ตอนที่แล้วTWO Chapter 113 ฝ่ายการตรวจสอบบัญชี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 115 ชุดเกราะหมิงกวง

TWO Chapter 114 การตรวจสอบ


TWO Chapter 114 การตรวจสอบ

เมื่อเวลา 14.00 น. โอหยางโชวไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์ของลอร์ด เขาได้มุ่งหน้าไปยังเมืองมิตรภาพ พร้อมกับเจ้ากรมกิจการทหาร

ที่ท่าเรือข้ามฟากเมืองซานไห่ ผู้ดูแลท่าเรือข้ามฟางยังคงเป็นชายชราจางเช่นเดิม แต่เรือขนาดเล็กที่เคยใช้ในอดีต ตอนนี้กลายเป็นเรือประมงขั้นสูง ซึ่งมันขนส่งคนได้เป็นจำนวนมาก

ขณะนั่งบนเรือ เขามองไปที่ผิวน้ำ โอหยางโชวรู้สึกมีความสุขมาก ตอนเริ่มต้น เขาได้นำขุนพลซีมาที่แอ่งเหลียนโจว และได้สร้างหมู่บ้านซานไห่ที่นี่ ในเวลานั้น หมู่บ้านยังว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ประชาชนแม้แต่คนเดียว

ในเวลาไม่ถึง 5 เดือน หมู่บ้านเล็กๆที่เคยไม่มีอะไรเลยแห่งนี้ ได้กลายเป็นเมืองซานไห่ ที่มีประชากรรวมเกือบ 30,000 คน มีพื้นที่ถึง 1,000 ตารางกิโลเมตร และกลายเป็นผู้นำที่มั่งคั่งของเซิร์ฟจีน

แต่เพื่อให้เติบโตมากขึ้นและกลายเป็นเมืองหลวงในอนาคต เขาไม่สามารถยืนเฉยๆได้ ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะโดนปล่อยทิ้งไว้ข้างหลังได้ ความสำเร็จในปัจจุบันของเมืองซานไห่ ยังเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น มันไม่ได้มีนัยสำคัญมากนัก

ที่ท่าเรืองเมืองมิตรภาพ โจวไห่เฉินและคนของเขาได้ออกมาต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น “ยินดีต้อนรับนายท่านเข้าสู่มเมืองมิตรภาพ”

โอหยางโชวก้าวขึ้นฝั่ง แล้วโบกมือชายชราจาง จากนั้น เขาก็มองไปรอบๆ แล้วกล่าวว่า “นี่เป็นแค่การเยี่ยมชมทั่วไปเท่านั้น ทำไมเจ้าต้องพาคนจำนวนมากมาด้วยเล่า?”

โจวไห่เฉินตกใจ เขาไม่รู้ว่าโอหยางโชวไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้ เขาเพียงต้องการการต้อนรับที่อบอุ่นเท่านั้น

โอหยางโชวไม่ต้องการใช้โจวไห่เฉินได้รับอับอาย ภายใต้การแนะนำของหลินยี่ เขาทักทายคนที่มาต้อนรับเขาทีละคน จนครบทุกคน

โครงสร้างองค์กรของเมืองมิตรภาพมีความคล้ายคลึงกับเมืองหลักมาก แต่มีความแตกต่างอยู่ที่ กรมหลักทั้ง 4 พวกเขาไม่มีกรมกิจการทหาร องค์กรของเมืองสาขาไม่ได้เป็นองค์กรปกติ เช่นของเมืองมิตรภาพ ฝ่ายสาขาโดยทั่วไปจะทำหน้าที่เหมือนฝ่ายหลัก รับผิดชอบกิจการภายในเมือง ยกเว้นฝ่ายพิเศษอย่างฝ่ายนาเกลือ ที่มีเฉพาะที่เมืองหลักเท่านั้น

ข้าราชการใหม่ที่ถูกแต่งตั้งในเมืองมิตรภาพ ไม่สามารถเทียบกับเมืองหลักได้ อย่างไรก็ตาม ในหมู่พนักงานรัฐบาลขั้นพื้นฐาน พวกเขายังคงได้รับพิจารณาว่า เป็น 1 ในอาชีพที่ดีที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเขาคงไม่ถือโอกาสย้ายมาที่นี่ โอหยางโชวหวังเพียงว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

(***หมายเหตุ : หนักงานของรัฐบาลกับข้าราชการนี่คนละอาชีพกันนะครับ)

สำรหรับทหาร พวกเขาต่างก็เป็นคนที่โอหยางโชวคุ้นเคย นายกองทั้ง 5 ของกองพันทหารม้า รวมถึงผู้บัญชาการกองทหารป้องกันเมือง ฮูยี่เปียว ทุกคนเป็นคนที่ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งจากเขา

หลังจากเสร็จสิ้นการต้อนรับที่ท่าเรือ เขาก็เดินเข้าไปในเมือง จากระยะไกล สามารถมองเห็นกำแพงเมืองที่สูงใหญ่และประตูทิศใต้ที่สง่างามได้

โจวไห่เฉินรู้ถึงขีดจำกัดแล้ว เขาจึงไม่ได้จัดให้พลเมืองต้อนรับโอหยางโชว เมื่อเขาเดินเข้าไปในเมือง โจวไห่เฉินก็เริ่มรายงานสรุปสถานการณ์ต่างๆของเมืองมิตรภาพให้แก่โอหยางโชว

เมืองมิตรภาพมีประชากรประมาณ 2,600 คน และอีก 1 สัปดาห์ ก็จะอัพเกรดเป็นเมืองขนาดเล็กระดับ 2 โดยกองพันทหารม้าที่ตั้งค่ายอยู่นอกเมือง ได้ได้รวมอยู่ในประชากรของเมือง

เพื่อป้องกันการบุกรุกของชนเผ่าเร่ร่อน การทำการเกษตรส่วนใหญ่จึงทำขึ้นด้านทิศใต้ของเมือง ระหว่างริมแม่น้ำฉิวซุ่ยและริมแม่น้ำมิตรภาพ อุตสาหกรรมสำคัญๆที่ต้องสร้างนอกเมือง เช่น โรงเผาอิฐ และโรงผลิตเครื่องปั้นดินเผา มันถูกสร้างขึ้นในทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของเมือง ภายใต้การป้องกันของคูน้ำ

เมืองมิตรภาพตั้งอยู่บนที่ราบ จึงไม่มีไม้และหิน โดยหลักแล้ว พวกเขาอาศัยทรัพยากรเหล่านี้จากเมืองหลักและเมืองฉิวซุ่ย โดยมีกรมคลังวัสดุเป็นผู้ประสานงานให้

แน่นอนว่าเมืองมิตรภาพไม่ใช่ว่าไม่มีจุดแข็งที่ชัดเจน แม้ว่าจะไม่ได้กล่าวถึงอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ และอุตสาหกรรมการเกษตร มันก็ยังมีที่ตั้งของตัวเองเป็นจุดแข็งทางยุทธศาสตร์

ทางทิศใต้เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำมิตรภาพและแม่น้ำฉิวซุ่ย ทำให้พื้นที่ตรงนั้น เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มาก และมันเหมาะแก่การเพาะปลูกมากกว่าเมืองซานไห่เสียอีก ตอนนี้ พวกเขาได้เตรียมพื้นที่เพาะปลูกไปแล้ว 20,000 หมู่

ทั้งหมดนี้จะเติบโตขึ้นอย่างมั่งคั่ง ในอนาคต เมืองมิตรภาพจะเป็นฐานการผลิตธัญพืชลำดับที่ 2 ต่อจากเมืองฉิวซุ่ย

ในขณะเดียวกัน เพื่อสร้างความได้เปรียบของเมืองมิตรภาพ และไม่ต้องถูกกดดัน(เปรียบเทียบ)โดยเมืองเป่ยไห่ และเมืองฉิวซุ่ย โจมไห่เฉินได้คิดอย่างหนัก และเขาก็ได้ตัดสินใจขยายและพัฒนาอุตสาหกรรมการหล่อโลหะ และอุตสาหกรรมสิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้จะใช้สำรหรับการซื้อขายกับชนเผ่าเร่ร่อน ดังนั้น จึงต้องเตรียมการในช่วงต้น โจวไห่เฉินได้วางแผนอย่างรอบคอบ เขาไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใดๆขึ้น

หากเขาสามารถโน้มน้าวชนเผ่าเร่ร่อนได้สำเร็จ และเปิดเส้นทางการค้าได้ เมืองมิตรภาพก็จะกลายเป็นเมืองทางการค้าในทันที แต่หากพวกเขาไม่สามารถโน้มน้าวชนเผ่าเร่ร่อนได้ เมืองมิตรภาพก็จะกลายเป็นป้อมปราการทางทการในทันที

ดังนั้น การมาเยือนของโอหยางโชว จึงทำให้โจวไห่เฉินมีความคาดหวังสูงมาก

นับตั้งแต่โครงการคูน้ำป้องกันเมืองแล้วเสร็จ โจวไห่เฉินก็ได้ส่งคนไปติดต่อกับชนเผ่าเร่ร่อน และเริ่มมีความก้าวหน้าบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่จะจัดการกับพวกเขา ลอร์ดจะเป็นคนตัดสินใจเอง

แต่น่าเสียดาย ที่โจวไห่เฉินไม่รู้ว่า เหตุผลที่แท้จริงของการมาเยี่ยมชมครั้งนี้ของโอหยางโชวก็คือ ม้าฉิงฟู่ มันเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ฝ่ายคลังอาววุธถูกสร้างขึ้น ชุดเกราะหมิงกวง 50 ชุดแรก ได้ถูกทำขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาไม่มีม้าศึกที่เหมาะสม พวกเขาจึงไม่สามารถเริ่มจัดเตรียมทหารม้าเกราะหนักได้

ในห้องประชุมเมืองซานไห่ โอหยางโชวได้เชิญนายทหารทั้งหลายมาเข้าร่วมการประชุมทางทหาร

“เจ้ากรมเก่อ ช่วยบอกข้าเกี่ยวกับความคืบหน้าของม้าฉิงฟู่ให้ข้าฟังที” โอหยางโชวกล่าว

การเดินทางมาเยี่ยมชมเมืองมิตรภาพในครั้งนี้ ถูกจัดขึ้นโดยเก่อหงเหลียง หากเขาไม่มีความคืบหน้าใดๆ เขาคงไม่กล้าเชิญโอหยางโชวมาที่นี่

เก่อหงเหลียงพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “เรียนนายท่าน ฝ่ายข่าวกรองได้รับข้อมูลสำคัญมา เมื่อ 5 วันก่อน ชนเผ่าเร่ร่อนทางตะวันตกของเมือง  มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ม้าฉิงฟู่ 100 ตัว และมันพร้อมที่จะผสมพันธุ์แล้ว”

โอหยางโชวยังคงสงบ แล้วกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ความหมายของท่านคือ?”

“ความหมายของข้านั้นเรียบง่าย เราไม่ควรพลาดโอกาสนี้ ทำไมเราไม่กวาดล้างเผ่าขนาดเล็กนี้? ถ้าเราทำสำเร็จ เราก็ป้ายความผิดให้กับพวกเผ่าขนาดกลาง มันจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาและชนเผ่าเทียนฉีแย่ลง” เก่อหงเหลียงกล่าวอย่างใจเย็น

“เผ่าขนาดเล้กนี้มีประชากรเท่าใด และมีนักรบเท่าใด?” โอหยางโชวถามอย่างรอบคอบ

ฝ่ายข่าวกรองจะเป็นผู้ตอบคำถามนี้ ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลของชนเผ่าเร่ร่อน หัวหน้าทีมที่ 2 ของฝ่ายข่าวกรอง เล่ยสุน ลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า “เรียนนายท่าน เราพบว่าเผ่าขนาดเล็กนี้ครอบครองทุ่งหญ้า 500 ตารางกิโลเมตร พวกเขามีประชากร 800 คน และมีนักรบ 300 คน”

โอหยางโชวหันไปทางหลินยี่ แล้วกล่าวว่า “เจ้ามั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่?”

หลินยี่รู้ว่าโอหยางโชวหมายถึงอะไร “การกำจัดกำลังหลักของพวกเขาไม่ใช่เรื่องยาก ส่วนที่ยากคือต้องไม่ทิ้งให้มีผู้รอดชีวิต คนอื่นๆทุกคนรู้วิธีขี่ม้า พวกเขาจะหลบหนีได้อย่างง่ายดาย”

“กรมกิจการทหารคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?” โอหยางโชวหันไปถามเก่อหงเหลียง

เขาเตรียมแผนไว้พร้อมอยู่แล้ว เขากล่าวว่า “เพื่อที่จะทำให้มันหมดจด การลอบโจมตีเป็นสิ่งที่ดีที่สุด นอกจากนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้หลบหนี นอกจากการโจมตีแล้ว เราต้องดักพวกเขาและรอฆ่าพวกคนที่พยายามหนี”

โอหยางโชวพยักหน้า “นี่เป็นแผนที่ดี อย่างไรก็ตาม การสู้กับนักรบของชนเผ่าเร่ร่อนบนหลังม้า 300 คน พวกเขามีมากพอจะกดดันกองกำลังของเราได้ แล้วเรามีกำลังมากพอที่จะล้อมกรอบพวกเขาหรือ?”

“ที่นายท่านกล่าวนั้นถูกต้องแล้ว ด้วยกองพันเดียวนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะทำภารกิจได้สำเร็จ วิธีเดียวที่เราจะมั่นใจได้ก็คือ การขยายกองทัพ” เก่อหงเหลียงกล่าว

โอหยางโชวปวดหัวเล็กน้อย “ถ้ายังไม่ได้อัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 1 ก็ยังคงไม่เหมาะที่จะขยายกองทัพ อย่าลืมว่า ชนเผ่าคนเถื่อนภูเขาได้ส่งนักรบชั้นยอดของพวกเขามาเพิ่มอีก 1,000 คน”

เก่อหงเหลียงนั้นมีไอเดียอยู่แล้ว เขากล่าวอย่างมั่นใจว่า “ข้ามีแผนปรับโครงสร้างทหาร ขอนายท่านโปรดรับฟัง”

“เชิญกล่าว”

“ตามความคิดของข้า จากนักรบชนเผ่าคนเถื่อนภูเขา 1,000 คน เมืองหลักจะรับพวกเขา 500 คน มาตั้งเป็นกองพันทหารราบเกราะหนักที่ 2 ส่วนอีก 500 คน , 300คน จะถูงส่งไปยังเมืองฉิวซุ่ย  เพื่อก่อตั้งกองพันทหารป้องกันเมืองฉิวซุ่ย และอีก 200 คน จะถูกส่งมาที่เมืองมิตรภาพนี้ เพื่อจัดตั้งกองพันทหารป้องกันเมืองมิตรภาพ การโจมตีในครั้งนี้ เราสามารถใช้กองร้อยทหารม้าที่ 1 ของเมืองฉิวซุ่ย และกองพันกลักทั้ง 2 เข้าร่วมด้วยได้”

โอหยางโชวยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเป็นไปตามนี้ เขาก็จะได้ทั้งกองพันทหารราบ และม้าฉิงฟู่ โดยที่จำนวนทหารไม่เกิน 10% ของจำนวนประชากร ตามที่เขาได้ตั้งไว้

“ดี เราจะทำตามนั้น ให้ทุกคนเตรียมตัวไว้” โอหยางโชวประกาศการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งทางทหาร “กรมกิจการทหารถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป จางต้าหนิวจะได้รับตำแหน่งนายพัน ของกองพันทหารป้องกันเมืองฉิวซุ่ย, ฮูยี่เปียวจะได้รับตำแหน่งนายพัน ของกองพันทหารป้องกันเมืองมิตรภาพ และซีฮูจะเป็นนายพัน ของกองพันทหารราบเกราะหนักที่ 2”

“ขอรับนายท่าน!” เก่อหงเหลียงรีบกล่าวตอบ

จางต้าหนิวที่เคยแข่งขันกับเจ้าซีฮูตั้งแต่สมัยเป็นหัวหมู่ ตอนนี้ได้กลายเป็นนายพันแล้ว ในที่สุด เขาก็ปีนมาถึงจุดเดียวกับเจ้าซีฮู ฮูยี่เปียวโชคดีมาก เขาถูกส่งมาที่นี่เพียง 1 เดือน ก็ได้กลายเป็นนายพันแล้ว เขาเลื่อนขั้นเร็วกว่าพวกรุ่นพี่ของเขาเสียอีก

สำหรับกองพันทหารราบเกาะหนักที่ 2 เหตุผลที่ทำไมโอหยางโชวได้เลื่อนตำแหน่งให้ผู้บัญชาการกองร้อยทหารราบที่ 2 ซีฮู แทนที่จะเป็นผู้บัญชาการกองร้อยทหารราบที่ 1 เขามีเหตุผลที่เหมาะสม

ประการแรก การเลื่อนขั้นซีฮู จะช่วยเพิ่มความรู็สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของชนเผ่าคนเถื่อนภูเขาในเมืองซานไห่ แสดงให้เห็นว่า เมืองซานไห่พร้อมจะใช้ทุกคนที่มีความสามารถ, ประการที่ 2 โอหยางโชวได้วางแผนสำหรับหวังเฟิงไว้แล้ว

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด