ตอนที่แล้วEternal Martial Sovereign ตอนที่ 40 – สถานะปัจจุบันของเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEternal Martial Sovereign ตอนที่ 42 – เรียนรู้การกลั่นสกัดเม็ดยา

Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 41 – สภาวะหนึ่งในล้าน


Chapter 41 – สภาวะหนึ่งในล้าน

 

"ใครจะไปคิดว่าในเวลาแค่ 2 เดือน ปราณเย็นของน้องสาวจะกลายเป็นทรงพลังมากยิ่งขึ้น" เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย โชคดีที่เขากลับมาทันเวลา – ถ้าเขามาช้ากว่านี้สัก 10 วันหรือครึ่งเดือน สิ่งที่จะเกิดขึ้นมันจะร้ายแรงกว่านี้ ตอนนี้ปราณเย็นของหลิงเอ๋อไม่สามารถถูกยับยั้งได้ด้วยสมุนไพรประเภทไฟได้อีกแล้ว

 

นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ประหลาดใจมาก “ร่างกายน้องสาวของเจ้าเป็นสภาวะที่พิเศษมาก ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ทรุดโทรมลงไปเพราะเจ้าสามารถดูดซับปราณเย็นนี้ได้ แต่ใครจะไปคิดว่าในสถานที่เส็งเคร็งแบบนี้ ทั้งพวกพี่ชายและน้องสาวของเจ้าจะมีสภาวะพิเศษแบบนี้ทั้งคู่? แปลกมาก!” (ประมาณว่าทำไมมีแต่พวกพิเศษๆในที่แบบนี้กัน)

 

“สภาวะของน้องสาวข้าพิเศษเช่นไร?” เซี่ยวหยุนถามขณะยกคิ้วขึ้น

 

“สภาวะของนางแปลกประหลาดมาก – มันเป็นสภาวะแห่งความมืดและความความเย็นสุดขีด และเป็นสภาวะที่มีแค่ 1 ในล้านเท่านั้น” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตอบกลับ

 

เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วขณะที่เขาถาม “สภาวะ 1 ในล้าน? มันเป็นเรื่องดีหรือแย่?”

 

นกกระจอกกลืนกินสวรรค์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ถ้ามันสามารถควบคุมได้ ก็เป็นเรื่องปกติที่มันจะดี ด้วยคำแนะนำบางประการ นางจะสามารถกลายเป็นราชันที่สามารถดูถูกเก้าสวรรค์ได้ แต่ถ้ามันไม่สามารถควบคุมได้และนางไม่สามารถใช้ปราณเย็นนี้ได้ มันจะกัดกร่อนนางจากข้างใน และไม่มีใครที่สามารถช่วยนางได้ แม้ว่าจะเป็นเจ้า มันก็ยังเป็นเรื่องยากอย่างน่าเหลือเชื่อสำหรับการที่เจ้าจะสกัดปราณเย็นให้นางในอนาคต”

 

“มันร้ายแรงไหม?” ความกังวลปรากฏขึ้นในดวงตาของเซี่ยวหยุน ปราณเย็นภายในร่างกายน้องสาวของเขาได้แข็งแกร่งและแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกอย่างแท้จริงจนเกือบจะเป็นอัตราแบบยกกำลัง[1] เว้นเสียแต่ว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาจะเติบโตในอัตราเดียวกัน ถ้าไม่มันก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะกดปราณเย็นไว้ภายการควบคุม ซ้ำร้าย ในอนาคตมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะออกไปเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน – ใครจะไปรู้ว่าเมื่อไหร่กันที่ปราณเย็นของหลิงเอ๋อจะระเบิดออกมา ทำให้เส้นลมปราณของนางแข็งตัว และก็จบชีวิตของนาง ตอนนี้เซี่ยวหยุนรู้สึกเอาจริงเอาจังมาก

 

“เจ้าพอจะทางแก้ปัญหานี้ไหม?” เซี่ยวหยุนถามนกกระจอกกลืนกินสวรรค์

 

นกกระจอกกลืนสวรรค์ดูเหมือนจะลึกซึ้งและมีความรู้อย่างเหลือเชื่อขณะที่มันตอบกลับ “มันก็ค่อนข้างง่ายทีเดียว ถ้าเจ้าสามารถหาทักษะที่เหมาะสมสำหรับน้องสาวของเจ้าในการฝึกฝนได้ มันก็จะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ ฮี่ฮี่ ความสำเร็จของนางในอนาคตอาจจะไม่ด้อยกว่าเจ้าก็ได้”

 

การแสดงออกของเซี่ยวหยุนผ่อนคลายลงขณะที่เขาถาม “ทักษะที่เหมาะสม? ทักษะประเภทใดกัน?”

 

เมื่อเขาได้ยินว่ามีความหวังสำหรับน้องสาวของเขา เขาก็กลายเป็นตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“มันจะต้องเป็นทักษะประเภทหนาวเย็นชั้นยอด” นกกระจอกกลืนสวรรค์กล่าว

 

“ทักษะธรรมดาไม่สามารถควบคุมปราณเย็นนี้ได้ และไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้เหมือนกัน”

 

"แล้วเจ้ามีทักษะแบบนั้นไหม?" เซี่ยวหยุนรีบถาม

 

“ไม่” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตอบกลับ

 

“แล้วประเด็นสำคัญของการพูดทั้งหมดคืออะไร ถ้าเจ้าไม่มีมัน?” เซี่ยวหยุนรู้สึกค่อนข้างพูดไม่ออก เขาคิดว่านกกระจอกกลืนกินสวรรค์จะต้องมีอะไรบางสิ่ง

 

“ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าจะได้ไปอาณาจักรเมืองหลวงสวรรค์ได้เมื่อใด และข้าก็ไม่รู้ว่านางจะสามารถมีชีวิตจนกระทั่งตอนนั้นได้ไหม” เซี่ยวหยุนถอนหายใจ อาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์นั้นไกลจากราชอาณาจักรจันทราวายุเป็นล้านๆไมล์ และมันก็มีพื้นที่อันตรายนับไม่ถ้วนระหว่างนั้น

 

“"แล้วจะหาทักษะในสถานที่เส็งเคร็งกระจ่อยร่อยเช่นนี้” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตอบอย่างสงบ

 

“ดูเหมือนว่านั้นเป็นทางเลือกเดียวของข้า” เซี่ยวหยุนถอนหายใจขณะที่เขาสกัดปราณเย็นจากน้องสาวของเขาต่อ

 

ปราณเย็นนี้หนาวเย็นอย่างมากและดูราวกับมันสามารถแช่แข็งสวรรค์และโลกได้ ถ้าฝางเฮ่าอยู่ตรงนี้ แม้แต่เขาก็จะต้องตกใจอย่างมาก

 

นี่เป็นเพราะว่าปราณเย็นที่จิตวิญญาณการต่อสู้ที่ฝางเฮ่าปลดปล่อยออกมานั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกับปราณเย็นที่มาจากร่างกายของหลิงเอ๋อได้เลย ขณะที่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนสกัดปราณเย็นอย่างต่อเนื่อง ก็มีกิ่งรองของหยกเขียวปรากฏขึ้นใหม่บนจิตวิญญาณการต่อสู้ ปราณเย็นและหมอกล้อมรอบมัน เห็นได้ชัดว่ามันถูกสร้างจากการดูดซับของปราณเย็น

 

ตอนนี้ จิตวิญญาณการต่อสู้มี 3 กิ่งรองแล้ว

 

เมื่อเซี่ยวหยุนมาถึง เซี่ยวหลิงเอ๋อก็หมดสติไปแล้วและตอนนี้ปราณเย็นก็ได้ลดลงอย่างมากแล้ว เด็กหญิงตัวน้อยค่อยๆ ตื่นขึ้นมา

 

“พี่ใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว” เด็กหญิงสาวกระพริบตา ดวงตาของนางมัวๆขณะที่น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนาง

 

“อืม” เซี่ยวหยุนพยักหน้า เขารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจของเขาเมื่อเขาเห็นว่าน้องสาวของเขาดูน่าอ่อนแอและเปราะบางเช่นไร

 

“พี่ใหญ่ หลิงเอ๋อคิดว่าท่านทิ้งข้าไว้ข้างหลังเสียแล้ว” เซี่ยวหลิงเอ๋อพยายามลุกขึ้นขณะที่นางกระพริบตาและกระโดดไปหาเด็กหนุ่ม นางกอดรอบๆแขนของเขาไว้แน่นและปฏิเสธที่จะปล่อยไปขณะที่นางสะอื้น เซี่ยวหยุนรู้สึกโศกเศร้าภายในหัวใจของเขาว่านางนั้นดูน่าสงสารเพียงใด

 

“น้องสาวผู้โง่เง่า ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ข้างหลังได้อย่างไร?” หัวใจของเซี่ยวหยุนเจ็บแปลบด้วยความเจ็บปวดและเขาก็รู้สึกทุกข์ใจอย่างเหลือเชื่อ เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่านางโดดเดี่ยวมากเพียงใดใน 2 เดือนที่เขาจากไป

 

“บู่บู่ พี่ใหญ่ ได้โปรดอย่างทิ้งหลิงเอ๋อไว้ข้างหลังอีกต่อไปนะ” เซี่ยวหลิงเอ๋อติดแน่นกับเซี่ยวหยุน ดวงตาของนางมัวๆ ขณะที่ดวงตาไหลออกมาจากพวกมัน ราวกับว่าเด็กหนุ่มทิ้งนางไว้ จะทิ้งนางไว้โดยไม่ให้ความช่วยเหลือ

 

“อย่างกังวล หลิงเอ๋อ พี่ใหญ่จะไม่ทิ้งเจ้าอีกในอนาคต” เซี่ยวหยุนเช็ดน้ำตาของเด็กหญิงอย่างช้าๆขณะที่เขาสูดลมหายใจลึกและกล่าวว่า "อย่ากังวล พี่ใหญ่จะหาวิธีกำจัดปราณเย็นอันชั่วร้ายเพื่อที่เจ้าจะสามารถเติบโตได้อย่างมีความสุข"

 

“อืม” เซี่ยวหลิงเอ๋อพยักหน้า ซึ่งดูน่าชื่นชมและน่ารักน่าชังอย่างยิ่ง

 

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ปราณเย็นของนางได้ประทุออกมาทั้งหมด 3 ครั้ง 2 ครั้งแรก นางได้ยับยั้งปราณเย็นโดยใช้สมุนไพรประเภทไฟ แต่นางก็ยังได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก แต่ครั้งนี้นางได้สลบไสลไปโดยตรงเลย

 

ความรู้สึกของความโดดเดี่ยวอ้างว้างและความไร้ประโยชน์ได้ตราตรึงอย่างแน่นหนาบนวิญญาณของเด็กหญิงอายุ 15 ปีคนนี้ มันทำให้นางไม่เคยต้องการที่จะแยกออกจากเซี่ยวหยุนอีกครั้ง

 

“นี่ ดูซิมันเป็นของขวัญที่พี่ใหญ่นำกลับมาเพื่อเจ้า” เซี่ยวปล่อยเด็กหญิงไปขณะที่เขายิ้ม

 

“ของขวัญ?” เซี่ยวหลิงเอ๋อกระพริบตา มีการแสดงออกของความอยากรู้บนใบหน้าของนาง

 

ในขณะนี้ ประตูได้เปิดออกและฮวนเอ๋อเดินเข้าในพร้อมกับคู่ของจิ้งจอกม่วงในแขนของนาง จิ้งจอกม่วงนั้นน่ารักอย่างมากและดวงตาของพวกมันก็เปล่งประกายเหมือนกับอัญมณี ดวงตาของพวกมันสุกสกาวและพวกมันก็ดูฉลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ

 

“นี่เป็นจิ้งจอกจิตวิญญาณม่วง” เมื่อนางเห็นจิ้งจอกจิตวิญญาณม่วง ความสุขก็ปรากฏบนใบหน้าของเซี่ยวหลิงเอ๋อ นางลุกจากเตียงไม้ม่วงและไปกอดจิ้งจอกม่วงด้วยแขนข้างหนึ่งขณะที่นางกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ท่านให้จิ้งจอกม่วงตัวนี้กับข้าจริงๆ?”

 

เซี่ยวหยุนยิ้มและเขากล่าวว่า “แน่นอน พี่ใหญ่จะโกหกเจ้าไปทำไม?” เซี่ยวหยุนยังรู้สึกค่อนข้างมีความสุขเมื่อเขาเห็นน้องสาวของเขาดูมีความสุขขนาดไหน

 

“พี่ใหญ่ ท่านเยี่ยมที่สุดเลย” เซี่ยวหลิงเอ๋อกอดจิ้งจอกจิตวิญญาณม่วงขณะที่นางหันมาและเขยางปลายเท้าของนางแล้วจุ๊บใบหน้าของเด็กหนุ่ม มันมีความสุขสำราญบนใบหน้าอันน่ารักและสวยงามของนาง

 

“เด็กคนนี้” เซี่ยวหยุนหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเขารู้สึกถึงความชื้นแฉะบนใบหน้าของเขา

 

ขณะที่เซี่ยวหลิงเอ๋อกอดจิ้งจอกตัวน้อย จู่ๆนางก็ตระหนักได้ว่ามีอีกตัวหนึ่ง เช่นนี้นางจึงหันไปมองไปที่เซี่ยวหยุนด้วยความอยากรู้ขณะที่นางกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ยังมีจิ้งจอกม่วงอีกตัวหนึ่ง”

 

“อีกตัวสำหรับน้องสาวซือหยาน” เซี่ยวหยุนยิ้มขณะที่เขาตอบกลับ

 

“โอ้” เซี่ยวหลิงเอ๋อดูหดหู่เล็กน้อยเช่นเดียวกับความอิจฉาเล็กน้อย

 

“เป็นอะไรรึเปล่า?” เมื่อเขาเห็นน้องสาวของเขาดูไม่ค่อยมีความสุขมากนัก เซี่ยวหยุนก็ยิ้มขณะที่เขาพูด “น้องสาวซือหยานเป็นคนดีและก็ได้ช่วยเหลือพวกเรามาอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ พี่ใหญ่คิดว่าจะนำของขวัญไปให้นางหลังจากออกไป แต่ถ้าเจ้าชอบมัน เจ้าสามารถเก็บทั้งคู่ไว้ได้”

 

สำหรับเซี่ยวหยุน ความสุขของน้องสาวเขาเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง

 

เซี่ยวหลิงเอ๋อกระพริบขณะที่นางยิ้มและตอบกลับ “แค่ตัวเดียว หลิงเอ๋อก็มีความสุขแล้ว”

 

“หลิงเอ๋อเป็นเด็กดี” เซี่ยวหยุนยิ้มขณะที่เขาลูบผมของนาง อัศจรรย์อยู่ภายในตัวเอง ตั้งแต่นางเป็นเด็ก เด็กหญิงคนนี้ก็ความประพฤติและน่ารักดี ซึ่งทำให้ทุกคนต้องการจะปกป้องนางตลอดไป

 

“ท่านหญิงหลิงเอ๋อ จิ้งจอกม่วงตัวนี้มันไม่ได้ขี้อายเลย เพราะมันวิ่งลงบนศีรษะของข้า” ฮวนเอ๋อกล่าวขณะที่นางหัวเราะคิกคัก

 

“เหมือนกับอีกตัวของข้า” เซี่ยวหลิงเอ๋อหัวเราะ ดวงตาของนางดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสาว เด็กหญิงทั้งสองหัวเราะอย่างต่อเนื่องขณะที่พวกนางเล่นกับจิ้งจอก มองดูมีความสุขอย่างเหลือเชื่อ

 

ด้วยจิ้งจอกม่วงนั้น น้องสาวจะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว” เซี่ยวหยุนยิ้มขณะที่เดินไปยังห้องนอนของเขาและเริ่มสลายปราณเย็นภายในร่างกายของเขา เพียงแค่เศษเล็กน้อยของปราณเย็นนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก

 

โชคดีที่เซี่ยวหยุนได้หลอมรวมกับจิตวิญญาณการต่อสู้เปลวไฟ และด้วยความคิดเพียงเล็กน้อย ระเบิดของความอบอุ่นได้ไหลออกมาผ่านร่างกายของเขาและปัดเป่าปราณเย็นไป

 

อย่างไรก็ตาม เซี่ยวหยุนไม่ได้กำจัดปราณเย็นไปทั้งหมด เพราะว่าเขาได้ค้นพบว่าด้วยปราณเย็นที่เพียงพอ จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาจะพัฒนาขึ้น เช่นเดียวกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยแก่นแท้ปราณแห่งไฟ บางทีถ้าเขามีปราณเย็นเพียงพอ เขาอาจจะสามารถสร้างน้ำค้างจิตวิญญาณประเภทความเย็นได้

 

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขาสามารถใช้น้ำค้างได้อย่างไร แต่เขาก็เคยเห็นน้ำค้างหยกสีเขียวได้ฟื้นฟูแก่นแท้แห่งปราณให้หลิงซีไปไม่น้อย (ไม่ใช่หยดน้ำนะครับ ตอนนั้นผมหลง) น้ำค้างควรมีค่าอย่างมากและอาจจะมีคุณค่ายิ่งกว่าเม็ดยาสมุนไพรอีกด้วย

 

เศษเสี้ยวของปราณเย็นได้ถูกดูดซับอย่างรวดเร็วโดยจิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุน แต่กิ่งรองก็ไม่ได้ใบโตขึ้นมาเลย เห็นได้ชัดว่า ปริมาณของปราณเย็นนี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้มันสร้างใบได้ ถ้าเขาต้องการที่จะพัฒนากิ่งรองกิ่งนี้ เขาจะต้องดูดซับปราณเย็นอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อเซี่ยวหยุนได้เสร็จสิ้นการดูดซับปราณเย็นแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงของเซี่ยวหลิงเอ๋อเรียกออกมาว่า “ท่านปู่”

 

ท่านปู่อยู่ที่นี่?” เซี่ยวหยุนประหลาดใจอย่างมาก

 

“หลิงเอ๋อ พี่ใหญ่ของเจ้ากลับมาแล้ว?” เสียงของผู้นำตระกูลคนก่อนของตระกูลเซี่ยวได้ยินมาจากลานบ้าน

 

เซี่ยวหลิงเอ๋อตอบกลับ “อื้อ พี่ใหญ่อยู่ในห้องของเขา ท่านต้องการให้หลิงเอ๋อไปเรียกพี่ใหญ่ให้ไหม?”

 

“ไม่เป็นไร เจ้าเล่นต่อไปเถอะ ท่านปู่จะไปพบเขาด้วยตัวเอง” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนมองไปยังหลานสาวที่สุภาพและน่ารักของเขาด้วยความเจ็บแปลบของความโศกเศร้า หลังจากทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับสภาวะของนาง แต่กลับทำอะไรไม่ได้

 

โชคดีที่เรามีหยุนเอ๋อ มิฉะนั้น เด็กหญิงอาจะไม่สามารถอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้” หลังจากที่ถอนหายใจ ผุ้นำตระกูลคนเก่าได้เดินไปยังห้องของเซี่ยวหยุน

 

เมื่อผู้นำตระกูลเซี่ยวคนเก่าได้เดินไป เซี่ยวหยุนก็เปิดประตูออกมาและต้องการจะไปทักทายเขา

 

“ท่านปู่” เซี่ยวหยุนยิ้ม

 

ถึงแม้ว่าท่านปู่ของเขาจะปิดประตูฝึกตนมาเป็นเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เซี่ยวหยุนก็รู้ว่าท่านปู่ของเขาลึกๆแล้วก็ให้ความสำคัญกับเขามาก มิฉะนั้นท่านจะไม่ออกมาปกป้องเขาเมื่อตระกูลฝางได้มาเพื่อสร้างปัญหา

 

“เจ้าได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว?” มองไปที่เด็กหนุ่ม ดวงตาของผู้นำตระกูลคนก่อนก็สว่างขึ้นด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้ว่าเขาจะคาดเดาไว้แล้ว หลังจากที่ส่งสัมผัสของเขาออกมาและยืนยันมัน เขารู้สึกได้ความสุขแปลกๆ

 

“อื้อ” เซี่ยวหยุนพยักหน้า ดวงตาของเขาเด็ดเดี่ยวขณะที่เขาตอบ “ท่านปู่ หลานของท่านจะต้องแข็งแกร่งกว่าฝางเฮ่าอย่างแน่นอน”

 

เขารู้ดีว่าท่านปู่ของเขาค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก มันเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเซี่ยวหยุนถึงได้เข้าไปในส่วนความลึกของภูเขาเมฆาม่วงด้วยตัวเขาเอง

 

“มันแน่นอนอยู่แล้ว ไอ้เวรตัวน้อยของตระกูลฝางเปรียบเทียบกับหลานชายข้าได้อย่างไร?” ผู้นำคนก่อนของตระกูลเซี่ยวได้ยิ้มขณะที่เขาหัวเราะมากมายและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า หลานชายของข้า สุดท้ายก็ได้พรสวรรค์คืนมาในที่สุด ข้าอยากจะเห็นว่าใครมันจะกล้ากล่าวว่าตระกูลเซี่ยวของเราไร้ความหวัง!”

 

 

จากผู้แปล

[1] มันแข็งแกร่งขึ้นเร็วมากๆ แบบเดียวกันกับเลขยกกำลังที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด