ตอนที่แล้วบทที่ 104 ลังเล  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 106 คนฟั่นเฟือนกับการแปรสภาพสินค้ากึ่งสำเร็จ

บทที่ 105 แผนผังปิศาจกับเมล็ดพันธุ์อสูร


 

จั่วม่อมองพืชหญ้าปราณกับของจิปาถะหลากหลายที่วางกองอยู่ตรงหน้าอย่างหวาดผวาอยู่บ้าง อย่างเช่นธูปสามแท่งที่ทำจากเถ้าเส้นผมเผาไฟของอสูรแหฟ้า ขวดเล็กๆ ที่บรรจุไว้ด้วยเลือดของปิศาจนกพิราบโศกา หรือถุงน้ำดีของปิศาจอีเห็นที่มีกลิ่นน่าคลื่นเหียน...

มันซื้อสิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดตามที่ผูเยาสั่งการ ต้องวิ่งพล่านไปทั่วตงฝู และเดินทางไปเยี่ยมเยือนเหอหยงถึงที่ร้าน จึงสามารถรวบรวมสิ่งของทั้งหมดนี้ได้ครบถ้วน สิ่งของพิลึกกึกกือเหล่านี้นี้ล้วนราคาแพงมาก มันใช้จ่ายหนึ่งพันชิ้นจิงสือระดับสามไปจนเกลี้ยงเกลา ผูเยาคราวนี้ใจกว้างอย่างน่าอัศจรรย์ ถึงกับยินดีออกจิงสือให้ก่อน

วัตถุดิบพิลึกพิลั่นเหล่านี้ ล้วนเป็นชิ้นส่วนร่างกายของอสูรปิศาจ ซากศพของเหล่าอสูรปิศาจที่ถูกสังหารในการล่าอสูร จะถูกชำแหละอย่างรวดเร็วโดยยอดฝีมือด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ชิ้นส่วนที่มีประโยชน์ใช้สอยทั้งหมด ร่างกายของอสูรปิศาจทุกส่วนอุดมไปด้วยปราณธรรมชาติ มีผลมหัศจรรย์มากมาย ดังนั้นมักถูกนำไปใช้ในการหลอมสร้างยุทธภัณฑ์หรือหลอมกลั่นโอสถเป็นปริมาณมหาศาล อวัยวะภายในและเลือดเนื้อของอสูรปิศาจสามารถใส่ลงไปในเม็ดยา ส่วนหนังของอสูรปิศาจมักแข็งแกร่งหรือหยุ่นเหนียวผิดธรรมดา เป็นวัตถุดิบที่ดีสำหรับสร้างเกราะปราณ ฟันและกงเล็บของพวกมันสามารถหลอมสร้างเป็นกระบี่บินหรือยุทธภัณฑ์เวทระดับสูง

ในช่วงหลายพันปีมานี้ การล่าอสูรไม่เคยหยุดนิ่งแม้แต่วันเดียว นอกเหนือจากความแค้นระหว่างเผ่าพันธุ์แล้ว แรงจูงใจส่วนใหญ่ยังมาจากผลกำไร

อย่างไรก็ตาม การล่าอสูรเปี่ยมล้นภยันตรายมากเกินไป แต่ผลกำไรกลับไม่มากนัก ดังนั้นการเลี้ยงสัตว์ปราณจึงเป็นที่นิยม เหล่าสัตว์ปราณอาจมีคุณสมบัติไม่เทียบเท่าอสูรปิศาจ มิหนำซ้ำชิ้นส่วนร่างกายของสัตว์ปราณก็ไม่ใช่วัตถุดิบระดับสูง แต่เมื่อเทียบด้านปริมาณและต้นทุนที่ย่อมเยา แม้แต่สำนักเล็กๆ ดังเช่นสำนักกระบี่สุญตายังมีคอกสัตว์ของตนเองโดยเฉพาะ นี่สามารถเห็นได้ว่าการเพาะเลี้ยงสัตว์ปราณแพร่หลายมากเพียงใด

ผูเยาเรียกร้องคุณภาพของวัตถุดิบสูงมาก ทั้งหมดต้องมาจากอสูรปิศาจ ไม่ใช่สัตว์ปราณ นี่เป็นสาเหตุว่าเหตุใดจั่วม่อใช้เงินไปจนหมด วัตถุดิบที่มาจากอสูรปิศาจไม่มีชิ้นใดราคาถูก

แต่...

จั่วม่อมองไปยังสิ่งของแปลกประหลาดบนโต๊ะ ในใจสั่นสะท้าน รู้สึกคล้ายว่าพวกมันกำลังจะประกอบพิธีมนต์ดำ เลือดเนื้อและอวัยวะพิลึกกึกกือเหล่านี้เป็นเครื่องบูชายัญ มันศึกษาค้นคว้าค่ายกลและเคล็ดวิชาอยู่เป็นประจำ แต่ไม่เคยมีสิ่งใดน่าหวาดหวั่นขวัญผวาเท่านี้

“ไม่มีของดีเลยจริงๆ เราคงได้แต่ต้องอลุ้มอล่วยแล้ว” ผูเยาบ่นพึมพำ สีหน้าอับจนปัญญาอยู่บ้าง “ของเหล่านี้แทบจะไม่สามารถสร้างแผนผังปิศาจชั้นต่ำสุดได้เลยด้วยซ้ำ”

“แผนผังปิศาจ?” จั่วม่อรีบถาม ผลักความหวาดกลัวออกไปจากใจ

“เรื่องนี้อธิบายแล้วซับซ้อนไม่น้อย” ผูเยาหยิบวัตถุดิบบางชิ้นขึ้นมาส่องๆ ดู พลางกล่าวสืบต่อ “เจ้าจะคิดเสียว่าเป็นค่ายกลประเภทหนึ่งก็ได้ ค่ายกลตามธรรมชาติ มันเป็นค่ายกลที่สร้างจากเลือด เนื้อ หนัง ขน และพลังชีวิตของเผ่าปิศาจ ฮึ่ม ฮึ่ม ซิวเจ่อปรารถนาจะไขรหัสอันลึกลับนี้ตลอดมาเลยละ แต่กลไกอันเกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์เช่นนี้ จะถูกชำแหละออกมาง่ายดายปานนั้นได้อย่างไร”

“เช่นนั้นเรากำลังจะทำอะไรกันเล่า?”

“อย่าโง่น่า เรื่องง่ายๆ พรรค์นี้ยังต้องถามข้าด้วย?” ผูเยามองจั่วม่อเหมือนมองคนปัญญาอ่อน “แน่นอนว่าเราจะสร้างแผนผังปิศาจบนร่างเจ้า”

“สร้างแผนผังปิศาจ? แผนผังปิศาจก็สามารถสร้างขึ้นด้วย? ไหนเจ้าว่าไม่มีผู้ใดชำแหละกลไกนี้ออกมาได้?” จั่วม่อแปลกใจอย่างยิ่ง

“พวกมันไม่สามารถ ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่สามารถ” ผูเยาแค่นเสียง กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “ในปีนั้น...” ทันใดนั้นมันคล้ายฉุกใจคิดอันใด และปิดปากสนิท ไม่ยอมกล่าวสืบต่อ

ผูเยาไม่ปรารถนาจะเล่า จั่วม่อแม้กระหายใคร่รู้ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม มันพลันเปลี่ยนเรื่อง ชี้ไปยังพืชหญ้าปราณที่กองสุมกัน ถามว่า “หญ้าปราณเหล่านี้เล่า? นี่ก็เอาไว้สร้างแผนผังปิศาจด้วย?” วัตถุดิบบนโต๊ะแยกออกเป็นสองกองอย่างเห็นได้ชัด ฟากหนึ่งเป็นพืชหญ้าปราณ อีกฟากเป็นชิ้นส่วนร่างกายของอสูรปิศาจ

“นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งสำหรับเจ้า” ผูเยาหัวร่อฮี่ฮี่ อธิบายอีกประโยคว่า “สิ่งที่น่าสนใจมาก”

“อ้อ” จั่วม่อผงกศีรษะเป็นเชิงรับรู้ แต่ไม่ได้เข้าใจอันใดเลย ทันใดนั้นมันรู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้ง ง่วงนอนเหลือเกิน...

 

“อย่าได้ลืมเลือน!”

“แม้ในยามตาย ท่านก็ต้องไม่ลืม!”

มันฝันอีกแล้ว จั่วม่อทอดถอน มันเป็นเหมือนผู้ชมดูอยู่ด้านข้างกระดาน เฝ้าดูความฝันของตนเอง มันทราบดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าววาจา ไม่มีผู้ใดตอบคำมัน หรือไม่ก็ ความฝันนี้แค่อยากจะทิ้งคำถามไว้ให้กับมันเท่านั้น

มันกำลังรอคอยที่จะตื่นขึ้นมา

 

เมื่อจั่วม่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาทรงเสน่ห์ของผูเยาเป็นลำดับแรก

“ยินดีต้อนรับกลับมา!” ผูเยายิ้มบางๆ แฝงความนัยไว้ลึกล้ำ

จั่วม่อลุกขึ้นนั่ง รู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งร่างในทันที ทุกส่วนของร่างกายดูเหมือนจะมีบาดแผล มันยังได้กลิ่นเหม็นของเลือดในอากาศ

“สำเร็จหรือไม่?” จั่วม่อพอกล่าวออกมาก็ผวาเสียงตัวเอง น้ำเสียงมันแหบแห้งสนิทสิ้นดี

“สำเร็จ? ข้าอับอายมากที่จะใช้ถ้อยคำสูงส่งเช่นนั้นมาบรรยายผลงานขยะนี่ แต่ก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว เจ้ายากจนมากเกินไป สิ่งที่เจ้าใช้ยังเป็นเงินของข้า เจ้าต้องส่งคืนจิงสือของข้าโดยเร็วที่สุด” ผูเยากล่าวอย่างเหยียดหยามเล็กน้อย

เห็นจั่วม่อกัดฟันอย่างเจ็บปวด ผูเยาดูสุขสราญยิ่ง “ข้าใส่แผนผังปิศาจที่เรียบง่ายมากลงไปในร่างเจ้า อ้อ แผนผังปิศาจอันนี้ข้าพบในร่างของปิศาจแรดทองแดง ทั้งโบราณและเรียบง่ายมาก สามารถดูดซับปราณธรรมชาติรอบข้างและเสริมสร้างสังขารของเจ้าโดยอัตโนมัติ ร่างกายของเจ้าจะปรากฏสีทองแดง แต่ในเมื่อเจ้าฝึกปรือวัชรสูตรน้อย เจ้าสามารถใช้มันปิดบัง ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้”

จั่วม่อดิ้นรนลุกขึ้น แล้วต้องตระหนกอย่างกะทันหัน เห็นเส้นสีทองแดงหนาทึบสองเส้นเริ่มต้นจากใจกลางฝ่ามือทั้งสองข้าง ลากมาตามลำแขนไปยังส่วนอกของมัน และตัดไขว้กันในตำแหน่งกึ่งกลางอก แล้วแยกตัวออกจากกัน ไล่ลงไปตามท่อนขา จนไปสิ้นสุดที่ใจกลางฝ่าเท้าทั้งสองข้าง จุดตัดตรงทรวงอกเป็นเหมือนเส้นสีแดงสองเส้นขมวดเป็นปม

เห็นความวิตกของจั่วม่อ ผูเยากล่าวเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องว่า “ไม่ต้องกังวล หลังจากผ่านไปสองวัน เส้นเหล่านี้จะผสานรวมเข้ากับเลือดเนื้อของเจ้า กระทั่งผู้ที่ใช้เนตรฟ้ายังมิอาจมองเห็นได้”

จั่วม่ออดทอดถอนอย่างโล่งอกไม่ได้ หากมันออกไปด้วยรอยสักน่ากลัวเช่นนี้ ชีวิตของมันคงไม่อาจอยู่สุขสบายอีกต่อไปแล้ว

“แผนผังปิศาจอันนี้ค่อนข้างเรียบง่าย แน่นอน อย่าคาดหวังว่ามันจะมีความสามารถมากมาย” ผูเยาบอกอย่างไม่รับผิดชอบ “เจ้ายากจนเกินไป ไม่มีจิงสือ ก็ย่อมไม่มีสิ่งที่ดีอันใด”

จั่วม่อรู้สึกว่าจุดกึ่งกลางหว่างคิ้วเจ็บปวดมาก อดยกมือขึ้นสัมผัสไม่ได้ พอแตะที่หว่างคิ้ว นิ้วมือของมันคล้ายสัมผัสบางอย่างที่ผิดปกติ

“สิ่งนี้คืออะไร?” จั่วม่อนึกออกในทันใดว่าผูเยาบอกว่าจะเพิ่มสิ่งอื่นลงไปด้วย

“ฮี่ฮี่ นั่นคือเมล็ดพันธุ์อสูร” ผูเยาภูมิใจมาก “แม้ว่าสิ่งนี้ไม่สามารถเปรียบเทียบเมล็ดพันธุ์อสูรของจริงได้ แต่สำหรับเจ้าก็มากเกินพอแล้ว”

จั่วม่อล่วงรู้เรื่องเมล็ดพันธ์อสูรอยู่บ้าง เยามีเมล็ดพันธุ์อสูร ม๋อมีแกนปิศาจ นี่เป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการตัดสินอสูรปิศาจ ซิวเจ่ออาจจะสามารถสร้างแกนทองคำ(จินตัน) แต่แกนทองคำสร้างขึ้นจากพลังปราณ ไม่ใช่วัตถุที่จับต้องได้ หากซิวเจ่อเสียชีวิต แกนทองคำจะสลายหายไปเองในเวลาไม่นาน แต่เมล็ดพันธุ์อสูรและแกนปิศาจ มันเป็นวัตถุที่จับต้องได้ เติบโตขึ้นในร่างกายของพวกอสูรปิศาจ และเป็นวัตถุดิบที่สำคัญยิ่ง จั่วม่อเคยได้ยินมาก่อน แต่ไม่เคยพบเห็นกับตา

“เมล็ดพันธุ์อสูร?” จั่วม่อถามอย่างตื่นตัว “มันใช้ทำอะไร?”

“ก็แค่ลอง แล้วชมดู” ผูเยาตอบ

ฟังคำผูเยา จั่วม่อรีบโคจรเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิด

ทันทีที่เริ่มโคจรพลัง มันก็ตระหนักถึงความแตกต่าง ปราณธรรมชาติรอบข้างคล้ายแย่งชิงกันวิ่งเข้าไปในร่างกายมัน รูขุมขนของร่างกายเปิดออกตามธรรมชาติ ปราณธรรมชาติเคลื่อนเข้าสู่ร่างกายมันได้อย่างสะดวกดาย เนื้อของมันราวกับตาข่ายละเอียดยิบอันมหัศจรรย์ สามารถกลั่นกรองสิ่งสกปรกที่เจือปนในปราณธรรมชาติได้อย่างง่ายดาย เพื่อเปลี่ยนเป็นประกายแสงส่งเข้าไปในเลือดเนื้อของมัน

จั่วม่อตะลึงลานอยู่บ้าง จริงดังที่ผูเยาเคยกล่าว ง่ายเหมือนกับการหายใจ ไม่มีอุปสรรคใดๆ ที่เคยพบเจอมาก่อน ปราณธรรมชาติคล้ายใกล้ชิดสนิทสนมกับมันเป็นอย่างยิ่ง

จั่วม่อปลาบปลื้มยินดีสุดขีด!

ด้วยแผนผังปิศาจ พลังบำเพ็ญเพียรของมันจะก้าวหน้ารวดเร็วขึ้นหลายเท่า

มันครุ่นคิดถึงเมล็ดพันธุ์อสูรที่ผูเยากล่าว แม้จะไม่ทราบว่าเมล็ดพันธุ์อสูรคือสิ่งใด แต่ต้องเกี่ยวข้องกับจิตสำนึกอย่างแน่นอน จริงดังคาด ไม่นานมันก็พบเมล็ดพันธุ์อสูรอยู่ตรงกลางหว่างคิ้ว เป็นผลึกสีแดงดุจโลหิต คลับคล้ายผลึกโลหิตบนต่างหูของผูเยาอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะเป็นความบริสุทธิ์หรือกระจ่างใส ล้วนเลวร้ายกว่ากันมาก

สิ่งที่จั่วม่อค้นพบว่าน่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง คืออาศัยเมล็ดพันธุ์อสูร รูปร่างของพลังแห่งจิตสำนึกของมันได้แปรเปลี่ยนไป

พลังแห่งจิตสำนึกของมันเดิมทีคล้ายลูกกลมหมอก แต่ยามนี้จิตสำนึกของมันราวกับแมงกะพรุนตัวหนึ่ง เต็มไปด้วยเส้นหนวดเรียวเล็ก ห่อหุ้มเมล็ดพันธุ์อสูรไว้เป็นแกนกลาง เส้นหนวดเรียวบางเหล่านี้ มีจั่วม่อเป็นศูนย์กลาง ล่องลอยออกไปรอบด้าน ทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณล้วนสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนอยู่ภายในใจมัน ตั้งแต่ที่มันเริ่มฝึกปรือจิตสำนึก สัมผัสที่หกก็เฉียบไวเป็นที่สุด และด้วยเมล็ดพันธุ์อสูรนี้ สัมผัสนี้ถึงกับเฉียบไวขึ้นอีกหลายเท่า

มันลองเคลื่อนจิตสำนึก เส้นหนวดวิญญาณก็สะบัดอย่างปราดเปรียว กวาดผ่านไปรอบๆ ดั่งใจปรารถนา

จากที่วิตกกังวลมาพักหใญ่ จั่วม่อในที่สุดไม่สามารถปกปิดความปีติยินดี อื่นใดไม่กล้ากล่าวถึง แค่เพียงการหลอมกลั่นโอสถ อัตราความสำเร็จของมันจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ด้วยทั้งสองคุณประโยชน์นี้ แม้ว่ามันจะต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อย ก็ยังคงคุ้มค่า!

ด้วยแผนผังปิศาจกับเมล็ดพันธุ์อสูร ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของมันจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า

ขณะที่จั่วม่อกำลังรู้สึกอยากเฉลิมฉลอง ผูเยาก็ขัดขึ้นอย่างเย็นชา “อย่าเพิ่งด่วนดีใจไป ข้าไม่เคยสร้างแผนผังปิศาจและปลูกเมล็ดพันธุ์อสูรนี้ให้กับผู้ใดมาก่อน หากมีผลข้างเคียงใดๆ เจ้าจะต้องพึ่งพาตนเอง เวลานี้เจ้าจะต้องรีบศึกษาร่ำเรียนวิชาค่ายกลทันที อย่าลืมว่า ต่อให้ความเร็วในการสูบกลืนปราณธรรมชาติจะรวดเร็วเพียงใด แต่หากเจ้าเก็บกักไว้ในร่างกายไม่ได้ ทั้งหมดก็ไร้ค่า”

จั่วม่อจากปลาบปลื้มยินดี ค่อยๆ ปรับจิตใจให้เยือกเย็นลง

ผูเยากล่าวไม่ผิด เวลานี้อัตราดูดซับปราณธรรมชาติเพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่หากมันไม่มีปัญญาแก้ปัญหาเรื่องการเก็บกักพลังปราณ ก็ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง

“จงศึกษาค้นคว้าวิชาค่ายกล” ผูเยาสำทับอย่างจริงจัง ซึ่งหาได้ยากยิ่ง “เวลานี้ เจ้าจะต้องศึกษาแต่ค่ายกลเท่านั้น”

“ศึกษาแต่ค่ายกลเท่านั้น?” จั่วม่อสับสนงุนงงอยู่บ้าง มันรู้สึกว่าถ้อยคำของผูเยาแน่วแน่เด็ดขาดมากเกินไป

“ถูกต้อง” ผูเยาอธิบายเพิ่มเติม “ไม่ว่าจะเป็นวิชาหลอมกลั่นโอสถหรือเคล็ดวิชากระบี่ ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกันกับเคล็ดวิชาบำเพ็ญเพียร แก่นแท้ของพวกมันล้วนไม่พ้นวิชาค่ายกล เจ้าจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเจ้าเอง วิชาค่ายกลของซิวเจ่อกว้างไพศาล ล้ำลึก และซับซ้อนเกินไป ทั้งยังแตกต่างไปจากความเข้าใจของพวกเราเผ่าอสูรอย่างสิ้นเชิง หลายสิ่งหลายอย่างเราไม่มีปัญญาเข้าใจได้”

“เจ้าเนี่ยนะไม่เข้าใจวิชาค่ายกล?” จั่วม่อรู้สึกเหลือเชื่อ แม้ว่ามันจะคิดว่าผูเยาเป็นเพียงอสูรโง่ แต่ในเรื่องของมรรคาแห่งการบำเพ็ญเพียร หนึ่งผูเยายังร้ายกาจกว่าร้อยจั่วม่อรวมกันเสียอีก หากกระทั่งผูเยายังไม่มีปัญญาเข้าใจ แล้วตัวมันไหนเลยจะเรียนรู้วิชาค่ายกลได้?

ผูเยามีสีหน้าหนักหน่วงที่หาได้ยากมาก มันกล่าวบางสิ่งที่จั่วม่อไม่เข้าใจ “นี่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิธีการหรือสติปัญญา แต่เป็นเรื่องของศรัทธา”

แม้ว่าจั่วม่อจะไม่เข้าใจ แต่มันรู้สึกว่าเวลากล่าวถึงเรื่องนี้ ผูเยาเคร่งขรึมจริงจังเป็นอย่างยิ่ง สมควรเป็นสิ่งที่จริงจังที่สุดเท่าที่ผูเยาเคยกล่าวมา มันจารึกประโยคนี้ไว้ในใจอย่างเงียบเชียบ

“เช่นนั้นเจ้าเข้าใจวิชาหลอมกลั่นโอสถหรือไม่? เคล็ดวิชากระบี่เล่า?” จั่วม่อยังคงลังเลปนสงสัยใคร่รู้เล็กน้อย

ผูเยาในที่สุดก็หมดความอดทนกับจั่วม่อ “เจ้าปัญญาอ่อน ข้าก็บอกแล้วว่าพวกมันทั้งหมดยังคงเป็นค่ายกล อย่าหลงกลเพียงลักษณะภายนอกของพวกมันเป็นอันขาด อย่างไรก็ตาม จำไว้ เจ้าจะต้องมุ่งเน้นไปยังวิชาค่ายกลเท่านั้น”

“ข้าไม่มีม้วนหยกวิชาค่ายกลเสียหน่อย...” จั่วม่อกล่าวเสียงอ่อนแอ

ผูเยาผายมือแสดงท่าไม่รับผิดชอบ “เรื่องนี้ข้าก็ไม่สามารถช่วยได้เช่นกัน”

ทันใดนั้นเห็นผูเยาแย้มยิ้มอย่างลี้ลับ จั่วม่อพลันหัวใจเย็นเฉียบ จริงดังคาด ได้ยินเสียงผูเยากล่าวเป็นงานเป็นการว่า “เอาละ ข้าคิดว่าเราจำเป็นต้องกล่าวถึงเรื่องค่าตอบแทนของข้าแล้ว”

 

กลุ่มถึงตอนที่ 221 แล้ว คลิก 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด