ตอนที่แล้วTWO Chapter 108 การแก้แค้น ตอนที่ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 110 การเก็บเกี่ยวผลกำไร

TWO Chapter 109 ข่าวดี


TWO Chapter 109 ข่าวดี

ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 4 วันที่ 23

กองทัพได้นำเชลยเกือบ 5,000 คน กลับมาที่เมืองซานไห่

มีเหตการณ์เล็กๆเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ในขณะที่กำลังจะออกจากหุบเขาจีเฟิง ยอดหมอผีของเผ่าได้ฆ่าตัวตายในวัด หลังจากที่ทราบว่าพวกเขาได้รับความพ่ายแพ่

ข่าวการตายของยอดหมอผีได้แพร่กระจายออกไปทั่วเผ่าอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความขุ่นมัวไปทั่วทั้งเผ่า เมื่อเห็นว่ามีโอกาสจะเกิดการจราจล โอหยางโชวจึงตัดสินใจอยู่ในหุบเขาต่ออีก 1 วัน เพื่อบรรเทาความเศร้าของคนในเผ่าลง และเป็นการแสดงความเป็นมิตรต่อเผ่าอื่นๆที่อยู่รอบๆหุบเขาอีกด้วย พวกเขาได้จัดงานศพให้กับยอดหมอผี การกระทำของพวกเขาทำให้ความเกลียวชังที่ชาวเผ่ามีต่อเมืองซานไห่ลดลง

ตามที่เก่อหงเหลียงคาดไว้ หลังจากที่ข่าวความพ่ายแพ้ของเผ่าจีเฟิงแพร่กระจายออกไปเพียง 1 วัน เท่านั้น เผ่าที่อยู่รอบๆทั้งเผ่าขนาดกลางและขนาดเล็ก รวม 6 เผ่า ได้รีบส่งฑูตไปหายอดหมอผีของเผ่าซวนเหนียวในทันที เพื่อขอให้เธอเป็นคนกลางสานสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาและเมืองซานไห่ นี่ถือเป็นเจนตาอันดีของพวกเขาที่มีต่อซานไห่

เมื่อเผ่าจีเฟิงล่มสลาย เผ่าซวนเหนียวจึงได้เป็นผู้นำของภูมิภาคนี้แทนที่พวกเขา เรื่องนี้ทำให้ผู้นำเผ่าอย่างซีซี่อ๋องภูมิใจเป็นอย่างมาก และเขาก็รู้สึกชื่นชมการตัดสินใจของยอดหมอผีในวันนั้น เมื่อเห็นว่าซีซี่อ๋องกำลังย่ามใจ ยอดหมอผีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเตือนเขาไปตรงๆ ยอดหมอผีกล่าวเตือนว่า เหตุผลเดียวที่เผ่าซวนเหนียวได้เป็นผู้นำของภูมิภาคนี้ก็เพราะเมืองซานไห่ ดังนั้น เขาจึงไม่ควรไปฉกฉวยผลกระโยชน์จากเผ่าอื่นๆรอบๆหุบเขา เพราะมันอาจจะทำให้ชนเผ่าเหล่านั้นกลายเป็นศัตรูของเมืองซานไห่

ภายใต้คำเตือนของยอดหมอผี ซีซี่อ๋องก็ตื่นขึ้นมาจากจินตนาการของเขา เพื่อแสดงความขอบคุณต่อเมืองซานไห่ เขาได้ส่งนกเฟิงอีก 2 คู่ ให้กับเมืองซานไห่เป็นของขวัญ โอหยางโชวรู้สึกพอใจกับการกระทำของซีซี่อ๋องเป็นอย่างมาก นกเฟิงเหล่านี้ถูกส่งไปยังหน่วยข่าวกรอง นอกจากนี้ เขายังบอกให้ซ่งสานพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการเรียนรู้เทคนิคลับของเผ่าซวนเหนียว เกี่ยวกับการเพาะพันธุ์ เพื่อเพิ่มจำนวนนกเฟิง เนื่องจากนกตัวเล็กๆนี้มีประโยชน์อย่างมาก มันสามรถช่วยในการส่งข้อความได้อย่างรวดเร็ว คุณค่าของพวกมันนั้นเทียบได้กับกองพันทหารเลยทีเดียว

นักรบที่เหลืออยู่ 600 คน ถูกปลดประจำการทั้งหมด พวกเขาถูกส่งไปทำงานในเหมืองแร่เป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้น พวกเขาจึงจะได้รับอัตลักษณ์เป็นชาวซานไห่อย่างเป็นทางการ ด้วยจำนวนมากถึง 600 คน คนงานในเหมืองแร่จึงเพิ่มเป็น 1,000 คน เหมืองแร่ขั้นกลางเดิม จึงได้รับการอัพเกรดเป็นเหมืองแร่ขั้นสูง มันจะช่วยตอบสนองความต้องการใช้แร่เหล็กจำนวนมากของฝ่ายคลังอาวุธ ที่กำลังเร่งการผลิตอาวุธออกมาเป็นจจำนวนมาก

มือของคนทั้ง 600  คน เหล่านี้ ปกคลุมไปด้วยเลือดของชาวซานไห่ การที่โอหยางโชวลงโทษพวกเขาโดยส่งไปทำงานในเหมืองแร่ ก็เพื่อลดความเป็นปรปักษ์ต่อกัน  และเพื่อคงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกเขา เขาได้สั่งให้ผู็จัดการเหมืองแร่ มอบอาหารให้พวกเขาวันละ 3 มื้อเท่านั้น ซึ่งเพียงพอที่จะไม่ทำให้พวกเขาอดอยาก อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงมีสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน สามารถเข้ารับการรักษาได้ และไม่อนุญาติให้ผู้ดูแล(ผู้คุม) ทำการลงโทษพวกเขาอย่างหนักโดยไม่มีเหตุผล

แม้ว่าเก่อหงเหลียงได้เสนอให้เลือกพวกเขาบางคนเข้ามาอยู่ในกองทัพ แต่โอหยางโชวปฏิเสธข้อเสนอนี่ของเขา เนื่องจาก ยังมีอีกหลายชนเผ่าที่ต้องการจะเข้ามาเป็นพันธมิตรกับเมืองซานไห่ เขาจึงไม่ได้กังวลว่าจะไม่มีผู้สมัครเกณฑ์ทหารที่มี่คุณภาพสูง

ส่วนคนที่เหลืออีกมากกว่า 4000 คน จะถูกส่งไปยังนาเกลือเขตเหนือ เพื่อเริ่มการก่อสร้างนาเกลือเหนือเฟสสุดท้าย เมื่อเสร็จสิ้น นาเกลือเขตเหนือก็จะถึงขีดจำกัดสูงสุดที่ 10,000 หมู่ ด้วยการเพิ่มขึ้นของประชากร 4,000 คน เมืองเป่ยไห่จึงถูกผลักดันเป็นเมืองขนนาดเล็กระดับ 3 และพร้อมที่จะก้าวไปอีกระดับเมือโครงสร้างพื้นฐานต่างๆเเสร็จสิ้น

โอหยางโชวคิดจะเก็บคนเหล่านี้ไว้ที่เมืองซานไห่ เพื่อที่เขาจะได้ถึงขีดจำกัดของประชากรเมืองขนาดเล็กระดับ 3 ที่ 10,000 คน และจะได้อัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลาง แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะอัพเกรดได้ ประการแรก ดัชนีการเมือง, เศรษฐกิจ, วัฒนรรม และทหาร ต้องถึง 45 จุด เมืองซานไห่ได้ผ่านเงื่อนไขนี้แล้ว

จุดสำคัญของการอัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลาง คือ ลอร์ดต้องส่งคำร้องเข้าสู่ระบบล่วงหน้า หลังจากที่ผ่านข้อกำหนดทั้งหมดแล้ว ระบบจะส่งคลื่นของพวกโจรขนาดใหญ่ เพื่อรุกรานดินแดน และเมื่อประสบความสำเร็จในการปกป้องดินแดนแล้ว ดินแดนจึงจะถูกอัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลาง

นอกจากนี้ การส่งคำร้องขออัพเกรดเมืองขนาดกลางนั้นมีข้อจำกัด ความล้มเหลวงในการปกป้องดินแดน จะทำให้ดินแดนชะงักเป็นเวลาครึ่งเดือน และหากผู้เล่นล้มเหลวครบ 3 ครั้ง ดินแดนของพวกเขาก็จะสูญเสียคุณสมบัติในการอัพเกรดอย่างถาวร ดังนั้น ในการส่งคำร้องแต่ละครั้ง พวกเขาต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม โอหยางโชวหยุดความคิดที่จะอัพเกรดดินแดนของเขาในตอนนี้ เขาเคลียร์ความคิดของเขา

หลังจากกลับมาถึงที่ดินแดนของเขาแล้ว โอหยางโชวได้ออกคำสั่งให้ฝ่ายกอสร้างและฝ่ายขนส่ง ดำเนินการสร้างคอกสัตว์ในหุบเขาทันที ฝ่ายก่อสร้างไม่เพียงแต่ต้องสร้างคอกสัตว์ พวกเขายังรับผิดชอบการสร้างถนนจากเผ่าซวนเหนียมไปยังหุบเขาจีเฟิงด้วย และพวกเขายังต้องปฏิบัติตามคำร้องของฝ่ายขนส่ง ในการแก้ปัญหาโครงสร้างบางอย่างที่อยู่ในหุบเขา บางสิ่งที่จำเป็นจะถูกคงไว้ ต้องมีการออกแบบและสร้างสะพานชักของป้อมปราการ(กำแพง)ให้มีความสามารถในการป้องกันเพิ่มขึ้น

โอหยางโชวสั่งให้เจ้าเต๋อหวังใช้ประโยชน์จากกำลังคนของชาวเผ่าซวนเหนียวอย่างเต็มที่ สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่มอบอาหารให้เป็นค่าตอบแทนให้กับพวกเขาเท่านั้น ชาวเผ่าเหล่านี้ก็มีความสุขที่ได้ทำงานของพวกเขามากแล้ว โอหยางโชวว่าเมื่อพวกเขาได้รับรสชาติของการใช้ชีวิตแบบนี้ สุดท้ายชนเผ่าอื่นๆก็จะลดความระมัดระวังของพวกเขาลง และให้ความร่วมมือกับเมืองซานไห่อย่างจริงจัง

กองทัพผ่อนคลายและได้รับการพักเป็นเวลา 3 วัน หลังจากนั้น โอหยางโชวก็เริ่มจัดระเบียบทหารใหม่อีกครั้ง กองพันทหารป้องกันเมืองจะได้ครอบครองค่ายทหารขั้นสูงทั้งหมดอย่างเป็นทางการ เพื่อที่จะรับผิดชอบการป้องกันเมืองได้อย่างเต็มที่ ค่ายทหารอีกแห่งหนึ่งจะถูกสร้างห่างออกไป 20 กิโลเมตร ทางตะวันตกของเมือง มันจะถูกมอบให้กองพันทหารราบ โดยได้รับชื่อว่า ‘ค่ายทิศตะวันตก’ มันจะตั้งอยู่บริเวณชายแดนของดินแดน รับผิดชอบในการภาคตะวันตกของดินแดน

กองพันทหารม้าถูกย้ายไปยังเมืองมิตรภาพอย่างเป็นทางการ ค่ายทหารถูกสร้างขึ้นทางตอนเหนือของเมือง ได้รับชื่อว่า ‘ค่ายทิศเหนือ’ ค่ายนี้ทำหน้าที่เหมือนตะปู ที่ถูกตอกลึกลงไปในทุ่งกว้างใหญ่ เพื่อปกป้องและติดตามการเคลื่อนไหวของชนเผ่าเร่ร่อน

ก่อนที่เหล่านายทหารจะออกไป เขาได้เรียกหลินยี่ไปที่สำนักงานของเขา เพื่อพูดคุยอย่างลับๆกับเก่อหงเหลียง สิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันนั้น นอกจากพวกเขาทั้ง 3 คน แล้ว ก็มีมีใครรู้อีก

………………………………………………………………………………………………

ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 5 วันที่ 1 ณ เมืองซานไห่ เป็นวันที่ได้ต้อนรับความสุขหลายเหตุการณ์

ผ่านอาคารรับสมัครงาน โอหยางโชวได้รับนักบวชขั้นสูง เก่อหยาน(Ge Yan) จากการสรรหา เขาบอกว่าเขาเป็นลูกหลานของเก่อหง(Ge Hong)ในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก เขาไม่ได้เป็นเพียงนักบวชเต๋าทั่วไปเท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้ผสมยาที่เชี่ยวชาญในการทำเม็ดยาอีกด้วย จริงๆแล้ว โอหยางโชวสามรถมองเห็นลักษณะบางประการของสุดยอดนักบวชเก่อหง ในตัวของเก่อหยานได้

หลังจากที่เขาได้เดินไปทั่วดินแดนนาน 3 วัน แล้ว เก่อหยานไม่ได้เลือกที่จะสร้างวัดลัทธิเต๋าขึ้นในเมือง แต่เขาเลือกที่จะสร้างขึ้นบนเนินเขาบางแห่ง ที่อยู่ทางตะวันตกของเมือง ฉากรอบๆเนินเขานั้นสวยงามมาก มันเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยม ฮวงจุ้ยนั้นลึกลับเสมอ โอหยางโชวไม่ได้หยุดเขา เขาเชื่อว่าเก่อหยานเลือกสถานที่นี้ด้วยเหตุผลของเขา และมันคงได้รับการพิจารณาจากฮวงจุ้ยที่ดีแล้ว

วัดลัทธิเต๋าเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างทางวัฒนธรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มข้อได้เปรียบในการส่งเสริมวัฒนธรรมของดินแดน ดังนั้น โอหยางโชวจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับรายได้จากวัด นอกจากนี้ เขายังสั่งให้ฝ่ายก่อสร้างดำเนินการตามคำร้องของเก่อหยานในการสร้างวัด หลังจากเสร็จสิ้น ภายใต้สถานะของเก่อหยาน ดัชนีวัฒนธรรมของดินแดนก็เพิ่มขึ้น 5 จุด

วัดนี้ได้รับชื่อว่า ‘วัดฉิงหยาง(Qing Yang)’ โดยเก่อหยานได้รับคนรับใช้ทั่วไป 2 คน และเด็กฝึกงาน 4 คน

สิ่งก่อสร้างของเมืองขนาดเล็กระดับ 3 อีก 2 แห่ง คือ โรงรับจำนำและโรงแรม ก็ถูกสร้างเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งก่อสร้างทั้ง 2 นี้ ยังไม่สามารถทำงานได้ในตอนนี้ ด้วยการคงอยู่ของธนาคาร 4 สมุทร ที่ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และเงื่อนไขต่างๆของเมืองซานไห่ โรงจำนำจึงเพียงตั้งอยู่เฉยๆเท่านั้น ไม่ได้ดำเนินการใดๆ และพลเมืองทั้งหมดก็เป็นเพียงผู้อพยพมาจากสถานที่อื่นๆ พวกเขาไม่มีสิ่งมีค่าใดๆที่จะมาจำนำได้ ดังนั้น ฝ่ายการเงินจึงได้ว่าจ้างพนักงานเพียงคนเดียวเท่านั้น ในการดูแลโรงรับจำนำ

โรงแรมก็เช่นกัน เมืองซานไห่ในปัจจุบันเป็นดินแดนปิด และแทบไม่มีบุคคลจากภายนอก ดังนั้น โรงแรมจึงไม่มีแขกเข้าใช้บริการเลย และคงไม่มีใครในดินแดนเต็มใจที่จะเช้าพักในโรงแรม โดยโรงแรมถูกจัดให้อยู่ภายใต้กรมการเงิน

แม้แต่ร้านเครื่องประดับก็เช่นกัน มันยังไม่ได้ดำเนินการในทางธุรกิจ เมื่อรู้เช่นนั้น โอหยางโชวก็รีบไปทำความเข้าใจกับสถานการณ์ เมื่อได้รู้สาเหตุแล้ว เขาก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

สาเหตุก็คือ ไม่ใช่แค่เรื่องเงินทุนเท่านั้น แต่พวกเขายังขาดแคลนช่างทองหรือเงินอีกด้วย เครื่องประดับในสมัยโบราณทำมาจากทอง, เงิน, ทองแดง และวัสดุที่มีความบริสุทธิ์สูง ด้วยเงื่อนไขนี้ จึงไม่มีใครในเมืองซานไห่สามารถจัดหาวัสดุที่จำเป็นเหล่านี้ได้

โอหยางโชวจึงตัดสินใจว่า รัฐบาลจะทำหน้าที่ดำเนินการทำธุรกิจร้านเครื่องประดับนี้เอง กำไรจะถูกนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายประจำวันของรัฐบาล ทันทีที่เขาวางเงินไว้ 100 เหรียญทอง พวกมันกลายเป็นแท่งทอง แท่งเงิน และแท่งทองแดง ผ่านฟังก็ชั่นวิเศษของถุงเก็บของ

เมื่อรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการร้านเครื่องประดับแล้ว โอหยางโชวก็ต้องเลือกผู้ดูแลร้าน ภายใต้คำแนะนำของขุ่ยหยิงหยู เธอได้เสนอแม่บ้านของเธอ สีฉิน ให้เป็นผู้รับผิดชอบดูแลร้านนี้ สีฉินได้ติดตามขุ่ยหยิงหยูมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้น เธอจึงได้เรียนรู้งานทางธุรกิจมาเป็นจำนวนมาก โอหยางโชวเชื่อว่าเธอมีความสามารถ เขาจึงได้ส่งมอบร้านเครื่องประดับให้กับเธอ

ข่าวดีอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ตัวไหม หลังจากที่ผ่านไปเกือบ 2 เดือน การเพาะพันธ์ก็ดำเนินการไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตามที่คาดไว้ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้จากตัวไหมหลากสี ผ้าสายรุ้ง ได้รับการยอมรับเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นพิเศษของดินแดน โดยระบบ มันสามารถขายผ่านร้านขายของชำได้ ด้วยการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์นี้ ซานไห่จึงได้มีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นพิเศษรวม 3 ประเภท ซึ่งได้แก่ เหล่า 3 ดอกไม้,​ ชาขาว และผ้าไหมสายรุ้ง

เนื่องจากมันเป็นรายการที่หายากและมีราคาแพง ราคาของผ้าไหมสายรุ้งจึงสูงถึง 10 เหรียญทอง มันจะกลายเป็นห่านทองคำตัวที่ 3 ของเมือง เมื่อรู้ข่าวนี้ โอหยางโชวก็สั่งให้ขยายพื้นที่การเพาะพันธุ์ตัวไหมในทันที กรมการเงินได้ปล่อยเงินกู้ทันที 200 เหรียญทอง ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสิ่งทอทั้งหมด ภายใต้กระบวนการนี้ สมาคมสิ่งทอจะเริ่มทำกำไรจำนวนมากให้กับเมือง

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด