ตอนที่แล้ว9-ภาษาพระเจ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป11-นี่มันเรื่องบ้าอะไร?[ฟรีวันที่17/2/2561]

10-ความลับของนิโคล


เมื่อเห็นใบหน้าที่ยังมีชีวิตอยู่ในกล่องคุณจะทำหน้าแบบไหนออกมา? บางทีคุณอาจจะอุทานว่า

"นี่มันเหี้ยไรเนี้ย?"

เพียงแต่ใบหน้านั้นไม่มีตัว หัว แขนขาหรือแม้กระทั่งขน มันมีเพียงใบหน้า?

พระเจ้า!มันดูเหมือนหน้ากาก แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เหมือนไม่ใช่ แม้กระทั่งโรดี้ที่มีความกล้าหาญก็ยังแทบกรี๊ดเมื่อเห็นมัน นั้นเป็นเพราะหน้ากากที่ดูเหมือนใบหน้าจริงๆเป็นอย่างมากที่อยู่ในกล่อง ที่สำคัญที่สุดคือใบหน้านี้ยังดูเหมือนของคนมีชีวิต

เธอหรือเขามองไปที่โรดี้ที่ทำหน้าเหยเกและกำลังกลัวพร้อมกับทำตัวตลกๆอยู่ เมื่อมองไปที่โรดี้นิโคลอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยขณะที่เธอยิ้ม

"ทำไม?มีอะไรให้นายกลัว?"

โรดี้ทำได้เพียงสูดหายใจลึกๆและพยายามหยุดขาที่ก้าวถอยหลังไปแล้วสองก้าว เขาค่อยๆถาม

"นี่มันคืออะไร?พระเจ้าดูนั้น มันยังมีชีวิตอยู่?"

นิโคลเยาะเย้ย"กลัว?นายควรจะกล้าหาญให้มากกว่านี้นะ"

ขณะที่เธอกำลังพูดเธอก็ชูกล่องเพื่อให้โรดี้เห็นใบหน้าในกล่องชัดขึ้น โรดี้แทบจะเป็นลมเมื่อนิโคลเอาใบหน้าในกล่องมาจ่อใกล้ๆหน้าเขา

โรดี้เบิกตากว้างและหุบปากเงียบไม่กล้าพูดอะไร ขณะมองดูกล่องในมือนิโคล(ผิวของมันค่อนข้างโปรงใสดูคล้ายกับผิวหนังของมนุษย์ แต่ก็มันวาวมีดวงตา ปาก จมูกเหมือนกับใบหน้าจริงๆ

"มันเป็นสมบัติอันล้ำค่าของตระกูลเรา แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีประโยชน์มากนัก มันได้รับการสืบทอดมาจาดบรรชนของพวกเรา1ในผู้ร่วมก่อตั้งจักรวรรดิแห่งนี้ ท่านดยุครูดอร์ฟ" นิโคลลูบใบหน้าในกล่องอย่างเบามือ

"แล้ว....สรุปว่ามันใช้ทำอะไร"

"หน้ากาก! หน้ากากเวทย์ที่มีชีวิต!" นิโคลตอบ

"เวทย์?"  โรดี้ตะโกนดังขึ้น

ในจักรวรรดิเวทย์มนต์คือสิ่งที่ได้รับความนิยม หลายร้อยปีก่อนเวทย์มนต์และไสยเวทต์ได้รับความนิยมพอๆกัน อย่างไรก็ตามเมื่อสองร้อยปีก่อนได้มีจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ปรากฎตัวขึ้น จอมปราชญ์ตานตง ไม่เพียงแต่จะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่เขายังเป็นสุดยอดนักประดิษฐ์อีกด้วย เขาได้ปรับปรุงและสร้างรากฐานของรูปแบบเวทย์ขึ้นมาได้สำเร็จเขาได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิและชนชั้นสูง นักเวทย์ในยุดของเขาล้วนฉลาดหลักแหลม สองร้อยปีต่อมาเทคนิคต่างๆที่ถูกสร้างเอาไว้ล้วนมีการพัฒนาคืบหน้าขึ้น อย่างไรก็ตามเทคนิคแบบไสยเวทย์ล้วนถดถอยลง(sorcery ผมแทนด้วยไสยเวทย์นะครับ เพราะmagicผมแทนด้วยคำว่าเวทย์มนต์ไปแล้ว)

คุณไม่สามารถหาเหล่าหมอผีได้ในจักรวรรดิอีกแล้ว

มีเพียงตอนบนของจักรวรรดิที่บริเวญช่องแคบสเตรทแห่งโรแลนด์เท่านั้นที่ยังพอหาผู้ใช้ไสยเวทย์ได้

"หน้ากากนี้คือสิ่งของล้ำค่า! นี่คืออาติแฟคโบราณที่ถูกสร้างขึ้นมาจากผิวหนังของเอลฟ์"

"หนังของเอลฟ์?"

เอลฟ์คือสิ่งที่มีอยู่เพียงในหนังสือประวัติศาสตร์เท่านั้น พวกเขาสูญพันธุ์ไปนับพันๆปีแล้วในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิหรือทวีปโรแลนด์ในตอนเหนือก็ไม่สามารถพบเห็นเอลฟ์ได้อีกต่อไป

"ใช้ผิวหนังของใครซักคนเพื่อสร้างมันขึ้นมา เธอยังกล้าเรียกมันว่าอาติแฟคอีกหรอนี่มันเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายมากกว่า" โรดี้อดอุทานขึ้นมาไม่ได้

"แม้ว่ามันได้ทำมาจากผิวของใครบาง แต่มันก็ไม่ได้ชั่วร้าย ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนักเวทย์ที่มีชื่อเสียงของเผ่าเอลฟ์นั้นด้วยความคลั่งไคร้ในความเชื่อ เขาได้ตัดผิวหนังของตนเองเพื่อสร้างอาติแฟคที่มีพลังขึ้นมา เมื่อสร้างมันเสร็จเขาเรียกเจ้านี่ว่า"รอยยิ้มของพระเจ้า" ได้มีการพูดกันว่าพ่อมดของเหล่าเอลฟ์มีอายุยืนยาวถึง600ปีก่อนเขาตาย พลังของเขามีมากจนไม่อาจจะกล่าวถึง" นิโคลเล่าประวัติความเป็นมาของหน้ากากนี้ให้โรดี้ฟังด้วยน้ำเสียงเบาๆโรดี้ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เขากระซิบกับตนเอง

'พระเจ้าช่วย นี่คือผิวหนังอายุ600ปี!ที่ถูกถลกออกมาแม้ว่ามันจะน่าสนใจแต่ฉันจะไม่ยุ่งกับมัน'

นิโคลมองการแสดงออกของโรดี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่สีหน้าท่าทางของเขาก็พอจะทำให้รู้ถึงความคิดของเขาได้ เธอพูดเบาๆว่า"เผ่าพันธุ์เอลฟ์นั้นเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่ลึกลับที่สุดเท่าที่มีมา แม้ว่าหน้ากากจะสร้างมาจากผิวหนังของพ่อมดเอลฟ์ก็ตามทีแต่เขาเองก็ใกล้จะสิ้นอายุไขและกลายเป็นผลึกแล้ว ดังนั้นมันควรจะเป็นหน้ากากที่สร้างจากผลึกเวทย์ของเขามากกว่า มันจึงเป็นหน้ากากที่เวทย์มนต์ที่สร้างจากผลึกเวทย์"

"เดี๋ยวก่อน" จู่ก็มีความคิดบางอย่างพุ่งออกมาจากหัวโรดี้"เธอ" ในช่วงเวลาที่โรดี้กำลังจะพูดว่า'เธอ' นิโคลก็จ้องเขม็งมาที่เขา โรดี้รีบเปลี่ยนคำพูด

"จะ เจ้านาย ทำไมคุณถึงบอกเรื่องนี้กับฉัน มันเกี่ยวข้องกันยังไง?"

นิโคลยิ้มอย่างเบิกบาน แต่ในสายตาของโรดี้นี่เหมือนกับรอยยิ้มของหมาป่าที่หลุดเข้าไปในเล้าไก่

"รอยยิ้มของพระเจ้านั้นเป็นหนึ่งในอาติแฟค มีการใช้งานอาติแฟคมากมาย แต่หลังจากที่เหล่าหมอผีได้ล้มตายลงไปสมบัติเหล่านี้ได้รับการตกทอดมาน้อยลงเรื่อยๆ เพียงแค่เห็นและบอกได้ว่าหน้ากากนี้เป็นอาติแฟคก็ถือว่าเป็นคนที่รอบรู้ แล้วพลังของหน้ากากนี้คือเปลี่ยนแปลงใบหน้าของผู้สวมให้เป็นใครหรืออะไรก็ได้เหมือนกับพวกกิ้งก่าที่เปลี่ยนสีผิว เราสามารถกลายเป็นคนที่เราเคยเห็นหรือบุคคลในจินตนาการได้"

"...มันก็น่าสนใจทีเดียว" โรดี้เริ่มสนใจ

นิโคลยิ้มออกมาแบบเงียบๆ"อย่างก็ตามนั้นเป็นเพียงวิธีใช้มันเท่านั้น แต่สำหรับคนสวมฉันมีบางคนในใจแล้วละ การใช้มันทำให้หมอผีนั้นสามารถแปลงใบหน้าเป็นผู้อื่นได้แต่หลังจากการแปลงโฉมหน้าผู้ที่สวมมันย่อมต้องแสดงละครให้เหมือนกับคนที่ตนเลียนแบบทุกประการ ทุกประการ!"  เสียงของนิโคลค่อยๆเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่กระแทกกระทั้น

"มีเพียงผู้มีพลังเวทย์เท่านั้นที่สามารถถอดมันออกได้ หากเหล่าพ่อมดหมอผีไม่สามารถถอดมันออกได้คนๆนั้นก็ต้องสวมมันไปตลอดจนกว่าจะตาย!ไม่ว่าผู้สวมใส่จะทำอะไรกับมันมันก็จะไม่มีวันหลุดออก!" เมื่อได้ยินประโยคท้ายๆของนิโคลโรดี้อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังออกไป

"เธอ เธออย่าบอกนะว่าต้องการให้ฉันสวมมัน?"

นิโคลยิ้มหวานและในมือเธอก็ถือ'รอยยิ้มของพระเจ้า'เอาไว้และค่อยๆเดินเข้าหาโรดี้

"ในตอนที่พวกนายโจมตีรถม้านั้นเพื่อนนายบอกว่าฉันเป็นพ่อมด รู้ไหมฉันบอกเขาไปว่าฉันไม่ใช่พ่อมด เพราะเดิมทีแล้วฉันคือหนึ่งในหมอผีที่ยังอยู่!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด