ตอนที่แล้วตอนที่ 70 – กองกำลังลึกลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 72 – ภูมิทัศน์

ตอนที่ 71 – ความไม่แยแสและความตั้งใจ


พวกเขายังคงเดินทางต่อไป ในตอนนั้นเองเขาก็พบกับหมู่บ้านซึ่งยังมีคนอาศัยอยู่ ซึ่งมันทำให้เจ่าไห่นั้นรู้สึกโล่งใจ

แต่เมื่อเห็นชาวบ้านเหล่านี้ เจ่าไห่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เพราะแม้ว่านักเวทย์มนตร์ดำระดับหกนั้นจะแข็งแกร่งมาก็ตาม แต่เมื่อเจอคนที่มีความแข็งแกร่งระดับเมอร์รินหรือกรีนแล้วนั้นมันเทียบกันไม่ได้เลยซักนิดเดียว

ในสายตาของเมอร์รินแล้ว ชาวบ้านธรรมดาเหล่านี้นั้นเหมือนกับมดปลวก และเธอนั้นคือพระเจ้าที่จะสามารถฆ่าคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

เจ่าไห่นั้นรู้ว่าถ้าหากตัวเขานั้นไม่มีมิตินี้แล้วล่ะก็ เขาเองก็คงไม่ต่างอะไรไปจากคนธรรมดาเหล่านี้ ในสายตาของนักรบหรือนักเวทย์ที่แข็งแกร่งแล้วนั้น เขาก็เป็นเพียงแค่มดตัวหนึ่ง

ตอนนี้เขานั้นรู้สึกต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น แต่โชคร้ายที่เขานั้นดื่มน้ำแห่งความว่างเปล่าไปแล้ว เขานั้นหมดโอกาสที่จะสามารถเรียนเวทย์มนตร์หรือวรยุทธได้อีก ตอนนี้สิ่งที่เขาพึ่งพาได้มีเพียงอย่างเดียวคือมิติของเขา

แต่เจ่าไห่ก็รู้ว่าการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายนั้นก็ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่พูด มันเป็นเพียงแค่การพยายามที่จะหลีกเลี่ยงปัญหา แต่นั้นก็ไม่ได้ความว่าปัญหาเหล่านั้นจะไม่มาหาคุณ หากคุณต้องการที่จะมีชีวิตที่มั่นคง ดังนั้นคุณก็ต้องมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้ชีวิตของคุณนั้นมั่นคง

พลัง! นี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขานั้นเกิดมาแล้วต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น แต่น่าเสียดายที่เขานั้นไม่มีโอกาสที่จะทำให้ตัวเองนั้นแข็งแกร่งขึ้นเลย

แม้ว่ามิตินั้นจะเป็นสิ่งที่สุดยอดก็ตาม แต่มันก็ไม่มีความสามารถในการโจมตีใดๆเลย แม้ว่ามันช่วยให้สามารถที่จะควบคุมอันเดตให้ทำตามคำสั่งของเขา แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปในบึงซากศพเพื่อที่จะเพิ่มอันเดตเข้าไปในมิติ เพราะนั่นไม่ต่างจากการฆ่าตัวตายเลย เจ่าไห่นั้นยังจำได้ดีว่า วันที่เขานั้นยืนอยู่บนกำแพงปราสาทแล้วต้องตกใจกับจำนวนอันเดตมหาศาลที่ออกมาจากบึงซากศพนั้น

ซึ่งถ้าหากไม่มีพลังในการปกป้องตัวเองแล้ว และต้องการที่จะมีชีวิตที่สงบสุขอย่างนั้นเหรอ? แน่นอนว่ามีเพียงคำตอบเดียว นั้นก็คือหาที่หลบซ่อน และต้องเป็นสถานที่ที่จะไม่มีใครหาสามารถหาตัวคุณได้

แดนทมิฬนั้นก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี เพราะพื้นดินของมัน จึงทำให้ไม่มีใครสนใจสถานที่แห่งนี้ แต่เพราะตระกูลบูดาอยู่ที่นั้น จึงทำให้มีคนคอยสังเกตุการณ์อยู่

แม้ว่าคนอื่นๆนั้นจะไม่สนใจพวกเขา แต่พวกขุนนางสายเลือดเก่ายอมจับตามองอย่างแน่นอน ถ้าหากพวกเขาต้องการที่จะให้ผู้คนนั้นเลิกสนใจพวกเขา พวกเขาต้องหาทางสร้างความสนใจบางอย่างให้พวกเขาแทน นั้นก็คือส่งดรังค์ไปรวบรวมอันเดตในบึงซากศพออกมาในแดนทมิฬเพื่อเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะทำให้ชีวิตของเจ่าไห่แหละตระกูลบูดานั้นตกอยู่ในความลำบาก

แต่ก็มีอีกวิธีการ นั้นก็คือการเพิ่ม Lv ของมิติฟาร์มให้เร็วขึ้น เพราะตราบใดที่ Lv ของมิติฟาร์มนั้นเพิ่มเกินสิบแล้ว เขานั้นสามารถที่จะเปิดใช้งานทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ได้

เมื่อเขาได้รวบรวมพืชพันธุ์หลากชนิดไปในมิติฟาร์มได้แล้ว มันก็สามารถที่จะเพิ่ม Lv ให้กับมิติได้และเปิดทุ่งหญ้าได้ในที่สุด ซึ่งทำให้เขานั้นสามารถที่จะใส่สัตว์จากทวีปอาร์คเข้าไปในมิติได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาน่าจะสามารถควบคุมสัตว์อสูรได้เช่นนั้น ซึ่งจะเพิ่มกำลังรบให้กับเขาได้

ซึ่งจริงแล้วตอนที่อยู่ในแดนทมิฬ เจ่าไห่เลยลองนำสัตว์อสูรเข้าไปในมิติแล้วแต่มันไม่สำเร็จ ซึ่งทำให้รู้ว่ามิตินั้นไม่สามารถที่จะเก็บสัตว์อสูรไว้ได้ เขาจะต้องรอจนกว่าจะเปิดใช้งานทุ้งหญ้าได้

อ๊า!! Lv ถ้าหากคุณเล่นเกมแล้วมี Lv ที่น้อย คุณก็ต้องถูกรังแกเสมอ จนกว่าคุณจะมี Lv ที่สูงมากพอเท่านั้น

ในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เอเลี่ยนของเราก็เดินมุ่งหน้าไปยังตัวเมือง ตลอดเส้นทางนั้น พวกเขาผ่านเมืองเล็กๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้แวะเข้าไปเลยเพราะมันทำให้การเดินทางนั้นช้าลง และเลือกที่จะหาที่เงียบๆแล้วเข้าไปพักข้างในมิติแทน

แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้เจ่าไห่ก็ให้กรีนเข้าไปในตัวเมืองเพื่อรวบรวมข่าวสาร เพราะเรื่องกองทัพอมตะนั้นจัดว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมาก และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีคนรู้เรื่องนี้

ซึ่งก็เป็นไปตามที่เจ่าไห่คาดไว้ เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ร้ายแรง เพราะมีคนในหลายหมู่บ้านนั้นเสียชีวิตลง แต่เขาก็ไม่คิดว่าข่าวนี้นั้นจะกลายเป็นเรื่องปกติ เพราะเมื่อเขตการปกครงเพอร์เซลล์นั้นรู้สิ่งที่กองทัพอมตะนั้นทำลงไป พวกเขาแค่ออกหมายจับและยึดพื้นที่ในหมู่บ้านนั้นคืนและส่งทาสไปทำการดูแลเพียงแค่นั้น

เมื่อได้ยินคำพูดของกรีนแล้ว เจ่าไห่นั้นแทบทรุด เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เขานั้นรู้ว่าขุนนางเหล่านี้นั้นมีอำนาจมากแค่ไหนในทวีป

ชีวิตและความเป็นและความตายของสามัญชนนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของขุนนางเลยแม้แต่น้อย เพราะบางทีพวกเขานั้นอาจจะต้องการให้คนเหล่านี้นั้นตายเสียด้วยซ้ำเพื่อที่จะยึดพื้นที่เหล่านั้นมา

เจ่าไห่นั้นทำได้เพียงแค่ยิ้ม เขานั้นยังไม่เข้าใจความคิดของโลกใบนี้ บางทีในสายตาของขุนนางแล้ว สามัญชนและทาสนั้นอาจจะไม่มนุษย์ด้วยซ้ำ แต่ในสายตาของเจ่าไห่ในตอนนี้ แม้แต่ทาสก็ถือว่าเป็นมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ตระกูลเพอร์เซลล์นั้นจัดการกับสามัญชนที่ถูกฆ่าโดยกองทัพอมตะโดยการที่ไม่แยแสอะไรต่อคนเหล่านี้เลย แต่ในทางกลับกัน วิธีการจัดการกับกองสินค้าของตระกูลมาร์กี้นั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง เพื่อเมื่อพวกเขาได้ยินว่าตระกูลมาร์กี้นั้นถูกโจมตี แกรนด์ดยุคนั้นกลับออกมาขอโทษตระกูลมาร์กี้ด้วยตัวเองและยังให้พวกเขานั้นถูกยกเว้นภาษีการค้าในเขตการปกครองด้วย

นอกจากนี้แล้วยังมีอีกเรื่องที่เจ่าไห่ได้ยินมา นั้นก็คือตัวตนของนักเวทย์มนตร์ดำระดับสูงเจ่านั้นแพร่กระจายไปทั่ว ด้วยบุคคลที่อันตรายเช่นนี้ ตระกูลเพอร์เซลล์จึงจับตามองเจ่าไห่

แน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่ข่าวลือที่กรีนได้ยินมาจากพ่อค้าและทหารรับจ้าง แต่จะมีหรือที่มันจะมีควันโดยไม่มีไฟ ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะเป็นจริงก็ได้

มันเหมือนกับที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ เมื่อมีนักเวทย์มนตร์ดำระดับสูงปรากฎตัวขึ้นมาในเขตการปกครองตระกูลเพอร์เซลล์ แน่นนอนว่าพวกเขาต้องจับตามองเรื่องนี้ นี้คือสิ่งที่เจ่าไห่ต้องการ เมื่อตระกูลเพอร์เซลล์นั้นจับตามมองพวกเขาแล้ว แม้ว่ามันจะสร้างปัญหาอยู่บ้างแต่มันก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะพวกเขาจะมุ่งสนใจที่ตัวตนของเจ่าไห่คือนักเวทย์มนตร์ดำ และทำให้ตัวตนของอดัมนั้นปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ในช่วงเวลานี้ เจ่าไห่ได้พบกับกลุ่มทหารรับจ้างและนักผจญภัยเสมอ แต่เขาก็รู้ว่าคนเหล่านี้ทำหน้าที่ในการสังเกตุการณ์พวกเขา

พวกเขานั้นไม่ค่อยจะแสดงตัวพวกเขาบนถนน แต่พวกเขานั้นจะจับตามองเจ่าไห่ตอนกลางคืน ซึ่งพวกเขานั้นปล่อยเอเลี่ยนไว้ข้างนอกแล้วเข้าไปพักในมิติแทน

ซึ่งมีสิ่งหนึ่งที่เจ่าไห่นั้นไม่รู้ก็คือว่าคนที่จับตามองพวกเขานั้นกำลังอิจฉาเขาอยู่ ในทวีปนั้นแม้ว่าจะมีนักเวทย์มนตร์ดำมากมาย แต่คนที่สามารถอัญเชิญอันเดตได้นั้นมีไม่มากและแม้ว่าพวกเขาจะอัญเชิญอันเดตออกมาได้ มันก็เป็นเพียงแค่โครงกระดูกหรือซอมบี้ซึ่งเป็นอันเดตระดับต่ำ ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะใช้มันเป็นพาหนะ เพราะอย่างดีที่สุดนั้นพวกเขาก็สร้างมันได้เป็นแค่เกี้ยว

แม้ว่านักเวทย์มนตร์ดำจะสามารถอัญเชิญอันเดตระดับต่ำได้ แต่มันก็ยังแตกต่างจากอันเดตที่เจ่าไห่อัญเชิญออกมา เพราะมันมีสีเขียวเข้มและยังมีเดือยกระดูกและความเร็วในการเดินทางที่ทำให้คนที่สอดแนมพวกเขานั้นเกรงกลัว พวกเขานั้นต้องการรู้ว่าสัตว์อสูรไหนที่เจ่าไห่ทำการสังหารแล้วกลายมาเป็นอันเดตเช่นนี้

นักเวทย์มนตร์ดำนั้นจะแบ่งได้สองประเภท หนึ่งพวกเขาสามารถอัญเชิญอันเดตมาจากอีกโลกหนึ่ง แต่อีกประเภทนั้นคืออัญเชิญมาโดยบังเอิญ ซึ่งหมายความว่าถ้าพวกเขาต้องการอัญเชิญโครงกระดูก แต่พวกเขาอาจจะได้ซอมบี้มาแทน และคุณก็ไม่รู้ด้วยว่ามันจะอยู่ในระดับไหน

ตัวอย่างเช่นถ้าคุณต้องการอัญเชิญโครงกระดูกออกมาต่อสู้ แต่คุณอาจจะได้โครงกระดูกเทาที่ไม่มีพลังในการรบออกมาแทน เพราะว่ามันจัดอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดเหมือนกับวัชพืชไม่มีพลังโจมตีและค่าใดๆนอกจากใช้เป็นอาหารสำหรับอันเดตตัวอื่นๆ

แต่ว่าการอัญเชิญอันเดตก็เป็นสิ่งที่ใช้ทั่วไปสำหรับนักเวทย์มนตร์ดำ มันเป็นเพราะว่ามันใช้พลังเวทย์เพียงเล็กน้อย จนขนาดนักเวทย์มนตร์ดำระดับต่ำก็ใช้มันได้หลายครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับนักเวทย์ระดับสูงยอมมีพลังเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่งกว่า และสามารถที่จะอัญเชิญอันเดตระดับสูงได้มากขึ้น

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด