ตอนที่แล้วTWO Chapter 94 เมืองขนาดเล็กระดับ 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 96 การโอน

TWO Chapter 95 ทางเลือก


TWO Chapter 95 ทางเลือก

หลังจากที่เขาตรวจสอบสถานะของดินแดนแล้ว โอหยางโชวก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

จำนวนประชากรสูงสุดของเมืองขนาดเล็กระดับ 3 คือ 10,000 คน ตามอัตราผู้อพยพเข้า ภายใต้สถานการณ์ปกติ คงใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จึงจะถึงขีดจำกัด

จากการอัพเกรดในครั้งนี้ ทำให้พื้นที่ของดินแดนขยายออกไปถึง 2 เท่า ขั้นตอนที่ 3 ของปฏิบัติการการโจมตีในฤดูใบไม้ผลิ คือ การโจมตีโจรภายนอกดินแดน แต่ตอนนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนที่ 2 นั่นคือ การกวาดล้างโจรภายในดินแดน โชคดีที่ฝ่ายข่าวกรองได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้แล้ว

ในส่วนของดัชนีของดินแดนนั้น ดัชนีด้านวัฒนธรรมยังคงต่ำที่สุด ในช่วงเวลานี้ ลูกหลานของผู้อพยพที่มาจากค่ายผู้อพยพ ได้ถูกส่งไปเรียนที่วิยาลัยเหลียนโจว ตอนนี้วิทยาลัยเหลียนโจว ภายใต้การนำของสูซูต้า ได้พัฒนาไปอย่างราบรื่น ไม่ใช่วิทยาลัยครึ่งๆกลางๆอีกต่อไป

ในระหว่างการปฏิบัติการการโจมตีในฤดูใบไม้ผลิ โครงการขุดคูเมืองในที่สุดก็เสร็จสิ้นลง  โครงการรองอย่างการสร้างหอธนูและป้อมปราการก็พร้อมใช้งานแล้ว ทำให้ระบบป้องกันของเมืองซานไห่เสร็จสมบูรณ์ในที่สุด

สำหรับสิ่งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างของพวกมันทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นโครงสร้างอิฐ และโครงสร้างไม้-หิน แน่นอนว่าในสถาปัตยกรรมโบราณ ไม้ยังคงเป็นวัสดุที่สำคัญในโครงสร้างสิ่งก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นภาพแกะสลักหรือภาพวาด ต่างก็ต้องพึ่งพาไม้

สำหรับสิ่งก่อสร้างใหม่ทั้ง 6 โรงจำนำได้ถูกสร้างขึ้นแล้วโดยอัตโนมัติ มันยังไม่จำเป็นต้องได้รับการจัดการมากนักในตอนนี้ ไร่ชาไม่จำเป็นต้องใช้แบบแปลนใดๆ แค่เพียงมีทุ่งโล่และต้นกล้าชา เหมือนสวนหม่อนก็สามารถทำได้แล้ว ส่วนที่เหลือคือ วัดลัทธิเต๋า, โรงแรม, ร้านอาหาร และร้านขายเครื่องประดับ แบบแปลนของพวกมันทั้งหมด โอหยางโชวได้มาจากปฏิบัติการการโจมตีในฤดูใบไม้ผลิแล้ว ซึ่งทำให้โอหยางโชวสามารถประหยัดเงินได้ถึง 400 เหรียญทอง สำหรับค่าแบบแปลนเหล่านี้

ร้านอาหารที่จะทำขึ้นนี้ โอหยางโชวสัญญาว่าจะมอบให้กู่สานเหนียงนานแล้ว สำหรับโรงแรม และร้านขายเครื่องประดับ ก็ไม่ได้ยากนัก เขามีผู้มีความสามารถพิเศษในด้านนี้พร้อมอยู่แล้ว สิ่งก่อสร้างเหล่านี้จึงพร้อมสร้างทุกเวลา

ปัญหาเดียวในตอนนี้ของเขาก็คือ วัดลัทธิเต๋า ต้องมีนักบวชเต๋าเป็นผู้ดูแลวัด ในอดีตที่ผ่านมา ลอร์ดส่วนใหญ่ใช้วิธีที่เรียบง่าย อย่างการนำผู้เล่นที่เป็นนักบวชเต๋ามาเป็นผู้ดูแลวัด

……………………………………………………………………………………………….

เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานของโอหยางโชว ภายในคฤหาสน์ของลอร์ด

“นายท่าน หลังจากใช้เวลาตรวจสอบนาน 1 เดือน ฝ่ายข่าวกรองได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับชนเผ่าเร่ร่อนและม้าฉิงฟู่ได้เป็นจำนวนมาก ข้าจึงมาที่นี่ เพื่อรายงานรายละเอียดให้นายท่านทราบ” ชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดา หน้าตามุ่งมั่น กำลังยืนรายงานเขา เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าทีมของฝ่ายข่าวกรอง ชื่อว่า เล่ยสุน(Lei Xun)

นับตั้งแต่การขยายหน่วยข่าวกรอง นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่หลักทั้ง 10 คน แล้ว อีก 40 คน ถูกแบ่งเป็น 2 ทีม ทีมแรกมีเล้งเฉียนเป็นหัวหน้า ส่วนอีกทีมมีเล่ยสุนเป็นหัวหน้า

หัวใจของโอหยางโชวเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น “บอกข้ามาว่ามันเป็นเช่นไร?”

“เผ่าเร่ร่อนที่เราพบ จะมีเผ่าขนาดใหญ่อยู่กลางพื้นที่ลุ่มน้ำ โดยมีเผ่าขนาดเล็กและเผ่าขนาดกลางอยู่รอบๆเผ่าขนาดใหญ่ กระจายกันไปทั่วลุ่มน้ำ เผ่าขนาดใหญ่มีชื่อว่า เผ่าเทียนฉี(Tian Qi)มีประชากร 30,000 คน ตั้งอยู่ตรงกลางของแอ่ง และครอบครองทุ่งหญ้าที่ดีที่สุด ตรงกลางแอ่งนั้นมีทะเลสาบนำจืด พวกเขาเรียกมันว่า ทะเลสาบเซิ่นจวน ศาลอันยิ่งใหญ่ของชนเผ่าตั้งอยู่ข้างทะเลสาบ ส่วนชนเผ่าเล็กๆที่กระจายอยู่รอบๆแอ่ง มีประชากรตั้งแต่หลักร้อย จนถึงหลักพันคน” เล่ยสุนรายงาน

“ที่อยู่ใกล้กับเราที่สัดล่ะ?”

“ที่อยู่ใกล้กับเราที่สุดมี 3 เผ่า ตรงกลางเป็นเผ่าขนาดกลาง และมีชนเผ่าขนาดเล็ก 2 เผ่า อยู่ในด้านทิศตะวันออกและตะวันตกของเผ่าขนาดกลาง เผ่าขนาดเล็กเหล่านี้มีประชากรน้อยกว่าพันคน ขณะที่เผ่าขนาดกลางมีประชากรมากกว่า 3000 คน”

“พวกเขามีความสัมพันธ์กันอย่างไร?”

“ชันเผ่าขนาดกลางและชนเผ่าขนาดเล็กมักจะต่อสู้กัน เพื่อแย่งชิงทุกหญ้าที่ดีกว่า ชนเผ่าเทียนฉีมักจะมาแทรกแทรงสงคราม สิ่งที่น่าสนใจ คือ เผ่าเทียนฉีมีวัตถุประสงค์ในการรักษาฐานของตน พวกเขาแอบปราบปรามชนเผ่าขนาดกลาง และให้การสนับสนุนชนเผ่าขนาดเล็ก ด้วยเหตุนนี้ นอกจากเผ่าเทียนฉีแล้ว ไม่มีเผ่าใดเลยที่มีประชากรถึงหมื่นคน การปราบปรามนี้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน สร้างความไม่พอใจให้กับชนเผ่าขนาดกลางที่มีต่อเผ่าเทียนฉี แต่ด้วยความแตกต่างกันในเรื่องของความแข็งแกร่ง พวกเขาทำใด้เพียงอดทนเท่านั้น ชนเผ่าชนาดเล็กจึงมักจะอยู่กับเผ่าเทียนฉี และชนเผ่าขนาดกลางก็มักจะเป็นพันธมิตรกัน” เล่นสุนตอบ

โอหยางโชวพยักหน้า “แล้วเรื่องม้าฉิงฟู่ล่ะ?”

“ไม่ดีนัก ม้าฉิงฟู่ถูกควบคุมโดยชนเผ่าเร่ร่อน มันยากที่จะหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ดีจากป่า เรามีเพียง 2 วิธีเท่านั้น ในการได้รับม้า คือ การบังคับให้เกิดสงคราม หรือการค้าขาย” เล่ยสุนตอบอย่างขมขื่น

“ถ้าเราต้องการค้าขาย เราต้องทำอย่างไร” โอหยางโชวถามอย่างลังเล

“ชนเผ่าเหล่านี้ขาดแคลนผลิตภัณฑ์จากเหล็ก รวมถึงทรัพยากรที่ใช้ประจำวันอย่าง เกลือและใบชาด้วย ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะค้าขายกับพวกเขา แน่นอนว่าถ้าพวกเราไม่แข็งแกร่งพอ พวกชนเผ่าเร่ร่อนเป็นนักล่าตามธรรมชาติ พวกเขาจะไม่ทำการค้า และเลือกที่จะปล้นพวกเราแทน” 1 เดือนที่ผ่านมานี้ เล่นสุนได้เข้าใจถึงสถานการณ์ของชนเผ่าเร่ร่อนเป็นอย่างดี

โอหยางโชวเคาะนิ้วลงบนโต๊ะและเงียบ ตามแผนของเขา หลังจากอัพเกรดเป็นเมืองขนาดเล็กระดับ 3 หมู่บ้านสาขาแห่งที่ 3 จะถูกก่อตั้งขึ้นระหว่างแม่น้ำมิตรภาพและแม่น้ำฉิวซุ่ย มันจะทำหน้าที่เป็นหัวสะพานสำหรับพวกเขา ในการพิชิตลุ่มน้ำนี้ แต่ตามรายงานข่าวกรองของเล่นสุน การก่อตั้งหมู่บ้านสาขาที่นั่น จะเสี่ยงถูกปล้นสะดมโดยชนเผ่าเร่ร่อน

มันเหมือนเป็นการดักทางเขา ถ้าเขาต้องการจัดตั้งกองพันทหารม้าเกราะหนักหมิงกวง พวกเขาไม่สามารถใช้ม้าศึกธรรมดาแบกน้ำหนักชุดเกราะหมิงกวงได้ เฉพาะม้าฉิงฟู่เท่านั้นที่สามารถทำได้ เขาจึงไม่สบายใจที่จะต้องส่งกองกำลังไปยังอีกฟากของแม่น้ำ พวกเขาอาจจะถูกค้นพบโดยชนเผ่าเร่ร่อน พวกเขาอาจจะไม่สามารถล่าถอยกลับมาอย่างปลอดภัยได้ทันเวลา

ถ้าหัวสะพานไม่ถูกก่อตั้งขึ้น มันก็จะเป็นอันตราย หากพวกเขาเริ่มการค้าโดยใช้ชื่อของเมืองซานไห่ เมื่อพวกเขาออกจากเมืองซานไห่ พวกเขาก็จะพบกับหมาป่าเร่ร่อน อย่างที่เล่ยสุนกล่าว ชนเผ่าเร่ร่อนพวกนี้ก้าวร้าว พวกเขาจะไม่จ่ายถ้าพวกเขาสามารถปล้นได้ โอหยางโชวอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เนื่องจากเขาไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ เขาจึงตัดสินใจฟังความคิดเห็นของคนอื่น โอหยางโชวบอกให้เล่ยสุนรอก่อน เขาออกไปบอกให้คนเฝ้าประตูไปเรียกเจ้ากรมทั้ง 4 มาหาเขา

20 นาทีต่อมา เจ้ากรมทั้ง 4 ก็มาครบทุกคน โอหยางโชวสั่งให้เล่ยสุนรายงาน ให้เจ้ากรมทั้ง 4 ฟังอีกครั้ง แล้วบอกแผนในความคิดเขาออกไป จากนั้น เขาก็ถามออกไปว่า “พวกท่านมีความคิดเห็นเช่นไร?”

“พี่ใหญ่ ตามความเห็นของข้า ในเวลานี้เราควรพักแผนสำหรับม้าฉิงฟู่ไว้ก่อน เนื่องจากชุดเกราะหมิงกวงยังไม่สามารถผลิตได้เร็วพอจะตอบสนองกองพันทหารม้าได้เต็มที่ ปัญหาที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือ การอัพเกรดดินแดนเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 1 มันยังไม่สายเกินไปหากเราจะกลับมาทำเรื่องนี้หลังจากนั้น” ขุ่ยหยิงหยูแสดงความคิดเห็นของเธอในมุมมองของฝ่ายการเงิน

หลังจากที่เธอกล่าวจบ ฟ่านจงหยานก็ลุกขึ้นกล่าวต่อว่า “ข้าเห็นด้วยกับเจ้ากรมขุ่ย ชนเผ่าเร่ร่อนนั้น ทุกคนในเผ่าเป็นนักรบ ด้วยอำนาจทางทหารของเราในตอนนี้ ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดคือ การพักมันแล้วเตรียมพร้อมไว้ก่อน”

เมื่อเห็นเจ้ากรมทั้ง 2 ให้ความเห็นเพื่อหยุดพักแผนการม้าฉิงฟู่ เก่อหงเหลียงซึ่งเป็นตัวแทนของกองทัพ และเป็นเจ้ากรมกิจการทหาร ไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ เขากำลังจะลุกขึ้น แต่เทียนเหวินจิงที่นั่งข้างๆเขา ลุกขึ้นและกล่าวเสียงดังออกมาซะก่อน “นายท่าน ข้ามีความเห็นที่แตกต่างออกไป”

“เชิญกล่าว” ตามความจริง โอหยางโชวไม่ได้ต้องการหยุดพักแผนการม้าฉิงฟู่แต่อย่างใด การสร้างกองพันทหารม้าหนัก ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความเข้มแข็งทางทหาร แต่มันจะเป็นประโยชน์ในการจัดการแผนการครั้งใหญ่หลังจากนี้อีกด้วย ขณะที่เขาได้ยินว่าเทียนเหวินจิงมีความคิดเห็นที่แตกต่าง มันทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เจ้ากรมคนนี้ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ และไม่ใช่คนช่างพูด แต่เมื่อเขาเปิดปาก ย่อมต้องมีบริบทบางอย่างแน่นอน

“ข้าคิดว่า ไม่เพียงแต่เราจำเป็นต้องสร้างเท่านั้น แต่เรายังต้องสร้างมันให้เร็วที่สุดอีกด้วย โดยเราจะทำให้มันเป็นป้อมปราการริมแม่น้ำ ก่อนที่พวกชนเผ่าเร่ร่อนจะสังเกตเห็นเรา เราต้องเร่งทำมันให้เร็วที่สุด เพราะหากพวกเขาเห็นก่อนที่พวกเราจะสร้างเสร็จ พวกเขาอาจจะเคลื่อนไหว และจะเป็นการยากที่พวกเราจะพิชิตลุ่มน้ำได้” เทียนเหวินจิงกล่าว

ฟ่านจงหยานวิจารณ์ความเห็นของเขา “เจ้ากรมเทียน ความเห็นของท่านก็ดี แต่เราจะสร้างมันโดยไม่ให้พวกเขาสังเกตเห็นได้อย่างไร? มันไม่ใช่สิ่งที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็เสร็จได้ นอกจากนี้ หมู่บ้านสาขาที่จะถูกก่อตั้งขึ้นใหม่นี้ เราจะปกป้องมันจากชนเผ่าเร่ร่อนได้อย่างไร? ข้าเกรงว่า สุดท้ายเราจะสูญเสียทรัพยากรทั้งหมดโดยเปล่าประโยชน์”

แต่เทียนเหวินจิงได้เตรียมคำตอบที่ชัดเจนไว้แล้ว เขาตอบอย่างมั่นใจว่า “การแก้ปัญหานี้ง่ายนัก เนื่องจากมันจะเป็นหัวสะพาน มันจึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนปกติของหมู่บ้านสาขา เราจะสร้างมันเป็นป้อมปราการทางทหาร ขั้นแรก คือการสร้างกำแพงหิน แล้วโครงสร้างพื้นฐานภายในหมู่บ้านจะถูกสร้างขึ้นหลังจากที่กำแพงหินเสร็จสิ้นแล้ว ด้วยวิธีนี้ แม้เราจะมีกองกำลังเพียงเล็กน้อย เราก็สามารถป้องกันการโจมตีของชนเผ่าเร่ร่อนได้ เนื่องจากชนเผ่าเร่ร่อนมักทำสงครามในที่โล่ง พวกเขาจึงไม่ถนัดในสงครามปิดล้อม พวกเขาไม่มีอาวุธดีๆที่เหมาะแก่การปิดล้อมเลย”

“ข้าเห็นด้วย และข้าขอเสนอให้นำกองพันทหารม้าไปคอยประสานงานร่วมกับกองทหารรักษาการณ์ มันเพียงพอที่จะรับประกันความปลอดภัยให้หมู่บ้านสาขาแห่งใหม่ได้” เก่อหงเหลียงกล่าวเสริม เขาไม่คิดว่าเทียนเหวินจิงจะมีวิสัยทัศน์ทางยุทธศาสตร์ลึกซึ้งเช่นนี้ แม้แต่เขาที่อยู่ในฐานะเจ้ากรมกิจการทหาร ก็ยังไม่สามารถคิดเช่นนี้ได้ มันจึงเป็นปฏิกิริยาของเขา ที่จะการออกเสียงสนับสนุน สัญชาติญาณของเขาบอกว่า ถ้าพวกเขาหยุดแผนการสำหรับม้าศึกฉิงฟู่ พวกเขาจะพลาดโอกาสที่ดี ในตอนแรกเขาไม่มีแผนการที่ดีพอจะแสดงความเห็น แต่สุดท้าย เทียนเหวินจิงก็ช่วยแก้ปัญหานี้โดยสมบูรณ์

อาชีพของเธอไม่เกี่ยวข้องกับการทหาร ขุ่ยหยิงหยูจึงเงียบและฟัง ฟ่านจงหยานครุ่นคิดหลังจากที่ฟังความเห็นทั้งหมดของเทียนเหวินจิง เขาไม่ได้กล่าวอะไรต่อหลังจากนั้น และเลือกที่จะเป็นผู้ฟัง

เห็นได้ชัดว่า เจ้ากรมทั้ง 4 ได้เห็นพ้องซึ่งกันและกันแล้ว โอหยางโชวจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เขากล่าวว่า “ดีมาก เราจะทำตามที่เจ้ากรมเทียนกล่าว ในวันพรุ่งนี้เราจะเริ่มก่อสร้างหมู่บ้านสาขาแห่งที่ 3”

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด