ตอนที่แล้วบทที่ 6
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8: ลูนาเรีย

บทที่ 7: นักเวทย์และนักรบ


บทที่ 7: นักเวทย์และนักรบ

“..........” ไทร์เงียบ

“..........” ท่านข่าหมิงก็เงียบ

"ถูกต้องแล้ว ท่านข่าหมิง เวทย์มนต์ที่ท่านพูดถึงจนถึงตอนนี้คืออะไร? มันเป็นพลังงานลึกลับใช่ไหม? " หัวข้อคำถามถูกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจึง ทำให้ข่าหมิงงงงวยสักครู่ก่อนที่เขาจะตอบด้วยอาการไอ

"ถูกต้องแล้ว ตั้งแต่เจ้าความจำเสื่อมทำให้ความทรงจำนั้นไม่สมบูรณ์ แม้ว่าการสูญเสียภาษาและความเข้าใจเป็นสิ่งที่โชคดีก็ตาม" ข่าหมิงมีปฎิกิริยาบางอย่างต่อไทร์และเริ่มเดินรอบตัวไทร์

"ดิน น้ำ ไฟ ลม และสายฟ้า เป็น 5 ธาตุระดับพื้นฐาน แสงสว่าง ความมืด และช่องว่าง เป็น 3 ธาตุระดับสูง เช่นเดียวกับที่ข้าได้กล่าวมาก่อน ตราบเท่าที่ผู้ใดมีความเข้าใจสัก 10% ในบางธาตุ ผู้นั้นก็สามารถเรียนรู้เวทย์มนต์ได้ด้วยตัวเอง"

"เวทย์มนต์ เป็นเช่นเดียวกับที่ระบุชื่อไว้ ในกฎแห่งเวทย์มนต์ มีกฎแห่งเวทย์มนต์ทั้งหมด 17 ขั้น" หยุดอยู่ตรงนั้น ข่าหมิงยกกล้ามปูซ้ายขึ้นมาและทันใดนั้นเกิดลูกไฟตกลงมา ทำให้เกิดปรากฏเหนือธรรมชาติอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้ไทร์เกิดอาการช็อคและเดินถอยกลับมา

"ลูกไฟ คือเวทย์มนต์ขั้นแรก จากนักเวทย์ขั้นแรกขั้นนี้ขึ้นไปขั้นที่ 2 คือนักเวทย์ฝึกหัด ขั้นที่ 3 คือนักเวทย์ขั้นกลาง ส่วนขั้นที่ 4 ถึงขั้นที่ 9 คือนักเวทย์ขั้นสูง ขั้นที่ 10 ถึงขั้นที่ 13 คือผู้สอนเวทย์มนต์เช่นเดียวกับขั้นที่ 14 ถึงขั้นที่ 16 นี่คือขีดจำกัดที่มนุษย์ทั่วไปสามารถบรรลุได้ นักเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่ขั้นที่ 17 ขึ้นไป ขอบเขตเวทย์มนต์จะถูกแทนที่ ถูกเรียกว่า "ไร้ซึ่งเวทย์มนต์" มีเพียงเทพและเผ่าอื่น ๆ ที่สามารถตอบสนองในขั้นนี้ได้ เจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าพูดมาทั้งหมดนี้ไหม?"

"ข้าเข้าใจแล้ว ท่านข่าหมิง ส่วนข้าก็รู้สึกว่าเวทย์มนต์เป็นสิ่งที่ดี ท่านสามารถสอนเวทย์มนต์ให้กับข้าได้ไหม ข้าเชื่อว่าถ้าข้ามีเวทย์มนต์ ข้าคงสามารถออกจากป่านี้ได้อย่างปลอดภัย"

ดวงตาของไทร์ส่องสว่างขึ้นมาและความประทับใจของท่านข่าหมิงก็เกิดขึ้นรอบที่สองและสังเกตที่เปลือกสีเขียวที่เป็นพิษมากตอนนี้เริ่มเบาบางลง

"อย่ารีบร้อน! ข้าเดินทางเข้าสู่อาณาจักรของเทพ โดยผ่านศิลปะการต่อสู้มาแล้วเกือบทั้งหมดส่วนเวทย์มนต์เป็นสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้จากความเบื่อหน่ายของตัวเอง หลังจากที่กลายเป็นเทพข้าเองยังคงใช้ชีวิตครึ่ง ๆ กลาง ๆ อยู่เลย ข้าจะสอนเจ้าได้อย่างไร " ข่าหมิงได้กล่าวด้วยความซื่อสัตย์และข่าหมิงคือคนที่บอกว่ามีอะไรอยู่ในใจโดยไม่เคยปกปิด ทำให้ไทร์มีความประทับใจกับปูตัวนี้มากยิ่งขึ้น เจ้าปูยังดูเหมือนเป็นเทพจริงหรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือสามารถพูดคุยกับมนุษย์ด้วยความเสมอภาค กล่าวได้ว่ามีความซื่อสัตย์และเจียมเนื้อเจียมตัวมาตลอด

"งั้นสิ่งที่ท่านจะสื่อก็คือ......"

ไทร์กล่าวมาครึ่งประโยค ข่าหมิงไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ไทร์กำลังคิดอยู่ ดังนั้นข่าหมิงได้โบกกล้ามของเขาไปอย่างเมินเฉยและกล่าวว่า

"ตั้งแต่ที่เจ้าช่วยข้าให้ขึ้นมาจากกองโคลนนั้น ข้าคิดว่ามันเป็นสิ่งที่คุ้มค่า และแม้ในขณะที่ข้ายังคงมีสิ่งที่ต้องดูแลมากมายเท่าภูเขา ข้าก็สามารถสอนเจ้าได้นะ"

"จริงเหรอ? นั้นมาเริ่มกันเลย! " ไทร์กล่าวด้วยความตื่นเต้นสุดขีด เมื่อเขาคิดว่าช่วงเวลาก่อนเขามีผมสีบลอนด์และมีดวงตาที่เปล่งแสงคล้ายกับความโกรธ แม้ว่าไทร์จะไม่ชอบกดดันใคร แต่ถ้าเป็นคนที่แต่งตัวประหลาดเขาก็จะรู้สึกไม่ดีและไม่สามารถทนอยู่หากไม่ทำอะไรเลย

"ข้าวางแผนที่จะสอนเจ้าเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ข้าต้องไปดูงานของข้าแล้วล่ะ แน่นอนเจ้าสามารถมั่นใจได้แม้ว่าเทพอย่างข้าที่ดูเหมือนเทพที่ไม่เก่ง แต่เจ้าจะมีความสำเร็จบางอย่างได้ โดยมีประสบการณ์จะสอนเจ้าไปด้วย อย่างเช่นตัวข้าเอง "

"อืมอืม" ไทร์พยักหน้าและเชื่อฟังต่อท่านข่าหมิง แต่ข่าหมิงก็สงสัยว่าวัยรุ่นหยาบคายคนนี้ทำไมจึงเชื่อฟังได้อย่างง่ายดาย หรือนี้เป็นภาพลวงตา!

หลังจากสติปัญญากลับคืนมาแล้ว ข่าหมิงก็ไอหนึ่งครั้ง เหมือนดั่งอาจารย์ ที่คอยช่วยเหลือไทร์

"นักรบคือหนึ่งในสิบคน เมื่อเทียบกับนักเวทย์ กล่าวได้ว่าสภาพตอนนี้มีแต่คนอยากเป็น เพราะเหตุนี้ศิลปะการต่อสู้จึงมีความเข้มงวดมากขึ้นในการเลือกคัดสรร และอาชีพที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น อัศวิน นักสังหาร และนักดาบก็เป็นหนึ่งในนั้น และฝั่งนักเวทย์เองก็มีผู้ปิดผนึก นักธาตุ และหมอดู"

"เช่นเดียวกับนักเวทย์ จำเป็นต้องใช้พลังธาตุรอบตัวเพื่อใช้เวทย์มนต์ นักรบก็ต้องใช้โต้วฉีเพื่อใช้เทคนิตการต่อสู้เหมือนกัน"

"[พลังชีวิตอันสูงส่ง] คือขั้นแรก ร่างกายจะแข็งแกร่งกว่าคนปกติมาก เทียบได้กับสัตว์ป่า"

"[อาร์มมี่ เบรคเกอร์] จำนวนผู้ที่สามารถเข้าถึงขั้นนี้เหมือนกับระดับบนสุดของเจดีย์ แต่จะมีขนาดเล็กกว่าที่ฝูงชนจะเข้าได้ [พลังชีวิตอันสูงทรง] ขั้นตอนนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นเสาหลักของประเทศ ประเทศเล็ก ๆ บางส่วน จะมอบสิ่งปลูกสร้างเพื่อดึงดูดให้คนอื่นเข้ามา"

"[บุตรแห่งสวรรค์] และยิ่งไปกว่านั้น ขั้น [ฟินิกซ์] ที่ข้าคิดว่าไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า แม้ว่าข้าจะอธิบายให้พวกนั้นฟังแต่เมื่อเจ้าก้าวเข้าสู่ขั้นนั้นแล้ว เจ้าจะได้เรียนรู้มันอย่างแน่นอน"

ราวกับว่าเมื่อพิจารณาเรื่องความจำเสื่อมของไทร์แล้ว ข่าหมิงเล่ารายละเอียดความรู้พื้นฐานต่าง ๆ นา ๆ ให้เขาฟังไทร์นั่งและฟังเหมือนนักเรียนที่ตั้งใจเรียนมาก ๆ ที่พูดมาทั้งหมด เจ้าปูยักษ์ก็ได้กล่าวอะไรขึ้นมา

"อืม นักรบขั้นพื้นฐานต้องมีโต้วฉี เทคนิคการต่อสู้ และอาวุธต่าง ๆ วิธีการศึกษาโต้วฉีข้าจะสอนท่านเอง เทคนิคร่างกายและเทคนิคการต่อสู้ข้าก็จะสอนด้วย ข้าคิดว่ากิ่งไม้นี้สำหรับเจ้าคงจะเพียงพอ"

"ท่านเป็นเทพ ท่านไม่พกอะไรมาเลยหรอ?"

"หุบปาก! ทุกอย่างสามารถใช้ได้ เมื่อเจ้าเชื่อใจในการต่อสู้ แม้แต่กิ่งไม้เล็ก ๆ ก็สามารถเอาชนะบางคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าหลายเท่าได้" ข่าหมิงกล่าวด้วยทัศนคติที่ยิ่งใหญ่ แต่ในสายตาของไทร์คิดว่าเจ้าปูเป็นคนผู้ขาดความมั่นใจ

"แค่ก...แค่ก เป็นเรื่องไร้เดียงสาที่สุด เอาล่ะ พูดเรื่องไร้สาระมาพอละ มาเริ่มกันที่ร่างกายก่อน"

"......... " ไทร์คิ้วขมวด หน้าเขาเคร่งขรึมโดยไม่พูดอะไรสักคำ

"มีอะไรคาใจรึ?"

"เปล่าครับ ไม่มีอะไร สอนข้าต่อไปด้วยครับ" ไทร์เงียบทันทีเพราะอีกร่างของเขา..ตื่นขึ้นมา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด