ตอนที่แล้วบทที่ 92 ตำรามุกหยินประลัยกัลป์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 94 ไฉนดวงตาข้าจึงมักจะมีน้ำตาอยู่ร่ำไป?

บทที่ 93 ไฟหินงอก


 

ไฟหินงอกสีขาวน้ำนม ถือกำเนิดจากกลุ่มหินงอกหินย้อยในถ้ำหยินเย็นชื้น จัดเป็นไฟประเภทไฟเย็น

ดูดเข้าไปในร่างกาย จั่วม่อรู้สึกพลังเย็นแผ่กระจายผ่านเส้นชีพจรปราณในร่างอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน ยังอดสั่นสะท้านไปทั้งร่างไม่ได้ แทบไม่อาจควบคุมพลังปราณ ได้แต่เก็บความประหลาดใจไว้ทีหลัง มันพยายามโคจรพลังปราณเข้าล้อมกรอบไฟหินงอกนี้จากทุกทิศทุกทาง ลูกไฟหินงอกพอถูกกระตุ้น พลังเย็นก็ทวีขึ้นในทันที เปลวไฟสีขาวน้ำนมปลดปล่อยความเย็นอันรุนแรงออกมา ในความเย็นเยียบยังรวมไว้ด้วยไอน้ำซึ่งชุ่มชื้นถึงที่สุด ที่ยิ่งน่าแปลกใจก็คือ ภายใต้ความเย็นจนเยือกแข็งนี้ ไอน้ำกลับไม่ได้ถูกแช่แข็งกลายเป็นอนุภาคน้ำแข็ง แต่ยังคงอยู่ในรูปของไอน้ำ

จั่วม่อได้รับรู้ฤทธิ์เดชของไอน้ำเย็นเฉียบนี้อย่างรวดเร็ว! ไอน้ำเย็นเยียบสุดเปรียบปานเหล่านี้ ติดตามไปพร้อมกับเปลวไฟที่กระจายไปทั่ว ยิ่งกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น พลังเย็นที่พวกมันมีอยู่ก็ยิ่งเข้มข้นรุนแรงขึ้นตามลำดับ เมื่อใดที่แตะลงบนเส้นชีพจรปราณ เส้นชีพจรปราณก็บาดเจ็บเสียหายในทันที พวกมันไม่ผิดอันใดกับหมอกหายนะที่สามารถกัดกร่อนทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกที่ที่มันผ่านไป จะทิ้งแผ่นน้ำแข็งขาวเป็นทางไว้เบื้องหลัง

อาการแข็งชาที่เส้นชีพจรปราณชวนอึดอัดขัดข้องเป็นอย่างยิ่ง จั่วม่อกัดฟัน ฝืนควบคุมพลังปราณต่อไป พยายามสะกดไฟหินงอกนี้เอาไว้

ไฟหินงอกราวกับสัตว์ร้ายที่ติดกับดัก ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง เปลวไฟลุกโหมอย่างรุนแรง

ไอน้ำเยือกแข็งคล้ายลมหายใจแห่งความตายที่สัตว์ร้ายสีขาวตัวนี้พ่นออกมา พยายามที่จะทำร้ายเส้นชีพจรปราณของจั่วม่อให้เสียหายมากที่สุด

จั่วม่อในใจลอบคร่ำครวญอย่างหวนโหย มันได้แต่ปฏิบัติตามตำรามุกหยินประลัยกัลป์ เร่งเร้าพลังปราณตามแนวทางเคล็ดวิชาอย่างดุเดือด พลังปราณในร่างพลันแปรเปลี่ยนไป ตรงเข้าห่อหุ้มไฟหินงอกไว้อย่างแน่นหนา

ไฟหินงอกพอถูกพลังปราณห่อหุ้มไว้ ก็คล้ายจะตรวจพบว่าเป็นอันตรายต่อมัน มันคล้ายกระสับกระส่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิต

จั่วม่อพลังปราณในร่างถูกผลาญไปอย่างรวดเร็ว

ไฟหินงอกยิ่งต่อต้านดิ้นรนรุนแรงมากเท่าใด พลังปราณในร่างจั่วม่อก็ยิ่งถูกเผาผลาญเร็วมากเท่านั้น

จั่วม่อแตกตื่นลานลานอยู่บ้าง หากพลังปราณยังถูกผลาญไปด้วยระดับความเร็วเช่นนี้ ปราณในร่างมันจะเกลี้ยงฉาดในเวลาอีกไม่นานนัก บัดซบ! ตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาว่ามันจะสยบไฟหินงอกได้หรือไม่แล้ว แต่เป็นปัญหาว่ามันจะรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่ต่างหาก เมื่อใดที่ไฟหินงอกหลุดออกมาจากการปราบปรามของพลังปราณ จะเริ่มแผลงฤทธิ์ในร่างกายของจั่วม่อ จนกว่าจะแผดเผาร่างมันเหลือแต่กองเศษน้ำแข็ง

ผู้ใดจะคาดคิด ว่าการดูดซึมเมล็ดพันธุ์ไฟระดับสองจะยากเย็นถึงเพียงนี้?

ไม่ได้การแล้ว!

จั่วม่อในเวลานี้ไม่สามารถทำอะไรได้ มันเหมือนคนจนตรอกบนหน้าผา เป็นนักพนันที่เล่นเสียจนตาแดงก่ำ! เพียงถอยหลังอีกก้าวเดียวก็จะตกจากหน้าผาสูงหมื่นจั้ง ไม่มีหนทางให้ล่าถอยอีก! และในเมื่อไม่สามารถล่าถอย เช่นนั้นมันจะทุ่มเดิมพันด้วยทุกอย่างที่มี!

เจ้าเป็นแค่ไฟระดับสอง แค่ไฟหินงอกตัวน้อยๆ กล้าอาจหาญต่อต้านเกอ!

เจ้าไม่ทราบว่ากำลังตอแยผู้ใด!

น่าประหลาด พอถูกไล่ต้อนไปถึงขอบเหวแห่งความตาย โทสะในใจจั่วม่อก็พลุ่งทะยานขึ้นอย่างฉับพลัน ในเวลานี้มันไม่แยแสเคล็ดวิชาในตำรามุกหยินประลัยกัลป์อีก ในสายตามัน ไฟหินงอกนี้เป็นเพียงแมลงศัตรูพืชตัวใหญ่ที่ขุดเข้าไปในร่างกายมันเท่านั้น

พลังแห่งจิตสำนึกทั้งหมดผนึกรวมตัว จั่วม่อผนึกท่ามุทรา ปลดปล่อยเคล็ดทองคำคร่ำคร่าอย่างไม่ลังเล!

จั่วม่อไม่เหลือความคิดสยบไฟหินงอกแม้แต่น้อย มีเพียงความคิดเดียว ฆ่ามัน!

หมอกสีทองขนาดเท่ากำมือพลันแปรสภาพเป็นกระบี่ทองเล่มน้อย

ราวกับเป็นสัญชาตญาณของผู้ที่ฝึกปรือกระบี่มายาวนาน โดยไม่จำเป็นต้องคิด เจตจำนงประบี่ก็ปะทุขึ้นพร้อมกัน

ทันใดนั้นเจตจำนงกระบี่อันเข้มแข็งพลันสำแดงตัวออกมา ผ่านปราณกระบี่ทองเล่มน้อย

กระบี่ทองคำเล่มน้อยเปล่งประกายวาบ จากนั้นหลอมละลายอย่างรวดเร็ว ของเหลวสีทองหมุนวนและบิดเป็นเกลียว ชั่วลัดนิ้วมือเดียว กระบี่หยดน้ำสีทองเล่มน้อยพลันปรากฏขึ้นในร่างจั่วม่อ!

ทันทีที่กระบี่ทองเล่มน้อยก่อรูป เจตจำนงกระบี่อันแกร่งกร้าวก็สาดรังสีสังหารเย็นเยียบออกมา หากความเย็นเยือกของไฟหินงอก เปรียบประหนึ่งความเย็นเสียดแทงหัวใจในส่วนลึกของบ่อน้ำพุเย็น เช่นนั้นเจตจำนงกระบี่น้ำแข็งที่สถิตอยู่ในกระบี่หยดน้ำน้อย ก็เย็นเยียบดุจเดียวกับลมน้ำแข็งไร้ที่สิ้นสุดแห่งทุ่งน้ำแข็งทุรกันดารแถบขั้วโลก หอบเกล็ดน้ำแข็งเหลือคณานับ คมกริบดุจคมมีดนับร้อยนับพัน!

จั่วม่อเองก็นึกไม่ถึง ว่าในเวลานี้เอง เคล็ดทองคำคร่ำคร่าพลันทะลวงผ่านไปยังขั้นที่สี่!

ไฟหินงอกซึ่งกำลังอาละวาดอยู่ในวงล้อมของพลังปราณ ทันใดนั้นก็หยุดกึก แน่นิ่ง ไม่ไหวติงอีกเลย!

เจตนาสังหารอันรุนแรงของจั่วม่อติดตามไปพร้อมกับเจตจำนงกระบี่ ส่งผ่านไปยังไฟหินงอกโดยไม่มีข้อจำกัดใด

หากเจ้าขยับ ข้าจะฆ่าเจ้า!

หากไฟหินงอกยังคงไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นกระบี่หยดน้ำน้อยจะสับมันเป็นชิ้นๆ จั่วม่อเตรียมใจสละไฟหินงอกทิ้งอย่างไม่ไยดี เพื่อไฟหินงอกระดับสองขุมหนึ่ง จะให้จ่ายด้วยชีวิตน้อยๆ ของมัน นี่ย่อมไม่คุ้มค่าแล้ว

แต่ฉากที่เกิดขึ้นต่อไป คล้ายฟาดใส่จั่วม่อจนมึนงง

ไฟหินงอกสีขาวน้ำนมหดตัวกลับเป็นลูกไฟเล็กๆ เหมือนเช่นทารกน้อยกอดขาตัวเองซุกอยู่ในลูกไฟ สั่นสะท้านไปทั่ว ท่าทางนี้ไม่ผิดอันใดกับมนุษย์ ทำเอาจั่วม่อโทสะสลายคลายไปกว่าครึ่ง

น่ากลัวจริงๆ เดี๋ยวนี้กระทั่งไฟยังรู้จักข่มเหงคนอ่อนแอและระย่อต่อผู้เข็มแข็ง! ในใจพึมพำสะทกสะท้อน แต่ภายนอกมันไม่ได้ลดการระวังป้องกันลงแม้แต่น้อย คราวนี้ไฟหินงอกยินยอมแต่โดยดี ปล่อยให้จิตสำนึกของจั่วม่อแทรกซึมเข้าไปในร่างมัน

สิ่งที่จั่วม่อไม่ทราบ คือไฟหินงอกนี้ก่อกำเนิดและวิวัฒนาการมาเนิ่นนานจนนับปีไม่ถ้วน เริ่มมีจิตวิญญาณและสติปัญญาขั้นต้นแล้ว

สองชั่วยามให้หลัง จั่วม่อลืมตาพลางทอดถอนหายใจยาว มันยกดรรชนีขึ้น เปลวไฟหินงอกสีขาวน้ำนมพวยพุ่งจากปลายนิ้ว ลุกโชนโดยไร้เสียง นึกถึงอันตรายถึงชีวิตที่เพิ่งเผชิญมา จั่วม่อยังคงหวาดหวั่นไม่คลาย กับเปลวไฟเหล่านี้ มันแม้โหยหามานาน แต่เรื่องราวเกี่ยวกับการสยบไฟกลับไม่ล่วงรู้แม้แต่น้อย ด้วยพลังบำเพ็ญเพียรของมัน คิดสยบไฟหินงอกสักกองหนึ่งยังยากเย็นถึงเพียงนี้ หากเมื่อครู่ไม่สามารถสยบเจ้าไฟหินงอกได้จริงๆ มันสมควรลงเอยด้วยการเผาตัวเองจนตาย

โชคดีที่มันยามคับขันพลันเกิดไหวพริบ ใช้เคล็ดทองคำคร่ำคร่าและเจตจำนงกระบี่ร่วมกันปราบปรามไฟหินงอกได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม จั่วม่อไม่ล่วงรู้เลยสักนิด ว่าอันที่จริงการสยบเมล็ดพันธุ์ไฟนั้นสัมพันธ์กับระดับพลังบำเพ็ญเพียรโดยตรง

ช่างเสี่ยงอันตรายจริงๆ แทบจะท่องเที่ยวผ่านประตูนรกเข้าไปครึ่งตัวแล้ว ดีที่ยังถอยกลับมาได้ทัน จั่วม่อปาดเหงื่อบนหน้าผาก หวนนึกถึงคำอธิบายเรียบง่ายในตำรามุกหยินประลัยกัลป์ และนึกถึงประสบการณ์ท่องเที่ยวประตูนรกเมื่อสักครู่ จั่วม่อบ่นงึมงำ ดูเหมือนว่าไม่อาจเชื่อถือตำรามุกหยินประลัยกัลป์ได้ทั้งหมด หากเมื่อครู่มันยังฝืนทำตามคำอธิบาย ชีวิตน้อยๆ ของมันคงหลุดลอยไปแล้ว

สุดท้ายแล้ว ยังคงเป็นสิ่งที่ผูเยาให้มาไม่น่าเชื่อถือ!

แต่เมื่อครุ่นคิดลึกลงไป จั่วม่อก็เข้าใจ ผูเยาเป็นวัตถุโบราณอายุสามพันปี สิ่งที่มันเคยชินย่อมเป็นบรรทัดฐานเก่าๆ ในสามพันปีที่แล้ว สินค้าเก่าแก่จนฟันร่วงหมดปากเหล่านี้ จะไม่มีปัญหาได้อย่างไรเล่า?

เจ้าวัตถุโบราณผู้นี้ เมื่อใดจะยอมปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยเสียที!

จั่วม่อแหกปากบริภาษผูเยาอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่านี่คือสิ่งจำเป็นสำหรับเยียวยารักษาจิตใจที่บาดเจ็บของมัน แน่นอน แม้ปากจะก่นด่า แต่ในใจยังคงรู้สึกหวาดเสียวอยู่บ้าง นับว่าโชคดีมากที่มันยังไม่ได้ก่อกำเนิดไฟอีกาทองคำก่อนหน้านี้ เพียงแค่ไฟหินงอกระดับสองยังแทบจะพรากเอาชีวิตน้อยๆ ของมันไป หากเป็นไฟอีกาทองคำระดับสี่จริงๆ เกรงว่ามันจะไม่มีปัญญาต้านทาน และคงไม่แคล้วถูกเผาเป็นเถ้าถ่านอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวลนี้จั่วม่อยังคงพึงพอใจไม่น้อย ไฟหินงอกเป็นเมล็ดพันธุ์ไฟระดับสองชนิดหายาก ที่ได้รับการจัดอันดับในตำรามุกหยินประลัยกัลป์ เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

คิดถึงตรงนี้ คล้ายฉุกคิดอันใดขึ้นมาได้ ทันใดนั้นจั่วม่อสะท้านขึ้นทั้งร่าง ยกกระบี่หยดน้ำค่อยๆ เฉือนตัดหินงอก หินงอกด้านในกลวงเป็นโพรง จั่วม่อเมื่อพบเห็นชั้นของเหลวบางๆ คล้ายน้ำนมที่ส่วนลึกของหินงอก มันอดเบิกบานใจไม่ได้ ของเหลวสีขาวน้ำนมนี้เรียกว่าน้ำนมศิลา เป็นวัตถุดิบที่หาได้ยากมากสำหรับหลอมกลั่นโอสถ มันรีบนำขวดหยกออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นรวบรวมน้ำนมศิลาอย่างระมัดระวัง ไม่หลงเหลือไว้แม้แต่หยดเดียว

เมื่อหันมาพบเจ้าแมลงทองทมิฬน้อยหมุนไปหมุนมาอย่างกระสับกระส่าย จั่วม่อทีแรกตกตะลึง จากนั้นหัวร่อดังลั่น มันหยดน้ำนมศิลาจากขวดหยกลงบนตัวของแมลงทองทมิฬสามหยด

“ฮ่าๆ เกอรับประทานเนื้อ เจ้าดื่มน้ำแกงก็แล้วกัน!”

ทันทีที่น้ำนมศิลาหยดกระทบเปลือกแข็งของแมลงทองทมิฬ ราวกับน้ำหยดลงผืนทราย ซึมหายเข้าไปในร่างแมลงทองทมิฬอย่างรวดเร็ว เปลือกแข็งดุจเกราะของเจ้าดำน้อยกลับกลายเป็นละเอียดเนียนและเงางามกว่าเดิม แมลงทองทมิฬตัวน้อยคล้ายเต็มอิ่มแล้ว จึงหมอบนิ่งอยู่กับที่

จั่วม่อทราบว่าเจ้าตัวน้อยกำลังดูดซึมน้ำนมศิลา มันหยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมา นำแมลงทองทมิฬใส่กลับเข้าไป

หนนี้เก็บเกี่ยวได้ไฟหินงอกกับน้ำนมศิลา จั่วม่อทนรอที่จะกลับไปยังภูเขาสุญตาไม่ไหวแล้ว

เมื่อเหล่าศิษย์สำนักสุญตาเห็นสภาพน่าอนาถของจั่วม่อ พวกมันก็ตะลึงลาน จั่วม่อกำลังจดจ่ออยู่กับเป้าหมาย ได้แต่โบกมือทักทายพวกมัน จากนั้นห้อตรงไปยังหุบเขาของมันดุจลมกรรโชกผ่าน

กลับถึงลานน้อยลมตะวันตก จั่วม่อเริ่มพินิจพิเคราะห์ไฟหินงอกทันที

ไฟหินงอกเป็นไฟชนิดหายากของเมล็ดพันธุ์ไฟระดับสอง ย่อมมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของมันเอง มันจัดอยู่ในกลุ่มไฟเย็น เพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ก็นับว่าหาได้ยากมากในบรรดาเมล็ดพันธุ์ไฟระดับต่ำแล้ว นอกเหนือจากนั้น ด้วยการที่มันถือกำเนิดในความชุ่มชื้น มืด และเย็นของถ้ำหินย้อย มันจึงเต็มไปด้วยทั้งคุณสมบัติของน้ำและความเย็น เปลวไฟที่มันสร้างออกมาย่อมแฝงไว้ด้วยความชื้นเย็น หรืออาจกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า มันเป็นไฟที่รวมคุณสมบัติที่ตรงกันข้ามกันของน้ำและไฟไว้ในหนึ่งเดียว คุณลักษณะนี้ยิ่งหาได้ยากในหมู่เมล็ดพันธุ์ไฟระดับต่ำทั่วไป

ในเบญจธาตุทั้งห้า น้ำและไฟเป็นสิ่งตรงกันข้ามซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามในธรรมชาติ ยังมีหลายสิ่งที่แปลกประหลาด ซึ่งสามารถผสมผสานสองคุณลักษณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี้ เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ น่าอัศจรรย์ยิ่ง

เคล็ดกระบี่เพลิงธาราที่จั่วม่อฝึกปรือ เป็นการควบคุมบังคับน้ำเสมือนมันเป็นไฟ มองในแง่หนึ่ง นี่ก็เพียบพร้อมด้วยลักษณะเฉพาะของทั้งน้ำและไฟ เป็นแนวคิดที่ดีที่สุดและชาญฉลาดที่สุดของเคล็ดวิชานี้ อย่างไรก็ตาม แม้เคล็ดกระบี่เพลิงธาราจะมีคุณสมบัติของน้ำและไฟ แต่จะอย่างไรยังคงห่างไกลจากความน่าอัศจรรย์ของสิ่งของตามธรรมชาติดังเช่นไฟหินงอก

ควบคุมบังคับใช้น้ำเสมือนเป็นไฟ สุดท้ายแล้วก็ยังคงเป็นน้ำ มันเพียงยืมรูปร่างของไฟ

ไฟหินงอกจึงจะเป็นสิ่งที่มีทั้งน้ำและไฟอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ไฟยังคงเป็นคุณลักษณะหลักของมัน ดังนั้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มเมล็ดพันธุ์ไฟ

ในโลกนี้มีไฟมากมายหลากหลายชนิด แต่สามารถจัดแยกได้ตามคุณลักษณะของไฟ โดยทั่วไปแบ่งออกเป็นสี่ประเภทหลัก ได้แก่ไฟร้อน ไฟหยาง ไฟหยิน และไฟเย็น

ไฟร้อน เป็นประเภทที่พบเห็นบ่อยที่สุด คุณสมบัติที่โดดเด่นคืออุณหภูมิสูง ไฟไหลวน จากค่ายกลหัวใจจักรพรรดิเพลิงเป็นตัวอย่างของไฟร้อนทั่วไป

ไฟหยาง สัมพันธ์ถึงพลังชีวิตและหยางแท้จากดวงอาทิตย์ ไฟอีกาทองคำที่จั่วม่อใฝ่ฝัน เป็นตัวอย่างที่ดีเลิศของไฟหยาง

ไฟหยิน ซึ่งปกติเรียกกันว่าไฟภูตผี ก่อกำเนิดจากปราณหยิน เช่นไฟอสุรา

ไฟเย็น เรียกอีกอย่างว่าไฟน้ำแข็งเย็น คุณลักษณะพิเศษเฉพาะของมันคือเย็นเยียบและเยือกแข็ง มักก่อกำเนิดในที่มืดและเย็นจัด

ยังคงมีไฟบางชนิดที่แปลกพิสดารไม่เหมือนใคร ยากที่จะจำแนกประเภทได้ชัดเจน เปลวไฟเหล่านั้นมักเป็นไฟชั้นสุดยอด และเป็นสมบัติล้ำค่าที่ซิวเจ่อทุกคนล้วนถวิลหา

แต่ไม่ว่าจะเป็นไฟประเภทใด พวกมันย่อกอรปด้วยคุณสมบัติพื้นฐานของไฟ นั่นคือหลอมละลาย นี่ยังเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้วิธีหลอมกลั่นด้วยไฟเป็นเส้นทางสายหลักที่นิยมที่สุด สำหรับวิชาหลอมกลั่นโอสถ

ในช่วงหลายวันให้หลัง จั่วม่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับไฟหินงอก ในปัจจุบันนี้ไฟหินงอกว่านอนสอนง่ายอย่างที่สุด หากสั่งให้ไปทางตะวันออก มันจะไปไม่มีวันไปทางตะวันตกอย่างเด็ดขาด การควบคุมไฟอาศัยพลังแห่งจิตสำนึก จั่วม่อมีจิตสำนึกอันทรงฤทธานุภาพเป็นที่สุด จึงสามารถควบคุมไฟได้อย่างง่ายดาย กระทั่งสามารถใช้การควบคุมบังคับที่ซับซ้อนบางอย่างได้

หลังจากเล่นกับไฟอยู่สองสามวัน จนกระทั่งพื้นฐานกลายเป็นเคยคุ้น จั่วม่อคิดทดลองหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์

มุกหยินประลัยกัลป์เป็นเพียงชื่อเรียกรวมๆ แบบทั่วไป ในความเป็นจริง มุกหยินประลัยกัลป์ที่หลอมสร้างขึ้นจากไฟที่แตกต่างกัน ทั้งหมดย่อมแตกต่างกันไป แม้แต่ผู้เขียนบันทึกมุกหยินประลัยกัลป์ ผู้ซึ่งสามารถบรรยายรายละเอียดเมล็ดพันธุ์ไฟมากมาย ก็ยังไม่ได้มีเมล็ดพันธุ์ไฟทั้งหมดที่กล่าวไว้

ในตำรามุกหยินประลัยกัลป์บันทึกเมล็ดพันธุ์ไฟไว้หลายร้อยชนิด แต่มีเพียงหกสิบแปดชนิดที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับมุกหยินประลัยกัลป์ที่หลอมสร้างแล้วเสร็จ ส่วนเปลวไฟที่เหลือนั้น เมื่อใช้หลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ ได้ผลลัพธ์เป็นเช่นไร ไม่มีบ่งบอกไว้ ไฟหินงอกเป็นหนึ่งในส่วนที่เหลือนั้นเอง

จั่วม่อเองก็เป็นคนอยากรู้อยากเห็นมากผู้หนึ่ง ไฟหินงอกที่พิเศษเฉพาะนี้ จะหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ออกมาเป็นเช่นไร?

มันเริ่มหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ลูกแรกของมัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด