ตอนที่แล้วตอนที่ 39 – ความสามารถใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 41 – คำสาบาน

ตอนที่ 40 – ข้าว


เจ่าไห่นั้นมีความสุขมากเมื่อเขาได้เห็นข้าวเป็นครั้งแรกในโลกแห่งนี้

เขานั้นเคยกลัวว่าจะไม่มีข้าวในโลกแห่งนี้ และคิดว่ามันเป็น9hoเหตุที่ว่าทำไมเมอร์รินจึงไม่หุงข้าวให้เขาทาน แต่ตอนนี้เขาก็ค้นพบแล้วว่าข้าวพวกนี้นั้นส่วนใหญ่จะไว้ใช้สำหรับเป็นอาหารแก่พวกทาส

เมื่อถึงจุดนี้แล้ว พวกเขาก็เตรียมข้าวของต่างๆจนเหลือเพียงแค่ติดไฟ แต่เจ่าไห่ก็รีบวิ่งเข้าไปเมื่อเขาเห็นทาสหญิงนั้นทำลังจะเทน้ำมันลงไป “เดี๋ยวก่อน! ก่อนที่เจ้าจะเทน้ำมัน …”

เมื่อทาสหญิงเห็นเจ่าไห่ที่พุ่งตรงเขามา เธอก็คิดว่าเธอนั้นทำอะไรบางอย่างผิดจึงรีบคุกเข่าลงทันที “นายน้อย ได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วย”

จากนั้นเขาก็ลดความเร็วลงก่อนจะส่ายหัว “ข้าไม่ได้ต้องการจะลงโทษเจ้า เจ้าแค่ทำตามคำสั่งของข้าก็พอ ก่อนที่เจ้าจะเทน้ำมันลงในหม้อ เจ้าควรจะใช้ชามนั้นล้างข้าวก่อน โดยใส่น้ำลงไปเพื่อทำความสะอาดขาวก่อนจะเทน้ำนั้นทิ้งไป จากนั้นเจ้าค่อยใส่ข้าวลงไปในหม้อ” ในขณะที่เจ่าไห่พูดเขาก็นำเอาชามทองแดงออกมา

ทาสหญิงนั้นไม่รู้ว่าเจ่าไห่ต้องการจะทำอะไร แต่เธอก็หยิบเอาชามทองแดงและใส่ข้าวลงไป จากนั้นเธอก็เดินไปยังบ่อน้ำพุและล้างข้าว ก่อนจะนำข้าวนั้นกลับมาใส่ในหม้อ

จากนั้นเจ่าไห่ก็พูดเพิ่มขึ้นว่า “จงใช้ชามทองแดงนี้เอาข้าวที่ไม่ดีออกให้มากที่สุด และก่อนจะจุดไฟก็ให้ใส่น้ำลงไปในหม้อจนเหนือข้าวขึ้นมา”

ทาสหญิงคนนั้นก็เชื่อฟังคำสั่งและบอกทาสคนอื่นๆต่อ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเติมน้ำลงในหม้อจนเกือบเต็ม เจ่าไห่นั้นก็ให้ชามทองแดงแก่พวกทาสโดยนำมันออกมาจากยุ้งฉาก ในขณะที่ทาสบางคนก็เริ่มจุดไฟแล้ว

เจ่าไห่แค่อยากจะให้พวกเขานั้นได้ทานข้าวโดยวิธีการง่ายๆ ซึ่งในอดีตตอนที่เขาอยู่ตัวคนเดียว เขานั้นเชี่ยวชาญในเรื่องการหุงข้าวอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงเข้าใจะอัตราส่วนปริมาณข้าวและน้ำเป็นอย่างดี แต่ในหม้อนี้ เขาให้เพิ่มน้ำมากกว่าปกติเนื่องจากว่ามันโดยความร้อนโดยตรงที่ก้นหม้อดังนั้นความร้อนจึงมากกว่าปกตินั้นเอง

พวกเขานั้นมองไปยังเจ่าไห่ที่บอกพวกเขาให้หุงข้าวพวกนี้ พวกทาสนั้นเคยได้ยินแค่เรื่องการต้มผักเพื่อทำน้ำซุป แต่พวกเขานั้นไม่เคยได้ยินวิธีการหุงข้าวแบบนี้มาก่อน

มันใช้เวลาไม่นานก็มีกลิ่นของข้าวออกมาจากหม้อ ข้าวพวกนี้นั้นไม่ได้รับพวกยาฆ่าแมลงและปุ๋ยจึงทำให้มันมีกลิ่นและรสจากข้าวธรรมชาติ

ซึ่งทาสแต่ละคนก็จะมีช้อนและชามไม้ไว้ใช้ของแต่ละคน พวกทาสนั้นดีใจมาที่มีของพวกนี้ไว้ใช้แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ธรรมดาก็ตาม

เจ่าไห่ก็จ้องมองไปยังหม้อข้าวนั้นซึ่งในตอนนั้นเองเมอร์รินก็ออกมาจากระท่อมและเดินมาหาเจ่าไห่ “นายน้อยค่ะ ดิฉันอยากรู้ว่าในห้องครัวนั้นจุดไฟอย่างไร”

ดูเหมือนว่าเมอร์รินนั้นจะมีปัญหานิดหน่อย เจ่าไห่จึงเดินตามเธอไปยังกระท่อม เขานั้นไม่ได้ใส่ใจเรื่องเครื่องครัวเลยตอนที่เข้ามาในมิติ แต่เมื่อเขาสังเกตุดีๆแล้วก็พบว่าอุปกรณ์เครื่องครัวว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด อย่างเช่นหม้อหุงข้าว เครื่องทำแพนเค้กและพวกสิ่งของอื่นๆอีก ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด แต่เจ่าไห่ก็ไม่เห็นสายไฟฟ้าเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นอุปกรณ์อย่างนี้แล้ว เจ่าไห่ก็มองไปหาเมอร์รินและหวังว่าเธอจะทำแพนเค้กออกมาโดยใส่ผักลงไปจนดูเหมือนพิซซ่าออกมา

ซึ่งแน่นอนว่าพิซซ่านี้ก็คงไม่เหมือนกับพิซซ่าที่เขาเคยรู้จักอย่างแน่นอน มันคงจะเป็นแพนเค้กที่โรยหน้าพ้อยผักและแฮมมากกว่า ในตอนที่เขานั้นยังอยู่ที่จีน อาหารจีนจัดได้ว่าเป็นอาหารที่มีชื่อเสียง แต่ในโลกนี้นั้นคนส่วนใหญ่นั้นกินขนมปัง ไม่ได้กินข้าว เขาจึงคิดว่ามันน่าจะมีบางคนที่จะสามารถทำพายพิซซ่าออกมาได้

จากนั้นเจ่าไห่ก็เริ่มสอนเมอร์รินใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จึงทำให้เธอได้รู้ถึงความสะดวกสบายของอุปกรณ์เหล่านี้ และพวกมันไม่จำเป็นต้องใช้ไฟ

เมื่อเห็นเมอร์รินสามารถใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้แล้ว เจ่าไห่ก็เดินออกจากห้องครัวไป จากนั้นเขาก็หันไปรอบก่อนจะเปิดประตูซึ่งเมื่อเขาเปิดมันออกไปก็ได้กลิ่นของข้าวโชยมา

เจ่าไห่นั้นมองออกไปก่อนที่เมอร์รินจะกระซิบกับเขาว่า “นายน้อย กลิ่นอะไรกันนี้ช่างหอมจริงๆ คุณปรุงมันได้อย่างไร?”

เจ่าไห่ยิ้มและยักไหล่ “สิ่งที่ยายต้องทำนั้นง่ายมาก เพียงแค่ใส่ข้าวและน้ำในปริมาณที่เหมาะสมก็จะได้ข้าวที่แสนอร่อยแล้ว จะเทียบความอร่อยกับข้าวที่ทอดกรอบเช่นนั้นได้อย่างไร และถ้าอย่างจะให้มันอร่อยมากยิ่งขึ้น ยายก็ใช้น้ำมันและผักนั้นทำซุปเพื่อกินคู่กับมัน จะทำให้รสชาตินั้นอร่อยขึ้นอีก”

เมอร์รินมองเจ่าไห่ด้วยความนับถือ “นายน้อย คุณรู้เรื่องราวที่มหัศจรรย์อย่างนี้จากไหน”

เจ่าไห่นั้นอดจะเขินออกมาไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ทุกคนในจีนนั้นรู้ แต่ดูเหมือนว่าเขาคงต้องออกหน้ารับความดีความชอบนี้แทน

เจ่าไห่จึงเดินไปยังหม้อข้าวซึ่งดูเหมือนว่าจะเสร็จแล้ว ก่อนที่เขาจะหยิบต้นข้าวโพดและใช้มันเขี่ยชามทองแดงที่ปิดฝาหม้อไว้ เมื่อชามทองแดงนั้นตกลงพื้น มันก็ปล่อยไอความร้อนออกจากหม้อซึ่งเจ่าไห่ก็กระโดดหลบออกมา ไอความร้อนที่ออกมานั้นได้ปลดปล่อยกลิ่นอันหอมหวานของข้าวออมา ซึ่งกินของมันนั้นรุนแรงกว่าข้าวที่เจ่าไห่เคยหุงมาเสียอีกก่อนที่น้ำลายของเขาจะเริ่มไหลออกมา

เมื่อไอความร้อนหายไป ก็เริ่มเห็นสีของข้าวในหม้อ ซึ่งมันไม่ใช่สีขาวอย่างที่เจ่าไห่เคยคิด แต่มันออกเหลืองเล็กน้อย แต่มันให้กลิ่นหอมที่น่าเหลือเชื่อออกมา

เจ่าไห่อดใจไม่ได้ก่อนจะเรียกช้อนออกมาจากโรงนาก่อนจะค่อยๆตักข้าวขึ้นมา เม็กนั้นพยายามจะหยุดเขา แต่เจ่าไห่นั้นตักข้าวขึ้นมากินอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่อย่างจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าเจ้านายของพวกเขานั้นกินข้าวซึ่งเป็นอาหารของพวกทาส

เจ่าไห่หลับตาลงเพื่อค่อยๆลิ้มรสของข้าวที่อยู่เต็มปากของเขา เมื่อเคี้ยวมันลงไป เนื้อสัมผัสของมันช่างยืดหยุ่นและมีรสชาติที่อร่อย จากนั้นเจ่าไห่ก็ค่อยลืมตาขึ้นมา พวกทาสและเม้กนั้นจ้องมองไปที่เขา ซึ่งเจ่าไห่ก็รู้สึกอายขึ้นมา “อย่างจ้องข้าแบบนั้น เริ่มทาสอาหารกันได้แล้ว ถ้าพวกเจ้าคิดว่ามันไม่อร่อย พวกเจ้าไม่ต้องทานก็ได้ แล้วพวกเจ้าก็ลองทำตามวิธีเดิมของเจ้า”

พวกทาสนั้นยังไม่กล้าจะทำอะไรทั้งที่ในใจนั้นอยากรู้ว่าข้าวนี้นั้นมีรสชาติอย่างไร เจ่าไห่นั้นรู้ดีว่าที่พวกเขานั้นไม่ขยับตัวไปไหนก็เพราะเขายังยืนอยู่ตรงนั้น เขาจึงถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “เม็กกลับเข้าไปในกระท่อมกันเถอะ”

เม็กนั้นเข้าใจสิ่งที่เจ่าไห่พยายามจะสื่อ เธอจึงพยักหน้าทันที “ได้ค่ะ นายน้อย กลับไปในกระท่อมดูว่ายายเมอร์รินกำลังทำอะไรให้พวกทาสกันเถอะค่ะ”

เจ่าไห่ยิ้มเล็กน้อย เม็กนั้นเป็นคนที่ฉลาด ใจดีและอ่อนโยนอยู่แล้วจึงเขาใจความหมายของเจ่าไห่ ก่อนที่จะเรียกบล๊อคและร๊อคเข้าไปในกระท่อมเช่นกัน

ส่วนเดซี่และแอนนั้นไม่ได้ตามเขาไป เพราะพวกเขานั้นอยากจะลองดูว่าข้าวนั้นจะอร่อยแค่ไหน ในขณะที่เจ่าไห่และเม็กนั้นเข้าไปข้างใน พวกทาสก็เริ่มลงมือทาสข้าวในหม้อก่อนจะเปล่งเสียงร้องความอร่อยออกมา

จากนั้นก็มีทาสหนึ่งคนเห็นข้าวที่ติดอยู่ก้นหม้อ(ข้าวตัง) ซึ่งพวกเขานั้นไม่เคยเห็นมากก่อน ด้วยความสงสัยพวกเขาจึงใช้มือหยิบมันขึ้นมาและดมกลิ่นของมัน ซึ่งมันให้กลิ่นที่ยั่วยวนเหลือเกิน ก่อนที่จะลองกินดู

ในขณะที่เขากำลังกิน ดวงตาของเขาก็ประกายขึ้นมาก่อนจะกัดคำที่สอง เนื่องจากหม้อนั้นมีขนาดใหญ่พอประมาณจึงมีข้าวตังอยู่จำนวนมาก ซึ่งทาสคนเดียวนั้นไม่สามารถจะทาสหมดได้คนเดียว เขาจะส่งต่อมันให้ทาสคนอื่นๆด้วย จากนั้นพวกทาสก็เริ่มหุงข้าวหม้อที่สอง

เมอร์รินและเจ่าไห่นั้นยืนมองพวกทาสตรงประตูกระท่อม เมื่อพวกเขาเห็นทาสกำลังจะหุงข้าวหม้อที่สอง เจ่าไห่ก็เดินไปบอกพวกเขาว่า “ข้าคิดว่าพวกเจ้าต้องทำหม้อน้ำซุปด้วยแม้ว่าข้าวนี้จะอร่อยอยู่แล้ว แต่การได้ทาสกับซุปนั้นจะอร่อยมาก และการดำรงชีวิตอยู่นั้นใช้ข้าวเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เจ้าต้องทาสผักด้วย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกทาสก็รู้ว่าเจ่าไห่มองมาที่พวกเขาอยู่ก็อดที่จะอายไม่ได้ แต่พวกเขาก็ทำตามที่เจ่าไหบอก ซึ่งมันทำให้พวกเขานั้นรู้สึกขอบคุณเจ่าไห่อย่างมาก

ซึ่งมีทาสหลายคนที่ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจเพราะพวกเขานั้นไม่เคยได้ทาสอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด