ตอนที่แล้วตอนที่ 77 – สมาคมนักเวทย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 79 – ยาพิษ

ตอนที่ 78 – แผนที่ผิดพลาด


ที่ด้านหลังของอาคารสมาคมนั้นมีพื้นที่โล่งขนาดใหญ่กว่าหนึ่งร้อยเมตร ไกลออกไปนั้นก็มีเป้าไว้ใช้ในการทดสอบเวทย์มนตร์ตั้งอยู่

นักเวทย์ที่ต้องการจะลงทะเบียนกับสมาคมนักเวทย์นั้นต้องร่ายเวทย์เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นเป็นนักเวทย์เสียก่อน จากนั้นทางสมาคมก็จัดอันดับให้กับนักเวทย์เหล่านั้น

เมื่อพวกเขามาถึงลานกว้างแล้ว คาร์ลก็บอกกับเจ่าไห่ว่า “เรียนท่านนักเวทย์ เชิญท่านใช้เวทย์มนตร์ได้ คุณสามารถใช้เวทย์มนตร์ใดๆก็ได้ แต่หากคุณต้องการตราสัญลักษณ์นักเวทย์ระดับสูงแล้ว โปรดใช้เวทย์ระดับสูงด้วยครับ” จากนั้นคาร์ลก็เดินไปข้างๆและมองเจ่าไห่อย่างเงียบๆ

แม้ว่าคาร์ลนั้นจะไม่ได้เป็นนักเวทย์ แต่เขาก็มีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครรู้เลย เนื่องจากการที่เขานั้นได้ติดต่อกับนักเวทย์ต่างๆมากหลายปีนั้น ทำให้เขานั้นมีความรู้เรื่องเวทย์มนตร์จนสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ที่อยู่รอบตัว ซึ่งตราบใดที่มีนักเวทย์ใช้เวทย์มนตร์แล้ว เขาจะสามารถวิเคราะห์ระดับของนักเวทย์ได้ทันที ซึ่งแปดในสิบครั้งนั้น เขาจะสามารถทายได้ถูกต้อง

การตัดสินของคาร์ลนั้นมาจากการที่เขานั้นอยู่ที่สมาคมนักเวทย์นี้เป็นเวลากว่าทศวรรษคาร์ลจึงสร้างระบบที่ใช้ในการจัดลำดับของนักเวทย์ โดยดูจากความสามารถที่การควบคุมเวทย์มนตร์ ,แล้วประเภทเวทย์มนตร์ที่ใช้ ,รวมถึงความเชื่ยวชาญในการร่ายคาถาและอื่นๆ ซึ่งจะสะท้อนระดับของนักเวทย์

มีนักเวทย์จำนวนมากที่ไม่ได้เป็นนักเวทย์ระดับต่ำ แต่ว่ามันก็ไม่ได้สะท้อนความสามารถในการต่อสู้เลยสำหรับพวกนักเวทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้นั้น พวกเขาจะขาดความสามารถในการตอบสนองและควบคุมพลังเวทย์ในสถานกาณ์คับขัน

ซึ่งก็ต้องขอบคุณความสามารถในการตัดสินของเขา คาร์ลจึงได้รับแต่งตั้งจากตระกูลเพอร์เซลล์ให้เป็นหัวหน้าในสมาคมนักเวทย์ ซึ่งปกติแล้วจะรับใช้เฉพาะนักเวทย์ระดับสูงของสมาคม

เมื่อเจ่าไห่นั้นเข้ามายังเมืองคาซ่าแล้ว เมื่อคาร์ลได้รับข่าวว่าเขานั้นมุ่งตรงมายังสมาคมนักเวทย์เพื่อลงทะเบียนแล้ว เขาจึงตัดสินใจออกมารับเจ่าไห่ด้วยตัวเอง เพราะว่าเขานั้นต้องการที่จะรู้ระดับของเจ่าไห่

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ในทวีปแล้ว สัญชาตญาณของพวกเขานั้นจะรังเกียจนักเวทย์มนตร์ดำ ซึ่งรวมถึงตระกูลเพอร์เซลล์ด้วย แต่เมื่อตอนที่ได้ตระกูลมาร์กี้นั้นได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเจ่าไห่แล้ว ตระกูลเพอร์เซลล์ก็จับตามองพวกเขา แต่ถ้าหากว่านักเวทย์นั้นอยู่ในระดับที่สูง พวกตระกูลต่างๆยอมจะสร้างสายสัมพันธ์ด้วย ไม่ว่าพวกเขาจะใช้เวทย์มนตร์อะไร นั้นเป็นเพราะว่านักเวทย์ระดับสูงนั้นก็เปรียบเสมือนกับอาวุธนิวเคลียร์ แม้ว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเช่นนี้ แต่มันก็เป็นการขัดขวางไม่ให้ศัตรูนั้นมีได้

ถ้หากมีนักเวทย์ที่มีชื่อเสียงในทวีปไปยังเขตการปกครองตระกูลเพอร์เซลล์แล้ว ตระกูลก็ต้องต้อนรับอย่างดี แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการที่จะชักชวนนักเวทย์นั้นก็ตาม

แต่สำหรับเจ่าไห่แล้ว ตระกูลเพอร์เซลล์นั้นยังเงียบสงบอยู่ พวกเขานั้นไม่กล้าที่จะเข้าหากพวกเขา แม้ว่าเจ่าไห่จะแข็งแกร่งมากก็ตาม เพราะสำหรับตระกูลใหญ่ๆแล้ว ความสามารถนั้นเป็นเรื่องรอง แต่ความจงรักภักดีต่างหากที่เป็นเรื่องหลัก ในโลกนี้มีคนมากมาย แต่คนที่ภักดีนั้นมีน้อย แม้ว่าจะมีความสามารถมากแค่ไหน แต่ถ้ายากที่จะทำตามคำสั่งได้นั้น ก็ไม่มีใครกล้าจะใช้งาน นั้นคือนโยบายของตระกูลเพอร์เซลล์ ถ้าหากเป็นนักเวทย์ระดับแปดแต่ไร้ความภักดีแล้ว พวกเขาก็อาจจะใช้คุณได้ พวกเขายอมเลือกนักเวทย์ระดับเจ็ดสองคนที่ภักดีมากกว่านักเวทย์ระดับแปดที่ใช้การไม่ได้

ตัวตนของเจ่าไห่นั้นเป็นความลับและไม่มีใครรู้เรื่องราวของเขา ดังนั้นแล้วมันทำให้ตระกูลเพอร์เซลล์นั้นลังเลที่ชักชวนเขา ตอนนี้ตระกูลเพอร์เซลล์นั้นถูกตัฒนาและเติบโตมาอย่างดีตั้งแต่ที่พวกเขานั้นจัดการโดยใช้หลักการของตัวเอง พวกเขาจะไม่กล้าที่จะเขาไปยุ่งกับสิ่งที่ยากจะคาดเดา แม้ว่าเจ่าไห่นั้นจะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะชวนเข้าตระกูลเพราะพวกเขานั้นรู้เรื่องราวของเจ่าไห่น้อยเกินไป ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงยังรักษาระยะห่างระหว่างกันอยู่

แม้ว่าพวกเขาจะรักษาระยะห่างกันไว้ แต่พวกเขาก็ยังสนใจตัวเจ่าไห่อยู่ ตั้งแต่ที่เจ่าไห่เข้ามาถึงเมืองคาซ่า ตระกูลเพอร์เซลล์ก็คงจะกังวลถ้าไม่ทำอะไรซักอย่าง

เจ่าไห่นั้นไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เขานั้นรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้พวกเขาขาดแคลนเงิน และการลงทะเบียนกับสมาคมนัำเวทย์นั้นจะทำให้เขานั้นมีรายได้สิบเหรียญทองต่อเดือนสำหรับนักเวทย์ทั่วไปแล้วมันอาจจะเป็นเพียงแค่เศษเงิน แต่สำหรับเจ่าไห่นั้นสำคัญมากจำนวนเงินที่ตระกูลบูดามีในตอนนี้คือห้าสิบเหรียญทอง ซึ่งรายได้นี้นั้นเท่ากับหนึ่งในห้าของเขาที่มีอยู่

แน่นอนเจ่าไห่นั้นรู้ว่าเขาจะได้ตราสัญลักษณ์ของนักเวทย์ระดับสูงก็ต่อเมื่อเขานั้นปล่อยอันเดตจำนวนหนึ่งออกมา แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขานั้นควรจะแสดงถึงกำลังรบของเขามากแค่ไหนดี เพราะการทำตัวเด่นเกินไปนั้นก็ไม่ใช่นิสัยของเจ่าไห่

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็แค่ถือไม้เท้าและเรียกเอเลี่ยนออกมาโดยไม่ร่ายคาถาใดๆ

เจ่าไห่นั้นไม่เรียกกองทัพอันเดตของเขาออกมา เขาเพียงแค่ต้องการที่จะแสดงว่าเขานั้นสามารถที่จะใช้เวทย์มนตร์ได้ แม้ว่ามันจะเป็นเวทย์หลอกๆก็ตาม

ด้วยรูปร่างของเอเลี่ยน ทำให้ดวงตาของคาร์ลเบิกกว้าง เขานั้นทำงานที่สมาคมนักเวทย์มานานและได้เห็นนักเวทย์จำนวนมากใช้เวทย์มนตร์ บางครั้งมันสวยงาม แต่บางครั้งมันก็ดูน่ากลัว บางครั้งใช้เวลาร่ายนาน แต่บางครั้งก็ใช้เวลาไม่นาน แต่เวลาในการร่ายของเจ่าไห่นั้นสั้นเกินไป เหมือนกับว่าเขาถือไม้เท้าก็เสร็จสิ้นแล้ว นี้มันไม่บ้าเกินไปหน่อยเหรอ?

เจ่าไห่สัมผัสกับเอเลี่ยน เมื่อเอเลี่ยนโดนเจ่าไห่สัมผัส มันก็กระดิกหางไปมาเหมือนกับลูกหมา ซึ่งหางที่สะบัดไปมานั้นอาจทำให้คาร์ลนั้นตายได้ แต่ด้วยความกลัว คาร์ลจึงกระโดดหลบหนีออกไป

หลังจากนั้นไม่นานเจ่าไห่ก็ส่งเอเลี่ยนกลับเข้าไปในมิติ คาร์ลนั้นไม่ทันได้พูดอะไร กรีนก็ถามขึ้นมาว่า “นายท่านของข้าผ่านการทดสอบหรือไม่”

คาร์ลก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “ใช่แล้วครับท่านนักเวทย์ เชิญทางนี้” จากนั้นก็นำทางไปยังโซนที่นั่ง

เมื่อเจ่าไห่นั้นไปนั่งในเลานจ์แล้ว คาร์ลก็เดินออกไปและกลับมาพร้อมกับกระดาษก่อนจะวางลงบนโต๊ะต่อหน้าเจ่าไห่ “เรียนท่านนักเวทย์ โปรดกรอกเอกสารตรงนี้ด้วย จากนั้นกระบวนการก็จะเสร็จสิ้น”

เจ่าไห่หยิบกระดาษขึ้นมามองอย่างละเอียด เขาก็พบว่ามันง่ายดายมาก เขาเพียงแค่กรองช่องว่างเกี่ยวกับชื่อ อายุ เพศและเรื่องพื้นฐานต่างๆ

เจ่าไห่ก็พยักหย้าและยื่นเอกสารให้กับเม็กซึ่งรู้ว่าเจ่าไห่ต้องการอะไร จากนั้นคาร์ลก็ยื่นปากกาให้

เมื่อมองดูเจ่าไห่แล้ว หัวใจของคาร์ลนั้นแทบจะร้องไห้ เพราะว่ามันไม่มีกฎที่ว่านักเวทย์จะต้องเป็นคนกรอกเอง และส่วนใหญ่ที่เขาเจอก็จะเป็นคนกรองเอง ซึ่งเป็นการเคารพต่อสมาคมนักเวทย์ เพราะว่าสมาคมนั้นเป็นองค์กรระดับชาติ ซึ่งแม้ว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ยังให้ความเคารพ

คาร์ลนั้นต้องการให้เจ่าไห่กรอกเอกสารเพื่อที่จะได้รวบรวมข้อมูลของเจ่าไห่ ในทวีปนี้นั้นมีนักวิเคราะห์ลายมือซึ่งสามารถรู้เรื่องราวต่างๆได้จากลายมือของบางคน คาร์ลนั้นเตรียที่จะส่งเอกสารนี้ให้กับตระกูลเพอร์เซลล์ ซึ่งจ้างคนวิเคราะห์ลายมือเพื่อหาดูเบาะแสเกี่ยวกับตัวตนของเจ่าไห่

แต่เขานั้นไม่คาดคิดเลยว่าเจ่าไห่จะไม่กรอกเอกสารด้วยตัวเอง แต่ให้เม็กเป็นคนกรอกแทน ดูเหมือนว่าแผนการของเขาจะล้มเหลว ซึ่งทำให้คาร์ลต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะเขานั้นคิดว่าเจ่าไห่นั้นตั้งใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าต้องการที่จะปกปิดตัวตน ซึ่งจะมีเฉพาะกับคนที่อันตรายเท่านั้นที่จะทำ

ซึ่งตั้งแต่แรกนั้น คาร์ลพยายามจะสังเกตเจ่าไห่อยู่เรื่อยๆ เขานั้นเห็นว่าเจ่าไห่นั้นทำคนรอบๆข้างนั้นเหมือนกับว่าเป็นขุนนางดั้งเดิม โดยตั้งแต่ที่เขานั้นยืนชาให้ แต่เจ่าไห่ก็ไม่แตะถ้วยชานั้นเลย และเจ่าไห่ก็ยังไม่พูดอะไรเลย ทำให้เขานั้นไม่สามารถหาข้อมูลอะไรได้จากน้ำเสียงเลย จึงทำให้แผนการของเขาก็ต้องพับลงไปอีก

ตอนนี้แผนการกรอกเอกสารนั้นล้มเหลวแล้ว ซึ่งทำให้คาร์ลนั้นรู้สึกว่าเจ่าไห่นั้น เคยเป็นคนที่มีชื่อเสียงในทวีป แต่มีชื่อเสียงที่ย่ำแย่ในช่วงนี้ จึงทำให้เขาต้องปกปิดตัวตน

ถ้าเช่นนั้นแล้วเจ่าไห่คือใครกันแน่? คาร์ลนั้นไม่สามารถรู้ได้เลย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด