ตอนที่แล้วตอนที่ 82 – เพิ่ม 3 Lv
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 84 – โกยกันเถอะ

ตอนที่ 83 – เลือดปู


แม้ว่ากรีนจะไม่ใส่ใจ แต่เจ่าไห่นั้นก็ยังรู้สึกเสียใจไม่น้อย เพราะจะไม่เสียใจได้อย่างไรเนื่องเขานั้นรู้ว่าถ้าในอนาคตแล้ว เขามี Lv ที่มากพอแล้วนั้น เขาจะสามารถนำเงินออกไปข้างนอกมิติได้

แต่จะมาคิดตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่จนกว่าหัวไชเท้านั้นจะสามารถขายให้กับลอร่าได้เพื่อจะดำเนินแผนการต่อไป

กรีนเห็นว่าเจ่าไห่นั้นยังรู้สึกไม่ดีอยู่นั้นเขาก็พยายามจะปลอบใจว่า “นายน้อย พวกเรานั้นไม่ได้เข้าไปในป่าเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์พืชกันเลยนะครับ ถ้าหากว่าพวกเราเข้าไปเก็บเมล็ดพันธุ์ที่มีประโยชน์ได้แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อมันและยังทำให้ Lv ของมิติเพิ่มขึ้นด้วย”

เจ่าไห่ยิ้มออกมา แม้ว่าเขาจะไม่หวังมากกับวิธีนี้ ทวีปอาร์คนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหนึ่งพันปี ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักการพัฒนาการเกษตร แต่มันก็ยังคงดำเนินการไปได้ด้วยดี โดยตอนนี้พวกเขานั้นปลูกพืชที่ถูกคัดสรรมาแล้วอย่างดีตัวอย่างเช่น เขานำเมล็ดต้นข้าวไม้ไผ่เข้ามาในมิตินี้มันก็ทำการแทนที่เมล็ดข้าวที่มีอยู่แล้วในมิติ นั้นหมายความว่าอย่างไรงั้นเหรอ? มันหมายความว่าเมล็ดพันธุ์พืชที่ได้มานั้นดีกว่าที่มีอยู่นั้นเอง ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงพืชที่ขึ้นในป่า เพราะเขาเกรงว่ามันจะไม่มีสิ่งใดนั้นดีกว่าพืชที่ใช้ทำการเพราะปลูกอยู่นั้นเอง

มันก็เหมือนกับการเค้นเลือดจากปู แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เจ่าไห่จึงพยักหน้า “ได้เลยครับ ยังไงตอนนี้ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรอยู่แล้ว เอาเป็นว่าผมจะให้ชีฟนั้นช่วยปู่กรีนด้วยแล้วกัน”

กรีนส่ายหัว “ไม่ต้องครับ กระผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ถ้าหากว่าพวกเขานั้นเป็นกระผมเก็บเมล็ดพันธุ์พืชอยู่คนอื่นๆก็จะไม่สงสัยเมื่อเห็น นอกจากนี้แล้วผมยังอ้างเรื่องหัวไชเท้าที่จะขาย เพราะมันจะเป็นข้อแก้ตัวให้กับพวกเราได้”

เจ่าไห่ก็ไม่ได้คาดคิดถึงจุดนี้มาก่อน “เอาเป็นไปตามแผนของปู่กรีนแล้วกัน แต่ระวังตัวด้วยนะครับปู่กรีน อยู่ใกล้ๆกับภูเขาไว้นะครับ ครั้งก่อนมีคนพยายามจะวางยาพิษพวกเราแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะมีการโจมตีอีกครั้ง”

“นายน้อยกังวลเกินไปแล้วนะครับ” กรีนยิ้ม “ผมจะเตรียมน้ำกับอาหารแห้งไว้เองแล้วกันนะครับ จะได้ไม่ต้องกลัวเรื่องยาพิษอีก”

“อือ ถ้าอย่างนั้นแล้วเอาน้ำสเปเทียลออกไปด้วย แม้ว่าจะมีบางคนใช้พิษกับปู่ก็จะได้ไม่มีปัญหาอะไร และถ้าหากปู่ออกไปไกล อย่างน้อยก็ให้ผมส่งอันเดตตามออกไปด้วย หากเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยก็มีอันเดตพาคุณกลับมาได้”

กรีนก็พูดว่า “ไม่เป็นไรครับนายน้อย ผมดูแลตัวเองได้”

“ปู่กรีน ถ้าผมให้เอเลี่ยนนั้นตามคุณไปด้วย มันก็ช่วยเก็บสิ่งของต่างๆที่คุณเจอได้นะครับไม่เช่นนั้นแล้วผมกลัวว่าถ้าคุณต้องแบกสัมภาระไปด้วย จะไม่สามารถเก็บมันกลับมาได้หมดนะครับ”

กรีนไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย เขาจึงทำเพียงแค่พยักหน้า “แต่เอเลี่ยนจะเข้าใจที่ผมสั่งอย่างงั้นเหรอครับ?”

“ไม่มีปัญหาครับ ครั้งแต่ที่พวกมันเพิ่มระดับขึ้นมา ผมก็พบว่าอันเดตนั้นฉลาดขึ้น แม้ว่าพวกมันจะยังไม่สามารถที่จะพูดได้แต่ความฉลาดก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นปู่ไว้ใจได้เลย”

“ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวไปก่อนเลยนะครับ” กรีนกล่าว

“ไม่” เจ่าไห่ยิ้ม “ปู่กรีนยังไม่ต้องรีบขนาดนั้น เพราะยังไงต้นไม้เหล่านั้นก็ไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ไม่เหลืองานในคฤหาสน์แล้วนอกจากรอลอร่ากลับมา ดังนั้นปู่พักผ่อนต่ออีกหน่อยเถอะครับ”

ก็จริงอย่างที่เจ่าไห่พูด ช่วงเวลานี้ภูเขาหินนั้นเรียกได้ว่าปลอดภัยมากๆ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเพอร์เซลล์ที่แข็งแกร่งหรือกองกำลังอื่นๆก็ตาม ก็มีน้อยคนที่กล้าจะมาลองดีกับพวกเขา ด้วยตัวตนของเจ่าไห่ที่รู้จักกันในนามของนักเวทย์มนตร์ดำ

ไม่มีใครอยากจะต่อกรกับนักเวทย์มนตร์ดำอยู่แล้ว

ตอนนั้นเองเมอร๋รินก็เดินเข้าไป เพราะตอนนี้ถึงเวลาทานอาหรของพวกเขาแล้ว เธอจึงเรียกเจ่าไห่และกรีนไปทานอาหารกลางวัน เมอร์รินมองไปที่กรีนแล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? มันได้ผลไหม?”

เจ่าไห่นั้นไม่ต้องการให้เมอร์รินกังวลจึงตอบว่า “มันได้ผลครับไม่ต้องเป็นห่วงครับ”

กรีนเข้าใจสิ่งที่เจ่าไห่ต้องการจะพูด ดังนั้นเขาจึงหันไปหาเมอร์รินและยิ้ม “พวกเราคิดว่าจะให้ข้าจะออกไปรอบๆภูเขาเพื่อดูว่ามีต้นพืชไหนบางที่มีประโยชน์สำหรับนายน้อยอีกตอนนี้เขานั้นมีพื้นที่กว่า 18 มู่แล้ว และในอนาคตด้วยเมล็ดพืชจากในป่านั้นอาจจะช่วยให้เพิ่มพื้นที่มากขึ้นไปอีก”

เมื่อเมอร์รินได้ยินกรีนพูดเช่นนั้น เธอก็รู้สึกดีใจอย่างมาก ในมุมของพวกเขานั้นการที่มีพื้นที่มากขึ้นก็เท่ากับว่ามีเงินมากขึ้น ซึ่งทำให้ตระกูลบูดามีเงินในการพัฒนานั้นเอง

แต่พวกเขานั้นก็ยังคงไม่รู้ว่าเมื่อมิตินั้นมี Lv ที่เพิ่มขึ้นแล้ว เจ่าไห่จะสามารถที่จะเปิดทุ้งหญ้าเลี้ยงสัตว์ได้ เขานั้นไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคนอื่นเพราะว่าเขาต้องการที่จะทำมันให้สำเร็จก่อน

คฤหาสน์ก็ยุ่งกันไปหมดเหมือนทุกคนนั้นเริ่มทานอาหารกลางวัน พวกทาสก็ดูมีความสุข ซึ่งก็ไม่ใช่เพราะอะไร เขานั้นมีกินมีงานและยังได้เรียนการอ่านการเขียน ในความคิดของพวกเขาแล้วการอยู่ที่นี้เหมือนกับชีวิตของลอร์ดอย่างงั้นเลย

ทาสนั้นไม่ได้รับการศึกษาเหมือนคนทั่วไป ในขณะที่สามัญชนนั้นอาจจะได้เรียนความรู้ทั่วไป แต่สำหรับทาสนั้นมีสิ่งเดียวที่พวกเขาได้เรียนรู้นั้นคือการเป็นทาส ถ้าพวกเขานั้นมีพ่อแม่เป็นทาสแล้ว เมื่อพวกเขาเกิดมา เขาก็จะทาสด้วยดังนั้นการศึกษาพื้นฐานของพวกเขาคือการเป็นทาสซึ่งถูกสอนโดยเจ้านายของพวกเขา การศึกษาของทาสนั้นคือการล้างสมองตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย

ขุนนางและเจ้าของทาสในทวีปนั้นทำเช่นนี้เพราะเคยมีการปฏิวัติมาก่อนหน้านี้ แต่โชคร้ายที่ทาสเหล่านั้นพ่ายแพ้ นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ขุนนางต่างๆนั้นเห็นว่าการต่อสู้ในครั้งนั้นทำให้พวกเขานั้นสูญเสียเงินจำนวนมาก พวกเขาจึงคิดวิธีการต่างๆ และก็พบว่าถ้ายอมเสียเงินเล็กน้อยเพื่อทำการล้างสมองตั้งแต่ๆแรกๆแล้วก็จะทำให้พวกทาสนั้นเกรงกลัวที่จะทำการปฏิวัติได้

อารยธรรมที่คงอยู่ยาวนานกว่าหมื่นปีนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะผ่านมาอย่างง่ายๆ มันต้องมีเหตุผลที่ทำไมขุนนางถึงสามารถปกครองทวีปได้มาอย่างยาวนาน ถ้าพวกเขานั้นมีวิธีการเช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะยังคงอำนาจอยู่ได้ถึงทุกวันนี้อย่างงั้นเหรอ?

นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมกรีนถึงซื้อทาสเหล่านี้มา หัวใจของพวกทาสตอนนี้เป็นของตระกูลบูดาเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม เดซี่และแอนนั้นก็ต่างจากทาสคนอื่นๆ พวกเขานั้นเคยเป็นสามัญชน และใช้ชีวิตแบบสามัญชนมาก่อนแม้ว่ามันจะไม่ได้ดีมากก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าเมื่อเทียบกับพวกทาส สิ่งที่สำคัญคือถ้าหากชีวิตของตนกลายเป็นทาสแล้ว ลูกหลานของตนก็จะเป็นทาสตลอดไป

เจ่าไห่รู้ถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นทุกๆวันเขาจะใช้เวลากับพวกทาสเพื่อที่จะทำให้พวกเขานั้นรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น เขานั้นรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้เกิดเพียงแค่ชั่วข้ามคืนการสอนทาสให้รู้เรื่องการอ่านนั้นจะทำให้ทาสเข้าใจความจริงมาขึ้น

เจ่าไห่นั้นไม่คิดว่าวันหนึ่งเขาจะเปลี่ยนแปลงโลก เขานั้นเป็นเพียงแค่เด็กเนิร์ดคนหนึ่งหลังจากมาโลกแห่งนี้ เขานั้นรู้ดีว่าการที่เขาสามารถบรรลุสิ่งต่างๆได้ก็เพราะมิติฟาร์มที่แสนโกง นอกจากที่เขานั้นไม่มีความคิดที่เปลี่ยนแปลงโลกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเขานั้นเห็นว่าสังคมในโลกนี้นั้นเป็นระบบชนชั้นมานานกว่าหมื่นปี

เขานั้นต้องการชีวิตที่เรียบง่าย แต่ด้วยความทรงจำชีวิตในอดีตของเขาจึงทำให้ไม่คุ้นเคยกับการปกครองทาส ดังนั้นเขาจึงตั้งกฎว่าถ้าหากพวกทาสนั้นทำงานอย่างหนักแล้ว เขาจะให้อิสรภาพเป็นรางวัลนั้นเอง

สำหรับแดนทมิฬแล้ว เจ่าไห่รู้ดีว่านี้คือสมบัติส่วนตัวซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของขุนนางคนไหนในทวีป เพราะก้อนหินธรรมดาอย่างไรก็เป็นเพียงแค่ก้อนหิน

แต่เจ่าไห่นั้นรู้วิธีการปรับปรุงพื้นดินของแดนทมิฬแห่งนี้ ซึ่งสามารถทำให้ก้อนหินนี้กลายเป็นหยกขึ้นมาได้ ซึ่งมันก็เหมือนกับเปลี่ยนทารกตัวน้อยๆให้กลายเป็นทารกที่น่ารักจนใครๆก็อยากจะเลี้ยงนั้นเอง

ดังนั้นถ้าหากจะต้องปกป้องทารกที่น่ารักนี้ ก็จำเป็นต้องมีพลัง ซึ่งพลังที่เขามีในตอนนี้นั้นมันไม่เพียงพอ ซึ่งถ้าหากเขานั้นสามารถเปิดทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ได้แล้ว ก็ไม่มีใครที่จะต่อต้านเขาได้อีก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด