ตอนที่แล้วSH – 5 จอมขมังเวทย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSH – 7 ความสามารถที่ซ่อนอยู่

SH -- 6    ออกไปท่องโลกกว้าง


SH -- 6    ออกไปท่องโลกกว้าง

 

          15 ปีผ่านไป ในหุบเขาแห่งเหมาซาน.

          เด็กหนุ่มอายุประมาณ 20 ปีเดินและวิ่งขึ้นเขาอย่างสบายๆ เขาคือเด็กคนนั้น เหยี่ยซ่าวหยาง เขากลายเป็นหนุ่มน้อยรูปหล่อ รูปร่างโดดเด่นเป็นที่สะดุดตาสำหรับผู้พบเห็น ดวงตาของเขาฉายแววฉลาดเฉลียวออกมา......

 

          ตลอดเวลาเขาติดตามอาจารย์ของเขา นั้นก็คือ ชิงหยุ่นซื่อ เพื่อที่เรียนรู้วิถีทางแห่งเต๋า เหยี่ยซ่าวหยาง ผ่านการทดสอบและกลายมาเป็นศิษย์ชั้นในเมื่อ 3 ปีก่อน นั้นทำให้เขากลายเป็นศิษย์ชั้นในที่มีอายุน้อยที่สุดเท่าที่นิกายเหม่าซานเคยมีมา

 

          ไม่ไกลจากเขาเหม่าซานเป็นเมือง ที่ซึ่งมีทั้งโรงเรียนระดับประถมและมัธยม เหยี่ยซ่าวหยาง ไปโรงเรียนในเวลากลางวันและเรียนเกี่ยวกับเต๋าเวลากลางคืน แต่ เหยี่ยซ่าวหยาง ยังคงต้องการชีวิตที่สนุกสนาน ดังนั้นเขาจึงไปเล่นเกมส์ที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เขายังคงเป็นแค่เด็กวัยรุ่นทั่วไปที่มักมีปัญหาและหัวดื้อบ้างในบางครั้ง

 

          แต่อย่างไรก็ตามเขามักจะติดตามอาจารย์ของเขาไปล่าปีศาจและผีอยู่เสมอ เนื่องจากเขาได้พบเห็นการตายและฉากน่าสยดสยองมามากมาย ดังนั้นเขาจึงมีจิตใจที่เข้มแข็งและนิ่งสงบดั่งสายน้ำลึก........

 

          “เฮ้ ตาเฒ่า ผมกลับมาแล้ว!” เหยี่ยซ่าวหยาง ทักทายอาจารย์ของเขาด้วยเสียงอันดัง เขาเดินทะลุทางห้องโถงใหญ่ของวัด แล้วเดินตรงไปยังห้องโถงข้างๆ ที่ซึ่งเป็นที่ที่ชิงหยุ่นซื่ออาศัยอยู่ เมื่อ เหยี่ยซ่าวหยางเดินเข้าไปในห้องก็มีกลิ่นฉุนลอยมาหาเขาทันที เขาบีบจมูกเพื่อไม่ให้เขาได้กลิ่น เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วิเพื่อวิเคราะห์กลิ่น มันเป็นกลิ่นที่เกิดจากการผสมกันของของ 4 สิ่ง คือ ถุงเท้าเหม็นๆ เหล้าขาว บุหรี่และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

 

          ชิงหยุ่นซื่อใส่กางเกงในขณะที่เขาเอนกายนอนบนเตียง มือหนึ่งเขาถือหนังสือ ส่วนอีกข้างเอื้อมไปหยิบถั่ว เขาดูผ่อนคลายมากเมื่อเขากินกับอ่าน เหยี่ยซ่าวหยาง ย่อตัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อดูหน้าปกของหนังสือ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยรู้สึกดีกับหนังสือนิยายที่ชิงหยุ่นซื่อกำลังอ่านอยู่

 

          “นิยายนี้ที่คุณอ่านอยู่มันบ้าชัดๆ จะเป็นไปได้อย่างไรที่ หลาวซือจะกลายเป็นพ่อของราชินีแห่งตะวันออก? และเป็นไปได้อย่างกันที่ เอียหลางเชิน จะคบกับ ฉางเอ่อ?”

 

          “ก็นักเขียนเขียนเป็นแบบนี้หรือว่าคุณไม่ชอบมัน?”

 

          “ถ้าผมได้เขียนนิยายนะ รับรองว่าผมเขียนได้ดีกว่านี้แน่นอน” เหยี่ยซ่าวหยาง ตอบกลับด้วยความมั่นใจ ชิงหยุ่นซื่อแสดงท่าทางนิ่งไม่ไหวติง เขามีท่าทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น ชิงหยุ่นซื่อมองดูเหยี่ยซ่าวหยางอย่างรวดเร็วและถามขึ้น “ทำงานเสร็จแล้วเหรอ?”

 

          “งานง่ายๆ” เหยี่ยซ่าวหยาง นำยันต์ออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วโบกไปมาข้างหน้าชิงหยุ่นซื่อด้วยความภาคภูมิใจ ชิงหยุ่นซื่อมองเขาแล้วใช้พลังปราณปั๋งประเมินความสามารถเขา เขามีกระดาษยันต์ทั้งหมด 10 แผ่น ในแต่ละแผ่นประกอบไปด้วยวิญญาณปีศาจร้ายที่มีอายุอย่างน้อย 300 ปี มันค่อนข้างจะเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจที่เด็กหนุ่มสามารถจับวิญญาณร้ายได้มากขนาดนี้ในเวลาประมาณ 10 วัน

 

          “นายทำภารกิจเสร็จแล้ว ดังนั้นได้อะไรมาบ้างตอนที่อยู่ในเมือง ?”

 

          “ได้อะไรมาบ้าง?” เหยี่ยซ่าวหยางเกาหัวแล้วหัวเราะออกมา “ผมได้รู้จักผู้หญิงน่ารักๆ และพวกเธอก็ให้เบอร์ผมด้วยบางทีผมคิดว่าจะชวนพวกเธอมาดูลายมือที่นี้”

 

          “ดีมาก!” ชิงหยุ่นซื่อแสยะยิ้มใส่เขา “แม้ว่าตอนนี้นายจะยังไม่เก่งมากพอ แต่นายไม่ใช่เด็กๆแล้ว ตอนนี้นายสมควรออกไปท่องโลกกว้างและช่วยเหลือผู้คนได้แล้ว นี้เป็นพิธีกรรมแบบหนึ่งของนิกายเหม่าซาน มันจะเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มบุญกุศลให้มากขึ้นไว้เผื่อชาติหน้าด้วย”

 

          ข้อเสนอของชิงหยุ่นซื่อที่จะให้เหยี่ยซ่าวหยางออกไปท่องโลกกว้างเป็นข้อเสนอที่สร้างความตื่นเต้นให้กับเหยี่ยซ่าวหยางเขาอยากออกไปนานแล้วแต่เหยี่ยซ่าวหยาง แสดงท่าทางราวกับว่าเขาไม่ยินดีกับข้อเสนอนี้ “ได้โปรดอาจารย์ อย่าไล่ผมไปเลย ผมไม่ต้องการไปจากคุณ!”

 

          ชิงหยุ่นซื่อกลอกตา “งั้นดีเลย เราพูดกันเรื่องนี้กันดีกว่า !”

 

          “ไม่ ไม่ ถึงแม้ว่าผมจะต้องคิดถึงอาจารย์แน่ๆ แต่อาจารย์พูดเองว่านี้เป็นสิ่งที่ลูกศิษย์ทุกคนของนิกายเหม่าซานต้องทำ ผมต้องออกไปโลกภายนอก และต่อสู่กับปีศาจ ผมจะต้องทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดถึงแม้ผมจะไม่อยากจากอาจารย์ไปก็ตาม”

 

          การแสดงออกของเขาไม่ได้ทำให้ชิงหยุ่นซื่อประทับใจเลย เขาคิดกับตัวเอง เจ้าเด็กนี้มันกลายเป็นเด็กหน้าหนาตั้งแต่เมื่อไหร่กันห๊ะ ? หรือมันได้รับอิทธิพลจากเรากันแน่ ? ชิงหยุ่นซื่อกระแอมออกมาเล็กน้อยแล้วสั่งลูกศิษย์ “หลังจากที่ลงจากเขาแล้ว จงไปทำสิ่งที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม เวลาทำอะไรก็ตามต้องระวังตัวด้วย ‘นักบุญปีนเขาทีละก้าวแต่ปีศาจปีนทีสิบก้าว !’ ดังนั้นระวังตัวเองตลอดเวลาเมื่อต่อสู่กับปีศาจร้าย”

 

          “มีอยู่ครั้งหนึ่งอาจาย์ได้ไปช่วยอธิการบดีของมหาลัยหนึ่งในเมืองสโตนย์ อาจารย์ได้ทำข้อตกลงกับเขาแล้ว และเขาก็เห็นด้วยที่จะรับนายเข้าเรียนในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน ถึงแม้ว่านายจะเป็นนักบวชเต๋า แต่การเรียนเพื่อเอาปริญญาก็ไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายอะไรสำหรับอนาคตของนาย นอกจากนี้นายยังมีรุ่นพี่อยู่ที่เมืองนั้นอีกด้วย เขาเป็นศิษย์ชั้นนอกของอาจารย์ นายสามารถไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้ถ้านายต้องการ..”

 

          เหยี่ยซ่าวหยาง รู้สึกปวดหัวทันทีที่ได้ยินคำว่ามหาลัย “อาจารย์ อายุผมเท่านี้สามารถเรียนมหาลัยได้เหรอ?”

 

          ชิงหยุ่นซื่อมองเขาด้วยสายตาขบขัน “เขาจะรับนายไปในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน นายต้องต้องไปเรียนที่นั้น 4 ปี ยิ่งไปกว่านั้น นายจะได้รับอิสระมากมาย แต่ถ้านายไม่ชอบมัน ลืมมันไปเถอะ ถึงแม้ว่า ... อาจารย์จะได้ยินพวกเขาพูดๆกันว่าที่นั้นมีสาวๆสวยๆเต็มไปหมดที่มหาลัยแห่งนั้น”

 

           ดวงตาของ เหยี่ยซ่าวหยาง เปล่งประกายด้วยความสนใจทันที หูของเขากระดิกดิ๊กๆทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าของอาจารย์ เขารีบพูดทันที “ผมจะไป ผมว่าผมต้องมีความสุขมากแน่ๆที่ได้ไป ขอบคุณอาจารย์มากครับที่หยิบยื่นโอกาสดีๆแบบนี้ให้กับผม อาจารย์เป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดเลย ผมจะทำให้ดีที่สุดและผมจะจีบสาวๆให้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วผมจะแต่งงานกับผู้หญิงสวยๆสักคนแล้วพาเธอมานี้เพื่อดูแลอาจารย์ตอนแก่”

 

“ไร้สาระ!” ชิงหยุ่นซื่อส่ายหัว

 

          เขาถอนหายใจและพูดว่า “เมื่อรุ่นพี่ของนายเต๋าเฟิงลงเขาไป ที่แรกที่เขาแวะก็คือเมืองสโตนส์เหมือนกัน เมื่อไหร่ที่นายไปที่นั้นพยายามหาเขา เมื่อเจอตัวให้จับเขาแล้วนำมาให้อาจารย์ อาจารย์ต้องการกักขังเขาตลอดชีวิต!” เหยี่ยซ่าวหยางรู้สึกตกใจเต๋าเฟิงเป็นรุ่นพี่ของเขา และมีอายุมากกว่าเขา 15 ปี ชิงหยุ่นซื่อเป็นคนที่เข้มงวดมากเรื่องการรับศิษย์ชั้นใน ในชีวิตของเขาเขารับศิษย์ชั้นในเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น

 

          เมื่อตอนที่เหยี่ยซ่าวหยางยังเด็กเต๋าเฟิงรักและห่วงใยเขามากๆ ไม่กี่ปีหลังจากนั้น เต๋าเฟิงได้รับคำสั่งให้ลงเขาไปจัดการกับปีศาจ อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยกลับมาอีกเลย และเขายังได้ขโมยหนึ่งในสามสมบัติของนิกายเหม่าซาน นั้นคือ เครื่องรางขนอาชา ทำให้ชิงหยุ่นซื่อโกรธจนตัวสั่น เขาประกาศว่า เต๋าเฟิงนั้นไม่ใช่ลูกศิษย์เขาอีกต่อไป ตั้งแต่นั้นมาซ่าวหยางจึงกลายเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของชิงหยุ่นซื่อ และ เหยี่ยซ่าวหยาง มักใช้เรื่องนี้ไปอวดคนอื่นอยู่บ่อยๆ

 

          “อาจารย์ ผมคิดว่าอาจารย์ทำเองดีกว่าเต๋าเฟิงมีพลังมากกว่าผม และเขายังมี เครื่องรางขนอาชาอีกด้วย แต่ผมไม่มีอะไรเลย...” เหยี่ยซ่าวหยาง พึมพำ ในขณะที่เขาเกาหัว

 

          จริงๆแล้วมันเป็นแผนของคนคนหนึ่ง ในที่สุดชิงหยุ่นซื่อก็ตกหลุมพรางนั้น เขาเบิกตากว้างแล้วพูดอย่างร้อนรนว่า เครื่องรางขนอาชาเป็นของล้ำค่าแต่อาจารย์จะให้อาวุธที่ดีที่สุดในบรรดาอาวุธทั้งหมดนั่นก็คือดาบราชามังกรซิงซิน ? นายต้องไปนำตัวเขามาให้อาจารย์ภายใน 5 ปี ไม่อย่างนั้นอาจารย์จะไล่นายออกจากนิกายเหม่าซานด้วยเช่นกัน!”

 

ติดตามตอนต่อไป.........

         

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด