ตอนที่แล้วตอนที่ 98 – ตรงกันข้าม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 100 – บุก

ตอนที่ 99 – ยาแก้พิษ


ชิฟนั้นไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยกับนักรบขั้นสูงทั้งสามคนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดไม่ออก

เมื่อมองไปที่ค่ายแล้ว พวกเขาก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ การ์รันยังคงคุยอยู่กับแฝดภูมิหินผาราวกับว่าศัตรูของพวกเขาอยู่ในกำมือแล้ว

ด้วยกำลังรบของเขานั้น น่าจะเพียงพอที่จะจัดการกับเจ่าไห่ได้ เนื่องจากว่าเจ่าไห่คือนักเวทย์มนตร์ดำและการ์รันคือนักเวทย์แสงระดับแปด ซึ่งเวทย์แสงนั้นคือเวทย์ที่เป็นปรปักษ์กับเวทย์มนตร์ดำ

แต่พวกเขาก็ยังไม่ลืมข้ารับใช้ของเจ่าไห่ ซึ่งรู้จากข่าวของลอร่าที่ต่อสู้กับกองทัพอมตะกรีนนั้นน่าจะมีความสามารถเท่ากับนักรบขั้นสูงทั้งสาม และแม้ว่าจะไม่สามารถจะจัดการกรีนได้ แต่พวกเขาก็ยังถ่วงเวลาไว้ได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนแฝดภูติหินผาก็สามารถจัดการกับเมอร์รินได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้การ์รันนั้นมั่นใจมากในการชนะการรบครั้งนี้

เจ่าไห่นั้นเปลี่ยภาพหน้าจอโดยมองทั่วไปทั้งค่ายทหาร แต่มีเพียงเต็นท์ของการ์รันเท่านั้นที่มีความสำคัญ ส่วนคนอื่นๆนั้นไม่จุดสนใจใดๆเลย

เจ่าไห่ที่กำลังรอพระอาทิตย์ให้ตกดินก่อนที่จะลงมือ ในขณะที่รอนั้น พวกเขาก็คอยสำรวจค่าย แต่ในขณะที่กำลังมองหาข้อมูลจากการดูการ์รันซึ่งไร้ประโยชน์อยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมา “รายงานครับ”

นักเวทย์ทั้งสามนั้นมองไปที่ทางเข้าของเต็นท์ “เข้ามา” การ์รันพูดตอบกลับออกไป

จากนั้นนักฆ่าเสื้อคลุมสีดำก็เข้ามา ก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษให้กับการ์รัน แต่ก่อนที่จะพูดอะไร เขาก็หันกลับและออกไปจากเต็นท์

พฤติกรรมของชายคนนี้ช่างไร้มารยาท แต่น่าแปลกคือการ์รันกลับไม่โกรธอะไรเลย “สมแล้วที่เป็นนักฆ่าของตระกูลเพอร์เซลล์” การ์รันพูดกับแฝดภูติหินผา “ผมแค่ต้องการที่จะกำจัดเจ้าขยะนี้ให้ออกไปจากเขตแดนของพวกเขา นั้นจึงเป็นเหตุผลที่นักฆ่าพวกนี้ทำท่าทางเช่นนี้ แต่ข้าก็เป็นคนดี ไม่งั้นพวกเขาต้องได้บทเรียนอย่างสาสม”

การ์รันก็ขำออกมาก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ตั้งแต่ที่พวกเราจะจัดการกับเจ่าไห่ ตระกูลเพอร์เซลล์ก็ช่วยพวกเราไว้มาก พวกเขานั้นคิดไว้แล้วอย่างดี พวกเขานั้นให้ข้อมูลและกองกำลังไว้ต่อสู้กับเจ่าไห่ แต่ถ้าหากพวกเราพ่ายแพ้ ก็ไม่มีทางที่จะสาวกับไปยังตระกูล ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องกลัวการล้างแค้นจากตระกูลเพอร์เซลล์”

เมื่อกรีนได้ยินสิ่งที่การ์รันพูดออกมา ก็อดระเบิดความโกรธและพูดว่า “ดูเหมือนว่าการโจมตีครั้งนี้ตระกูลเพอร์เซลล์จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”

เมื่อพูกจบ เขาก็ได้ยินเสียงการ์รันอีกครั้ง “ข้าแน่ใจว่านักรบขั้นสูงของเจ่าไห่นั้นจะกลับมายังภูเขาหินในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นคือนี้พวกเราจะทำอะไรก็ได้ พวกเราต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้ก่อนที่จะปิดงานของเราโดยกวาดล้างเจ่าไห่และข้ารับใช้ของมันให้หมด”

จากนั้นหนึ่งในแฝดภูติหินผาก็พูดขึ้นว่า “แต่ข้าได้ยินข่าวลือแปลกๆบางอย่างมาว่านักรบของเจ่าไห่นั้นเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อบลูอายแรบบิทจำนวนมาก คุณคิดว่าเขาต้องการจะทำอะไรกัน?”

การ์รันขมวดคิ้ว “เจ้านั้นเป็นคนที่ชั่วร้าย บางทีเจ้านั้นคงจะนำบลูอายแรบบิทเหล่านั้นไปทดสอบยาพิษใหม่”

กรีนนั้นนั่งอยู่ข้างหน้าจอแสดงผล ข้างเจ่าไห่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนของการ์รันนั้นไม่รู้ว่ากรีนกลับมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมที่จะพักผ่อนในคืนนี้ เพื่อเริ่มแผนการในวันพรุ่งนี้

หลังจากที่เสียงในเต็นท์เงียบลง เจ่าไห่ก็พูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าชื่อเสียงของนักเวทย์มนตร์ดำในทวีปแห่งนี้จะไม่ดีจริงๆ พวกนั้นยังคิดว่าพวกเราจะใช้บลูอายแรบบิทเป็นหนูทดลองยาพิษใหม่เลย แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพวกเขาและกองทัพจะพักผ่อนในคืนนี้ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะสำหรับพวกเรา” เจ่าไห่หัวเราะ “ดยุคตระกูลเพอร์เซลล์นั้นใช้คนอื่นมาโจมตีพวกเรา แต่เขานั้นไม่รู้เรื่องมิติของผมที่สามารถคอยฟังบทสนทนานั้น ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเราก็คงไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

กรีนพยักหน้า “ตั้งแต่ที่ดินแดนของตระกูลเพอร์เซลล์นั้นอยู่ข้างกับทางเข้าแดนทมิฬนั้น พวกเขาก็พยายามข่มขู่เราเสมอ แม้ว่าพวกเราจะไม่กลัวพวกเขาเพราะว่ามีมิติอยู่ แต่มันก็ยังเป็นปัญหาที่ใหญ่อยู่ดี เดิมพวกเรานั้นไม่มีพลังในการแก้ปัญหา แต่ตอนนี้พวกเรามีพลังมากพอแล้ว ดังนั้นพวกเราควรจะจัดการปัญหาเรื่องตระกูลเพอร์เซลล์ก่อนหลังจากนี้”

หลังจากที่ได้ยินกรีนพูด เมอร์รินก็หัวเราะออกมา “ด้วยมิติของนายน้อย เราไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องนี้ อีกเพียงไม่กี่ปี กองกำลังของเราสามารถเพิ่มพูนได้จากบึงซากศพ เมื่อถึงเวลาพวกเราก็สามารถที่จะกำจัดตระกูลเพอร์เซลล์และยึดดินแดนของพวกเขาในคราวเดียวแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าสถานการณ์ที่ดีขึ้นในแดนทมิฬ พวกเขาก็หยุดเราไม่ได้? และอย่างลืมว่า อีกไม่กี่ปี บล๊อค ร๊อคและเม็กก็จะโตขึ้น ด้วยพรสวรรค์ของพวกเขา ตระกูลบูดาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใครอีกแล้ว แม้ว่าเราจะแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ ก็มีเหตุผลอย่างเดียวคือพวกเราไม่คิดว่าตระกูลเพอร์เซลล์นั้นจะลงทุนในการจัดกองทัพขนาดนี้มาจัดการพวกเรา พวกเราต้องเตรียมตัว พวกเราจะไม่ปล่อยให้พวกเขานั้นคิดว่าจะจัดการพวกเราง่ายๆ”

เจ่าไห่นั้นกังวลอยู่แม้ว่าเมอร์รินจะพูดเช่นนั้นออกมา “แต่ถ้าพวกเขานั้นรู้สถานการณ์ของแดนทมิฬแล้วขุนนางคนอื่นร่วมหัวกันจัดการพวกเรา แทนที่จะถูกโจมตีจากขุนนางเพียงตระกูลเดียวล่ะ แม้ว่าพวกเราจะแข็งแกร่งขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดพวกเขาได้”

กรีนยิ้มเยาะ “นายน้อยมองคนเหล่านี้สูงเกินไป พวกเขามันก็แค่กลุ่มคนที่เห็นแก่เงินเพียงอย่างเดียว และแม้ว่าพวกเขาจะรวมตัวกัน พวกเราก็จะลงมือโจมตีก่อน คุณคิดว่าขุนนางเก่าๆนั้นมีการดำเนินการอย่างไรงันเหรอ? คุณแค่ต้องโจมตีจนกว่าพวกเขาจะรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของคุณ

เมื่อได้ยินสิ่งที่กรีนพูด ตาของเจ่าไห่ก็ประกายขึ้นมาก่อนจะหัวเราะ “ใช่แล้ว ปู่กรีนพูดถูกดูเหมือนว่าผมจะมองในแง่ร้ายเกินไป”

เจ่าไห่นั้นกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้ายเพราะเขานั้นเป็นเด็กเนิร์ดมาก่อน ซึ่งเป็นลักษณะของเด็กเนิร์ดที่เป็นคนขี้อาย นอกจากนี้ ความทรงจำของอดัมก็ทำให้เขาเข้าใจถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพวกขุนนาง ในใจลึกของเขานั้นกลัวว่าเขาจะพบว่ากองทัพนี้คือหนึ่งในพวกนั้น เขาไม่ต้องการที่จะพบเจอคนเช่นนั้น เขาแค่ต้องการที่จะอยู่กับฟาร์มของเขาและคิดว่าพวกเขาและลูกหลานนั้นจะทำอย่างไรให้สามารถอยู่ในแดนทมิฬแห่งนี้ได้

แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่กรีนพูดแล้ว มันก็ทำให้เจ่าไห่นั้นเปิดโลกมองเห็นเส้นทางต่างๆ เขานั้นอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ซักหน่อยก่อนที่จะเผชิญหน้ากับพวกขุนนางแต่เขาก็ยอมรับว่าการที่เขาจะมีที่ยืนในโลกแห่งนี้ เขาก็พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขา

ด้วยความคิดก็ทำให้เจ่าไห่พูดขึ้นว่า “ถ้าหากเขาสามารถที่จะหาทางแก้พิษของน้ำแห่งความว่างเปล่าได้ เขาก็สามารถที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้”

ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา [หาต้องการกำจัดของบกพร่องทางพันธุกรรมของโฮสต์ คุณต้องเพิ่ม Lv ถึง ระดับ 20 และเปิดโรงงานจึงจะสามารถทำได้]

เจ่าไห่และคนอื่นๆที่อยู่ในวิลล่าก็ได้ยินเสีงที่ดังขึ้นมา แต่พวกเขานั้นไม่เขาใจสิ่งที่พูดออกมาเหมือนกับเจ่าไห่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ แต่ความหมายของมันแต่ประโยคนี้คือข้อความที่ส่งตรงให้เจ่าไห่ เจ่าไห่นั้นไม่เคยคิดเลยว่าน้ำแห่งความว่างเปล่านั้นจะทำให้เกิดข้อบกพร่องทางพันธุกรรม จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงเรียนเวทย์มนตร์หรือวรยุทธได้

ซึ่งเมื่อ Lv ของฟาร์มนั้นเพิ่มขึ้นถึง 20 เขาสามารถที่จะเปิดโรงงานในมิติเพื่อซ่อมแซมพันธุกรรมของเขาได้

เจ่าไห่ก็หัวเราะออกมา ซึ่งทำให้ทุกคนนั้นงง เมื่อเจ่าไห่เงียบลง กรีนก็ถามขึ้นมา “นายน้อย มิติพูดว่ายังไงเหรอครับ? และทำไมคุณหัวเราะออกมาละครับ?”

เจ่าไห่นั้นยืนสงบนิ่งและก็ยิ้ม “ผมแค่คิดเกี่ยวกับวิธีในการกำจัดผลของน้ำแห่งความว่างเปล่า ซึ่งทำให้มิตินั้นส่งเสียงออกมา” เจ่าไห่หยุดพูดที่ตรงนี้ แต่กรีนก็ยังเห็นเขานั้นยิ้มอยู่

กรีนและเมอร์รินั้นไม่ได้โง่ พวกเขานั้นรู้สึกตกตะลึงก่อนจะเดาความหมายก่อนจะทำให้พวกเขายืนขึ้น “นายน้อยหรือว่า?”

เจ่าไห่พยักหน้า“อา ใช่แล้ว เมื่อ Lv ฟาร์มเพิ่มขึ้นถึงระดับยี่สิบแล้ว ผมสามารถที่จะกำจัดผลของน้ำแห่งความว่างเปล่าได้”

กรีนนั้นมองเขาราวกับว่าไม่เชื่อสิ่งที่พูดออกมา “นายน้อย คุณไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหมครับ?”

“นี้ไม่ใช่เรื่องตลก” เจ่าไห่หัวเราะ

กรีนและเมอร์รินก็หัวเราะออกมา แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น บล๊อคและร๊อคก็ด้วยเช่นกัน พวกเขานั้นไม่เคยคิดเลยว่ามิติจะมีทางแก้ไขผลของน้ำแห่งความว่างเปล่าได้ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ความกังวลของพวกเขาก็หายไปจนหมด

พวกเขานั้นกังวลมาตลอดว่าน้ำแห่งความว่างเปล่านั้นจะทำอะไรกับร่างกายเจ่าไห่บ้างเพราะว่ามันจะส่งผลให้เจ่าไห่นั้นมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ดังนั้นมิติก็จะอยู่กับพวกเขาได้ไม่นาน แต่เมื่อเจ่าไห่นั้นมีทางรักษาได้ ก็ทำให้เขานั้นสามารถเรียนเวทย์มนตร์หรือวรยุทธทำให้เขานั้นชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด