ตอนที่แล้วตอนที่ 80 – อันเดต Lv up
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 82 – เพิ่ม 3 Lv

ตอนที่ 81 – ซื้อเมล็ดพันธุ์พืช


กรีนและเม็กนั้นจ้องมองเจ่าไห่ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าพวกเขานั้นมีบทสนทนาอะไรกัน ดังนั้นกรีนจึงเดินเข้าไปถาม “นายน้อยครับ เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นเหรอครับ?”

เจ่าไห่ยิ้มก่อนจะเอ่ยปากว่า “ผมให้ดรังค์นั้นเปลี่ยนเจ้านี้ให้กลายเป็นอันเดต และเมื่อผมส่งเขาเข้าไปในมิติ ผมก็ไม่คิดเลยว่ามิติจะเพิ่มระดับอันเดตได้และทำให้เขานั้นเก่งขึ้น แต่ทว่าเขานั้นกลับจำอะไรไม่ได้เลย พวกเราจึงไม่รู้ข้อมูลอะไรจากเขาเลย”

กรีนพยักหน้า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับนายน้อย ผมคิดว่าในเมื่อพวกเขาเริ่มลงมือแล้วครั้งหนึ่ง มันย่อมมีครั้งต่อไปอย่างแน่นอน พวกเรายังมีโอกาสที่จะหาเบาะแสในครั้งต่อไปแน่นอนครับนายน้อย อย่างที่สองนั้นคือเรื่องคุณลอร่า ถ้าเธอกลับมาแล้ว พวกเราสามารถที่จะไปพบเธอและเล่าเหตุการณ์ในวันนี้เพื่อร่วมมือกับเธอได้ ซึ่งผมคิดว่าเธอจะช่วยเราได้อย่างมาก”

เจ่าไห่พยักหน้า “นั้นเป็นความคิดทีดีเลยล่ะครับปู่กรีน ให้เธอช่วยหาตัวการเพราะเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับเธอด้วย ถ้างั้นเราเดินทางกลับกันต่อเถอะครับ” จากนั้นเขาก็เรียกเอเลี่ยนออกมา ก่อนจะเดินทางไปยังภูเขาหิน

ตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว เจ่าไห่ก็เดินทางมาถึงภูเขาหิน เจ่าไห่นั้นเตรียมที่จะปักหลักที่นี้จนกว่าลอร่านั้นจะกลับมายังเมืองคาซ่า และหลังจากที่พวกเขาทำข้อตกลงร่วมมือกับลอร่าแล้ว พวกเขาก็จะเดินทางกลับไปยังแดนทมิฬอีกครั้ง

ในความจริงนั้น เจ่าไห่นั้นรู้สึกอึดอัดกับชีวิตในตอนนี้ เพราะในอดีตนั้นเขาอาศัยอยู่ในประเทศจีนซึ่งมีความสงบสุข แต่ในโลกนี้นั้นกลับเต็มไปด้วยอันตรายต่างๆ วันนี้ พวกเขาเข้าไปในเมืองและมีบางคนพยายามจะวางยาพิษกับเขา ถ้าหากไม่มีมิติอยู่ก่อน เขาก็คงตายไปเพราะพิษแล้ว ซึ่งทำให้เขานั้นสัมผัสได้ถึงความอันตรายของโลกใบนี้

เมื่อเขากลับมาจากเมืองคาซ่าแล้ว จำนวนคนที่คอยสอดแนมภูเขาหินนี้ก็น้อยลง นั้นก็เพราะว่าหมอกดำที่ปกคลุมทั้งภูเขาหินนี้อยู่ จึงทำให้คนที่คอยสอดแนมนั้นไม่เห็นอะไรเลย แต่เขาก็รู้ว่าก่อนที่หมอกจะปกคลุมภูเขานั้น ภูเขาแห่งนี้มีอันเดตจำนวนมากปกป้องมันไว้อยู่ ซึ่งมันทำให้พวกเขานั้นกลัวที่จะเดินเข้าไป ใครจะรู้บางล่ะว่าจะมีอันเดตมากแค่ไหนอยู่ในหมอกนี้ ดังนั้นจึงไม่ใครกล้าเดินไปบนเขาเพราะกลัวตายนั้นเอง

ตอนนี้เจ่าไห่ก็มาถึงภูเขาหินแล้วนั้น ก็รู้ว่าภูเขาแห่งนี้นั้นไม่มีอะไรเลยที่เป็นประโยชน์นอกจากก้อนหิน เจ่าไห่จึงสั่งให้อันเดตนั้นรวบรวมหินต่างๆเพื่อสร้างสิ่งต่างๆกลับไปยังแดนทมิฬเพื่อซ่อมปราสาทและใช้ในการสร้างอุปกรณ์ต่างๆ

พวกเขานั้นขาดแคลนก้อนหินในแดนทมิฬก็เพราะว่าคนแคระนั้นขุดออกไปหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขานั้นอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหินมากมาย เจ่าไห่จึงไม่เกรงใจที่จะเก็บหินเหล่านี้เลย

เมื่อพวกเจ่าไห่นั้นกลับมาที่ภูเขาหินที่นี้ คนที่สอดแนมอยู่ข้างนอกก็เริ่มที่จะไม่สังเกตุการณ์พวกเขามากนัก ซึ่งไม่ใช่เพราะว่าเขานั้นมองไม่เห็นอะไร แต่พวกเขานั้นเบื่อที่จะมองหมอกดำทั้งคืนต่างหาก

แต่ก็ไม่ใช่ว่าเจ่าไห่นั้นไม่ทำอะไรเลย เขานั้นให้กรีนถอดเกราะเงินของเขา ก่อนจะให้กรีนนั้นแอบไปเมืองคาซ่า

กรีนนั้นไปเมืองคาซ่าด้วยหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่ง นั้นก็คือการซื้อเมล็ดพันธุ์พืช เจ่าไห่นั้นต้องการที่จะซื้อเมล็ดพืชที่อยู่ในทวีปแห่งนี้ เขานั้นอยากจะดูว่ามีเมล็ดพันธุ์พืชไหนบางที่เป็นประโยชน์และสามารถที่จะเพิ่ม Lv ให้มิติได้บ้าง

ซึ่งกรีนนั้นใส่ชุดนักรบธรรมดาก่อนจะไปยังเมืองคาซ่า

แม้ว่ากรีนนั้นจะเป็นนักรบระดับแปดซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องวรยุทธแล้วแต่การไปยังเมืองคาซ่านั้นปกติก็ต้องใช้เวลากว่าสองวัน เพราะว่าเขานั้นไม่ใช่อันเดต ซึ่งทำให้เขานั้นจำเป็นต้องมีการพักผ่อนด้วย

เขานั้นวิ่งไปตามทางกว่าครึ่งคืนก่อนจะหาสถานที่พักผ่อน และวันต่อมาเขาก็ทานอาหารแห้งในตอนเช้าก่อนจะเดินทางต่ออีกครั้ง เขานั้นเดินทางทั้งวันจนกระทั่งถึงเมืองคาซ่า แต่มันก็เริ่มมืดแล้ว แต่โชคดีที่ประตูเมืองนั้นยังไม่ปิด

เมื่อกรีนนั้นใส่ชุดนักรบธรรมดานั้น เขาก็เหมือนกับนักผจญภัยทั่วไป ในวันหนึ่งนั้นมีนักผจญภัยมาที่เมืองคาซ่านั้นเกินกว่าจะนับได้ ดังนั้นยามจึงไม่สนใจอะไร กรีนก็เข้าไปในเมืองเมื่อจ่ายค่าภาษีแล้วก่อนจะไปพักในโรงแรมเล็กๆ

ทุกๆวัน เมื่อนักผจญภัยนั้นทำงานของเขาสำเร็จแล้วก็จะกลับมาในเมืองคาซ่าเพื่อหาอาหาร ดังนั้นกรีนจึงไม่เป็นที่สังเกตุของใครๆ แม้ว่าเมืองแห่งนี้จะอยู่ในเขตการปกครองตระกูลเพอร์เซลล์แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับตามองนักผจญภัยทุกคน เนื่องจากว่าจำนวนประชากรเมืองคาซ่านั้นมีมากกว่าล้านคน

ด้วยการเดินทางต่อเนื่องนั้นทำให้กรีนนั้นรู้สึกเหนื่อย เขาจึงพักที่โรงแรมในคืนนั้น และเช้าวันต่อมา เขาก็ทานอาหารเช้าเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปในเมืองและหาร้านเมล็ดพันธุ์พืช

เมืองคาซ่านั้นเป็นเมืองสำคัญ แต่ก้ไม่ได้เป็นที่รู้จักในเรื่องการเกษตร ดังนั้นจึงยากที่จะหาร้านที่ขายอุปกรณ์และเมล็ดพันธุ์สำหรับทำการเกษตร กรีนนั้นใช้เวลาหาในเมืองอยู่นานจนกระทั่งพบว่ามีร้านขายของชำนั้นขายเมล็ดพันธุ์พืชอยู่ โชคดดีที่พวกเขานั้นมีเมล็ดพันธุ์อยู่มาก จึงทำให้กรีนนั้นประหยัดเวลาอย่างมาก

ในทวีปนั้นมีพืชที่มีเมล็ดพันธุ์อยู่ไม่มาก และส่วนใหญ่มันเป็นพืชทั่วไปอย่างเช่นต้นอัลฟาฟ่าและเมล็ดผลน้ำมันซึ่งกรีนนั้นซื้อมาแล้ว ดังนั้นกรีนจึงซื้อเมล็ดพันธุ์พืชอื่นๆกว่าห้าสิบชนิด เนื่องจากว่ามันมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเมล็ดพันธุ์พืชเวทย์มนตร์ ซึ่งมีราคาหลายเหรียญเงิน แต่ที่ร้านแห่งนี้ก็ไม่มีเมล็ดพันธุ์พืชเวทย์มนตร์ขายอยู่เลย

แม้ว่าเจ่าไห่จะบอกกรีนว่าเขานั้นไม่ต้องการเมล็ดจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นกรีนก็ยังซื้อเมล็ดพันธุ์พืชแต่ละชนิดถึงครึ่งกิโลกรัมจนทำให้เขานั้นมีเมล็ดพันธุ์พืชถึงยี่สิบห้ากิโลกรัม

โชคดีที่กรีนนั้นเป็นคนมาซื้อ ซึ่งด้วยน้ำหนักแค่นี้นั้นมันไม่ส่งผลอะไรกับกรีนเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นหลังจากที่เขานั้นซื้อเมล็ดพันธุ์พืชเสร็จแล้ว เขายังซื้ออุปกรณ์บางส่วนด้วย

จากนั้นกรีนก็ออกจากเมืองคาซ่าไป

เวลาผ่านไปพร้อมกับกรีนที่เดินทางไปตาทเส้นทาง เมื่อมืดดลง เขาก็หยุดและพักผ่อนประมาณสองชั่วโมงก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังภูเขาหิน และกรีนก็ถึงภูเขาหินตอนเที่ยงคืน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่หน่วยสอดแนมนั้นพักผ่อนกันอยู่มากที่สุด เจ่าไห่นั้นเคยบอกกับกรีนว่าหน่วนสอดแนมนั้นจะไม่ทำอะไรกันแล้วตั้งแต่ช่วงเย็นและพักผ่อนแทน

นี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับกรีนที่จะเข้าไปในที่ดินเนินเขาหินฟ้า ซึ่งคนในนั้นกำลังพักผ่อนกันอยู่ ดังนั้นกรีนจึงไม่รบกวนพวกเขาและไปยังบ้านพักของตัวเอง

นอกจากกรีนแล้ว มันยากที่คนอื่นๆนั้นจะลักลอบเข้ามาในนี้ได้ เพราะเจ่าไห่นั้นปล่อยอันเดตไว้รอบๆกว่าหนึ่งร้อยตัว พร้อมกับมีดรังค์ที่คอยเฝ้าดูอยู่ ถ้าหากเป็นคนอื่นๆเข้ามาแล้ว ดรังค์ก็จะสั่งให้อันเดตนั้นเข้าจู่โจมทันที

กรีนนั้นเหนื่อยจากการเดินทางมาสองวันจึงเข้าไปนอนพักก่อน เนื่องจากว่าเขานั้นนำเมล็ดพันธุ์มาเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีสิ่งใดให้เขาทำอีกในตอนนี้

เจ่าไห่รู้ว่ากรีนกลับมาแล้ว แต่เขาก็ไม่รีบที่จะไปปลุกกรีนให้ตื่นขึ้นมา เพราะเขารู้ดีว่ากรีนนั้นทำงานอย่างหนักในช่วงหลายวันนี้ เจ่าไห่นั้นเข้าใจอย่างดีถึงเวลาในการเดินทางจากภูเขาหินไปจนถึงเมืองคาซ่า ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่กวนกรีนและปล่อยให้เขาได้พักผ่อน

เจ่าไห่นั้นรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อเขานั้นเก็บผลผลิตต่างๆในมิติของเขาเสร็จแล้วเขาก็ไม่มีอะไรที่จะทำอีก ส่วนเรื่องการรวบรวมหินและทำอุปกรณ์นั้นก็ไม่ใช่งานของเขา

เจ่าไห่นั้นอ่อนแอเกินไป เขานั้นไม่สามารถที่จะยกของหนักๆได้เนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอ แต่เขาก็ลงมือปรุงอาหารด้วยผักต่างๆที่ได้จากมิติเป็นอาหารให้กับพวกทาสเพื่อเป็นกำลังใจสำหรับพวกเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด