ตอนที่แล้วSH – 7 ความสามารถที่ซ่อนอยู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSH -- 9  ตัวร้ายที่แท้จริง ! 

SH -- 8 พิสูจน์มาสิ !


SH -- 8 พิสูจน์มาสิ !

 

          หลังจากที่อาจารย์ใหญ่ซูเดินไปที่หอพักพร้อมกับเหยี่ยซ่าวหยาง พวกเขาเดินไปยังหน้าห้องหมายเลข 408 ขณะที่เขาพยายามจะเปิดประตูเข้าไปเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังหยินที่พุ่งตรงมาปะทะใบหน้าของเขา เหยี่ยซ่าวหยางหยุดเดินทันทีในขณะที่เขาบ่นพึมพำว่าห้องนี้มี……..วิญญาณร้าย ?

 

          มีผู้คนอยู่ในห้องทั้งหมด 2 คน มีหนึ่งคนในขณะที่เขากำลังตัดเล็บเท้าอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมาทักทายเหยี่ยซ่าวหยางด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดีเรารู้มาแล้วแหละว่านายจะเข้ามาอยู่ในห้องนี้กับเรา นายเป็นเด็กใหม่ยังคงไม่ชินกับกลิ่นถุงเท้าและเสื้อเหม็นอับของพวกเราล่ะสิ นายอยุ่ห้องนี้ไปสักพักเดี๋ยวก็ชิน” ส่วนชายอีกคนกำลังเพลิดเพลินกับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์เขากล่าวทักทายว่า “เด็กใหม่ ทำไมถึงใส่ชุดแบบนั้น ? นายไปแสดงละครมาอย่างงั้นหรอ ?”

 

          เหยี่ยซ่าวหยางมองลงไปยังเสื้อผ้าที่เขาสวมมามันเป็นชุดฉางเชียนผนวกกับกางเก่าสีน้ำตาลเก่าๆ รองเท้ามือ 2 ราคาถูกๆ มันเป็นสิ่งที่ปกติมากเมื่อใส่ชุดนี้แถวบ้านเขา แต่นี่มันในเมือง ! การแต่งกายแบบนี้เป็นเหมือนตัวตลกขงเมืองนี้ เขาจึงตอบไปอย่างเก้ๆกังว่า “อ๋อ ! ผมลืมเปลี่ยนชุดหน่ะ”  

 

          เมื่อเหยี่ยซ่าวหยางเริ่มเข้าเริ่มเดินเข้าไปสำรวจห้องนี้อย่างเข้าข้าวเขารู้สึกว่าห้องนี้อยู่ในสภาพที่ดีมีเตียงอยู่ทั้งหมด 4 เตียงและมีหนึ่งในนั้นเป็นเตียงที่ไม่มีใครเคยใช้พร้อมกับมีผ้าห่มพับไปอย่างเรียบร้อยตั้งอยู่บนเตียง

 

          “เดี๋ยวผมจะบอกนายเรื่องการอยู่หอพักทั้งหมดเอง !” จากนั้นเด็กผู้ชายในห้องกับเหยี่ยซ่าวหยางเริ่มพูดคุยกันบนเตียง “ผมจะเริ่มแนะนำชื่อของผม หม่าหลิงเยี่ย เรียกสั้นๆว่า ‘เสี่ยวหม่า’ หลังจากนั้นผู้ชายอีกคนที่กำลังเพลิดเพลินกับการเล่นเกมคอมพิวเตอร์อยู่ก็พูดขึ้นมาว่า”ผมชื่อ เฉินหยู่ และมีผู้ชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องนี้เขามีชื่อว่า ลีตู แต่นายคงไม่ได้เห็นเขานักหรอกเพราะว่าเขาทำงานหนักแล้วไม่ค่อยได้อยู่ห้องนี้เลย” ในระหว่างการสนทนาเหยี่ยซ่าวหยางสังเกตออร่ารอบๆตัวของเสี่ยวหม่าตัวของเขามีพลังหยินครอบงำตัวเขาอยู่ สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวหม่ามองเห็นสิ่งลี้ลับที่คนอื่นมองไม่เห็น ในตอนนี้เขาไม่อยากจะถามเรื่องเหล่านี้กับเสี่ยวหม่าเกรงว่าจะทำให้เสี่ยวหม่ากลัวยิ่งขึ้น

 

          เสี่ยวหม่ามาจากเมืองสตีลซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองสโตนน์ 100 กิโลเมตร เสี่ยวหม่ามาเรียนในมหาวิทยาลัยนี้เป็นระยะเวลา 4 ปีแล้วเขามีครอบครัวมาที่อบอุ่นและมีความสุขมาก งานอดิเรกของเขาคือนอนในหอพักและหาเกมคอมพิวเตอร์มาเล่น บริเวณเตียงชั้นสองของเขามีโปสเตอร์หญิงสาวอยู่รายล้อมเตียงเขาเต็มไปหมดในขณะที่เหยี่ยซ่าวหยางถามอย่างไร้เดียงสาว่า “หญิงสาวสวยๆ คนนั้นคือใครหรอ ?”

 

          “เธอเรียกตัวเองว่า ‘ครูเจิง’ นายไม่รู้จักเธอจริงๆหรอ ?” เหยี่ยซ่าวหยางยืนอ้ำอึ้งไม่สามารถตอบคำถามของเสี่ยวหมาได้เพราะว่าสถานที่เขาอยู่มันอยู่ในหุบเขาลึกซึ่งไม่มีผู้หญิงสวยๆเลยสักคน เขาจะรู้จักผู้หญิงสวยๆงามๆอย่างในเมืองนี้ได้ยังไงล่ะ ?

 

          “เธอเป็นครูจริงๆหรอ เธอสวยมากเลยว่าแต่เธอสอนวิชาอะไรหรอ ?”

 

          เฉินหยู่หัวเราะพร้อมกับพูดว่า “กายวิภาคศาสตร์ !”

 

          เสี่ยวหม่าเป็นคนที่จิตใจดีมาก เขาสั่งอาหารและเบียร์อีก 3 กระป๋องมาเลี้ยงฉลองให้กับเหยี่ยซ่าวหยาง เมื่อทุกคนเริ่มสนิทสนนกันแล้ว เหยี่ยซ่าวหยางจึงเริ่มถามเสี่ยวหม่าว่า “นายเจอเหตุการณ์แปลกๆบ้างมั้ย ?”

 

          เสี่ยวหม่าจ้องมามองด้วยสายตาที่ตกตะลึงว่า “นายรู้ได้ยังไง ?”

 

          “เล่ามาสิ มันเกิดอะไรขึ้นกับนาย ?”

 

          เสี่ยวหม่าลูบศีรษะพร้อมพูดว่า “ดีนะ ผมไม่ฉี่แตกใสกางเกง”

 

          เหยี่ยซ่าวหยางเริ่มขมวดคิ้วแล้วคิดในใจว่า ‘ถึงแม้ว่าจะมีภูติผีปีศาจโผล่ออกมาให้เขาเห็น เขาก็ไม่รู้สึกกลัวหรือเป็นกังวลอะไรเลยเพราะเขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งหนึ่งในชีวิตเขา’

 

 

          “ผม…… ผมเคยเจอกับเหตุการณ์แปลกๆเหล่านี้ ตั้งแต่ผมเริ่มฝันร้าย” เสี่ยวหม่ายกกระป๋องเบียร์ขึ้นมาดื่มแล้วเริ่มพูดกับเหตุการณ์ที่เขาเจอมา

 

          “เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ ในวันนั้นผมเดินทางไปงานวันเกิดงานหนึ่ง งานเลี้ยงจบลงตอน 3 ทุ่มผมจึงเดินทางกลับโดยใช้ทางลัด ทางลัดนั้นเป็นเส้นทางผ่านสุสาน มีผู้คนเล่าขานกันมาว่าจะเจอวิญญาณและผีร้ายบริเวณนั้น ผมก็ไม่เคยเชื่อสิ่งเหล่านี้จนมาเจอกับตัวเอง ในขณะที่ผมอยู่ในรถผมได้ยินเสียงหัวเราะปริศนามันเป็นเสียงหัวเราะของหญิงสาว เสียงหัวเราะนี้มีเสียงโหยหวนซ่อนอยู่ซึ่งมันเป็นเสียงที่น่ากลัวมากๆ”

 

          “ผมรีบหันกลับไปดูว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร แต่ไม่มีใครอยู่ข้างหลังรถเลย ผมรู้สึกกลัวมากจึงรีบวิ่งหนีออกจากรถอย่างไร้สติ ทันทีที่ผมรวบรวมสติกลับมาแล้วผมก็รู้สึกว่าหลงทางในเขาวงกต ซึ่งไม่มีทางออกจากที่นี่ไปได้เลย…..”

 

          “วิญญาณร้ายกำลัง.......” เหยี่ยซ่าวหยางรีบพูดต่อว่า “พูดต่อ”

 

          “อ่อ….มันเป็นเหตุการณ์ที่อธิบายได้ยาก ในตอนนั้นผมรู้สึกกลัวมากและอยากจะรีบออกจากป่าแห่งนั้นทันที ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเห็นนั้นเป็นเพราะผมกำลังเมาเหล้าอยู่รึปล่าว แต่ทุกครังที่ผมผ่านสุสานแห่งนั้นผมจะเจอเรื่องนี้อยู่เสมอๆ มีคนเคยบอกไว้ว่าถ้าเจอผีให้กัดนิ้วกลางและนำเลือดจากนิ้วกลางป้ายไปที่หน้าผากทันที ! ผมลองทำวิธีนี้ตามคำบอกดู ผมกัดนิ้วกลางให้เลือดออกแต่ผม….ลืมเอาเลือดจากนิ้วกลางไปป้ายที่หน้าผาก”

 

          เสี่ยวหม่ารู้สึกว่าเล่าเรื่องที่น่าอายของตัวเองออกไป… เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องไปว่า “มีคนบอกว่าผมอาจจะมโนแและคิดไปเอง แต่ผมรู้ตัวว่าผมเจอผีจริงๆ ผมเจอผีสาวและมีเรื่องลึกลับอีกหลายเรื่องที่ผมเจอ”

 

          เฉินหยู่หัวเราะออกมาอย่างขบขันว่า “นั่นไม่ใช่ฝันร้ายหรอก ผมว่านายฝันเปียกมากกว่า ฮ่าฮ่า !”

 

          “ไอเหี้X จะมีใครกล้าคิดเรื่องแบบนั้นตอนเจอผี ?” หลังจากที่เสี่ยวหม่าเล่าเรื่องออกมามากมายพวกเขาก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น........

 

          เป็นที่แน่นอนว่าเหยี่ยซ่าวหยางจะต้องจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาจึงพูดกับเสี่ยวหม่าว่า “ผมช่วยเรื่องนี้ได้นะ พาผมไปในจุดที่คุณเจอผีสิ !”

 

          “ไปยังสุสานนั่น ? คุณอยากตายรึไง ?”

 

          “ผมไม่ได้อยากตายแต่ผมอยากจัดการวิญญาณร้ายนั่นซะ !”

 

          ดวงตาของเสี่ยวหม่าลุกโตเขามองไปที่เหยี่ยซ่าวหยางราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว “นายกำลังหาผี ? นายคิดว่านายเป็นหมอผีจากนิกายหม่าวซาน ?”

 

          เหยี่ยซ่าวหยางหยิบเนื้อหมูจำนวนมากเข้าปากพร้อมกับพูดว่า “ใช่แล้ว ผมเป็นหนึ่งในนั้น !”

 

          เฉินหยู่สำลักเบียร์ที่กำลังดื่มพร้อมกับพูดว่า “เพื่อนเราคงดูละครมากไปแล้วแหละ คุณคิดว่าตัวเองเป็นนักบุญเต๋า ?”

 

          เสี่ยวหม่าพูดตามมาติดๆว่า “นายพยายามจะโชว์ความสามารถพวกนี้เพื่อเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ?”

 

          เหยี่ยซ่าวหยางตะคอกกลับไปว่า “พาผมไปที่นั่นเดี๋ยวนายจะรู้เอง ผมสัญญาว่านายจะไม่เป็นอันตรายใดๆทั้งสิ้น”

 

          “ไม่ล่ะ ให้ตายผมก็จะไม่กลับไปที่นั่นอีก !”

 

          ‘เจ้าคนโง่’ เหยี่ยซ่าวหยางบ่นพึมพัมออกมา จากนั้นมีความคิดแล่นมาในหัวของเขาขึ้นมาจึงเกิดความคิดดีๆเกิดขึ้น เนื่องจากวิญญาณร้ายจะมาดูดพลังหยางของเสี่ยวหม่าอยู่แล้ว ดังนั้นเรารออยู่เฉยๆให้พวกผีมาหาเราเองดีกว่า

 

          หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหรเสร็จเสี่ยวหม่ากระโดดขึ้นเตียงนอนพร้อมกับพูดว่า “คุณหมอผีหวังว่าคุณจะเจอกับผีตนนั้นเร็วๆนะ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเธอเป็นใคร”

 

          พลังหยินในตัวของเสี่ยวอันถูกวิญญาณร้ายดูดซึมพลังออกไปทีละน้อย เป็นเรื่องที่โชคดีว่าเขาเป็นคนแข็งแรงและมีพลังหยางมากพอ จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากมายนักแต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เรื่อยๆ สักวันเขาต้องตายก่อนอายุขัยแน่นอน !

 

          “รอจนวิญญาณร้ายมาแล้วกัน นายจะได้รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”

 

          ร่างกายของเสี่ยวหม่าอ่อนแอลงหลังจากที่เขานอนหลับ เหยี่ยซ่าวหยางไม่สามารถหลับตาลงได้เพราะเขารู้ว่าผีสาวตนนั้นต้องมาแน่ เขานั่งรออย่างนิ่งๆบนเตียงหลังจากนั้น 1 ชั่วโมงมีลมหนาวพัดผ่านหน้าต่าง เมื่อเหยี่ยซ่าวหยางลืมตาเขามองเห็นวิญญาณสาวตนหนึ่งค่อยๆเคลื่อนผ่านหน้าต่างมาอย่างช้าๆ เธอสวมเสื้อยืด กระโปรงสั้นๆดูเหมือนว่าเธอเพิ่งตายได้ไม่นาน หน้าอกที่ดึ๋งดั๋งกับขาที่เรียวยาวและขาวดุจหิมะมันเป็นภาพที่……….

 

 

          ติดตามตอนต่อไป……….

         

         

         

         

         

         

         

         

         

         

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด