่มีผมสีแดงสว่างไสว

พร้อมกับรูปร่างที่สูงใหญ่

สถานการณ์ของโดเกบิน้ำแข็งและโดเกบิไฟนั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก

"โดเกบิน้ำแข็งรวมตัวกันอยู่ที่ไหน?"

"ฮะ ดังนั้นเจ้าเป็นเพียงราชาโง่ที่เอาแต่วิ่งเล่นไปรอบๆสินะ มันอยู่ทางนั้น "

“ขอบคุณ”

"หืม อะไรนะ?"

ท่าทางของเขาดูสับสนกับคำว่าขอบคุณจากโดเกบิต่างฝ่าย

มูยองไม่ได้สนใจ และมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่โดเกบิไฟชี้

'ในบรรดาโดเกบิเหล่านี้ มีเฮดลี่คาวแฝงตัวอยู่'

มูยองมั่นใจ

เขาไม่รู้จักพิธีการจุติของโอม แต่ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องธรรมดา

แผ่นดินและเวทมนตร์สั่นสะเทือน

เพียงแค่อยู่ใกล้ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าวิญญาณของเขาอาจถูกดูดเข้าไป

มันเป็นเหตุผลว่าทำไมมีเพียงโดเกบิอยู่ที่นี่ในหุบเขากว้างนี้

และดูเหมือนเฮดลี่คาวจะเข้าร่วมพิธีเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น

ต้องมีบางอย่างที่มันต้องการผ่านการจุติของโอม

‘รอก่อนเถอะ’

ใครสักคนในหมู่โดเกบินับแสน อาจเป็นเฮดลี่คาว?

ความจริงจังปรากฏขึ้นในแววตาของมูยอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด