ตอนที่แล้วตอนที่ 075 – Level Up
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 77 – สมาคมนักเวทย์

เมืองที่ 76 – เมืองคาซ่า


ซึ่งเหมือนกับว่าสิ่งเหล่านี้จะมีมหาศาล แต่มันเปลี่ยนเป็นเงินได้เพียงแค่เล็กน้อย โดยพืชที่ให้ผลผลิตที่สูงก็มีแต่ข้าวโพดและผลน้ำมัน แต่ทว่าในทวีปแห่งนี้ไม่มีใครที่จะรับซื้อข้าวโพดในจำนวนมหาศาลและผลน้ำมันก็มีราคาที่ถูก

ส่วนมะเขือและกระหล่ำปลีที่เจ่าไห่ปลูกนั้นแม้จะทำอาหารได้หลายจาน แต่เขาก็เกรงว่าในทวีปแห่งนี้จะไม่มีใครคิดจะซื้อมัน ซึ่งมันก็หมายความว่ามันไม่ได้ราคา

ส่งเดียวที่เขาคิดว่าจะได้ราคาดีนั้นคือหัวไชเท้า ตอนนี้ในมิติเขานั้นมีเงินอยู่หกร้อยเหรียญทอง แต่ก็ไม่เพียงพอในการพัฒนาตระกูลบูดาในอนาคต ดังนั้นสิ่งที่เขาหวังพึ่งได้มีเพียงอย่างเดียวคือหัวไชเท้านี้เอง

สำหรับข้าวโพดนั้น เจ่าไห่ก็พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวมันในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าเขาจะสามารถปลูกบรอคโคลี่ได้แต่ด้วยจำนวนเมล็ดในตอนนี้นั้นไม่เพียงพอที่จะปลูกในพื้นที่ 2 มู่ หรือบางทีเขาอาจจะปลูกข้าวสาลีในพื้นที่ที่เหลือดี ในเมื่อเขานั้นมีเมล็ดข้าวสาลีอยู่ในโรงนาของเขา

ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดคือเมล็ดพันธุ์พืช ในตอนระหว่างทางนั้น เจ่าไห่ไม่ได้เก็บเมล็ดพันธุ์พืชของต้นไม้ต่างก็เพราะว่ามีคนคอยจับตามองเขาอยู่ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาอาจจะสงสัยในพฤติกรรมของเขาได้ ซึ่งเจ่าไห่ก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น

นอกจากนี้แล้วเจ่าไห่ก็คิดว่าการที่เขาจะรวบรวมเมล็ดพืชเพียงคนเดียวก็ไม่อาจจะเพียงพอ แม้ว่าเขานั้นแข็งแกร่งกว่านี้ เขานั้นจะสามารถรวบรวมเมล็ดพืชได้มากแค่ไหนกันนะ?มันไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพเลย แต่ถ้าหากเขานั้นรวบรวมเงินและเตรียมการบางอย่าง เขาอาจจะให้งานแก่ทหารรับจ้างหรือนักผจญภัยรวบร่วมให้เขาแทน

ในโลกนี้ตราบใดที่คุณมีเงิน คุณสามารถที่จะจ้างทหารรับจ้างและนักผจญทำในสิ่งที่คุณขอได้ แม้ว่าคุณจะต้องการสังหารจักรพรรดิของจักรวรรดิอาร์ซู ก็ย่อมมีคนรับงานนี้ถ้าคุณมีเงินมากพอ

ในขณะที่เจ่าไห่นั้นแช่น้ำอยู่นั้น เขาก็คิดเรื่องราวต่างๆและรู้ว่าในตอนนี้เขานั้นไม่มีทั้งพลังและเงินที่จะใช้จ่าย ส่วนศัตรูของเขาก็แข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นแล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บตัวไปก่อน

ทันใดนั้นความรู้สึกเหนื่อยหล้าก็ถาโถมเข้าใส่ เขานั้นสะบั้นหัวตัวเอง หลังจากแช่น้ำร้อนมาซักพัก เขาก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลม ก่อนจะยืนขึ้นและเดินไปหยิบผ้าขนหนูและเช็ดตัวก่อนจะไปยังห้องนอนที่มีกาน้ำชาตั้งไว้ ก่อนจะรินใส่แก้วและนั่งลงบนเตียงพร้อมกับจิบมันอย่างเงียบๆ

เจ่าไห่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้า เขานั้นรู้ว่าแช่น้ำร้อนนานเกินไป เขานั้นใช้ชีวิตภายใต้ความกดดันในช่างนี้ ซึ่งตอนนี้เขาต้องการที่จะขี้เกียจลงซักครู่ ซึ่งเขานั้นได้แช่น้ำร้อนมาแล้ว ซึ่งมันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

แต่ตอนนี้ก็ได้เวลานอนแล้ว เจ่าไห่สงบจิตใจก่อนจะพล่อยหลับไป พรุ่งนี้พวกเขานั้นต้องไปเมืองคาซ่าอีก เขานั้นต้องการรู้จริงๆว่าไข่มุกแห่งทางเหนือของจักรวรรดิอาร์ซูนั้นเป็นเช่นไร

นี้เป็นครั้งแรกที่เจ่าไห่จะเข้าไปในเมืองสำคัญ เขานั้นคาดหวังอะไรบางอย่างไว้ แม้ว่าอดัมนั้นจะเคยอาศัยอยู่ในเมืองหลวง ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่และมีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด แต่สำหรับเจ่าไห่แล้วมันก็เป็นเหมือนภายฉายที่อยู่ในหัวของเขา ซึ่งไม่ได้รู้สึกถึงความสมจริงเลย นั้นคือเหตุผลที่เขาตั้งตารอที่จะไปเมืองคาซ่า

คืนนี้ก็ผ่านไปด้วยความเงียบ ทาสทุกคนนอนหลับอย่างสงบภายนอกมิติในพื้นที่โล่ง

เช้าวันถัดมา ทุกคนก็ตื่นด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม ด้วยทุกห้องนั้นมีบ่อน้ำร้อน จึงทำให้ทาสทุกคนนั้นได้อาบน้ำอย่างสุขสบาย

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ พวกทาสก็กลับเข้าไปในมิติเพื่อเรียนการอ่านและการเขียนจากนั้นเจ่าไห่ก็เรียกเอเลี่ยนออกมาก่อนจะเดินทางไปยังเมืองคาซ่า

เพราะการเดินทางนั้นถ้าไม่ใช่รถม้าแล้ว มันจะต้องใช้เวลากว่าสองวันแต่เจ่าไห่นั้นใช้เอเลี่ยน ซึ่งเมื่อเทียบกับม้าแล้ว มันก็ไม่ด้อยไปกว่าเลย แต่ว่าม้านั้นเหนือ่ยได้ แต่สำหรับเอเลี่ยนแล้วมันสามารถเดินทางได้อย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน

เพียงแค่ครึ่งวันเจ่าไห่ก็เดินทางมาถึงเมืองคาซ่า

ด้วยภูมิประเทศที่รอบๆเมืองนั้นเต็มไปด้วยภูเขา จึงทำให้กำแพงเมืองนั้นไม่ได้มีรู้ร่างเป็นสี่เหลี่ยมตามรูปแบบทั่วไป แต่มีลักษณะเป็นวงกลมแทน ด้วยดำแพงที่สูงว่าสามสิบเมตรและหนาถึงหกเมตร และมีประตูทางเข้ากว่า 18 แห่ง ซึ่งกำแพงนั้นก็ประดับด้วยธงของตระกูลเพอร์เซลล์ที่ปักไว้อย่างสง่างาม บนกำแพงเมืองก็จะมีทหารที่สวมเกราะเงินที่มีอาวุธที่เงาประกายค่อยเดินตรวจตราอยู่เป็นระยะๆ ทุกสิ่งอย่างที่เห็นนั้น เรียกได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเมืองที่พิเศษอย่างมาก

เจ่าไห่ที่ยืนอยู่ใต้กำแพงเมองก็ยืนมองตรงขึ้นไป เขานั้นไม่เคยเห็นกำแพงเช่นนี้มาก่อนเพราะว่าอดีตนั้นเขาอาศัยอยู่ในเมืองที่มีความทันสมัย ซึ่งเมืองเห็นกำแพงเมืองเช่นนี้แล้วเขาก็คิดถึงเมืองโบราณจีน แน่นอนว่ากำแพงเช่นนี้นั้นสามารถที่จะหยุดการรุนรานของกองทัพใดๆก็ได้

เจ่าไห่นั้นรู้สึกอัศจรรย์กับกำแพงแห่งนี้

ตอนนี้เจ่าไห่ส่งเอเลี่ยนกลับไปยังมิติแล้ว เพราะกฎทั่วไปของเมืองใหญ่ๆอย่างเช่นเมืองคาซ่านั้น ในระยะห้าร้อยเมตรห่างจากกำแพงนั้นถึอว่าเป็นระยะระวังภัย ถ้าหาหคุณไม่ใช่คนที่คิดจะก่อการร้ายใดๆ ทางที่ดีที่สุดคือยกเลิกการอัญเชิญต่างๆ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคนที่ปกป้องเมืองจะนับว่าคุณนั้นเป็นผู้ก่อการร้ายและโจมตีทันที

ซึ่งเจ่าไห่ก็รู้มาจากกรีนอีกทีหนึ่ง ซึ่งเมืองเจ่าไห่มาถึงก็ทำการเก็บเอเลี่ยนเข้าไปในมิติแม้ว่าพวกเขานั้นต้องการที่จะให้ทุกคนมาสนใจที่พวกเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขานั้นต้องการจะสร้างความวุ่นวายใดๆ ตราบใดที่พวกเขานั้นยังคงทำตัวโดดเด่นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างปัญหาใดๆและถ้าหากพวกเขาเกิดการต่อสู้ขึ้นมา มันก็อาจจะทำให้เปิดเผยความลับของพวกเขาด้วย

กรีนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไม เจ่าไห่ถึงหยุดและมองไปยังกำแพงเมือง ด้วยการกระทำเช่นนี้นั้น มันอาจจะสร้างความสงสัยแก่คนอื่นๆได้ ถ้าหากว่ายามนั้นเป็นว่าเจ่าไห่เป็นนักเวทย์แล้วล่ะก็ กรีนก็กลัวว่าพวกเขาอาจจะโดนสอบสวนได้

โชคดีที่เจ่าไห่นั้นมองเพียงแค่ชั่วครู่ก็มีสติกลับมาอีกครั้ง เขานั้นเดินตรงเข้าไปในเมืองพร้อมกับกรีนและเม็ก ส่วนเมอร์รินนั้นไม่ได้มากับพวกเขาด้วย เพราะว่าเจ่าไห่นั้นไม่ต้องการให้คนอื่นๆนั้นรู้ว่าพวกเขานั้นมีพลังในการรบมากแค่ไหน

เจ่าไห่ก็เดินตรงไปยังประตูเมือง ซึ่งข้างหน้าประตูนั้นก็มีกล่องอยู่สองกล่องใหญ่ ซึ่งกล่องหนึ่งนั้นมีคำเขียนไว้ว่า ‘ภาษี’ ซึ่งทำให้เขารู้ว่ากล่องนี้ไว้ใช้ในการเก็บภาษี โดยหากใครจะต้องการเข้าเมืองแล้ว พวกเขาต้องใส่เงินลงไปในกล่องนี้ ไม่งั้นแล้วพวกเขาจะต้องหยุด

แต่ว่าสำหรับเจ่าไห่แล้วนั้น เขาไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นสิ่งที่กรีนบอกเขาไว้ว่าสำหรับนักเวทย์นั้นไม่จำเป็นต้องเสียภาษีใดๆ

แน่นอนว่า มันไม่ได้หมายความว่าจะสวมชุดนักเวทย์แล้วคุณจะได้รับการยกเว้น ถ้าหาคุณต้องการที่จะใช้ชีวิตอย่างปลอดภาษีแล้ว คุณก็ต้องไปลงทะเบียนกับสมาคมนักเวทย์เพื่อรับตราสัญลักษณ์ ซึ่งถ้าไม่มีตราสัญลักษณ์แล้ว ก็ไม่ได้รับการยกเว้น

แต่เจ่าไห่นั้นเป็นข้อยกเว้น แม้ว่าเขานั้นจะไม่มีตราสัญลักษณ์ ยามก็เคยเป็นอันเดตของเขานั้นถูกอัญเชิญไปที่อื่น ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่าคนๆนี้คือนักเวทย์

ซึ่งแน่นอนว่ามีนักเวทย์มนตร์ดำจำนวนมากที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้กับกสมาคมนักเวทย์ยกเว้นป้อมปราการมอนเตเนโกที่ไม่มีใครกล้าที่จะอ้างตัวว่างเป็นนักเวทย์มนตร์ดำ

เมืองเข้าไปใกล้ๆประตูเมืองแล้ว กรีนก็เตือนเจ่าไห่ในสิ่งที่ควรทำ เพราะเขากลัวว่าบทยาทของเจ่าไห่ที่แสดงเป็นเป็นเวทย์มนตร์ดำนั้นดูธรรดาเกินไป และทำให้คนอื่นๆนั้นสงสัยได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด